เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
เมษายน 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
15 เมษายน 2557

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 5






สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  -  บทที่ 5




พระบัวเฮียวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทั้้งที่รู้ว่าท่านสัพยอก แต่ใจก็แสนจะปลื้ม อย่างน้อยมันก็เป็นนิมิตหมายอันดีว่าสักวันท่านคงจะได้ 'เห็นหนอ' เหมือนคนอื่นๆบ้าง ก็คุณนายลำใยอ่านหนังสือไม่ออกแท้ๆ ยังได้นี่นา ท่านมีภาษีกว่าคุณนายคนนั้นตั้งแยะ แถมยังเดินจงกรม นั่งสมาธิเป็นอีกด้วย

ขณะที่พระบวชใหม่กำลังคิดเพลินๆ ท่านพระครูก็เอ่ยขึ้นมาว่า "เอาละ ต่อไปนี้อาตมาจะสอนเดินจงกรมระยะที่สอง ซึ่งเป็นระยะที่ยากที่สุดในบรรดาหกระยะ ไหนลองบอกมาซิว่าเดินจงกรมระยะที่สองมีกี่หนอ"

"สองหนอครับ ระยะที่สามก็สามหนอ"

"ถูกแล้ว ระยะที่สองให้บริกรรมว่า 'ยก-หนอ  เหยียบ-หนอ' ขณะที่ปากบริกรรมว่า 'ยก' ก็ให้ยกเท้าขวาขึ้นช้าๆ สูงจากพื้นประมาณสามนิ้ว ยกเสร็จจึงว่า 'หนอ' แล้วค้างไว้หนึ่งวินาที จึงเลื่อนเท้าไปข้างหน้าช้าๆ โดยไม่ต้องบริกรรม ที่ว่ายากมันยากตอนนี้ ตอนที่ไม่มีองค์บริกรรม เลื่อนเท้าเสร็จก็นิ่งไว้หนึ่งวินาที แล้วจึงบริกรรมว่า 'เหยียบ' พร้อมกับเหยียบลงไปช้าๆ เมื่อเท้าถึงพื้นเรียบร้อยแล้วจึงบริกรรมว่า 'หนอ' จากนั้นจึงย้ายสติมาไว้ที่เท้าซ้าย ทำแบบเดียวกัน เมื่อเดินถึงสุดทางแล้วให้กำหนดกลับ"

ท่านเดินให้ดูอีกสามสี่ก้าวแล้วจึงบอกคนทั้งสี่ มีพระหนึ่ง คฤหัสน์สาม ให้ทดลองเดิน ครูทั้งสามเดินได้ไม่ยากนัก แต่พระเหงื่อตก คิดจะค้านพระอุปัชฌาย์ว่า 'ก็ไหนหลวงพ่อว่าให้เดินวันละหนึ่งระยะไง แล้วทำไมสามคนนี่ถึงเดินวันละสองระยะได้' ก็เลยเลิกล้มความตั้งใจ กระนั้น เสียงของพระอุปัชฌาย์ก็ยังลอยมาเข้าหูว่า "สามคนนี่เดินระยะที่หนึ่ง หกชั่วโมงเต็มโดยไม่หยุดพัก ก็เลยให้เดินระยะที่สองได้"

เมื่อเห็นว่าทุกคนเดินได้ถูกต้องดีแล้ว ท่านพระครูจึงสั่งว่า "เอาละ กลับไปเดินระยะที่หนึ่งกับระยะที่สองอย่างละครึ่งชั่วโมง นั่งอีกหนึ่งชั่วโมง พยายามใช้เวลาเดินกับนั่งให้เท่าๆกัน ใครปฏิบัติครบสองชั่วโมงแล้วยังไม่ง่วง ก็ให้ทำใหม่อีกรอบจนกว่าจะง่วง เมื่อล้มตัวลงนอนก็เอามือวางบนหน้าท้อง พยายามจับให้ได้ว่าหลับไปตอนพองหรือตอนยุบ แล้วก็อย่าลืม ตอนตีสี่ต้องลุกมาเดินหนึ่งชั่วโมง นั่งอีกหนึ่งชั่วโมง พรุ่งนี้แปดโมงเช้าต้องมาสอบอารมณ์ แต่ถ้าใตรมีปัญหา ก็มาหาอาตมาที่กุฏิได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าหลับอยู่ก็ให้เด็กปลุกได้"

ท่านพระครูพูดเปิดทางเอาไว้เพราะ 'เห็นหนอ' บอกว่าคืนนี้พระใหม่จะมีปัญหา

แยกไปที่พักของตนเองแล้ว ครูสามคนก็ลงมือปฏิบัติตามที่ท่านเจ้าอาวาสสอน คือเดินหนึ่งชั่วโมง นั่งหนึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วครูอรุณกับครูบุญมีก็สวดมนต์ไว้พระ ปูเสื่อ กางมุ้งแล้วก็นอน ส่วนครูสฤษดิ์คิดว่าจะต้องตักตวงวิชาความรู้กลับไปบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงปฏิบัติต่ออีกรอบหนึ่ง ดังนั้น ขณะที่ครูน้อยสองคนกำลังหลับอย่างมีความสุขอยู่นั้น คนเป็นครูใหญ่ก็กำลัง 'ยก-หนอ  เหยียบ-หนอ' อย่างมีความสุขไม่แพ้กัน

