Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
21 ตุลาคม 2565
 
All Blogs
 
BOOK HAUL หนังสือที่ซื้อไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๕ - หนังสือมือสอง

มาถึงหนังสือมือสองกันบ้างค่ะ ได้มาไม่น้อยเช่นเดียวกัน แล้วก็ยังคงมี Boxset ด้วย
 

 
    
ภาพหนังสือด้านในของBoxset นะคะ เราลืมแกะออกถ่าย
 
เล่มแรก Boxset Dune มหาศึกแห่งดูน - Frank Herbert
เมื่อจักรพรรดิพาดิชา ผู้นำสูงสุดของเหล่าดวงดาว มีบัญชาให้ดยุคเลโท อะเทรดีส เชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ สละดาวคาลาดานเพื่อไปครองบัลลังก์บนดาวดวงใหม่ที่ชื่ออาร์ราคิส หรือที่รู้จักในนาม "ดูน" ดาวแห่งทะเลทราย ดยุคเลโทจำใจต้องทำตามบัญชา แม้ว่าดาวอาร์ราคิสจะเป็นดาวเคราะห์ที่มีทรัพยากรล้ำค่าที่สุดในจักรวาล นั่นคือ "สไปซ์" ซึ่งจะสร้างความมั่งคั่งให้กับตระกูลอะเทรดีสและประชาชนของเขา แต่ดยุคเลโทรู้ดีว่าคำสั่งให้ไปครองดาวอาราคิสครั้งนี้เป็นแผนร้ายของบารอนวลาดิเมียร์ ฮาร์คอนเนน แห่งตระกูลฮาร์คอนเนน ผู้เป็นคู่แค้น เขารู้ว่าจะต้องมีกับดักบางอย่างรออยู่และต้องเป็นกับดักที่อันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน 
พบกับมหากาพย์การศึกบนดาวอาร์ราคิสและเด็กหนุ่มผู้มีนามว่า พอล อะเทรดีส บุตรชายวัย ๑๕ ของดยุคเลโท ผู้ตกอยู่ท่ามกลางแผนร้ายที่อาจคร่าชีวิตพ่อของเขา รวมถึงทำลายตระกูลของเขาลงด้วย แผนการร้ายอันแยบยลที่รอพวกเขาอยู่คืออะไร พวกเขาสามารถไว้ใจใครได้บ้าง ใครเป็นผู้ทรยศ และพอลจะรอดพ้นจากกับดักที่อาจทำลายล้างตระกูลของเขาลงทั้งหมดได้หรือไม่
Dune เขียนโดย แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ๑๙๖๕ และกลายเป็นนิยายชิ้นเอกของโลกมาจนถึงปัจจุบัน เป็นนิยายที่มีส่วนผสมของเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ การผจญภัยอันตื่นเต้น ไซ-ไฟ แฟนตาซี การเมือง และการหักมุมอันยากจะคาดเดา นี่คือนิยายไซ-ไฟคลาสสิกของโลกตลอดกาล และได้รับการขนานนามว่าเป็น The Lord of the Rings แห่งแวดวงนิยายไซ-ไฟที่ต้องอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต!


บอกตัวเองว่าจะไม่ซื้อหนังสือแนวไซ-ไฟ วิทยาศาสตร์อะไรพวกนี้มาอ่านอีกแล้ว หลังจากที่อ่านของเคน หลิวจบไปสองเล่มแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่แนวเลย แต่...ด้วยความที่มันจองไปแล้ว แม้รายชื่อจะอยู่อันดับสามของคนจองและไม่น่าเป็นไปได้ที่เราจะได้มา มันก็ดันมาถึงเราแล้วก็ลองหารีวิวหนังสือดู โอว...มันอ่านยากหรอ เรื่องมันซับซ้อน ไซ-ไฟ ฉันปล่อยให้ปกสวยๆมาครอบงำอีกแล้วหรอ? เอาวะ! เอามาลองอ่านดู ชีวิตหนอชีวิตปล่อยให้ปกสวยๆมาครอบงำจนได้ 


เล่มที่สอง Boxset Pippi Langstrump ปิ๊บปี้ ถุงเท้ายาว - แอสตริค ลินด์เกรน
 Pippi Langstrump ปิ๊บปี้ ถุงเท้ายาว - แอสตริค ลินด์เกรน

