ต้นไม้งิ้ว
เทวทูต ตอน ต่อจากตอนที่แล้ว
ต้นไม้งิ้วนรก
ข้อต่อไปพระพุทธองค์ทรงแสดงว่า "ภิกษุทั้งหลาย ยังมีอีก นรกถานเพลิงนั้น มีป่างิ้วใหญ่ประกอบ อยู่รอบด้าน ต้นสูงชะลูดขึ้นไปประมาณ ๑ โยชน์ (๔๐๐ เส้น หรือเท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร ) มีหนามยาว ๑๖ นิ้ว มีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติ ช่วงตลอดเวลา เหล่านายนิรยบาลจะบังคับสัตว์นั้นให้ขึ้นๆ ลงๆที่ต้นงิ้วนั้น เหล่าสัตว์นั้นก็ต้องรับทุกขเวทนาอย่างหาที่เปรียบมิได้ อยู่ ณ ต้นงิ้วนั้นเอง และเขา ก็จะยังไม่ตายตราบเท่าที่ยังไม่หมดสิ้นกรรม" (ข้อ ๕๑๙)
นี้เป็นกรรมของพวกมักมากในทางกาม ประพฤติผิดในทางกาม เป็นกายทุจริตประเภทนอกใจสามี-ภรรยา ข่มขืนทรมานจิตใจผู้อื่น
พระพุทธองค์ทรงแสดงต่อไปอีกว่า "ภิกษุทั้งหลาย และป่างิวนั้นมีป่าต้นไม้ที่มีใบเป็นดาบใหญ่ประกอบอยู่รอบด้าน สัตว์นั้นจะเข้าไปในป่านั้น จะถูกใบไม้ที่ถูกลมพัดมาตัดมือเอาบ้าง ตัดเท้า เอาบ้าง ตัดทั้งมือทั้งเท้าบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดใบหูบ้าง พวกเขาก็ต้องเสวยทุกขเวทนาเจ็บปวด ทรมานอย่างแสนสาหัสอยูท่ต้นไม้เหล่านั้น จะยังไม่ตายตราบเท่าที่ยังไม่หมดสิ้นกรรมที่ได้กระทำไว้เองแล้วแต่มนุษย์นี้" (ข้อ๕๒๐)
นี่คือกรรมของพวกมักตัดช่องย่องเบาเอาทรัพย์สมบัติของผู้อื่นเขาด้วย นอกใจสามี-ภรรยาของตนไปปันใจให้คนอื่ด้วย อาจทั้งกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริตไปพร้อมๆกัน
ไม้นรกใบเป็นดาบ
ยังมีอีก ทรงแสดงไว้ต่อไปว่า "ภิกษุทั้งหลายในป่าที่มีใบเป็นดาบนั้น ยังมีแม่น้ำใหญ่ น้ำเป็นด่าง ประกอบอยู่รอบด้าน ผองสัตว์เหล่านั้นจะตกลงไปในแม่น้ำนั้น ลอยอยู่ในแม่น้ำนั้น ไปตามกระแสน้ำบ้าง ทวนกระแสน้ำบ้างลอยไปลอยมาทั้งตามกระแสและทวนกระแสบ้าง เขาต้องทุกข์ทรมานเจ็บแสบเพราะแผลและน้ำด่างอย่างหาที่เปรียบมได้ แม้กระนั้นก็ยังไม่ตาย เพราะพวกเขายังไม่หมดสิ้นกรรม"(ข้อ๕๒๑)
นี้เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งของการเสวยผลกรรมบาปหยาบช้าของผู้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วไม่รู้จักพัฒนาชีวิต ตั้งเป้าหมายไว้ผิด เป็นของการเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ผัวเขาเมียใครไม่รับรู้ มิจฉาทิฎฐิครอบงำจึงทำแต่บาป
กลืนก้อนเหล็กแดง
ยังมีอีกพระพุทธองค์ตรัสต่อไปว่า "ภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรบาลพากันเอาเบ็ดเกี่ยวสัตว์นรกนั้นขึ้นมาวางบนบกแล้วกล่าวว่า นี่แน่ะพ่อมหาจำเริญ เจ้าต้องการอะไรบ้าง ?