สวดมนต์ทำวัดเย็นเสร็จ พระบัวเฮียวก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้หนึ่งชั่วโมง แล้วจึงเดินจงกรมระยะที่หนึ่ง เดินอยู่ครึ่งชั่วโมงจึงเปลี่ยนเป็นระยะที่สองซึ่งท่านไม่ถนัดนัก แต่ก็เดินอยู่จนเสียงกรี่งนาฬิกาดังขึ้น ท่านเดินไปกดปุ่มแล้วตั้งใหม่อีกหนึ่งชั่วโมง แล้วกำหนดนั่งสมาธิ อาการพอง-ยุบคล่องตัวขึ้น ไม่อึดอัดขัดข้องเหมือนในตอนเช้า

ท่านนั่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งสี่สิบห้านาทีผ่านพ้นไป จึงรู้สึกปวดที่ขาทั้งสองข้าง แรกๆก็พอทนได้ ท่านจึงกำหนด 'รู้หนอ' ครั้นปวดมากขึ้นจึงกำหนด 'ปวดหนอ' แล้วก็ไม่ใส่ใจ กลับไปจับพอง-ยุบต่อ โดยไม่ยอมเปลี่ยนท่านั่ง

เมื่อจิตเริ่มตั้งมั่นเป็นสมาธิ การปวดดูเหมือนจะทุเลาลง ท่านรู้สึกสบายขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นกำหนด 'สุขหนอ' ได้ จึงเสียดายนักเมื่อกริ่งนาฬิกาดังขึ้น พระใหม่กำหนดลืมตา เอื้อมมือไปกดปุ่มนาฬิกา แล้วลุกขึ้นเดินจงกรมระยะที่หนึ่งใหม่

คราวนี้ท่านไม่ตั้งเวลา จะเดินจะนั่งจนพอใจโดยไม่ต้องให้เวลามาเป็นตัวกำหนด ท่านเดิน 'ขวา-ย่าง-หนอ  ซ้าย-ย่าง-หนอ' อยู่พักใหญ่ จึงเปลี่ยนมาเป็น 'ยก-หนอ  เหยียบ-หนอ' ระยะที่สองเดินยาก ท่านเลยเดินน้อยหน่อย เสร็จแล้วจึงกำหนดนั่ง อยากได้อารมณ์เหมือนเมื่อตะกี้ เพราะมันสุขสบายดีแท้ๆ ภิกษุหนุ่มไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังถูกมารหลอกล่อให้หลงทางเสียแล้ว ท่านนั่งกำหนด 'พอง-หนอ  ยุบ-หนอ' ไปเรื่อยๆ รู้สึกชุ่มชื่นเย็นฉ่ำในหัวใจ อาการปวดเมื่อยไม่ปรากฏ ท่านสบายเสียจนไม่ยอมกำหนด 'สุข-หนอ' เพราะกลัวมันจะหายไป

พระบัวเฮียวรื่นเริงในสุขจนลืมแม้องค์บริกรรม เมื่อไม่กำหนดพอง-ยุบ สติก็เผลอไผล จิตจึงฟุ้งซ่านล่องลอยไป ในภาวะนั้น ท่านเห็นตัวเองลอยอยู่กลางนภากาศ มีรัศมีสวยงามแผ่ซ่านออกมาจากกาย

มีเสียงไพเราะมากระซิบที่หูว่า "ท่านสำเร็จแล้ว ท่านสำเร็จแล้ว ไปสิ ท่องเที่ยวไป อยากไปที่ไหนก็ไปได้ทุกแห่งหน"

"ถ้าอย่างนั้นฉันอยากไปนรก ช่วยพาฉันไปหน่อย" ท่านพูดโต้ตอบกับเสียงนั้น
"ไม่ต้องพา ท่านไปเองได้ เพียงแต่นึกก็ถึงแล้ว"
"จริงหรือ เอาละ ถ้างั้นฉันนึกอยากไปเมืองนรก"

แล้วท่านก็รู้สึกว่าตัวของท่านล่องลอยไปถึงเมืองนรก เห็นยมบาลกำลังตักน้ำเดือดๆในกะทะทองแดง กรอกปากบิดาของท่าน

ท่านจึงพูดกับยมบาลว่า "ท่านยมบาล อาตมาจะพาท่านไเที่ยวเมืองสวรรค์ ขอให้ช่วยโยมบิดาของอาตมาขึ้นจากนรกด้วยเถิด คนที่ท่านกำลังเอาน้ำร้อนกรอกปากอยู่นั่นแหละ คือบิดาของอาตมา"

"หลวงพี่ที่เคารพ นับประสาอะไรที่จะช่วยโยมบิดาของหลวงพี่ได้เล่า แม้แต่แม่ยายผม ผมยังช่วยไม่ได้เลย ช่วยไม่ได้จริงๆ ภรรยาเขาก็ขอร้องมา บอกให้ช่วยแม่ด้วยนะพี่นะ นึกว่าสงสารแก"

