|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
 |
|
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม.ที่ 372 "รสชาติที่คุ้นเคย |
|
ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 372"รสชาติที่คุ้นเคย"โจทย์โดย พี่ก๋า - กะว่าก๋า พูดถึง รสชาติที่คุ้นเคย แน่นอนว่า สิ่งแรกในหัวของผมคือ อ า ห า รคิดเป็นเรื่องอื่นไม่ได้เลย 555555 แต่ผมอยากเขียนในมุม คนเจน Y ภาษาไทยสมัยนี้มันดิ้นได้ ตีความหมายให้สนุกได้หลายแบบ เพราะภาษาที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการตีความหรือความหมาย ไม่มีการใช้พูดปกติ ไม่มีการใช้เป็นภาษาหลักในชีวิตประจำวัน เท่าที่จำได้ เค้าจะเรียก ภาษาที่ตายแล้ว เช่น ภาษาละติน ภาษาบาลีดังนั้น ผมจะไม่เขียนอาหารให้ตรงหลักภาษาไทยครับแต่ขอเขียนแบบคนสอบภาษาไทยได้ 70-80 แต่ฟิสิกส์เกือบ 100 ละกันครับ 555555 เหอะ....ไม่แปลกหรอครับที่ผมจะพิมผิดทุกบล๊อก บล๊อกละ 10คำ ต้องมี 555555รสชาติที่ผมคุ้นเคยในงานการของผมคือ.....การทำงานไปทุกที่.......ไม่ติดว่าตัวจะอยู่ที่ไหน ครับ.....ถึงผมจะไม่ใช่ Site Engineer แต่ก็ร่อนไปทั่วไม่แพ้กัน
แถมงานผมถ้าออกนอกออฟฟิศละก็ เราจะแทบไม่มีคำว่า "พักเที่ยง" เลยครับเพราะทุกเวลาคือการทำงาน แม้แต่เวลากินข้าวอย่างที่ผมเคยเล่าครับ บางครั้ง ผมก็ต้องตระเวนขับรถไปพรีเซ้นต์ขายโปรเจค หลายครั้งต้องไปนั่งทานข้าวกับลูกค้า ทานข้าวไปคุยงานไป อย่างดีก็ขายงานได้ หรือได้อะไรกลับมาทำการบ้านเข้าเสนอเพื่อยืนยันอีกรอบ หรือร้ายๆ ก็ถือว่ากินข้าวฟรี เพราะเบิกบริษัทได้ หรือลูกค้าอาจจะเลี้ยงข้าว
แรกๆ ผมไม่ชินเลยครับ เซ็งมากที่เวลาพักเที่ยง กินข้าว กลับไม่ใช่เวลาพักแต่ต้องมานั่งใช้สมองคุยงาน คุยธุรกิจ ดูแลลูกค้า คู่ค้า ทั้งหญิงทั้งชายนี่ก็ต้องดูแลหมดนะครับ ไม่ใช่เฉพาะผู้หญิง 555555ยิ่งถ้าเจอคนไม่สนิท หรือไม่ถูกจริตกัน ยิ่งใช้สมองเยอะมาก เพราะต้องคิดว่าจะคุยอะไร เอ้า Dead air นี่หว่า เอาไงดี คุยเรื่องอะไรต่อวะ ดังนั้น ไม่ใช่เฉพาะช่วงแรกที่ทำงาน แต่ปัจจุบัน ผมก็ยังไม่ชอบนั่งกินข้าวกับลูกค้าไม่สนิท เลี่ยงได้ผมก็เลี่ยง อย่างห่างเหินก็ขอประชุมออนไลน์ ดีหน่อยก็ไปนั่งดื่มกาแฟด้วย แต่เสน่ห์ของงานของผมก็คือ ทำงานได้ทุกที เหมือนกันครับเพราะไม่ต้องนั่งจำเจอยู่ที่ออฟฟิศ ไม่ต้องทำงานรูนทีนซ้ำๆ เพราะแต่ละวันปัญหาแม่งมาแบบหน้าไม่ซ้ำ 555555 ดังนั้นไม่แปลกที่ผมนั่งทำงานอยู่ตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ จะมาคิดมากว่า นี่เวลากินข้าว นี่เวลาพัก ไม่ได้ เพราะถ้าอยากมีอิสระในการอยู่ทุกที่ ก็ต้องรับผิดชอบงานได้ทุกที่เหมือนกัน ทำให้บางที สุนทรีย์ในการกินข้าวมันก็ไม่ได้มีขนาดนั้น