พวกเขาก็ (แย่งกัน)บอกว่าข้าพเจ้าหิวเหลือเกิน พวกนายนิรยบาลจึงเอาขอเหล็กร้อน มีไฟติดลุกโพลง เปิดปากออกแล้วใส่ก้อนเหล็กนั้นเข้าไปในปาก จนพาเอาตับไต ใส้พุงออกมา ให้พวกเขาได้รับทุกข์ทรมานอยู่ ณ ที่นั้น แม้กระนั้นก็ยังไม่ยอมตาย เพราะเขายังไม่หมดสิ้นกรรม"(ข้อ๕๒๒)
นี่คงเป็นพวกที่ทำกรรมชั่วครบวงจร โกหกผัว โกหกเมีย ด่าพ่อ ด่าแม่ กล่าวคำลบหลู่ผู้มีพระคุณ ด่าพระสงค์องเจ้า จึงมาเจอกับก้อนเหล็กแดงอย่างนี้ แล้วยังไม่ยอมตาย
ดื่มน้ำทองแดง
ในข้อต่อไปทรงแสดงว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลกล่าวกะสัตว์นรกนั้ว่า ดูก่อน พ่อมหาจำเริญ เจ้าต้องการอะไร สัตวฺนั้นก็จะบอกว่า ข้าพเจ้ากระหายครับ เหล่านายนิรยบาลจึงเอา ขอเหล็กอันมีไฟติดทั่ว ลุกโพลง โชติช่วง กรอกเข้าไปในปาก น้ำทองแดงนั้นจะไหม้ที่ริมฝีปาก ไหม้ปากบ้าง ไหม้คอบ้าง ไหม้ท้องบ้าง ของสัตว์นั้น พาเอาไส้ใหญ่บ้าง ไส้น้อยบ้าง ออกมาทางส่วนเบื้องล่าง สัตว์นรกนั้นจึงเสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เจ็บแสบ อยู่ ณ ที่นั้น และยังไม่ตายตราบเท่าที่บาปกรรมนั้นของเขายังไม่สิ้นสุด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นายนิรยบาลเหล่านั้นก็จะ โยนสัตว์นรกนั้นเข้าไปในมหานรกนั้นอีก (ข้อ๕๒๓)
นี่คงจะเป็นเรื่องของบรรดาคอทองแดงทั้งหลายที่เป็นนักดื่มแล้วขาดสติให้ทำบาปธรรมกรรมชั่วได้ทุกอย่าง พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่าดื่มก็ไม่ค่อยจะมีใครเชื่อ ผลสุดท้ายก็ไปดื่มน้ำทองแดงให้ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงมา....
|
|
พญายมราชสลดใจ
อีกข้อหนึ่งทรงแสดงไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว พญายมได้มีความคิดว่า พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย เป็นอันว่าเหล่าสัตว์ที่ทำบาปกรรมไว้ในโลกมนุษย์นี้ ย่อมถูกนายนิรยบาลลงโทษฑันฆ์ต่างชนิดเห็นปานนี้ โอ ! ขอเราพึงได้ความเป็นมนุษย์ ขอพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพึงเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ขอเราพึงได้นั่งใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นพึงแสดงธรรมแก่เรา และขอเราพึงรู้ทั่วถึงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเถิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เรื่องนั้นเรามิได้ฟังจากสมณะหรือพราหมณ์อื่นๆเลยแล้วจึงบอก เรื่องที่รู้เอง เห็นเอง ปรากฏเอง ทั้งนั้น" (ข้อ๕๒๔)