"แม่ยายท่านทำบาปอะไรมาล่ะ"
"แกฆ่าสัตว์ พวกหมู เป็ด ไก่ ห่าน ฆ่ามาไหว้เจ้าตอนตรุษจีนน่ะ ใจคอแกโหดเหี้ยม ทารุณดุร้าย"
"ทำไมท่านยมบาลถึงช่วยไม่ได้เล่า"
"โธ่ หลวงพี่ ไอ้ผมก็อยากจะช่วย แต่โจทย์มันมาประท้วงกันเต็มไปหมด ทั้งหมู เป็ด ไก่ ห่าน ดูสิ มันยืนประท้วงอยู่โน่น ส่งเสียงร้องระงมเลย"

พระบัวเฮียวมองออกไปก็เห็นจริงตามที่ยมบาลว่า สัตว์เหล่านั้นส่งเสียงเซ็งแซ่ จับใจความได้ว่า "ไม่ได้นะ ยมบาล ช่วยไม่ได้ ยายคนนี้ทำให้พวกฉันทุกข์ทรมานแสนสาหัส ถ้าท่านช่วยมัน พวกฉันจะไปฟ้องพญายมราชให้ลงโทษท่าน" โจทย์ขู่

"เห็นไหมหลวงพี่ เห็นหรือยังว่าผมช่วยไม่ได้จริงๆ ถ้าผมช่วยโยมบิดาของหลวงพี่ เดี๋ยวพวกวัวควายมันก็ไล่ขวิดผมตายเท่านั้น ก็โยมบิดาของหลวงพี่ฆ่าวัวฆ่าควายเป็นร้อยเป็นพันตัว ถ้าไม่เชื่อผมจะไปเปิดบัญชีให้ดูก็ได้"

"ไม่ต้องหรอกท่านยมบาล อาตมาเชื่อท่าน" แล้วหันไปพูดกับโยมบิดาว่า "โยมพ่อ อาตมาพยายามช่วยแล้ว แต่ยมบาลเขาไม่ยอม โยมพ่ออดทนไปก่อนนะ อาตมากำลังปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่วัดป่ามะม่วง แล้วจะแผ่ส่วนกุศลมาให้ อาตมาขอลา จะไปดูสวรรค์เสียหน่อย"

แล้วท่านก็ล่องลอยออกจากเมืองนรกไปเมืองสวรรค์ เยี่ยมเยียนสวรรค์เสียทุกชั้น ตั้งแต่จตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรตี ปรนัมมิตวสวัตตี ได้เห็นเทพบุตรเทพธิดาเหาะไปมาอยู่ในอากาศ รูปร่างสะสวยงดงาม มีเครื่องประดับทำด้วยเพชรนิลจินดาส่องแสงเป็นประกายวูบวาบ

เมื่อเห็นท่านลอยผ่านหน้า เทพบุตรเทพธิดาเหล่านั้นต่างยกมือทำความเคารพ ท่านทักทายปราศรัยอยู่กับพวกเขาจนได้เวลาอันสมควร แล้วจึงลอยกลับมายังกุฏิ เห็นกายเนื้อของท่านยังนั่งสมาธิอยู่ ก็รู้ว่าร่างที่ล่องลอยอยู่นี้เป็น 'กายทิพย์' จึงลอยไปเข้ากายเนื้อ แล้วกำหนดจิตให้ลืมตา

เหตุการณ์ที่เกิดกับท่านสดๆร้อนๆนี้ ทำให้พระบัวเฮียวเข้าใจผิดคิดไปว่าตัวเองสำเร็จแล้ว จึงอยากจะไปกราบเรียนให้ท่านพระครูทราบ ขณะนั้นเป็นเวลาตีสอง คงจะรอให้ถึงรุ่งเช้าไม่ไหวเพราะใจมันร้อนรน อยากให้พระอุปัชฌาย์ได้รู้ว่าลูกศิษย์ของท่านสำเร็จแล้ว ได้ 'เห็นหนอ' แล้ว

พลันก็นึกถึงที่ท่านพระครูอนุญาตไว้เมื่อตอนสามทุ่มเศษๆ แสดงว่าท่านจะต้องรู้ว่าศิษย์ของท่านจะมาหาในคืนนี้ คิดได้ดังนั้นจึงเดินดุ่มๆไปยังกุฏิท่านเจ้าอาวาส โดยไม่สะทกสะท้านต่อความหนาวเย็นของอากาศ

สุนัขสามสี่ตัวเห็นคนเดินดุ่มๆมาในยามวิกาลเช่นนั้น ก็ส่งเสียงเห่ากรรโชกขึ้น แล้วพากันวิ่งกรูเข้ามา พระบัวเฮียวจึงต้องส่งเสียงทักทายออกไป สุนัขเหล่านั้นพร้อมใจกันหยุดเห่า แล้ววิ่งกลับไปยังที่ที่ตนนอนอยู่

