|
ได้ไปกับเค้าซะที +++ อัมพวา +++
 |  |  |  |
ทริปนี้ไปอัมพวาค้างแค่ 1 คืน
ออกเดินทางตั้งแต่เย็นวันที่ 6 พ.ย. 51 ถึงบ้านพี่ป้อม (ปากน้ำ) ตอนสองทุ่ม พี่ป้อมก็พาไปกินที่ร้านอาหารริมน้ำแถวบ้าน แต่ไม่อร่อยเลย ถามเด็กที่ร้านเค้าบอกว่าแม่ครัวไม่อยู่ เจ้าของร้านเลยทำอาหารเอง เลยไม่อร่อยซะงั้น พอเช้าวันที่ 7 ก็ออกเดินทางแต่เช้า
ไปบ้านลุงเกล้าโฮมสเตย์ ตามแผนที่ หาง่ายมาก เพราะคนทำข้อมูลเค้าทำมาดีจริง ๆ
คลิก ดูรายละเอียดจากเจ้าของข้อมูล ที่นี่ค่ะ
ถึงประมาณ 9 โมงกว่า ๆ เจอเจ้าน้ำชานั่งเหม่อมองอะไรไม่รู้อยู่ทางเข้า พอเห็นแขกมารีบวิ่งตามรถมาต้อนรับเลย

วันนั้นโชคดีจัง ป้าเล็กเค้าจัดให้นอนบ้านหลังใหญ่ ที่สร้างใหม่ นอนกันสองคนสบายเลยกว้างดี เพราะแอบไปดูหลังเล็ก แคบไปหน่อย ป้าเค้าปูเบาะให้ สามเบาะเลย หลังนี้ถ้านอนสบาย ๆ นอนได้ 5 คน ระหว่างรอป้าทำห้องก็ออกมาดูบรรยากาศในสวน และก็ริมแม่น้ำซะหน่อย

น้องหมา ๆ เพียบเลย เจ้าตัวที่นอนแบะนั่น ออกลูกมาตั้ง 8 ตัว ใครอยากได้น้องหมาไปขอลุงกับป้าเค้าได้เลย


และพอป้าเค้าทำห้องเสร็จเอาของเข้าห้อง พี่หมีแอบนอนแป็บนึง 11 โมงก็เริ่มออกเที่ยวกันล่ะ ป้าเค้าแนะนำให้เที่ยวจากทางฝั่งซ้ายไป เลยเที่ยวตามแผนที่ เริ่มที่วัดภุมรินทร์กุฎีทอง วัดนี้มีประวัติมากมาย คือเป็นวัดที่พ่อกับแม่ของมเหสีรัชกาลที่ 1 สร้าง ที่น่าสนใจคือกุฎีทอง พอขึ้นไปจะเจอไกด์คนนึง เค้าจะเล่าประวัติของวัดได้ดีมาก ๆ หรือจะให้เค้าช่วยนำเที่ยวเลยก็คงจะดี เพราะเค้าเป็นคนพื้นที่ รู้ประวัติของสถานที่แต่ละที่เป็นอย่างดี บนกุฎีถ้าใคร ๆ ขึ้นไปจะมีน้องเหมียวชื่อมารวย (ตัวสีขาว) จะนอนอยู่ข้างในเลย ตัวอ้วนเชียว เพราะจะมีอาหารเม็ดแมวอยู่บนกุฎีเลย เรียกว่ากินนอนอยู่บนนั้นเลย เค้ามีตู้รับบริจาคอาหารแมวด้วย