ปิ๊บปี้เด็กหญิงนิสัยประหลาดที่อาศัยอยู่กับม้าและลิงในบ้านหลังหนึ่ง โดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแลหรือสั่งให้ทำโน่นทำนี่ เด็กหญิงคนนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนถ้าไม่อยากไป เธอเล่นละครสัตว์เก่งกว่ามืออาชีพ ปีนต้นไม้ไวอย่างกับลิงซ้ำยังแข็งแรงขนาดแบกม้าได้อย่างสบายๆ ปิ๊บปี้จะเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นการผจญภัยสุดตื่นเต้นเอง!
 Pippi Langstrump ปิ๊บปี้ ออกทะเล - แอสตริค ลินด์เกรน
ปิ๊บปี้ผู้ร่าเริงและมีอิสรเสรีใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่มีกฎเกณฑ์ใดให้ต้องทำตาม เธอพาทอมมี่และอันนิก้าออกผจญภัยสุดอันตรายไปด้วยกัน อย่างพาไปซื้อลูกกวาดจำนวนมหาศาล หรือพายเรือไปยังเกาะร้างเพื่อดูว่าซากเรืออัปปางเป็นอย่างไร แต่จู่ๆพ่อที่หายหน้าหายตาไปนานของเธอก็กลับมา ปิ๊บปี้ต้องไปจากวิลล่า วิลเลคูลล่าแล้วจริงๆหรือ
 Pippi Langstrump ปิ๊บปี้ ผจญทะเลใต้ - แอสตริค ลินด์เกรน
เมื่อพ่อที่หายตัวไปนานติดต่อกลับมา ปิ๊บปี้จึงตัดสินใจพาทอมมี่และอันนิก้าไปยังเกาะคูร์เรคูร์เรดูทด้วยกัน เกาะแห่งนี้มหัศจรรย์มาก และปิ๊บปี้ก็ได้ออกผจญภัยอย่างโลดโผนอีกครั้ง! คราวนี้เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงปิ๊บปี้ลอตต้าด้วย แต่ปิ๊บปี้กับผองเพื่อนจะอยู่ที่เกาะแห่งนี้ไปตลอดกาลโดยไม่กลับไปยังวิลล่า วิลเลคูลล่าอีกแล้วงั้นหรือ


เป็นBoxset ที่เราเห็นตั้งแต่ที่เขาวางแผงใหม่ๆเลยแล้วก็คิดว่าอยากได้เพราะสีสันหนังสือดูน่ารักดี แล้วเราก็ชอบอ่านวรรณกรรมเยาวชน พอเห็นมีคนมาขายมือสองเราก็เลยซื้อทันที ตอนที่ได้พัสดุมาก็รู้สึกแปลกว่าทำไมมันกล่องเล็กจัง พอเปิดออกมาก็เอ๊ะ! กล่องนิดนึง แล้วพอเปิดดูหนังสือข้างในเท่านั้นล่ะ66 เล่มจิ๊ดดดดนึง โอ้ย...แล้วราคานี่อย่างแพงราคาเต็มตั้ง ๖๔๕ บาท นี่ขนาดซื้อมือสองยังตกใจถ้าเผลอซื้อมือหนึ่งน่าจะหัวใจวาย เปิดดูภาพข้างในก็นึกว่าจะแบบภาพสีเพราะแพงไง เราเคยซื้อวรรณกรรมเยาวชนเล่มเล็กๆแต่แพงหน่อยเปิดมาภาพสีก็รู้สึกว่ารับได้ แต่เล่มนี้...เปล่าจ้าขาวดำ มันแพงอะไรอ่ะค๊าาาา (หรือแพงที่สีปกจัดจ้านกับกล่องใส่ 51) ปล.ดูในรูปที่เขาถ่ายมันเหมือนเล่มขนาดปกติทั่วไป