"สมชาย สมชาย เปิดประตูหน่อย" ท่านตะโกนเรียกศิษย์วัด
เด็กหนุ่มเดินงัวเงียออกมาเปิดประตู แล้วถามอย่างไม่ค่อยพอใจว่า "หลวงพี่มาทำไมดึกๆดื่นๆ ผมกำลังหลับสบาย"

"หลวงพ่อนอนหรือยัง"
นายสมชายมองขึ้นไปเห็นไฟยังสว่างอยู่จึงตอบว่า "ยังมั้ง ไฟยังเปิดอยู่นี่"

"ขอขึ้นไปพบท่านหน่อยได้ไหม"
"ให้ผมไปถามท่านดูก่อน ปกติท่านไม่อนุญาตให้ใครขึ้นไปข้างบน"

นายสมชายขึ้นไปหาท่านพระครู แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ท่านพระครูก็พูดขึ้นก่อนว่า "พระบัวเฮียวใช่ไหม บอกให้รออยู่ก่อน ประเดี๋ยวฉันจะลงไป"

แล้วท่านก็ก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือต่อไปอีกครู่หนึ่ง จึงลงมาข้างล่าง

"มีอะไรหรือ บัวเฮียว"
"หลวงพ่อยังไม่จำวัดอีกหรือครับ" พระใหม่ถาม
"ยัง หมู่นี้งานมาก ฉันลืมนอนมาหลายวันแล้ว"
"หลวงพ่อไม่ง่วงหรือครับ"
"ฉันกำหนดสติอยู่ตลอดเวลา มันก็เลยแก้ง่วงได้ จำไว้เวลาเธอง่วงมากๆ ให้ตั้งสติไว้ตรงลิ้นปี่แล้วกำหนด 'ง่วง-หนอ  ง่วง-หนอ' รับรองหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง"

พระบัวเฮียวกำลังจะอ้าปากพูด ก็พอดีท่านพระครูพูดขึ้นว่า "นี่เธอรู้ไหม ฉันกำลังเขียนหนังสือคู่มือสอบอารมณ์กรรมฐาน เขียนมาได้ร้อยกว่าหน้าแล้ว เผื่อถ้าฉันตายไป จะได้มีตำราไว้สอบอารมณ์การปฏิบัติ หนังสือแบบนี้ยังไม่เคยมีใครเขียนมาก่อน"

"จวนเสร็จหรือยังครับ"

"ยัง คงอีกหลายปี นี่ฉันเขียนมาปีกว่าแล้ว เพิ่งได้ร้อยกว่าหน้าเอง มันไม่ใช่จะเขียนได้ง่ายๆ เอาละ ทีนี้เธอมีอะไรก็ว่าไป เสร็จธุระแล้วฉันจะได้กลับไปเขียนหนังสือต่อ"

ท่านต้องพูดกันเอาไว้ก่อน เพื่อให้ผู้เป็นศิษย์รู้ว่าท่านมีงานที่จะต้องทำรออยู่

"หลวงพ่อครับ ผมได้ 'เห็นหนอ' แล้วครับ" ท่านบอกอย่างปิติ
"อ้อ เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ แล้วรู้ได้ยังไงว่าได้ หรือว่ามีใครมาบอก"
"ครับ มีเสียงมากระซิบที่หูผม"
"กระซิบว่ายังไง"
"บอกว่า 'ท่านสำเร็จแล้ว ท่านสำเร็จแล้ว' ครับ"
"อ้อ" ท่านพระครูพูดยิ้มๆ

พระบัวเฮียวทำหน้าปั้นยาก ท่านพระครูยิ้มแบบนี้ทีไรเป็นได้เรื่องทุกที

"แล้วเสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงเดียวกับที่ได้ยินเมื่อปีที่แล้วหรือเปล่า"
"ไม่ใช่แน่ๆครับ เสียงเมื่่อคืนไพเราะน่าฟังกว่ามาก"
"แล้วเขาว่ายังไงอีก" พระอุปัชฌาย์ซัก

"เขาบอกให้ผมท่องเที่ยวไป อยากไปไหนก็ไปได้ทุกหนทุกแห่ง เพียงแค่นึกเท่านั้นก็ไปได้ ผมก็เลยไปเที่ยวเมืองนรกเมืองสวรรค์ ที่เมืองนรกผมพบโยมพ่อด้วย ผมขอร้องยมบาลให้ช่วยพ่อ แต่ท่านบอกว่าช่วยไม่ได้ เพราะแม้แต่แม่ยายท่านก็ยังช่วยไม่ได้"

"เหมือนฉันเปี๊ยบเลย ฉันก็เคยไปเห็นเมืองนรกมาแล้ว ก็เจออย่างที่เธอเล่ามานี่แหละ"

