วัดสาขลา วัดเก่าเคล้าประวัติศาสตร์คู่เมืองปากน้ำ
วัดสาขลา ตั้งอยู่ที่ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวัดเก่าแก่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจในพื้นที่ปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ
เรามาย้อนรอยความเก่าแก่ของพระพุทธศาสนา ได้ที่วัดสาขลา ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจชาวบ้านสาขลา ชุมชนริมปากแม่น้ำเจ้าพระยา มาตั้งแต่พ.ศ. 2325 พุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมากราบสักการะพุทธรูปโบราณ หลวงพ่อโต พระพุทธรูปเก่าแก่ที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา
กว่า 230 ปี ของวัดสาขลาที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ปัจจุบันพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาที่สำคัญของจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจะมองเห็นพระสังกัจจายน์มหาลาภ ลักษณะรูปยืนองค์ใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของวัดมาแต่ไกล
เหตุการณ์ในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในหมู่บ้าน เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2526 ชาวบ้านช่วยกันดับไฟแต่ไม่เป็นผล ในขณะนั้นชาวบ้านที่ออกหาปลาได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ เมื่อหลวงพ่อโตยืนเอาจีวรโบกไฟที่กำลังไหม้จนค่อยๆ ดับลง รุ่งเช้าชาวบ้านจึงแห่กันไปดูที่วัด เห็นองค์หลวงพ่อโตดำไปด้วยเขม่าทั้งองค์ ดังนั้นชาวบ้านจะร่วมกันทำบุญให้กับ หลวงพ่อโตในทุกวันที่ 6 มกราคม ของทุกปี
ประวัติความเป็นมาของวัดสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2325 สันนิษฐานว่าชาวบ้านช่วยกันสร้างเมื่อคราวรบชนะพม่า แต่เดิมชุมชนบ้านสาขลา เป็นชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เมื่อเกิดสงคราม 9 ทัพ รัชกาลที่ 1 ให้ผู้ชายไปเป็นทหาร เหลือแต่ผู้หญิงและคนชรา เมื่อทหารพม่าเดินทัพผ่านมา ชาวบ้านที่เหลือร่วมมือกันสู้พม่าอย่างกล้าหาญจนชนะได้ หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า หมู่บ้านสาวกล้า ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น หมู่บ้านสาขลา ตามที่เรียกกันในปัจจุบัน และวัดสาขลาได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อประมาณ พ.ศ. 2375
วัดสาขลา ตั้งอยู่ในตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ จัดว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน สิ่งสำคัญภายในวัดที่น่าสนใจควรต้องมาสักการะนั่นก็คือ ภายในอุโบสถจะมีพระปรางค์เอน และหลวงพ่อโต ส่วนด้านล่างอุโบสถนั้นจะมีการลอดผ่านพระราหูที่เป็นที่นิยม เพราะเปรียบเสมือนเป็นการสะเดาะเคราะห์ของตัวเองนะครับ โดยจะมีทั้งลูกนิมิตเอกโบราณ พระพุทธรูปโบราณปางประทานพรแบะปางห้ามสมุทร และองค์พระแฝดหันหลังชนกัน ที่เพิ่งจะขุดค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ด้วย ไทยเท่อเมซิ่งยิ่งกว่าเดิม
นี่คือพระพุทธรูป พระสองพี่น้อง เป็นพระพุทธรูปมีลักษณะครึ่งองค์หันหลังชนกัน เป็นปางห้ามญาติ และปางห้ามสมุทร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยอยุธยา
สิ่งที่อเมซิ่งไทยเท่ยิ่งกว่าเดิมก็คือ "พระปรางค์เอียง" เป็นพระปรางค์เก่าแก่ตั้งอยู่ริมคลอง ที่มีลักษณะเอียงซึ่งมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ก็คือ พระปรางค์เอียง ซึ่งเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนเกิดการทรุดตัวของแผ่นดินจากน้ำท่วมขัง ทำให้พระปรางค์เอียงแต่ก็มิได้โค่นล้มแต่อย่างใด องค์พระปรางค์เลยเกิดเอียงไปด้านตะวันตกราวๆ 15 องศา แต่หลังจากครั้งนั้นก็ไม่ได้เอียงเพิ่มแต่อย่างใดเลยครับ พระปรางค์เอนจึงถูกปล่อยไว้ให้เอียงแบบนี้ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวัดสาขลาแห่งนี้ต้องมาชมกับตา
ส่วนโดยรอบองค์พระปรางค์นั้นจะมีการกั้นกำแพงแก้วไว้รอบมุมทั้ง 4 กำแพงแก้วจะประดับด้วยปรางค์ประจำทิศซึ่งแต่ละด้านของกำแพงแก้ว จะมีซุ้มประตูเป็นทางเข้าสู่องค์พระปรางค์ ที่วัดสาขลาแห่งนี้จะมีประเพณีที่สำคัญของที่นี่ ก็คือ การห่มผ้าพระปรางค์ โดยจะมีการแห่ผ้าแดงไปรอบๆ ชุมชน พร้อมกับทำพิธีบวงสรวง เพื่อเป็นการบูชาองค์พระปรางค์ และนำผ้านั้นขึ้นห่มองค์พระปรางค์เอียง