เล่มที่สาม รางปราถนา - กิ่งฉัตร
จลาจันทร์ เป็นเจ้าของร้านขายของเก่าและเครื่องรางเล็กๆในห้างใหญ่สยามออโรรา ร้าน 'อมิดา' ของหญิงสาวและหุ้นส่วนตัวจ้อยเต็มไปด้วยข้าวของที่มีจิตวิญญาณและเครื่องรางที่มีพลังอำนาจพิเศษอย่างเครื่องรางแห่งปราถนา แต่ถ้าคุณไม่มีความปราถนาก็ไม่เป็นไร อมิตายังมีของน่าสนใจอีกมากมาย ของทุกชิ้นที่นี่เป็นของจริงของดีราคาไม่แพง ลูกค้าสามารถเลือกหาได้ตามความต้องการ แต่ของจะยอมให้เลือกหรือไม่นั้น...เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ดิชพล คือคนหนึ่งที่เกิดในคืนเดือนดับ ชาติกำเนิดและดวงแรงของเขาทำให้ชีวิตของเขาเป็นเหมือนเงามืดในครอบครัวที่สว่างจ้า เป็นเพียงฐานส่งให้คนรอบข้างขึ้นสูงสู่ความสำเร็จ ชายหนุ่มจมอยู่กับความหม่นมัวของเดือนอับแสงมาเนิ่นนานจนกระทั่งเขาค้นพบร้านอมิดาและหญิงสาวเจ้าของร้าน
เครื่องรางในร้านก็ดีอยู่หรอกนะแต่เจ้าของร้านดีกว่า...ดีกว่ายกกำลังสองเลยก็ว่าได้!


ซื้อเล่มนี้เพราะปกสวยก่อนเลย เห็นเล่มนี้มาสักพักแล้ว แล้วก็อยากได้ด้วยเพราะปกสวยแต่ไม่ได้ซื้อสักที ชื่อคนเขียนก็คุ้นว่าหนังสือเขาถูกเอาไปทำเป็นละครแต่เราก็ไม่เคยอ่านงานของเขามาก่อน เห็นเรื่องราวน่าสนใจดีอีกอย่างเรามีหนังสือร้านมหัศจรรย์นานาชาติเยอะแยะไปหมดจะไม่มีร้านของไทยเห็นจะไม่ได้ ปล. หนังสือใหม่มากในซีลมือหนึ่งมาเลย


เล่มที่สี่ บ้านร้อยดอกไม้ - ปิยะมาศ ศักดิ์เกษม
กรอบรูปนั้นยืนอยู่บนขาตั้ง โปร่งบอบบางราวกับผ้าลูกไม้ถัก ทั้งๆที่ลวดลายเกี่ยวพันกระสันรัดนั้นเกิดขึ้นจากเนื้อไม้ต่างสี โอบไขว้กันไปมา และสิ่งที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นยิ่งน่ามหัศจรรย์กว่า...มันงดงามราวกับไม่ได้สร้างขึ้นจากมือมนุษย์...ทุกเส้นหลากสี ทุกสีที่มีเงาเลื่อมพรายประกอบกันเป็นทุ่งดอกไม้นับร้อยนับพันดอกดารดาษอยู่ในหุบเขา ทุกดอกทอดกิ่งก้านไหวอยู่ในสายลมอ่อน...สายลมที่โลมลูบทุกกลีบบาง แล้วหอบเอากลีบบางบางกลีบหมุนคว้างอยู่กลางฟ้าใสโปร่งอย่างท้องฟ้าฤดูร้อน...แค่งานชิ้นนี้ชิ้นเดียว เธอก็สามารถไถ่ถอน 'บ้านร้อยดอกไม้' กลับคืนมา!


เล่มนี้ก็มาแบบในซีลมือหนึ่งเช่นกัน เป็นนักเขียนคนดังอีกคนที่เราเคยอ่านงานเขามาแค่เล่มเดียวคือ "ใต้เงาตะวัน" เล่มดังที่คนแนะนำกันมาแต่เรากลับไม่อินอะไรใดๆเลย แต่ก็ยังไม่ถอดใจลองหาเล่มอื่นมาอ่านดูต่อ ซึ่งตัวละครก็เป็นตระกูลเดียวกับเล่มแรกที่เราเคยอ่านก็ได้แต่หวังว่าอาจจะถูกใจเล่มนี้ก็ได้

 
 
 
 