ผมเคยนั่งกินซิสเลอร์คนเดียวตอนบ่าย 3 .... มันว่างกินข้าวตอนนั้นจริงๆ แต่ใส่ Airpod นั่งคุยงานตลอดเวลา กินตักสลัดก็คุยงานไปด้วย นั่งกินสเต็กก็โทรหาคนนั้น โทรหาคนนี้ แล้วเรื่องแทบไม่ซ้ำกัน เรียกว่าคนโต๊ะตรงข้ามต้องชำเลืองมามอง ไม่ใช่เพราะเสียงดัง 5555 เพราะผมเป็นคนคุยโทรศัพท์เบา และเค้าคงคิดว่า เวลากินมึงก็ไม่นั่งกินดีๆ เอาจริงๆ แม่งไม่อร่อยเท่าไหร่ครับ กับการกินไปทำงานไป แต่นั่นก็เป็นรสชาติที่ดูเหมือนว่าผมจะชินซะแล้ว
การกินข้าวกับลูกค้า เอาจริงๆ มันไม่อร่อยครับบางครั้งก็ไม่ค่อยได้กิน หรือกินก็กินแบบรีบๆ ปากกินไป ตาก็ดูลูกค้าไปว่าเอาอะไรไหมน้ำหมดไหม กับข้าวตรงไหนหมดบ้าง จะสั่งเพิ่มไหม ใครเอาข้าวบ้างอย่างล่าสุด นั่งทานข้าวกับลูกค้า ผมไปกับเจมส์ กับซีเกมส์ เด็กใหม่เป็นการนั่งทานข้าวกับผู้มีอำนาจตั้งสินใจของลูกค้าและทีมงานอีก 9 คนจำนวนต่อรอง 9 ต่อ 3.... หรือ 3 ต่อ 1 เท่ากับฝั่งผม 1 คนต้องโฟกัสดูแลลูกค้า 3 คน บนโต๊ะอาหาร แต่ซีเกมส์นี่ใหม่มากครับ ผมให้เป็นหน้าที่ไนท์กับเจมส์เป็นคนดูแล ฝึกงาน ทั้งงานที่เป็นการทำงาน และการให้การดูแลลูกค้า เพื่อความประทับใจอันนี้ก็เหมือนกัน......บนโต๊ะอาหาร ส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนพูดคุยหลักๆ ส่วนเจมส์จะคอยดูแลความสะดวกบนโต๊ะอาหารให้ แต่ถ้าตรงนั้นผมสะดวกกว่า ผมก็จัดการดูแลให้ทันทีเหมือนกัน
วันนั้นละครับ ร้านอาหารคนเยอะ พนักงานก็ดูแลไม่ทัน ผมที่นั่งใกล้โต๊ะน้ำดื่ม หันมองแล้วแต่ละคนน้ำดื่มจะหมดกันแล้ว ผมเลยลุกไปจัดการเดินเสิร์ฟน้ำให้ทั้งโต๊ะ ในขณะที่เจมส์ก็กำลังช่วยตักข้าว ไอ่ผมก็เทน้ำให้ทุกคนครับ กับน้องผมเองด้วย เพราะผมสะดวก ไม่ได้คิดอะไร"เจมส์..." ผมแค่เรียก พร้อมผายมือไปที่แก้ว เพื่อเป็นการถามว่า มึงเอาน้ำไหม ส่งแก้วมาเจมส์ก็รู้กัน หันมาพร้อมหยิบแก้วตัวเองส่งให้ผม"ขอบคุณครับพี่" เจมส์รีบลุกขึ้นมารับแก้วด้วย 2 มือ พร้อมส่งแก้วของผมมาให้ด้วย ทีนี้ ผมก็หันไปหาซีเกมส์ ขณะที่เจมส์หันไปจัดการเติมข้าวต่อ"ซีเกมส์ น้ำเพิ่มไหม""ได้ครับ" ว่าแล้วซีเกมส์ที่นั่งถัดเข้าไปข้างในก็นิ่งไป ก่อนหันมามองผมเล็กหน่อยแล้วขยับตัว ซึ่งผมยังไม่ได้เติมน้ำให้ เพราะแก้วแม่งไกลเหลือเกิน จะเดินเข้าไปก็ติดไอ่เจมส์ ก่อนที่ซีเกมส์จะหันมามองอีกครั้ง พร้อมกับที่ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่า ส่งแก้วมาหน่อยแต่เจมส์หันกลับมาก่อน....เท่านั้นแหละครับ .....จำได้ไหมว่าเจมส์เป็นคนลุคนุ่มๆ แต่เป็นคนถ่อย..... "เอ้า! หยิบแก้วให้พี่ปริ๊นซ์ดิครับ" ปกติเจมส์มันจะเป็นคนเสียงนุ่ม ๆ เบาๆ แต่นี่อยู่ ๆ ไอ่นี่ก็เสียงแข็งขึ้นมา ถึงเสียงจะไม่ได้ดังนัก แต่บอกเลยว่า ผมเนี้ยเลิ่กลั่กก่อนซีกเกมส์อีก 5555 ในใจคือ ทะ...ทำไมอยู่ๆ ขึ้นวะเจมส์......ไม่ต้องพูดถึงเด็กจบใหม่ อายุแค่ 22 อย่างซีเกมส์ ที่รีบหยิบแก้วส่งให้ผมอย่างไวผมหยิบมาแล้วกำลังเทน้ำให้ ตามองไอ่สองคนข้างๆ ที่ซีเกมส์นั่งนิ่งๆ รอรับแก้วคืนจากผม ส่วนไอ่เจมส์นั่งหันตัวมาทางซีเกมส์ พร้อมเอาแขนเท้าขอบโต๊ะข้างๆ ตัวไอ่เกมส์ "ปีนเกรียวรึไง....หัดดูบ้างดิเกมส์"มันพูดเบาๆ เสียงนิ่มๆ นะ แต่ทรงแล้วไม่นิ่มนวลเลย ผมนี่ก้มไปสบตาเจมส์แล้วส่ายหน้า เพื่อบอกว่า อย่าเพิ่งแดกหัวกันตรงนี้ ทำงานก่อนมื้อนั่นคงเป็น รสชาติที่ไม่สู้จะคุ้นเคย หรืออร่อยนักของซีเกมส์เด็กใหม่แต่ผมเรียกน้องมาโอ๋แล้วนะ 555555ยัง งงไม่หาย ทำไมเจมส์มันดุจังวะ
