วัดมหาธาตุ พระนครศรีอยุธยา

วัดมหาธาตุ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 วัดมหาธาตุตั้งอยู่ในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา สิ่งที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุด ก็คือ เศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีในรากไม้ เป็นอะเมซซิ่งไทยแลนด์ โดยเศียรพระพุทธรูป เป็นพระพุทธรูปหินทรายเหลือส่วนเศียรสำหรับองค์พระนั้นหายไป เป็นเศียรพระพุทธรูปสมัยอยุธยา อยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหาร ว่ากันว่าเศียรพระพุทธรูปน่าจะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุม ส่งผลดีทำให้มีความงดงามแปลกตากลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ


วัดมหาธาตุ หมายถึง วัดอันเป็นที่สถิตของพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า สร้างขึ้นในสมัยขุนหลวงพะงั่ว เมื่อปี พ.ศ. 1917 แต่เข้าใจว่าการก่อสร้างเสร็จสิ้นในรัชสมัยพระราเมศวร จารีตของการสร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่เอาไว้ในเมือง ซึ่งถือสมมุติว่า พระเจดีย์นั้นเป็นที่สถิตของพระบรมสารีริกธาตุ และวัดนั้นถือว่าเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ ทั้งมักจะมีชื่อว่า วัดมหาธาตุ หรือวัดพระศรีมหาธาตุ หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ปรากฏโดยทั่วไปในทุกภูมิภาค
จารีตดังกล่าวนี้จะ เริ่มในสมัยใดนั้นไม่ทราบได้ แต่หากพิจารณาเฉพาะอาณาจักรอยุธยาจะเห็นได้ว่า ธรรมเนียม ดังกล่าวเริ่มตั้งแต่สมัยแรกๆ ทีเดียว วัดมหาธาตุจึงเป็นวัดที่สำคัญที่สุดวัดหนึ่งของอาณาจักรในฐานะที่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า อีกทั้งหากจะพิจารณาดูสถานที่ตั้งก็จะเห็นว่าอยู่ใกล้ชิดกับพระบรมมหาราชวัง เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น วัดนี้จึงเป็นที่ประทับของสมเด็จ พระสังฆราช (ฝ่ายคามวาสี) มาตลอด จนสิ้นกรุงศรีอยุธยา (ส่วนพระสังฆราชฝ่าย อรัญวาสีนั้น ประทับอยู่ที่วัดใหญ่ชัยมงคล หรือ สำนักวัดป่าแก้ว)


วัดมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงตั้งอยู่ใกล้วัดราชบูรณะในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างในสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ขุนหลวงพะงั่ว เมื่อปี พ.ศ. 1917 แต่ไม่แล้วเสร็จ ทรงเสด็จสวรรคตเสียก่อน และได้สร้างเพิ่มเติมจนเสร็จในสมัยสมเด็จพระราเมศวร โดยได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระปรางค์ประธาน และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ. 1927 ซึ่งปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา


ความสำคัญของวัดมหาธาตุนั้นนอกจากเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังถือเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางเมืองและเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยา โดยมีสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายคามวาสีประทับอยู่ภายในวัด ส่วนพระสังฆราช ฝ่ายอรัญวาสีนั้น ประทับอยู่ที่วัดป่าแก้ว (วัดใหญ่ชัยมงคล) นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ๆ พระศรีศิลป์และจหมื่นศรีสรรักษ์พร้อมคณะ ได้ซุ่มพลที่ปรางค์วัดมหาธาตุ ก่อนยกพลเข้าพระราชวังทางประตูมงคลสุนทร เพื่อจับกุมสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์


ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ปรางค์ของวัดองค์เดิมที่สร้างด้วยศิลาแลง ยอดพระปรางค์ได้ทลายลงมาเกือบครึ่งองค์ถึงชั้นครุฑ แต่จะด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ จึงยังมิได้ซ่อมแซมให้คืนดีดั้งเดิมในรัชกาลนั้น ต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงบูรณะใหม่รวมเป็นความสูง 25 วา เมื่อปี พ.ศ. 2176 และในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ. 2275 - 2301 จนถึงช่วงเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 วัดมหาธาตุโดนทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพังและถูกทิ้งร้าง ต่อมายอดพระปรางค์ได้พังทลายลงมาอีกครั้งในรัชสมัยรัชกาลที่ 5


สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดมหาธาตุคือ พระปรางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันพังทลายลงมาหมดแล้ว แต่ราชทูตลังกาที่ได้เคยมาเยี่ยมชมวัดมหาธาตุ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไว้ว่า ที่ฐานของพระปรางค์ มีรูปราชสีห์ หมี หงส์ นกยูง กินนร โค สุนัขป่า กระบือ มังกร เรียงรายอยู่โดยรอบ รูปเหล่านี้อาจหมาย ถึงสัตว์ในป่าหิมพานต์ที่รายล้อมอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล


สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดมหาธาตุคือ พระปรางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันพังทลายลงมาหมดแล้ว แต่ราชทูตลังกาที่ได้เคยมาเยี่ยมชมวัดมหาธาตุ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไว้ว่า ที่ฐานของพระปรางค์ มีรูปราชสีห์ หมี หงส์ นกยูง กินนร โค สุนัขป่า กระบือ มังกร เรียงรายอยู่โดยรอบ รูปเหล่านี้อาจหมายถึงสัตว์ในป่าหิมพานต์ที่รายล้อมอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล
เจดีย์แปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์ลดหลั่นกัน 4 ชั้น 8 เหลี่ยม ชั้นบนสุดประดิษฐานปรางค์ขนาดเล็ก ซึ่งเจดีย์องค์นี้จัดว่าเป็นเจดีย์ที่แปลกตา พบเพียงองค์เดียวในอยุธยา
วิหารที่ฐานชุกชีของพระประธานในวิหาร กรมศิลปากรพบว่ามีผู้ลักลอบ ขุดลงไปลึกถึง 2 เมตร จึงดำเนินการขุดต่อไปอีก 2 เมตร จึงได้พบภาชนะดินเผาขนาดเล็ก 5 ใบ บรรจุแผ่นทองเบาๆ รูปต่างๆ



พระปรางค์ขนาดกลาง ภายในพระปรางค์ มีภาพจิตรกรรม เรือนแก้วซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติ
ตำหนักพระสังฆราช บริเวณพื้นที่ว่างทางด้านทิศตะวันตก เป็นสถานที่ที่เป็น ที่ตั้งพระตำหนักพระสังฆราช ราชทูตลังกาได้บอกไว้ว่า เป็นตำหนักที่สลักลวดลายปิดทอง มีม่านปักทอง พื้นปูพรม มีขวดปักดอกไม้เรียงราย เป็นแถวเพดานแขวนอัจกลับ (โคม) มีบังลังก์ 2 แห่ง


 เศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากไม้ต้นโพธิ์ปกคลุมอยู่ โดยเศียรพระพุทธรูปนี้ เป็นพระพุทธรูปหินทรายเหลือแค่ส่วนเศียร สำหรับองค์พระนั้นหายไป และเป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา วางอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหาร คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะ หล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุมทำให้มีความงดงามแปลกตา จนเลื่องลือกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของวัดมหาธาตุ โด่งดังไปทั่วโลก




ถ้าโควิคหายดีแล้วเราจะไปถ่ายรูปกันใหม่นะครับ
Create Date : 23 มกราคม 2564 |
Last Update : 23 มกราคม 2564 18:46:11 น. |
|
10 comments
|
Counter : 2283 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณอุ้มสี, คุณzungzaa, คุณmultiple, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnonnoiGiwGiw, คุณทนายอ้วน, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณSweet_pills, คุณสองแผ่นดิน, คุณKavanich96, คุณSai Eeuu |
โดย: อุ้มสี วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:11:31:13 น. |
|
|
|
โดย: zungzaa วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:12:02:00 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:16:04:58 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:20:38:39 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:22:14:31 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:23:32:36 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:23:49:21 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 24 มกราคม 2564 เวลา:1:30:53 น. |
|
|
|
โดย: Sai Eeuu วันที่: 28 มกราคม 2564 เวลา:2:39:56 น. |
|
|
|
|
|
เจิมบอก
จะว่าไปเพิ่งไปถ่ายวัดมหาธาตุ
เมื่อคราว ทททท.ภูมิภาคภาคกลาง
พาไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อเดือนธันวาคม
ถ่ายภาพมามุมเดียวกับน้าเลย
อิอิอิ
อัพบล็อกหลังน้า...ก็ตายตายเลย
อร๊ายยยยยย สวยทุกภาพเลย
ตัดริบบิ้นเปิดบล็อก