พระบัวเฮียวยิ้มแป้นเมื่อท่านพระครูบอกว่า ท่านก็เคยไปเห็นนรกมาแล้วเหมือนกัน

"ถ้างั้นผมก็สำเร็จแล้วจริงๆใช่ไหมครับ" ถามอย่างตื่นเต้น
"ใครบอกเธอล่ะบัวเฮียว เธอถูกมารมันหลอกเอาน่ะสิ ถูกมารหลอกเหมือนที่ฉันเคยถูกมาแล้ว"
คราวนี้พระบัวเฮียวถึงกับใจฝ่อแฟบลงไป "หมายความอย่างไรครับ แสดงว่าผมเห็นไม่จริงใช่ไหมครับ"
"จริงซิ เธอเห็นจริงๆ แต่สิ่งที่เธอเห็นมันไม่จริง เข้าใจหรือยังล่ะ"
"ยังไม่เข้าใจครับ หลวงพ่อกรุณาขยายความหน่อยสิครับ ผมชักงง" คนตอบๆแบบซื่อๆ

"คือที่เธอไปเห็นนรกสวรรค์น่ะเธอเห็นจริงๆ เหมือนกับตอนที่ฉันเห็น ฉันก็เห็นจริงๆ แต่นรกสวรรค์ที่เธอและฉันเห็นมันไม่จริง เรียกว่าเราสองคนต่างก็ไปเห็นของไม่จริงมา ว่างั้นเถอะ ที่ว่าไม่จริงเพราะมันเป็นภาพลวงตา ที่จิตของเราเป็นผู้สร้างขึ้น เขาเรียกว่า เทวปุตตมาร ฉันถึงบอกว่าเธอถูกมารหลอกไงล่ะ"

"ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า นรกสวรรค์ไม่มีอยู่จริงใช่ไหมครับ"
"มีซิ เป็นชาวพุทธจะว่านรกสวรรค์ไม่มีได้ยังไง อีกหน่อยถ้ามีเวลาก็ไปอ่านพระไตรปิฎกซะ จะได้หายสงสัย นั่น..อยู่ในตู้นั่น" ท่านชี้ไปที่ตู้พระไตรปิฎก ซึ่งมีหนังสือเล่มสีน้ำเงินบรรจุอยู่เต็ม

"หลวงพ่อครับ ในเมื่อนรกสวรรค์มีจริง แล้วทำไมสิ่งที่หลวงพ่อกับผมเห็นจึงไม่จริงเล่าครับ" พระบัวเฮียวยังไม่หายสงสัย

"เธอไม่แปลกใจบ้างหรือบัวเฮียว ว่าเธอมาปฏิบัติแค่สองวันก็สามารถเห็นนรกสวรรค์ ทีคนอื่นเขาปฏิบัติกันมาเป็นสิบๆปี ก็ยังไม่เห็น"

"มันแล้วแต่บุญบารมีของแต่ละคนนี่ครับ" คนซื่อเลี่ยงตอบไปอีกทางหนึ่ง
"ตอบแบบนั้นมันก็มีส่วนถูกอยู่บ้างเหมือนกัน นี่จำไว้นะบัวเฮียว อะไรก็ตามที่เธอเห็นตอนนั่งสมาธิ เธอสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันจริงหรือไม่จริง"

"พิสูจน์ยังไงครับ"

"ง่ายนิดเดียว เมื่อไหร่ที่เธอทิ้งองค์บริกรรม ก็แน่ใจได้เลยว่าสิ่งที่เธอเห็นมันเป็นภาพลวง แต่ถ้าเธอเห็นทั้งๆที่ยังมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม สิ่งนั้นมันก็จริง พูดง่ายๆก็คือต้องใช้สติไปเห็น ทีนี้เข้าใจหรือยังล่ะ"

"เข้าใจแล้วครับ หลวงพ่อครับ เมื่อกี้หลวงพ่อพูดถึงเทวปุตตมาร มันเป็นอย่างไรครับ"

"อ๋อ...มารที่ว่านี้ก็คือสิ่งที่มาขัดขวางไม่ให้เราทำความดี อย่างการนั่งสมาธินี่ถือว่าทำความดีขั้นสูงสุด อย่าลืมว่าทาน ศีล ภาวนา สามอย่างนี้มีระดับไม่เท่ากัน การให้ทานถือเป็นความดีขั้นธรรมดา การรักษาศีลเป็นความดีขั้นสูงกว่าทาน การบำเพ็ญภาวนา เช่นการนั่งสมาธิ การเดินจงกรม ถือเป็นความดีขั้นสูงสุด เมื่อไรที่เราทำความดี เมื่อนั้นจะต้องผจญมาร 

มารมีห้าประภทด้วยกันตือ ขันธมาร ได้แก่ความปวดเมื่อย คัน เจ็บตรงโน้นตรงนี้ เวลาที่เธอปวดขาแทบหลุด นั่นแหละเธอกำลังผจญกับขันธมาร กิเลสมาร ได้แก่กิเลสต่างๆ เช่นนั่งแล้วอยากเห็นตัวเลข ก็เป็นโลภะ นึกขัดเคืองคาดแค้นคนอื่นก็เป็นโทสะ หรือนั่งเพลินๆ ติดสุข ก็เป็นโมหะ เทวปุตตมาร ก็เช่นเห็นเทพบุตร เทพธิดา เห็นนรกสวรรค์ อย่างที่เธอเผชิญมาแล้ว อภิสังขารมาร ก็ได้แก่ความคิดปรุงแต่ง อยากเห็นโน่นเห็นนี่ อยากได้เห็นหนอ อยากสำเร็จเป็นพระอรหันต์มัจจุมาร อันนี้ร้ายที่สุด เพราะถ้าตายเสียแล้ว โอกาสที่จะมานั่งพอง-หนอ ยุบ-หนอ ก็ไม่มี  เธอจะต้องรู้เท่าทันมารเหล่านี้ ขอให้จำไว้ว่า 'มารไม่มี บารมีไม่เกิด' เพราะฉะนั้น เธอต้องเอาชนะมารให้ได้"

