เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
6 กันยายน 2557

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 22






สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  -  บทที่ 22




อาคันตุกะคนสุดท้ายลากลับไปเมื่อตอนบ่ายคล้อย ท่านพระครูกำลังจะขึ้นไปเขียนหนังสือ ก็พอดีนายสมชายนำพระภิกษุรูปหนึ่งเข้ามาในกุฏิ ผู้มาใหม่ทำความเคารพด้วยการกราบสามครั้ง

ท่าพระครูรับไหว้แล้วทักว่า "ท่านสมภารเองหรอกหรือ ไปยังไงมายังไงกันเล่านี่"

"ผมว่าเรือจ้างเขามาส่งครับ มีเรื่องร้อนใจจะมาปรึกษาท่านพระครู"

คนพูดมีสีหน้าอมทุกข์ หน้าหมองคล้ำ ไร้สง่าราศี ผิดกับผู้ที่อยู่ในสมณเพศทั่วไป

นายสมชายรินน้ำชาใส่ถ้วยมาประเคนแล้วจึงลุกออกไป ท่านสมภารคงไม่อยากให้เขาอยู่รับฟังเรื่องร้อนใจของท่านเป็นแน่

"มีเรื่องหนักอกหนักใจอะไรหรือ ดูท่าทางท่านไม่ค่อยมีความสุขเลยนี่"
"เรื่องคอขาดบาดตายเลยละครับ"

สมภารวัดฝั่งตรงข้ามตอบพลางหยิบธนบัตรสองปึกใหญ่ออกมาจากย่าม วางลงตรงหน้าท่านเจ้าของกุฏิ ตั้งใจจะใช้เงินเป็นเครื่องล่อให้ธุระของตนบรรลุจุดมุ่งหมาย

ท่านพระครูเห็นไม่ชอบมาพากลจึงกล่าวเตือนว่า "ท่านสมภารเอาเงินออกมาวางทำไมตั้งมากมายปานนั้น ผมว่าเก็บใส่ย่ามไว้ก่อนดีกว่า ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี"

"ผมจะถวายท่านพระครู เงินสองหมื่นนี่ผมเก็บมาทั้งชีวิตเลย แต่ก็จะตัดใจถวายถ้าท่านช่วยผมได้สำเร็จ บอกตามตรงว่าเสียดายใจแทบขาด"

คนพูดมีเจตนาจะให้เงินสองหมื่นนั้นดูมากมายมหาศาล

หากคนฟังกลับกล่าวเสียงเรียบว่า "เสียดายก็เก็บไว้เสียเถอะ รับรองว่าถ้าช่วยได้ผมก็จะช่วยจนสุดความสามารถ โดยไม่คิดค่าตอบแทนใดใดทั้งสิ้น ถึงผมจะไม่เคยมีเงินมากมายเท่านี้ แต่ผมก็ไม่คิดอยากได้ พูดไปท่านก็คงไม่เชื่อ แต่มันก็เป็นความจริง โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่สะสมเงินทอง ใครมาถวายผมก็ปัดเข้าเป็นเงินวัด เพราะต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟและค่าอาหารเลี้ยงดูผู้คนที่มาปฏิบัติธรรม"

"ผมว่าท่านคิดผิดแล้ว สมัยนี้ใครๆเขาก็สะสมเงินทองกันทั้งนั้น สำหรับผมเงินสำคัญมาก เวลามีเรื่องเดือดร้อนมันสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ท่านพระครูเชื่อผมเถอะ ลองไม่มีเงินเสียอย่างเดียวเรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องง่ายก็การเป็นเรื่องยาก"

"แต่ผมกลับคิดตรงกันข้าม ผมถือคติว่านักบวชต้องดำเนินชีวิตอย่างสันโดษ การสะสมเงินทองเป็นเรื่องของฆราวาสเขา"

"ถ้าเช่นนั้นก็นิมนต์ท่านสันโดษต่อไปแล้วกัน ส่วนผมทำอย่างท่านไม่ได้ เพราะผมไม่ชอบตั้งอยู่ในความประมาท"