ข้อนี้ทรงยืนยันว่าพระองค์ตรัสเรื่องนี้นั้น พระองค์ไม่ได้ไปฟัง ไปรู้มาจากใครอื่น ไม่ใช่ไปนำ เรื่องนิทานเก่าๆมาเล่าให้ฟัง แต่เป็นเรื่องที่พระองค์ไดตรัสรู้มาได้ทรงทราบว่า แม้พญายมก็สังเวชสลดใจ ยังมีความปราถนาที่จะได้พ้นจากสภาวะอันนั้น อยากจะได้พบเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อยากจะได้ฟังธรรมอยากจะรู้ทั่วถึงธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้และแสดงแล้ว เป็นความปราถนาของพญายมที่น่าอนุโมทนา จึงน่าเสียดายที่เกิดมาเป็นมนุษย์มากมายได้พบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังไม่ได้กระทำเลย ยังประกอบทุจริตกรรมทางกาย ทางวาจาทางใจกันอยู่เป็นนิตยกาล มิได้เกรงกลัวต่อผลแห่งบาปกรรมนั้นเลย
บทสรุป
และสุดท้ายพระพุทธองค์ทรงแสดงบทสรุปเป็นคำฉันท์ (ภาษาบาลี)ไว้ว่า นรชนเหล่าใดยังเป็นมาณพอันเทวทูตตักเตือนแล้วประมาทอยู่ นรชนเหล่านั้นจะเข้าถึงสัตว์อันต่ำทรามจักเศร้าโศกสิ้นกาลนาน ส่วนนรชนเหล่าใด เป็นสัตบุรุษผู้สงบระงับในโลกนี้ อันเทวทูตตักเตือนแล้วย่อมไม่ประมาท
ในธรรมของพระอริยเจ้าในกาลไหนๆ เห็นภัยในความถือมั่นอันเป็นเหตุแห่งความเกิดและความตายแล้ว ไม่ถือมั่นหลุดพ้นในธรรมเป็นที่สิ้นความเกิดและความตายได้ นรชนนั้นเป็นผู้ถึงความเกษม มีความสุข ดับสนิทในปัจจุบัน ล่วงเวรและภัยทั้งปวง และเข้าไปล่วงทุกข์ทั้งปวงได้แล...
พระพุทธองค์ได้สรุปพระธรรมเทศนาไว้ที่พระธรรมสองอย่างคือความปราถนาให้เกิดความหายนะได้ในทุกเรื่อง ในทางกลับกันความไม่ประมาทก็สามารถให้คุณงามความดีทุกเรื่อง ชนิดที่ใครๆไม่สามารถให้ความดีนั้นได้
จึงขอให้พี่น้อง ผู้อ่านทุกท่านได้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทเถิด ความไม่ประมาทคือความไม่อยู่โดยปราศจากสติ นั่นคือการมีสติในการป้องกันภัยพิบัติ สติในการกำจัดภัยภายนอกภายใน สติ ในการรักษาบูรณการชีวิต สติในการลิขิตชีวิตของตนและสติในการประกอบสุจริตกรรมทางกาย ทางวาจา และทางใจอยู่เป็นนิตย์ ไม่ปล่อยให้สิ่งที่มีพิษเข้ามาทำลายกายใจ ชีวิตก็จะประสบพบความสงบสุข สงบ สดใส ได้แน่นอน ปัจจุบันอยู่สุขสบาย อนาคตไม่ต้องไปนรกให้ถูกหมกไหม้ทรมาน ดังที่พระบรมศาสดาจารย์ได้อาศัยพระกรุณาแสดงไว้แล้ว...
" เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างน้อย อ่านแล้ว ก็ทำให้เกรงกลัวต่อ บาป กรรม ไม่อยากทำบาปอีกต่อไป."
จบบทสุดท้าย แล้ว เรื่อง โดย พระเทพวิสุทธิกวี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัย มมร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดราชาธิวาส
|
|
Create Date : 12 มิถุนายน 2551 |
|
7 comments |
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 17:42:50 น. |
Counter : 782 Pageviews. |
|
|
|
ออยแวะมาเยี่ยมและแวะมาอ่านต้นไม้งิ้วนรกค่ะ
อ่านแล้วปลงเลยค๊า ชีวิตคนเราเอาแน่อะไรไม่ได้
ทางที่ดีที่สุด ทำดี ละเว้นความชั่วค่ะ
ขอโทดที่หายไปนานนะค๊า
แต่ไม่ได้ลืมคุณยายค่ะ
ยังคงระลึกถึงเสมอค๊า
รักษาสุขภาพด้วยนะค๊า