เล่มแรก Before we were yours สูญหายไม่สาบสูญ (ก่อนที่เราจะเป็นของคุณ) - Lisa Wingate
ในปี ๑๙๓๘ ริลล์ ฟอสส์ เด็กหญิงวัยสิบขวบเศษ กับน้องเล็กๆอีกสี่ชีวิตถูกบังคับให้กลายเป็นเด็กอนาถา ถูก 'อุ้ม' จากเรือบ้าน และโยนใส่อ้อมแขนอันไร้เมตตาของบ้านเด็กกำพร้าในสังกัดของจอร์เจีย แทนน์
ปัจจุบัน เอเวอรี สแตฟฟอร์ดเกิดในตระกูลมั่งคั่ง ได้รับการวางตัวเป็นผู้สืบทอดมรดกทางการเมืองต่อจากบิดา เธอมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับหญิงชราวัยร่วมร้อยที่ชื่อ เมย์ การพบกันอย่างบังเอิญของเมย์กับเอเวอรี ชักนำให้ฝ่ายหลังขุดข้นเรื่องราวในอดีต ความลับที่ใครหลายคนร่วมแรงฝังกลบ และบางคนเลือกไม่จดจำ
Before we were yours เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอเมริกาเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้า 'ธุรกิจลูกบุญธรรม' ที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับผู้เกี่ยวข้อง ความเหี้ยมโหดของผู้ที่มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐ และได้อาศัย 'ความไม่รู้' ของผู้ยากไร้เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ เด็กหลายพันชีวิตที่ถูกพรากจากครอบครัว และไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีพอที่จะได้เป็นลูกคนใหม่ของพ่อแม่คนใหม่
หนังสือมีหลายช่วงตอนที่อาจจะโหดร้ายและสั่นสะเทือนความรู้สึกของผู้อ่านอย่างรุนแรง แต่ทั้งนี้ มันก็อาจจะสำคัญที่เราจะต้องมีบทบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นบ้างเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ว่ากี่ร้อยกี่พันชีวิตที่สูญหาย จะต้องไม่มีใครสาบสูญไปจากความทรงจำ


เป็นอีกเล่มที่เราคิดไม่ตกมานานเหมือนกันว่าจะซื้อดีไหม เพราะชอบปก ปกดูสวยดีแต่ว่าพออ่านเรื่องราวปกหลังแล้วมันหนักหนาสาหัสมาก โดยเฉพาะมีการบอกไว้ชัดเจนที่ย่อหน้าสุดท้ายว่ามีหลายช่วงตอนที่สั่นสะเทือนความรู้สึกอย่างรุนแรง อีกอย่างคือก่อนหน้านี้ก็อ่านหนังสือหนักๆที่สะเทือนอารมณ์ไปหลายเล่มแล้วรู้สึกว่าไม่อยากอ่านแนวนี้ละจิตตก แต่สองเดือนผ่านไป...เราก็ซื้อมาเพราะคิดว่าอ่านอะไรแบบนี้บ้างนานๆทีก็ทำให้เราได้เรียนรู้โลกกว้าง และเข้าใจคนอื่นๆ อีกอย่างคือเราเป็นพวกอ่านแนวเดิมหลายเล่มติดไม่ได้ต่อให้เป็นแนวที่ชอบก็ตามเพราะมันจะเริ่มเบื่อ และไม่รู้สึกอินกับเรื่องราวกลายเป็นเอียนไป69


เล่มที่สอง Mindset ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา - Carol S. Dweck
อะไรในตัวคุณที่สร้างความสำเร็จได้มากกว่า ความฉลาด ความสามารถ หรือโชคชะตา? คำตอบคือ "ความคิด" Carol S. Dweck นักจิตวิทยาชื่อดังจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดค้นพบว่าความสำเร็จในชีวิตขึ้นอยู่กับความคิด ๒ แบบ แบบหนึ่งจะทำให้คุณประสบความสำเร็จแบบครึ่งๆกลางๆ ส่วนอีกแบบจะทำให้คุณพัฒนาแบบก้าวกระโดด และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะไม่มีแต้มต่อในชีวิตเลยก็ตาม
แนวคิดนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกวงการ ถูกนำไปเขียนเป็นหนังสือจิตวิทยาที่ขายดีที่สุด ๑๐ ปีติดต่อกัน รวมทั้งกลายเป็นวิชาที่ได้รับความนิยมสูงสุดของสแตนฟอร์ด ความคิดทั้ง ๒ แบบคืออะไร? คุณกำลังมีความคิดแบบไหนอยู่? แล้วคุณจะเปลี่ยนไปคิดให้ถูกต้องได้อย่างไร? ค้นหาคำตอบได้ในหนังสือเล่มนี้!