ท่านพระครูอยากจะย้อนว่าการกระทำของท่านสมภารนั่นแหละ ที่เรียกว่าตั้งอยู่ในความประมาท คือประมาทมัวเมาในลาภสักการะ แต่ท่านก็ไม่พูดเพราะรู้ว่าพูดกับคนมิจฉาทิฐินั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร ยิ่งคนๆนั้นเป็นพระด้วยแล้วก็พึงนึกถึงคำพังเพยที่ว่า 'ทิฐิพระ มานะครู' ให้มากๆ

"ท่านว่ามีเรื่องจะปรึกษาไม่ใช่หรือ" ท่านพระครูเปลี่ยนเรื่อง
"ครับ ขอความกรุณาท่านโปรดช่วยผมด้วย ผมก็เห็นว่ามีท่านคนเดียวนี่แหละที่จะช่วยได้ นึกว่าเอาบุญเถอะ"
"ก็ผมยังไม่รู้เรื่องราวแล้วจะไปช่วยท่านได้ยังไง เล่าให้ผมฟังก่อนสิ"

สมภารวัยเดียวกับท่านพระครูจึงเล่าว่า "พวกชาวบ้านเขาจะจับผมสึก เขาหาว่าผมทำอาบัติปาราชิก"
"แล้วท่านทำอย่างที่เขากล่าวหาหรือเปล่าล่ะ"
"ปละ..เปล่าครับ" ตอบไม่เต็มเสียงนัก

"อ้าว..ก็ในเมื่อท่านไม่ได้ทำแล้วจะต้องไปเดือดร้อนทำไม ไหนเรื่องมันเป็นไปยังไงมายังไง ทำไมเขามากล่าวหากันง่ายๆอย่างนี้" ท่านพระครูว่า

ท่านสมการรีบคล้อยตามว่า "นั่นสิครับ อยู่ดีๆก็มากล่าวหาผม เรื่องไม่มีมูลความจริงก็มากล่าวหากันได้" ประโยคหลังบ่นด้วยเสียงอ่อยๆ

"เอ..แต่โบราณเขาว่าไม่มีมูลฝอยหมามันไม่ขี้ ท่านอย่าปดผมดีกว่า เล่าไปตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าช่วยได้ผมก็จะช่วย ขอให้พูดความจริงก็แล้วกัน"

เมื่อท่านพระครูพูดเช่นนี้ คนฟังก็เลยต้องเล่าไปตามจริง แต่ไม่ทั้งหมด

"เขาหาว่าผมเสพเมถุน คือว่าผู้หญิงเขามาปรึกษาปัญหาส่วนตัวกับผม เขาก็มากับแม่ทุกครั้ง แต่วันนั้นแม่เขาป่วย มาไม่ได้ เขาเลยต้องมาคนเดียว"

"แล้วยังไง" ท่านพระครูซักเพราะเห็นเรื่องกำลังจะเข้าเค้า ท่าทางคนเล่าก็มีพิรุธชวนให้สงสัยนัก
"เขาก็มาปรึกษาโดยไม่มีแม่มาเป็นเพื่อน"
"แล้วปรึกษากันที่ไหน" ท่านพระครูสวมบทอัยการ
"ที่กุฏิผม"
"มีบุคคลที่สามอยู่ด้วยหรือเปล่า"
"ไม่มี"
"เขามาเวลาเท่าไหร่"
"ประมาณสองทุ่ม"
"แล้วปรึกษากันถึงกี่ทุ่ม"
"ประมาณสี่ทุ่ม ก็ยังไม่ดึกเท่าไหร่" พูดแบบเข้าข้างตัวเอง
"แล้วตอนปรึกษานั้น ปิดไฟหรือเปิดไฟปรึกษากัน"
"เปิดครับ แต่ไฟมันหรี่ไปหน่อย เลยออกจะมืดๆ"
"แล้วยังไงอีก"
"ผมก็ไม่รู้ว่าชาวบ้านเขามาแอบดูอยู่ แล้วก็มีคนไปบอกผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็สั่งคนให้มาล้อมกุฏิไว้"
"แล้วท่านรู้ตัวตอนไหน"
"ตอนที่เขาตะโกนเข้ามา แล้วผู้หญิงตกใจเลยกระโดดขึ้นมานั่งบนตักผม"
"ตอนที่เขาตะโกนเข้ามา ทำไมท่านไม่กระโดดหน้าต่างหนีไปก่อนล่ะ อยู่ให้เขาจับได้คาหนังคาเขาแล้วใครจะเชื่อ"
"ผมก็คิดจะหนี แต่ผู้หญิงเขาจับไว้แน่นเลย" ท่านเลี่ยงมาใช้คำว่า 'จับไว้แน่น' แต่ความจริงคือ 'กอดไว้แน่น' เพราะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