พระบวชใหม่เดินกลับกุฏิอย่างหงอยเหงา แอบรำพึงในใจว่า 'ไม่น่าเลยตู ถูกมารหลอกเข้าจนได้'



ผู้แต่ง :  ดร. สุทัสสา อ่อนค้อม

เรื่องนี้อยู่ในหมวด Book Blog












 

Create Date : 15 เมษายน 2557
46 comments
Last Update : 17 เมษายน 2557 0:23:39 น.
Counter : 1691 Pageviews.

 


อ่านสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมแล้วโหวตค่ะ

และขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมพร้อมคะแนนโหวตค่ะ


เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


 

โดย: พรไม้หอม 15 เมษายน 2557 20:57:34 น.  

 

ลองอีกรอบค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
Sai Eeuu Food Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: schnuggy 16 เมษายน 2557 0:23:56 น.  

 

ส่งกำลังใจให้เรื่องที่ถูกใจค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เกศสุริยง Education Blog ดู Blog
คนบ้า(น)ป่า Home & Garden Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: ร่มไม้เย็น 16 เมษายน 2557 11:43:37 น.  

 






มา บอก "รัก" ค่ะ...




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



..








 

โดย: foreverlovemom 16 เมษายน 2557 13:45:27 น.  

 

มาอ่านต่อในบทที่ 5 ครับ
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog

 

โดย: Insignia_Museum 16 เมษายน 2557 20:13:41 น.  

 

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
:)

 

โดย: Opey 16 เมษายน 2557 20:47:52 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า
มาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปฟังเพลงด้วยกัน
ไว้มาใหม่นะคะ
ฝันดีค่ะ







 

โดย: mambymam 16 เมษายน 2557 23:02:34 น.  

 

ขอบคุณครับ
มาอ่านต่อครับ ภาพลวงตา สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆครับ สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมมือใหม่
เรื่อง กล้อง ถ้าไปทำบุญวัดข้างบ้านก็ไม่ได้นำกล้องไปครับ
สมัยนี้มีกล้องโทรศัพท์ก็ใช้ได้ครับ

โหวต เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: เศษเสี้ยว 16 เมษายน 2557 23:43:53 น.  

 


ขอบคุณที่นำเรื่องการปฎิบัตฺฺิธรรมมาให้อ่านค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เริงฤดีนะ Sports Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
คนบ้า(น)ป่า Home & Garden Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

newyorknurse

 

โดย: newyorknurse 17 เมษายน 2557 1:46:04 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อุ้มสี Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

-----------------------

อ่านแล้วเข้าใจอะไรขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครช่วยใครได้
มารไม่มี บารมีไม่เกิด ... เข้าใจแล้วหนอ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 17 เมษายน 2557 9:11:05 น.  

 

แวะมาอ่านต่อครับ แต่ยากจนโหวตแล้ว
ไว้พรุ่งนี้มาใหม่

 

โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) 17 เมษายน 2557 10:59:05 น.  

 

แวะมาอ่านและโหวตค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
~My Birthday is on April 14~ Literature Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: pantawan 17 เมษายน 2557 22:31:22 น.  

 

มาโหวตค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
วนารักษ์ Dharma Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


 

โดย: mambymam 18 เมษายน 2557 0:07:47 น.  

 

อรุณสวัสดิ์พร้อมกับมาโหวตค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: เนินน้ำ 18 เมษายน 2557 6:11:31 น.  

 

สวัสดีครับ
มาอ่านต่อครับ
สงกรานต์ปีนี้อยู่บ้านเที่ยวถนนข้าวเหนียวขอนแก่นครับผม

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Music Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: moresaw 19 เมษายน 2557 8:07:24 น.  

 





แวะ มาเยี่ยม ค่ะ...








 

โดย: foreverlovemom 19 เมษายน 2557 12:05:27 น.  

 

มาแล้วครับ เล่นซะ 2 พรุ่งนี้
อากาศร้อนมาห รักษาสุขภาพด้วย

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
pantawan Health Blog ดู Blog
find me pr Music Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

แล้วจะกลับมาอ่านต่อ

 

โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) 19 เมษายน 2557 18:54:55 น.  

 

สวัสดียามค่ำครับ

โหวต และไลค์ส่งกำลังใจไปให้คุณเวียงแว่นฟ้าด้วยครับ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: **mp5** 19 เมษายน 2557 20:35:03 น.  

 

อุ้มแวะมาอ่านค่ะ

 

โดย: อุ้มสี 20 เมษายน 2557 0:18:06 น.  