มีประวัติของกุฎีทองมาฝากด้วย มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าวัดบางนางลี่นั้นมีสมภารอยู่องค์หนึ่งเชี่ยวชาญในทางสมถวิปัสนา ญาณแก่กล้า สามารถนั่งทางในเห็นเหตุการณ์ในอดีตและอนาคตได้แม่นยำทำให้มีคนเคารพนับถือมาก มีเศรษฐีตระกูลหนึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่แขวงบางช้างคืออำเภออัมพวาในปัจจุบัน โดยเรียกว่าเศรษฐีบางช้างเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว บุคคลในตระกูลนี้ รับราชการเป็นเจ้าเมือง เช่นพระแม่กลองบุรี(เสม) ต้นตระกูลวงศาโรจน์ พระแม่กลองบุรี(ศร) ต้นตระกูล ณ บางช้าง มีฐานะมั่นคงร่ำรวยกว่าตระกูลอื่นในลุ่มน้ำแม่กลอง เศรษฐีทองและเศรษฐีสั้น ตั้งเรือนอยู่ในแขวงบางช้าง บริเวณวัดจุฬามณี มีบุตร-ธิดาหลายคน ธิดานางหนึ่งชื่อว่านางนาค เป็นกุลสตรีที่มีความงามเป็นที่เลื่องลือ สมัยนั้นพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงศรีอยุธยา มีพระทัยหมกมุ่นอยู่ในกามคุณและแสวงหาสตรีรูปงามไปเป็นนางสนมนางบำเรอจึงโปรดให้มหาดเล็กคอยสืบเสาะหาสตรีรูปงามไปถวาย ครั้งหนึ่งมหาดเล็กคนสนิทกราบทูลว่า มีสตรี`รูปงามในแขวงบางช้างนางหนึ่งเป็นบุตรเศรษฐีบางช้าง จึงโปรดให้เจ้าเมืองราชบุรีไปสู่ขอต่อบิดา-มารดา ด้วยสมัยนั้นเมืองสมุทรสงครามเป็นหัวเมืองตรีขึ้นต่อเมืองราชบุรีส่วนเมืองราชบุรีเป็นหัวเมืองชั้นโท ท่านเศรษฐีทองและภรรยา ได้บ่ายเบี่ยงว่าขอถามความสมัครใจของธิดาก่อน จึงนำความไปปรึกษาพระแม่กลองบุรี (เสม) เจ้าเมืองแม่กลองซึ่งเป็นญาติก่อน ธิดาของเศรษฐีทองไม่สมัครใจเป็นนางสนมในวัง เศรษฐีทองสงสารธิดา จึงพร้อมด้วยเจ้าเมืองสมุทรสงคราม นำความเข้าหารือกับหลวงพินิจอักษร(ทองดี) เสมียนตรากรมมหาด ไทย หลวงพินิจอักษรก็ได้เกิดปัญญาว่านายทองด้วงบุตรชายได้บวชเรียน แล้วยังไม่มีคู่ครอง หากได้ธิดาเศรษฐีทองมาเป็นภรรยาก็นับว่าเหมาะสมกันยิ่ง เพราะเป็นหญิงอุดมด้วยทรัพย์สมบัติและรูปสมบัติ ฝ่ายชายแลก็รูปงามมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด รับราชการในวังนับว่าเหมาะสมกันดียิ่งนัก ทั้งยังเป็นเกราะป้องกันมิให้ธิดาตกเป็นสนมในวัง เมื่อคิดอุบายได้ทั้งสองฝ่าย จึงเห็นดีด้วย จึงได้ทำฎีกากราบทูลว่าธิดาท่านเศรษฐีบางช้างตนได้สู่ ขอให้นายทองด้วงบุตรชายแล้วขอพระราชทานให้แก่บุตรชายของตนเสียเถิด พระเจ้าแผ่นดินได้ทราบเพียงกิตติศัพท์ความงามของนางนาคแต่ยังมิเคยได้ทอดพระเนตรรูปร่างหน้าตา จึงมิได้อาลัยและพระราชทานอนุญาตให้วิวาห์ได้ตามความประสงค์ ครั้นถึงเมืองสมุทรสงครามเศรษฐีทองจึงชวนภรรยาและธิดาทำบุญที่วัดบางลี่บน และขอให้สมภารตรวจโชคชะตาราศี และกำหนดวันวิวาห์มงคล สมภารได้ดูแล้วได้กล่าวกับเศรษฐีทั้งสองว่า ธิดาของท่านมีบุญวาสนามากจะได้เป็นนางพญามหากษัตริย์ยกวงศ์ตระกูลให้เป็นสุขเป็นที่พึ่งแก่คนทั้งหลาย เพราะบุญกุศลปราณชาติตามมาให้ผลในชาตินี้ท่านเศรษฐีทอง และ ธิดากล่าวว่าถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวาย ต่อมาธิดาท่านเศรษฐีทองได้วิวาห์มงคลกับนายทองด้วงมหาดเล็ก ต่อมาได้ตำแหน่งหลวงอร่ามฤทธิ์ หลวงยกบัตรราชบุรี และ เมืองสมุทรสงคราม รับราชการในกรุงธนบุรีได้เลื่อนเป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจซ้าย พระยาอภัยรณฤทธิ์ พระยายมราช เจ้าพระยาจักรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และเมื่อหมดบุญพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์จึงได้เป็นอัครมเหสีของพระมหากษัตริย์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่๑ แห่งกรุงรัตนโกสิน เศรษฐีทั้งสองจึงระลึกถึงคำทำนายของสมภารวัดบางลี่บน จึงได้สร้างกุฎีทองถวาย ประมาณปี พ.ศ.๒๓๒๕-๒๓๓๐ วัดบางลี่บนจึงไดชื่อว่า วัดบางลี่กุฎีทอง เมื่อวัดนี้ถูกน้ำเซาะสูญสิ้นไป จึงได้รื้อกุฎีทองมาปลูกที่วัดภุมรินทร์เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๕๖
ออกจากวัดภุมรินทร์แล้วก็ไปวัดบางแคน้อย โบสถ์สีขาวที่เห็นข้างในจะเป็นไม้ พื้นจะเป็นไม้ตะเคียนทองชิ้นใหญ่มาก เท่าที่พี่หมีนั่งทำมือเลย เป็นไม้ปูพื้น 7 แผ่น ฝาผนังบนก็จะเป็นงานไม้แกะสลัก เสียดายลืมถ่ายรูปมา