"แล้วยังไงต่อไป" ท่านพระครูซัก
"พวกเขาก็บุกขึ้นมาบนกุฏิและเห็นเข้า"
"เห็นอะไร"
"เห็นผู้หญิงนั่งอยู่บนตักผม แล้วก็จับผมไว้แน่น เขาก็ตั้งข้อหาว่าผมเสพเมถุน จะจับผมสึก"

ท่านพระครูไม่แน่ใจว่าท่านสมภารจะเล่าความจริงทั้งหมด จึงใช้ 'เห็นหนอ' เข้าตรวจสอบ แล้วก็รู้สึกเศร้าสลดใจที่เห็นผู้อยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ประพฤตินอกรีตนอกรอยเช่นนี้

"แล้วท่านจะให้ผมช่วยอะไร" ท่านถามเพราะมองไม่เห็นทางเลยว่าจะช่วยได้อย่างไร
คนถูกถามมีสีหน้าดีขึ้น "ผมขอความกรุณาท่านช่วยพูดกับเขาด้วย อย่าให้เขาจับผมสึก แล้วก็อย่าถอดผมออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส"

ท่านพระครูทนฟังไม่ได้ จึงขัดขึ้นว่า "อย่าพูดเอาแต่ได้ท่านสมภาร ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างเป็นไร ถ้าท่านเป็นชาวบ้าน มาเห็นพระทำแบบนี้ท่านจะคิดอย่างไร ท่านจะยังศรัทธา ยังเคารพพระรูปนั้นอยู่อีกหรือ ผมขอตำหนิตรงๆว่าท่านทำร้ายจิตใจชาวบ้านมากเกินไป แล้วยังทำลายความเคารพนับถือที่พวกเขามีต่อท่าน รู้ตัวหรือเปล่าว่าท่านทำให้พระศาสนาต้องมัวหมอง ผมรู้สึกเสียใจมาก เสียใจจริงๆ"

คนฟังก้มหน้างุด อยากจะยอมรับผิด แต่เจ้าทิฐมานะก็ยุยงว่า 'อย่ายอมแพ้ อย่ายอม ท่านเป็นถึงสมภาร จะยอมแพ้ไม่ได้' ได้กำลังใจเช่นนี้ ท่านสมภารจึงเถึยงออกไปแบบข้างๆคูๆ

"ท่านพระครูพูดยังกับว่าผมเป็นคนผิด"

"ใครผิดใครถูกท่านก็รู้อยู่แก่ใจ ผมขอถามหน่อยเถิดว่าศีล 227 ข้อน่ะ ท่านเหลืออยู่กี่ข้อ เอาเถอะ..ไหนๆท่านก็ตั้งใจมาขอคำปรึกษา ผมก็ขอถือโอกาสแนะนำให้ท่านสึกเสียเถิด สึกออกไปเป็นผู้ครองเรือนเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ขืนอยู่ต่อไปก็รังแต่จะทำให้พระศาสนาต้องมัวหมองหนักขึ้นอีก ท่านจะมาติดอยู่กับตำแหน่งสมภารได้อย่างไร ในเมื่อชาวบ้านเขาไม่ต้องการท่านแล้ว อย่าเหยียบเรือสองแคมเลยนะ"