 

ขอบคุณและยินดีคุณเวียงแว่นฟ้ามาก
ที่ตามคุณไก่ไปทักทายยายเก๋า
ขอบคุณกำลังใจที่มอบให้ด้วยค่ะ

ชอบค่ะบล๊อกนี้

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog

 

โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) 20 เมษายน 2557 9:37:11 น.  

 





เราคิดว่า ท่าน คง ชอบ...







 

โดย: foreverlovemom 20 เมษายน 2557 10:31:15 น.  

 




ขอบคุณกำลังใจและคะแนนโหวตค่ะ

 

โดย: พรไม้หอม 20 เมษายน 2557 11:21:24 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
mastana Literature Blog ดู Blog
Tristy Food Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
----------------
แวะมาส่งกำลังใจให้ค่ะคุณเวียงฟ้า

 

โดย: เกศสุริยง 20 เมษายน 2557 21:08:04 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ

 

โดย: Opey 20 เมษายน 2557 22:31:08 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปทักทายพร้อมส่งกำลังใจนะคะ

นอนหลับฝันดีค่ะ

 

โดย: ฝากเธอ 20 เมษายน 2557 22:39:39 น.  

 

ขอบคุณครับสำหรับโหวตครับ
เรื่อง "ลิง" ถ้าเค้ากินอะไรอยู่เค้าจะนิ่งครับ ต้องถ่ายรูปตอนกินครับ
ผมไปถ่ายรูปลิงมา 2 ที่ครับ พระปรางค์สามยอดลพบุรี และ วัดเขาปฐวี
รูปผม กับ ลิง ที่พระปรางค์สามยอดลพบุรีครับ

 

โดย: เศษเสี้ยว 20 เมษายน 2557 23:56:51 น.  

 

สวัสดียามเช้าจ้ะ... ชอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

 

โดย: Opey 21 เมษายน 2557 6:37:34 น.  

 

แวะมาเยี่ยมขอรับ พอดีว่าวันนี้งบหมด ขอติดไวก่อนนะขอรับ
พอดีเห็นมความเห็นแปลกๆ เรื่องคนตาย และ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านไม่ได้แต่ต้องเรียกว่าพระองค์ท่านปรินิพพาน

อันที่จริงท่านจะอยู่นานกว่านั้นก็ได้ แต่พยามาร ทำข้อเสนอและท้วงติงสัญญาที่ให้กันว่าท่านต้องปลงสังขาร...

อีกทั้งตอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พยามารก็มาทั้งเงือนไขว่า ให้โปรดเพียงอย่างเดียวแต่ห้ามปราบ...

และการที่จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดแต่ละหนนั้นใข้เวลา ยาวนานมา ถึง สี่อสงไขยแสนมหากัป

และแต่พระองค์สร้างบารมีไม่เหมือนกัน อย่างกัปของเรา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สร้างบารมีด้านปัญญาธิกะ ก็ใช้เวลา สี่อสงไขยแสนมนมหากัป
ส่วนกัปของเรามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงพระองค์ด้วยกัน องค์ปัจจุบันคือพระสมณะโคดม(ที่4)
และองค์ที่5 จะมาต่อในกัปข้างหน้า คือพระศรีอรินะเมตตรัย
ฉะนั้นอย่างมัวประมาทกันอยู่เลยท่านๆทั้งหลายมั่นสร้างความดีไว้...
คนเราจะเชื่อตอนเป็น หรือจะรอไปเห็นตอน ขณะที่อยู่ต่อหน้ายมราช ก็เลือกเอา บรรพบุรุษของท่าน มอบมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้ให้ทั้งนี้และชาติหน้าอีก คือตายไปไม่ตกนรก นั้นคือสมบัติในชาติต่อไปหลังความตาย

หากว่าไม่เชื่อก็ลองไปตายดูก่อนนะ จะได้รู้ กรรมของตัว คุมครองจนไปสู่สุขภพได้หรือเปล่า

กรรมใครกรรมมัน ไม่มีใครช่วยได้นอกจากตัวเองทำไว้ คือการตัดสินหลังความตาย ทางโลก กฏหมายดิ้นกันได้ แต่หลังจากชีวิตนี้จบลง กรรมที่ตามติดตัวไม่ว่าดีหรือชั่ว ยุติธรรมกว่าศาลหรือกฏหมายบนโลกตัดสิน

 

โดย: ขุนเพชรขุนราม 21 เมษายน 2557 7:38:12 น.  

 