เป็นหนังสือที่เราอยากอ่านหลังจากฟัง Readery Podcast แต่ก็ไม่ได้ซื้อสักทีลังเลเป็นปีจนมาเจอเขาลงขายมือสองก็เลยได้มา แล้วก็ดีใจว่าดีนะที่เราไม่รีบซื้อมาก่อน


เล่มที่สาม คุณโทมาริ นักจัดบ้านด้วยการจัดใจ - มิอุ คาคิยะ
คนที่เก็บกวาดห้องให้เรียบร้อยไม่ได้คือคนที่มีปัญหาทางใจ" ด้วยความเชื่อเช่นนี้ งานหลักของโทมาริ โอบะ นักจัดบ้านหญิงวัยห้าสิบสี่ จึงไม่ใช่การช่วยทำความสะอาดบ้านให้เหล่าลูกค้า แต่เป็นการแนะแนววิธีจัด "เก็บ" หรือเลือก "ทิ้ง" ข้าวของรอบตัวซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนมุมมองความคิดในการใช้ชีวิตของผู้คนเหล่านั้น
ฮารุกะ นางาซาวะ - สาวออฟฟิศอายุสามสิบสอง ผู้หมดไฟในการทำงาน เท็นโช คูนิโทโมะ - ช่างฝีมือทำปลาไม้วัยหกสิบกว่าที่สูญเสียภรรยาไปด้วยโรคมะเร็ง เอโกะ ซาเอกุสะ - หญิงชราอายุเจ็ดสิบแปด อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ตัวคนเดียวไร้การเหลียวแลจากลูกหลาน มามิโกะ อิเคดะ - แม่บ้านวัยสี่สิบกลางๆ อดีตพนักงานต้อนรับของสายการบินระหว่างประเทศ ปัจจุบันทำความสะอาดบ้านได้แค่เพียงห้องเดียว 
ต่างอาชีพ ต่างวัย ต่างสะสมสิ่งของและเรื่องราวต่างกันไป สิ่งที่อยู่เบื้องหลังการใช้ชีวิตรกๆของพวกเขาคืออะไร คุณเองกำลังประสบปัญหาคล้ายๆกับพวกเขาอยู่หรือไม่ ให้นิยายเรื่องนี้ช่วยประเมินและไขคำตอบ


เห็นหน้าปกกับชื่อเรื่องก็อยากซื้อทันที ปกดูมินิมอลเรียบๆแต่น่ารักดี โทนสีละมุนตา ชื่อเรื่องก็น่าสนใจมากแล้วกว่าจะได้มาก็ไม่ง่ายเพราะตอนจะซื้อจากนายอินทร์ก็ของหมด จนมาได้มือสองในที่สุดแถมห่อปกใสมาให้ด้วย เปิดดูหนังสือก็รู้สึกแปลกๆดีเปิดมาไม่เจอคำนำสำนักพิมพ์ มีสารบัญแล้วก็เข้าเรื่องเลย แล้วก็เนื้อกระดาษเป็นสีขาว ที่จริงเราก็มีหนังสือสนพ.Sunday afternoon เล่มอื่นๆอยู่นะแต่น้องยังวางเรียงอยู่ในซีลเรียบร้อยเหมือนตอนซื้อใหม่เมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละเลยไม่เคยเห็นเนื้อใน66 ด้วยความอยากรู้เราก็เลยเข้าไปดูในเว็บเขามาจนได้เห็นรายละเอียดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  "ปกและเนื้อในพิมพ์บนกระดาษนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น" เก๋ไก๋ไปอีก! แต่...เราก็ชอบกระดาษถนอมสายตามากกว่าอยู่ดี 11 