"ท่านไม่ช่วยผมจริงหรือ ผมรู้ว่าท่านช่วยได้ เสียแรงที่เรารู้จักกันมาตั้งนาน" อีกฝ่ายตัดพ้อ
"ก็เมื่อรู้จักกันมานาน ท่านก็น่าจะรู้นิสัยผมดี อย่าให้ผมต้องทำผิดไปอีกคนนึงเลย ผมผิดหวังมากที่ท่านเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความชั่วเป็นความดี ไม่น่าเลย"

"ท่านจะติจะว่ายังไงผมยอมทั้งนั้น ขออย่างเดียวให้ช่วยผมด้วย ที่ผมบากหน้ามาพึ่งก็เพราะเห็นว่าท่านเป็นคนมีเมตตา แล้วท่านจะไม่เมตตาผมเลยเชียวหรือ" สมภารวัดฝั่งตรงข้ามยังคงรบเร้า

"เมตตามันก็มีขอบเขตของมันนะท่าน ถ้าเราเมตตาคนในทางที่ผิด ก็เท่ากับช่วยฉุดเขาให้ลงนรกเร็วขึ้น ท่านเชื่อผมสักครั้ง สึกเสียดีกว่าจะมาคาราคาซังอยู่อย่างนี้"

"ผมจะสึกได้ยังไง ท่านคิดดูซิ อายุผมก้ปาเข้าไปตั้งห้าสิบแล้ว จะไปทำมาหากินอะไรได้ เคยชินกับการเป็นผู้รับ สึกออกไปแล้วใครเขาจะเอาเงินเอาทองมาถวาย ข้างผู้หญิงเขาก็อายุเพิ่งจะสิบเจ็ด งานการก็ยังไม่ได้ทำเพราะยังเรียนไม่จบ ที่สำคัญคือการเป็นเจ้าอาวาสใช่จะเป็นกันได้ง่ายๆเมื่อไหร่กัน"

"ก็ในเมื่อท่านยังหวงตำหน่ง แล้วทำไมถึงไม่รักษาไว้ให้ดีล่ะ มีประโยชน์อะไรที่จะมานึกเสียดายเอาตอนนี้ มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ท่านยิ่งพูดผมก็ยิ่งเศร้าใจหนักขึ้น เพราะแสดงว่าที่ท่านมาบวชก็เพื่อหาเลี้ยงชีวิตเท่านั้น ผมคิดว่าท่านมาบวชเพื่อละกิเลสเสียอีก ที่แท้ท่านก็เป็นอุปขีวิกา บวชเพื่อเลี้ยงชีพ"

"
จะอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นเรื่องของผม ว่าแต่ท่านจะไม่ช่วยจริงๆหรือ นี่เงินตั้งสองหมื่นเชียวนะ"

พูดจบท่านสมภารก็ชี้ไปที่ธนบัตรสองปึกตรงหน้า คิดว่าท่านพระครูจะต้องใจอ่อน เพราะเงินทำให้คนใจอ่อนมานักต่อนักแล้ว

แต่ท่านเจ้าของกุฏิกลับพูดด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า "ท่านสมภารคงจะดูถูกตัวเองจนชิน ก็เลยพลอยดูถูกผมไปด้วย คนอย่างผมเงินซื้อไม่ได้แน่
 ผมจะไม่ยอมจำนนต่อเงิน แต่จะยอมจำนนต่อความถูกต้อง เก็บเงินของท่านไปเสียเถิด ผมไม่อยากได้หรอก"

สมภารวัดป่ามะม่วงรู้สึกไม่พอใจต่อการกระทำของอีกฝ่าย ต่อเมื่อระลึกรู้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ความไม่พอใจนั้นก็เปลี่ยนเป็นความเมตตาสงสาร