เขียนตกไปหลายคำ แต่ก็พอจะเข้าใจ หากว่าไม่เป็นคนพาลล่ะก้อ... ก็ไม่เข้าใจว่าจะติกันทำไม? หากศาสดาของท่านดีจริงสาวกคงไม่มีนิสัยระรานแบบนี้
อย่างเมื่อก่อนสมัย สงครามโลก ก็เช่นกัน บางศาสนา บังคับและฆ่าผู้คนเพื่อให้เขามาเข้ารีตอย่างในเอเชียเช่าประเทศเกาหลีหากไปศึกษาประวัติเคยเป็นเมืองพุทธมาก่อน .. พุทธศาสนาเป็นเพียงศาสนาเดียว ที่ใช้ความสงบ ไม่เคยได้เห็นข่าวว่า
สาวกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเที่ยวไป บังคับหรือเข่นฆ่าข่มขู่ใครว่าต้องมานับถือ หากว่าเขาเหล่านั้นไม่รู้จักคำว่าศรัทธา จนขอเป็นพุทธมามกะด้วยตัวเอง
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้ชาวพุทธทำใจสะอาดผ่องใส ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่นหรือว่าร้ายใคร อย่างพื้นๆก็ศิล 5 (1)ไม่ฆ่า /2.ไม่ลักขโมย หยิบของๆที่เจ้าของไม่ให้/3.ไม่ผิดลูก-เมียผู้อื่น อันนี้ลึกลงไปอีก แม้แต่คิดก็ผิด
4.ไม่พูดโกหก เพ้อเจ้อ ไร้สาระฯลฯคะนองปาก 5.ไม่ดื่มของมึนเมา ....

 

โดย: ขุนเพชรขุนราม 21 เมษายน 2557 7:54:02 น.  

 

สวัสดียามเช้าค่า

ขอบคุณสำหรับโหวตที่บล็อกฟ้าใสนะคะ

นึกว่าตามให้มาอ่านตอนต่อไปซะอีก
ส่งกำลังใจด้วยดอกดาหลา จากบล็อกใหม่วันนี้นะคะ


 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 21 เมษายน 2557 8:49:36 น.  

 






หล่อ มั่ก มั่ก..









 

โดย: foreverlovemom 21 เมษายน 2557 12:37:12 น.  

 

แวะมานมัสการหลวงพ่อจรัญค่ะ
เป็นพระที่ที่บ้านเคารพนับถือเช่นกันค่ะ เคยไปหาท่าน แต่สงสัยบุญไม่ถึง เลยเวลารับแขกน่ะค่ะ

 

โดย: คนสวยที่ไม่เคยสวย 21 เมษายน 2557 13:46:16 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณแว่นเวียงฟ้า
แวะมาเยี่ยมเเละส่งกำลังใจให้นะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน 21 เมษายน 2557 16:08:12 น.  

 

มารไม่มี บารมีไม่เกิด...ภาพชัดขึ้นเลยค่ะ


 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 21 เมษายน 2557 16:45:06 น.  

 

สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมและกดติดตามบล็อคนะคะ ^^

 

โดย: HYPHEN-RICH 21 เมษายน 2557 20:14:45 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า
ดอกเค้าสวยเก๋และแปลกตาทีเดียวค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปนะคะ
ขอบคุณกำลังใจด้วยค่ะ
ฝันดีนะคะ



 

โดย: mambymam 21 เมษายน 2557 22:11:01 น.  

 

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
อรุณสวัสดิ์ขอรับ

 

โดย: ขุนเพชรขุนราม 22 เมษายน 2557 4:56:03 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
blueberryblossom Photo Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 22 เมษายน 2557 5:50:08 น.  

 

สวัสดียามเช้าๆค่า

อ่ะ หมวดหนังสือ วันนี้ใช้ไปซะแระอ่ะค่า
ไว้พรุ่งนี้น๊า พริ้วไหวมาหาใหม่อีกทีเนาะ

สุขกับการทำงานตลอดทั้งวันะคะ

 

โดย: พริ้วไหวไปตามลม 22 เมษายน 2557 6:37:45 น.  

 

สวัสดียามเช้า
มาชวนไปคลายเครียด
อัพบล๊อกใหม่แล้วหนอครับผม

 

โดย: moresaw 22 เมษายน 2557 9:03:02 น.  

 


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ขอบคุณที่แวะไปทักทายพร้อมโหวตค่ะ
ขอโทษนะคะที่แวะมาช้าเพราะเพิ่งเข้าบล๊อกค่ะ
อ่านเสร็จแล้วขอส่งกำลังใจให้ด้วยค่ะ

 

โดย: AppleWi 22 เมษายน 2557 10:57:28 น.  

 

หวัดดีครับ

ทักทายยามบ่าย
มาทักช้าไปหน่อย เพราะไม่อยู่หลายวัน

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบล๊อกครับ

 

โดย: wicsir 22 เมษายน 2557 15:29:51 น.  

 

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ
[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]
------------------------
อ่างทองร้อนมากๆทำไงดี ปัญหาโลกแตกจริงๆ...
แวะมาทักทาย คิดถึงเสมอค่ะคุณเวียงฟ้า

 

โดย: เกศสุริยง 22 เมษายน 2557 16:47:12 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณเวียนแว่นฟ้า ^^
ตามมาอ่านสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
และส่งกำลังใจนะค่ะ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: mastana 22 เมษายน 2557 20:13:28 น.  

 

สวัสดีค่ะ
คุ้นเคยแต่ภาวนาว่า "ยุบหนอ" "พองหนอ"
ตอนนี้บอกว่ามีอย่างอื่นให้พิจารณานะคะ
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมจริงๆ


 

โดย: anigia 22 เมษายน 2557 20:54:18 น.  

 


ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
รออ่านตอนต่อค่ะ

newyorknurse

 

โดย: newyorknurse 29 เมษายน 2557 3:08:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]