วันนี้โชคดีตอนไปเที่ยวไม่มีแดดเลย แต่มีฝนตกซะงั้น ดีนะที่ตกแป็บเดียว มาตกที่วัดบางแคน้อยนี่แหละ พอตกแล้วก็อากาศดีเข้าไปใหญ่
ระหว่างทางไปวัดบางกุ้ง เลยแวะถ่ายรูปที่สะพานแควอ้อม เพราะดูเก่า สวยดี และมีสะพานแขวนอยู่ใกล้ ๆ ด้วย อุตส่าห์หาทางลงไปได้แล้ว กะว่าจะขึ้นไปถ่ายบนสะพานแขวนนั่นซะหน่อย แต่เค้าปิดไม่ให้ขึ้น ไม่รู้ทำไม ลืมถามคนแถวนั้นด้วย

แต่ก็ได้ดูบรรยากาศบ้านริมน้ำใกล้ ๆ สบายดี

ต่อด้วยค่ายบางกุ้ง ไปถึงก็ตรงรูปปั้นมวยไทยก่อนเลย

เชอร์รี่แอ๊คบ้าง


แล้วก็ไปโบสถ์คริสต์

โบสถ์นี้จะอยู่ในโรงเรียน เสียดาย ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ตัวผิดระเบียบเค้าเลยอดเข้าไปในโบสถ์เลย ได้แต่แอบยืนดูอยู่หน้าประตู

ระหว่างทางจากโบสถ์คริส จะไปอุทยานร. 2 เลยเจอร้านส้มตำเจ้าอร่อย

คลิก ดูรายละเอียดที่นี่ค่ะ
และก็ขอจบตอนที่ 1 ที่ร้านส้มตำนี่ก่อนดีก่วา ชักจะยาวมากแล้ว ไว้ติดตามตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้คะ
|  |  |  |  |
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2551 |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 10:09:37 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2462 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:03:40 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้า IP: 125.27.245.238 วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:17:20:05 น. |
|
|
|
| |
|
|
เลยขอตามมาเที่ยวด้วยคน