ท่านจึงพูดปลอบใจอาคันตุกะว่า "ท่านสมภารเคยอ่านพุทธวจนะที่เกี่ยวกับเรื่องกรรมไหม พุทธวัจนะที่ว่าหญิง  ชาย คฤหัสถ์ บรรพชิต ควรพิจารณาเนืองๆ ว่าเรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็นที่อาศัย เราทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจะได้รับผลของกรรมนั้น เคยอ่านไหม ถ้าผมจำไม่ผิด รู้สึกว่าจะอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่สิบสี่"

"เคยตรับ ผมจำได้ด้วย"

"งั้นก็ดีแล้ว ท่านลองพิจารณาไปตามพุทธวจนะที่ว่านี้ บางทีท่านอาจจะสบายใจขึ้น คิดเสียว่ามันเป็นกรรมของท่าน ท่านเป็นผู้กระทำก็ต้องรับผลด้วยตัวท่านเอง ไม่มีใครหนีกรรมไปได้ ดูอย่างพระโมคคัลลนะซึ่งเป็นถึงพระอรหันต์ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ก็ต้องมาถูกโจรฆ่าตาย เพราะกรรมที่ทำไว้กับมารดาเมื่ออดีตชาติ ถ้าท่านเชื่อผมก็ขอให้ทำตามที่ผมแนะนำ"

"ผมจะเชื่อท่านได้ยังไง ถ้าผมเชื่อก็แปลว่าผมเป็นผู้แพ้ แล้วผมเป็นใคร ผมน่ะเป็นถึงสมภาร เรื่องอะไรจะไปยอมแพ้พวกชาวบ้าน" ท่านพูดด้วยทิฐิ

ท่านพระครูรู้สึกเวทนา แต่ก็ใจเย็นพอที่จะพูดต่อไปว่า "ท่านลืมแล้วหรือว่าคนที่เป็นพระจะต้องรู้จักแพ้ พระต้องเป็นผู้แพ้อยู่วันยังค่ำ ไม่งั้นโบราณคงไม่สอนเอาไว้ว่า แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร ท่านอยากเป็นพระหรือเป็นมารล่ะ"

"แต่ผมไม่เชื่อโบราณ ผมถือคติว่าเชื่อโบราณบานบุรี ฉะนั้นผมไม่เชื่อเด็ดขาดแล้วผมก็จะไม่ยอมแพ้ด้วย"

เมื่อเห็นว่าท่านพระครูไม่ช่วยแน่แล้ว สมภารวัดฝั่งตรงข้ามก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอดกลั้นความโกรธเอาไว้ จึงพูดด้วยความโกรธแค้นว่า "ดีแล้ว ท่านจำไว้นะว่าวันพระไม่ได้มีหนเดียว ผมจะคอยดูว่าคนอย่างท่านจะไม่ตกที่นั่งลำบากอย่างผมบ้าง"

"รับรองได้ คนอย่างผมมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่ ผมสำรวมระวังเรื่องนี้อย่างที่สุด แล้วก็อบรมพระลูกวัดด้วย ท่านอย่าได้ห่วงไปเลย"

"เถอะ ถึงยังไงมันก็อาจจะพลาดพลั้งเข้าสักวัน ผมเห็นมามากแล้ว วัดที่มีชีอยู่ วันดีคืนดีชีก็ตั้งท้อง"

"แต่ก็คงไม่ใช่ชีวัดป่ามะม่วง จริงอยู่..ถึงวัดผมจะมีชี แต่ผมก็สร้างสำนักชีให้อยู่เป็นสัดเป็นส่วน ไม่ให้มาจุ้นจ้านวุ่นวายกับพระ แล้วก็ห้ามพระเณรไม่ให้เข้าไปในเขตสำนักชี ใครไม่เชื่อฟังผมก็ให้ไปอยู่วัดอื่น ตัวผมเองก็ทำตามกฏเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ไม่เคยถืออภิสิทธิ์ใดๆ ไม่ได้ทำเลอะเลือนลามปามเหมือนท่านหรอก"