ลูกนิมิต ลูกเอก ทำจากศิลาแลงอายุหลายร้อยปี มีลักษณะเป็นทรงเหลี่ยม ซึ่งแตกต่างจากวัดอื่นๆ เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีช่างฝีมือในการทำจึงได้นำศิลาแลงมาใช้เป็นลูกนิมิต ลูกนิมิตที่วัดสาขลาแห่งนี้มีด้วยกันทั้งหมด 9 ลูก ซึ่งลูกเอกนั้นถูกวางไว้ใต้โบสถ์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะกัน
นอกจากนี้ภายในวัดสาขลาจะมีพิพิธภัณฑ์ใต้อาคารโบสถ์และวิหาร ภายในวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศิลปะสมัยอู่ทอง ปางมารวิชัย ซึ่งมีความงดงาม และเป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้านสาขลาเป็นอย่างมาก เมื่อสักการะหลวงพ่อโตแล้ว สิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้คือ การลอดโบสถ์ ซึ่งการลอดโบสถ์นั้นมีความเชื่อว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ และเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเองโดยการลอดโบสถ์นั้นจะต้องรอดด้วยกัน 3 วัด และการลอดโบสถ์แต่ละวัดนั้นต้องลอดเป็นจำนวน 3 รอบ ในแต่ละรอบนั้นต้องปิดทองที่ลูกนิมิตเอกที่อยู่ใต้โบสถ์หนึ่งครั้ง จึงจะถือว่าเป็นการลอดโบสถ์ที่สมบูรณ์แบบครบถ้วน
เมื่อเดินไปตามทางเดินจะพบกับ "พระบัวเข็ม" ซึ่งประดิษฐานอยู่ท่ามกลางเหล่าดอกบัวมากมาย สามารถมาลอยบัวขอพรพระบัวเข็มได้อีกด้วย ส่วนด้านข้างของพระบัวเข็มนั้นมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ให้ได้สักการะมากมายไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อโต หลวงปู่มั่น หลวงพ่อสด หลวงพ่อเงิน ฯลฯ
ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายทั้ง พระพุทธรูปศิลา พระสังกัจจายน์ ไม่ว่าจะเป็นห้องพิพิธภัณฑ์เทพศรีสาขลา เรียกว่ามีให้สักการะต่อไปจนถึงห้องลอยบัว เรียกได้ว่าเดินชมไหว้พระกันได้เกือบทั้งวันเลยอย่างเสมือนการได้มาท่องเที่ยวเชิงศาสนา ผมคิดว่าใครที่กำลังอยากจะหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพมหานคร ผมขอแนะนำให้มาที่วัดสาขลา มาวัดเดียวได้ไหว้พระขอพรครบครันเลยครับ
วัดสาขลา ถนนสุขสวัสดิ์-วัดสาขลา ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ พิกัด : https://goo.gl/maps/aPPf63SGmSaV39xaA เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. โทร : 0-2819-5091
ขอฝากความรักและความปรารถนาดีมายังเพื่อนชาว bloggang แม้จะเปิดประเทศแล้วก็ตาม ฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้วแต่การ์ดอย่าตก สวมใส่แมสตลอดและล้างมือบ่อยๆ นะครับ ที่สำคัญอ่านแล้วไม่มโนนะจ๊ะ ด้วยความห่วงใยจากช่างภาพวัดและธรรมชาติ
Create Date : 31 ตุลาคม 2564 |
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2564 14:16:36 น. |
|
15 comments
|
Counter : 7134 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmcayenne94, คุณThe Kop Civil, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณอุ้มสี, คุณSweet_pills, คุณ**mp5**, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณทนายอ้วน, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณกะว่าก๋า, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณKavanich96, คุณNoppamas Bee, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน |
โดย: หอมกร วันที่: 31 ตุลาคม 2564 เวลา:7:32:15 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 31 ตุลาคม 2564 เวลา:22:53:56 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:0:11:16 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:10:33:06 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา:21:02:51 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 พฤศจิกายน 2564 เวลา:6:18:33 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2564 เวลา:8:20:40 น. |
|
|
|
โดย: ข้าน้อยคาราวะ (ข้าน้อยคาราวะ ) วันที่: 5 พฤศจิกายน 2564 เวลา:14:00:16 น. |
|
|
|
|
|
ขอบคุณที่นำมาฝากกัน