Create Date : 18 มีนาคม 2568 |
Last Update : 18 มีนาคม 2568 17:28:27 น. |
|
13 comments
|
Counter : 330 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณmultiple, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณ**mp5**, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกะว่าก๋า, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณThe Kop Civil, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtanjira, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณnonnoiGiwGiw, คุณSweet_pills, คุณดอยสะเก็ด |
โดย: multiple วันที่: 18 มีนาคม 2568 เวลา:19:15:32 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 18 มีนาคม 2568 เวลา:20:05:41 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มีนาคม 2568 เวลา:21:03:54 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 มีนาคม 2568 เวลา:0:09:01 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มีนาคม 2568 เวลา:6:34:16 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มีนาคม 2568 เวลา:20:31:25 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2568 เวลา:5:32:06 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 21 มีนาคม 2568 เวลา:6:43:46 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 21 มีนาคม 2568 เวลา:22:50:03 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
งานเอกชนนี่ เรื่องกินข้าวตรงเวลา หายากกกมากเลยนะครับ
ยิ่งถ้าออกไซค์ คุมงานนี่ ไม่ต้องพูดถึงเลยมื้เช้าเป็นเที่ยง มื้อเที่ยงไปเย็นนู่นเลยเชียว บางทีต้องกินในที่ลับ เอ๊ย ในรถมั่งไรมั่ง 555
แล้วยิ่งเรื่องกินข้าว กับผู้ใหญ่ กับเจ้านาย กับลูกค้านี่
มักจะกินไม่เป็นสุข สายตาหูตา ต้องว่องไว จะไปนั่งตัก จ้วงเอาๆ ก็ม่ายช่ายนะครับ
ของอาจารย์เต๊ะ ชอบไปกินข้าวกับสาวมากกว่า
ผลัดกันป้อน คนละคำสองคำ แล้วถ้าต้องกินข้าวกับลูกค้าทีไร ก็มักจะกินได้ไม่อิ่ม กินเสร็จ ต้องกลับมากินอีกรอบประจำเลยเชียวครับ
แล้วก็เด็กใหม่ มาทำงานด้วย วิชายังไม่แก่กล้า
ก็ต้องเรียนรู้ สอนไปให้อภัยกันไปนะครับ อีกหน่อยก็เก่งเอง
หลังๆนี่ ตอนมาเป็นอาจารย์ ถ้าไปสอนตอนเช้า นั่งกินข้าวคนเดียว
อยู่ดีๆ มีมือยื่นมาสะกิด หลงดีใจ นึกว่าสาวเรียก
พอหันไปดู อ้าว หมาหน้าหวาน ประจำโรงอาหารนี่เองง
ป้าดด เอ้าแบ่งกันอ้วนก็ได้ เอ็งเอาหมูไป ข้ากินข้าวราดน้ำแกงก็แล้วกัน แฮร่ 555