ถ้อยคำของท่านพระครูทำให้สมภารวัดฝั่งตรงข้ามร้อนรุ่มคลุ้มคลั่งราวกับนั่งอยู่บนกองเพลิง ถีงจะรู้อยู่เต็มอกว่าตนเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ไม่ต้องการให้ใครมาว่า

ขณะที่กำลังหาถ้อยคำมาตอบโต้ก็พลันรู้สึกเย็นวาบชุ่มฉ่ำขึ้นมาในห้วใจ ไฟโทสะดับลงด้วยอำนาจเมตตาที่ท่านพระครูแผ่มาให้ สำนึกผิดชอบชั่วดีกลับคืนมา

สมภารวัยห้าสิบพูดเสียงอ่อยๆว่า "ผมเสียใจ นี่ถ้าผมไม่ประมาทก็คงจะไม่พลาดพลั้งถึงเพียงนี้ ผมขอสารภาพว่าผมต้องอาบัติปาราชิก ไม่รู้ผีห่าซาตานที่ไหนมาดลใจให้ผมเห็นกงจักรเป็นดอกบัว" อดโยนความผิดให้พ้นตัวไม่ได้

"อย่าไปโทษผีที่ไหนเลยท่าน โทษตัวของเรานั่นแหละ เพราะเราขาดสติจึงเป็นเช่นนี้"

"อาจจะจริงอย่างที่ท่านว่า ตกลงผมจะยอมสึก เงินจำนวนนี้คงจะเป็นประโยชน์สำหรับผมในการก่อร่างสร้างตัว" พูดพลางเก็บเงินเข้าในย่ามดังเดิม รู้สึกอัดอั้นตันใจจนพูดไม่ออก ได้แต่นั่งคอตกนิ่งอยู่

"ท่านเลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว เอาสมองไว้คิดเรื่องการทำมาหากินดีกว่า ท่านสร้างบารมีมาเพียงแค่นี้ ถึงคราวจะต้องจุติก็ต้องจุติ" ท่านหมายถึงการเคลื่อนจากเพศพรหมจรรย์

"แต่ผมเสียใจ เสียใจและเสียดายที่ไม่สามารถรักษาเพศพรหมจรรย์เอาไว้ได้ ถึงอย่างไรผมก็อยากเป็นพระมากกว่าฆราวาส นี่ถ้าสึกออกไปก็ต้องไปอยู่ที่อื่น คงทนไม่ได้ที่จะต้องถูกเยาะเย้ยถากถางจากคนที่เคยกราบเคยไหว้ผม มันเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต"

สมภารพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ท่านพระครูได้เห็นน้ำตาของลูกผู้ชายวัยเดียวกับท่าน รู้สึกสงสารเห็นใจ แต่ก็ช่วยอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะมันเรื่องของกรรมใดใครก่อ เมื่อเขาก่อกรรม สร้างกรรม เขาก็ต้องรับผลแห่งกรรม ไม่ว่าผลนั้นจะดีหรือร้าย หวานหรือขม ก็ต้องอมต้องกลืนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"แล้วท่านคิดจะไปอยู่ที่ไหน ท่านมีญาติพี่น้องที่ไหนบ้าง"

"ไม่มีเลย พ่อแม่ญาติพี่้น้องผมตายหมดแล้ว เหลือก็แต่หลานๆ ซึ่งไม่ได้ไปมาหาสู่กันนานแล้ว คงจำกันไม่ได้แล้ว แต่ถึงจำได้เขาก็คงไม่อยากคบหาสมาคมกับคนต้องอาบัติปาราชิกอย่างผม" คราวนี้ท่านถึงกับสะอึกสะอื้นออกมา

ท่านพระครูเองก็รู้สึกรันทดใจจนมิรู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร ได้แต่นิ่งกันไปทั้งคู่

