เป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กหนุ่ม "ซินแคลร์" ที่ผ่านเส้นทางการค้นหาและใช้ชีวิตในแต่ละช่วงเพื่อเติบโตในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง โดยเล่าเรื่องราวประสบการณ์การใช้ชีวิตตั้งแต่ในช่วงที่เขายังอยู่กับครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักบวช และบ้านเป็นเหมือนสถานที่อันอบอุ่น เป็นโลกสว่าง แล้วเขาก็โตขึ้นและได้รับประสบการณ์ชีวิตที่ไม่คาดคิดจากการกระทำของตัวเองและได้เรียนรู้ผลจากการกระทำนั้นทำให้ได้เห็นโลกอีกด้านหนึ่ง โลกที่ไม่ได้สวยงามและแสนดีเสมอไปเหมือนอย่างที่เขาได้พบเจอเมื่ออยู่บ้านหรือที่ทางบ้านได้สอนเขามา และตอนนี้เขาก็เริ่มก้าวเท้าเข้ามายังอีกโลกและยังหาทางออกไม่ได้ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสองโลกคือเมื่ออยู่บ้านจะอยู่ในโลกสว่าง แต่เมื่อออกมาก็อยู่ในโลกมืดและไม่อาจบอกกับใครได้ทั้งยังส่งผลทั้งต่อสภาพร่างกายและจิตใจ เพราะแม้เมื่อเขากลับบ้านก็ยังคิดถึงแต่เรื่องร้ายที่ต้องพบเจอทุกวันคืน

แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พบกับ "เดเมียน" หนุ่มรุ่นพี่ที่โรงเรียนที่มีความพิเศษ และดูโดดเด่นมากกว่าใครในโรงเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ และเป็นผู้ที่เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาให้เขา และสอนเรื่องราวต่างๆที่นอกเหนือไปจากที่ครอบครัวหรือใครได้สอนหรือพูดมาก่อน ที่บอกให้เขาได้รู้ว่าเราสามารถที่จะคิดอะไรที่มันต่างจากคนส่วนใหญ่ มองจากอีกมุมได้และพูดจาราวกับอ่านใจเขาได้ ทำให้เขาสบายใจเมื่อได้พูดจาด้วย โดยที่รู้ว่าเรื่องไหนควรพูดถึงไหนที่เขาจะเปิดใจยอมรับและรู้ว่าเขาพร้อมที่รับฟังหรือไม่ และทำให้เขากลับมาเป็นคนในโลกแห่งแสงสว่างและทำตัวถูกที่ถูกทางได้อีกครั้ง เป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วทั้งสบายใจและหวั่นเกรงอยู่ในตัวเพราะบุคลิกบางอย่างที่เข้าไม่ถึงของเดเมียน แต่ชีวิตก็ยังคงทดสอบเขาด้วยเรื่องราวใหม่ๆให้เขาได้พบเจอโลกมืดและหาทางเรียนรู้และทางออกเพื่อที่จะเติบโตด้วยตัวเองแม้ว่าจะต้องผ่านความยากลำบากแสนสาหัสจนแทบเสียคน แต่สิ่งที่เดเมียนเคยบอกและทำให้เขาหัดตามในวันหนึ่งคือการคิด และเพ่งจิตอย่างหนักไปยังสิ่งที่เราต้องการแล้วเราก็จะได้สิ่งนั้นมาอย่างแน่นอน โดยต้องไม่ลืมดูว่ามันเกินจริงหรือเปล่าเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเพ่งให้ตายมันก็ไม่มีวันเป็นไปได้ 

เป็นหนังสือที่เราอ่านเพราะฟังมาจาก Readery podcast ที่เล่าในตอนเกี่ยวกับหนังสือที่วงบีทีเอสอ่าน แล้วบอกว่าทุกคนในวงนั้นอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วนักเขียนก็ยังเป็นคนที่เราชอบและเริ่มติดตามงานของเขาเราก็เลยซื้อมาอ่านบ้างโดยที่ไม่ได้เป็นแฟนวงบีทีเอส แต่สนใจไล่ดูหนังสือต่างๆที่เขาอ่าน ซึ่งอ่านแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยเพราะว่ามันทำให้เราได้เข้าใจชีวิตว่าการเติบโตขึ้นทุกวัน การใช้ชีวิตมันเป็นเรื่องที่ยากเย็นและต้องพบเจอเรื่องราวที่ไม่อาจคาดเดาได้และสิ่งต่างๆที่มันเกิดก็ล้วนมาจากการตัดสินใจของเราทั้งสิ้นแล้วเราก็ต้องใช้ชีวิตกับสิ่งที่เราตัดสินใจซึ่งมันก็มีผิดบ้าง ถูกบ้างปนกันไป โดยเฉพาะต้องมีช่วงเวลาที่ชีวิตมันดูยากเย็นเหลือเกินแต่เราก็จะผ่านมันไปได้ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน

อ่านแล้วรู้สึกว่ามีซินแคลร์เป็นเพื่อนที่จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกัน แล้วหนังสือเล่มนี้ก็พูดเรื่องจิตวิทยาด้วยซึ่งเราคิดว่าเหมือนกับเรื่องกฎแห่งแรงดึงดูดที่เราเคยอ่าน ทำให้เรากลับมาคิดถึง "การคิดถึงในสิ่งที่เราต้องการอย่างมุ่งมั่น" อีกครั้งโดยที่เลิกคิดถึงอะไรที่เราไม่ชอบซึ่งมันดีกับเรามากเพราะง่ายๆเลยคือเราไม่มัวแต่คิดถึงอะไรที่มันทำให้หงุดหงิด จิตตกหนักไปอีก พอคิดดีมันก็สบายใจ สภาพแวดล้อมใกล้ๆก็พลอยผ่อนคลายไปด้วย

และนี้คือบางส่วนที่เราชอบค่ะ

-ชีวิตของแต่ละคนคือเส้นทางของคนคนนั้น เป็นความพยายามบนเส้นทาง เป็นแนวนำชีวิต ไม่มีมนุษย์คนใดจะเป็นตัวเขาเองได้อย่างเต็มที่ แต่มนุษย์ทุกคนก็ได้ต่อสู้เพื่อความเป็นตัวเขาเองอย่างถึงที่สุด

-สังเกตคนให้รอบคอบ ไม่ช้าคุณจะรู้จักเขาดีกว่าที่เขารู้จักตัวเอง

-ความคิดที่เรามีชีวิตอยู่กับมันเท่านั้นจึงจะเป็นความคิดที่มีคุณค่า

-ผมได้ประจักษ์แล้วว่าคนจะได้อะไรอีกมาก ถ้าเขาเพียงแต่คิด และเพ่งอย่างหนัก

-ถ้าคุณอยากได้อะไรจากใครบางคน จ้องตาเขาสิ จ้องอย่างตั้งใจโดยไม่คาดหวังอะไร ถ้าเขายังเฉยๆอยู่ก็เลิกทำเสียเถอะ คุณเอาเขาไว้ไม่ได้หรอก ไม่มีทาง แต่กรณีอย่างนี้มีน้อยมาก

-ช่างเถอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด มันต้องเกิดจนได้แหละ เราค่อยเรียนสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ก็แล้วกัน