เล่มที่สี่ Yes to life : in spite of everything อย่าสูญสิ้นความหวัง เพราะชีวิตยังมีความหมาย - Viktor E. Frankl
ค.ศ.๑๙๔๖ เก้าเดือนหลังได้รับการปล่อยตัวจากค่ายกักกันนาซี ที่ซึ่งได้เฉียดความตายมากที่สุด และต้องเผชิญกับความโหดร้ายอย่างที่มนุษย์ไม่ควรได้พบ วิกเตอร์ อี. ฟรังเคิล จิตแพทย์ชาวออสเตรีย ได้แสดงปาฐกถาครั้งสำคัญว่าด้วยความหมายและคุณค่าของชีวิต ขณะนั้นเป็นช่วงหลังสงครามครั้งใหญ่ในโมงยามที่ทุกคนต่างหมดสิ้นความหวัง และโหยหาสิ่งกระตุ้นเร้าทางศีลธรรมและปัญญาที่สูญหายไป ในช่วงเวลาอันมืดมิดปาฐกถาของเขาได้มอบพลังงานบางอย่างแก่ผู้ฟัง เนื้อหาจากการปาฐกถาครั้งนั้นได้ถูกเรียบเรีงขึ้นเป็นหนังสือ อย่าสูญสิ้นความหวัง เพราะชีวิตยังมีความหมาย (Yes to life : in spite of everything) เล่มนี้ ถ้อยคำของฟรังเคิลเป็นอมตะและเป็นสากล แม้ยุคสมัยจะผ่านมาจนถึงปัจจุบันแล้วก็ตาม ถึงทุกวันนี้โลกจะไม่ได้พบกับความโหดร้ายเช่นสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ยังคงมีความสับสน หดหู่ สิ้นหวัง และความเกลียดชังจากการแบ่งแยกความเป็นมนุษย์ ผู้คนมากมายกำลังเผชิญกับความทุกข์ที่ท่วมโถมพัดพาให้เจ็บป่วย หลงทางและเจ็บปวดไม่ต่างกัน
อย่าสูญสิ้นความหวัง เพราะชีวิตยังมีความหมาย จะแสดงให้เห็นว่าในความเลวร้ายต่างๆนานา คุณค่าและความหมายในชีวิตของเรากลับไม่ได้สูญสลายหายไป ชีวิตคนเรายังพร้อมจะเติบโต ผลิบานขึ้นใหม่ไม่ว่าจะถูกทำให้มอดไหม้ดับสูญไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน...ตราบที่เรายังมีความหวัง และยังคงยืนหยัดว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี่คือผลงานชั้นเยี่ยมลำดับต่อมาของผู้เขียน Man's search for meaning หนังสือเล่มดังที่นักอ่านทั่วโลกรู้จักกันดี พบกับถ้อยคำแห่งแรงบันดาลใจที่ให้ความหวังแก่เราเสมอไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยไหนก็ตาม


จะบอกว่าตอนที่เราได้หนังสือเล่มนี้มาเรายังไม่ได้เรื่องดังของเขาที่เฝ้าตามหามานาน ก็เลยซื้อเล่มนี้มาไว้ให้อุ่นใจก่อนเพราะอย่างน้อยก็มาจากเขาเหมือนกัน เห็นชื่อปุ๊บก็ตัดสินใจปั๊บ อันที่จริงก็เห็นปกสวยก่อนด้วยแหละเลยหยุดดู 


หมดแล้วค่ะสำหรับหนังสือที่ซื้อในช่วงสามเดือนนี้ ซึ่งเราก็ยังคงซื้อต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง และรู้สึกว่าปีนี้จะซื้อหนังสือเยอะมากเลย ซึ่งก็ต้องคอยจัดการเล่มที่อ่านจบแล้วในตู้ด้วย ขายมือสองต่อบ้างนานๆทีกับส่งต่อให้ห้องสมุดต่างจังหวัด 
ปล.เดี๋ยวน้อง Boxset Narnia กับHarry Potter ฉบับครบรอบ ๑๕ ปีจะไปประจำการห้องสมุดที่เมืองเหนือแล้วนะค๊า (ซึ่งคิดว่าน้องHarryจะให้แต่หนังสือเก็บกล่องไว้เป็นที่ระลึก67 เพราะน้องใส่ยากมากเด็กๆคงดึงยากเพราะแน่นแบบสุดๆแถมห่อปกใสอีกยิ่งติดเลย กล่องแทบจะไม่มีประโยชน์เลย อีกอย่างคือ...แค่ตัดใจบริจาคก็ยากมากแล้ว79)



Create Date : 21 ตุลาคม 2565
Last Update : 21 ตุลาคม 2565 19:55:11 น. 0 comments
Counter : 437 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อารมณ์ติสท์ติดตัว
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3651244's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.