ในที่สุดอาคันตุกะก็พูดขึ้นว่า "ผมเห็นจะต้องขอตัวกลับก่อน ขอบคุณที่ท่านพระครูให้สติ ผมเพิ่งประจักษ์เดี๋ยวนี้เองว่าท่านมีเมตตาอย่างแท้จริง เพราะถ้าท่านช่วยผมในทางที่ผิด ก็เท่ากับช่วยฉุดผมให้ดิ่งลงนรกเร็วขึ้น ต้องขอโทษที่รู้สึกโกรธท่านในตอนแรก ผมลาละครับ"

"ขอให้ท่านโชคดี มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็ขอให้บอกมา ไม่ต้องเกรงใจ ผมยินดีจะช่วยทุกเรื่องที่ไม่ผิดทำนองคลองธรรม ขอให้นึกถึงผมบ้าง"
"ครับ ผมจะนึกถึงท่านพระครูเป็นคนแรก ผมไปละครับ"
"แล้วจะกลับยังไงล่ะ"
"เรือเขารออยู่ครับ ผมเหมาเรือมา"
"งั้นผมจะเดินไปส่งที่ท่าน้ำ"
"อย่าเลยครับ นี่ก็รบกวนเวลาท่านมามากแล้ว เห็นว่างานท่านยุ่งมากไม่ใช่หรือ"
"ไม่เป็นไรหรอก ไหนๆก็ตั้งใจไปส่งแล้ว เสียเวลาแค่ห้านาทีสิบนาทีจะเป็นไรไป"

แล้วท่านก็เดินไปส่งอาคันตุกะที่ท่าน้ำ

ก่อนลงเรือท่านสมภารหันมากล่าวว่า "ขอบคุณท่านพระครูเหลือเกิน ผมสบายใจแล้ว จริงอย่างที่ท่านว่า..เราทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่ว เราก็ต้องรับผลของกรรมนั้น..."

"ผมไม่ได้ว่า ท่านอย่าเข้าใจผิด ผมเพียงแต่ยกพุทธพจน์มาอ้างเท่านั้น" ท่านพระครูรีบออกตัว

"นั่นแหละ ถ้าท่านไม่พูดอย่างนี้ผมก็คงยังมืดบอดอยู่ ตอนนี้ผมตาสว่างแล้ว ตาสว่างใจสว่าง ผมขอชดใช้กรรมจนกว่าจะหมด ท่านพระครูเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ขอให้ท่านเจริญในธรรมมากยิ่งขึ้น และขอให้ท่านบรรลุธรรมสูงสุดภายในชาตินี้ ผมขออนุโมทนา"

พูดพร้อมยกมือขึ้นประนมไหว้อย่างนอบน้อม ท่านพระครูยกมือขึ้นรับไหว้ แล้วยืนรอจนเรือลำน้อยเคลื่อนออกจากท่า

ตะวันรอนอ่อนแสงลงมากแล้ว เงาของพระกับคนแจวเรือที่ทอดลงบนพื้นน้ำนั้นเห็นได้ชัดเจน ท่านพระครูรู้สึกตกใจ ที่เห็นเงาของสมภารไม่มีศีรษะ รู้ได้ทันทีว่าภิกษุรูปนั้นชะตาขาด ท่านจึงหาทางช่วยเหลือด้วยการรีบกลับมาแผ่เมตตาให้ อย่างน้อยก็ช่วยให้วิญญาณนั้นไปสู่ทุคติในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ ไม่ต้องไปตกอยู่ที่นั่นชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ ท่านช่วยได้มากที่สุดเพียงเท่านั้น

ขึ้นจากเรือแล้วท่านสมภารต้องเดินไปอีกประมาณสองกิโลเมตรจึงจะถึงวัด ดวงตะวันเคลื่อนตัวต่ำลงไปทุกขณะ หนทางแคบๆ ที่สองข้างทางเป็นป่ารกเรื้อจึงดูมืดครื้มกว่าปกติ ท่านสมภารเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะอยากถึงวัดก่อนเวลาที่งูเงี้ยวมันออกหากิน เหลืออีกไม่กี่สิบก้าวก็จะพ้นแนวป่า แล้วท่านก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดใกล้ตัว รู้สึกเจ็บแปลบตรงขั้วหัวใจ แล้วความรู้สึกทั้งมวลก็ดับวูบลง ขณะที่นึกถึงเจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงเป็นสำนึกสุดท้าย

ข่าวการมรณภาพของท่านสมภารเพราะถูกลอบยิง เป็นที่โจษจันไปทั้งหมู่บ้าน ตำบลและอำเภอ นอกจากท่านพระครูแล้วไม่มีใครรู้ว่ามือปืนเป็นใคร เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงเท่านั้นที่รู้ว่าคนยิงคือคนรักของผู้หญิงที่ท่านสมภารไปพัวพันด้วย ความหึงหวงกลายเป็นความเคียดแค้น จึงมาดักยิงเสียให้สมแค้น

แต่สาเหตุที่ลึกลงไปกว่านั้นก็คือมันเป็นไปตามกฏแห่งกรรม ชาติก่อนท่านสมภารไปฆ่าเขาไว้ มาชาตินี้เขาจึงตามมาฆ่า แม้ท่านจะยู่ในเพศบรรพชิต แต่เมื่อกระทำกรรมชั่ว กรรมดีที่สั่งสมไว้จึงหมดลง เปิดโอกาสให้กรรมชั่วมาส่งผล ท่่านสมภารได้ชดใช้กรรมที่ท่านก่อแล้ว





ผู้ประพันธ์  : ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม
หมวด Book Blog



























Create Date : 06 กันยายน 2557
Last Update : 7 กันยายน 2557 0:48:36 น. 28 comments
Counter : 1577 Pageviews.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ฝากเธอ Craft Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: pantawan วันที่: 6 กันยายน 2557 เวลา:22:33:07 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Movie Blog ดู Blog
blueberryblossom Photo Blog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

จองที่ไว้ก่อน
พรุ่งนี้นิคมาอ่านนะคะคุณแว่นฟ้า
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 6 กันยายน 2557 เวลา:23:46:43 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
ชมพร About Weblog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
-------------
อรุณสวัสดิ์ขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 7 กันยายน 2557 เวลา:7:14:53 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หอมกร Movie Blog ดู Blog
Opey Art Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

สุขสันต์วันหยุดนะครับ


โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) วันที่: 7 กันยายน 2557 เวลา:8:21:17 น.  

 
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบครับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

เวียงแว่นฟ้า Dharma Blo


โดย: Insignia_Museum วันที่: 7 กันยายน 2557 เวลา:11:45:35 น.  

 
สมภารก็ไม่พ้นกฏแห่งกรรม
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: moresaw วันที่: 7 กันยายน 2557 เวลา:19:23:40 น.  

 
เดี๋ยวนี้เด็กๆ ยังพูดกันอยู่หรือเปล่าไม่รู้นะคะ "แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร"


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
anigia Parenting Blog ดู Blog
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
Tui Laksi Travel Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 7 กันยายน 2557 เวลา:19:54:37 น.  

 
แวะมาเยี่ยมก่อนนอนค่ะคุณแว่นเวียงฟ้า
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน วันที่: 7 กันยายน 2557 เวลา:20:48:17 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
Opey Art Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 7 กันยายน 2557 เวลา:23:02:21 น.  

 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
Opey Art Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

พักนี้ผมติดค้างอ่านงานของเพื่อนๆเยอะเลย
แต่จะกลับมาอ่านจนได้ครับ สัญญา



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 7 กันยายน 2557 เวลา:23:02:51 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า
ส่งกำลังใจค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Sports Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


ขอบคุณที่แวะไปฟังเพลงนะคะ
เราเองก็ลุกขึ้นโยกหลายรอบเลยค่ะ อิอิ




โดย: mambymam วันที่: 8 กันยายน 2557 เวลา:0:09:08 น.  

 


แวะมากู๊ดไนท์ วันนี้งบหมดขอติดไว้พรุ่งนี้นะค่ะ


โดย: กระดาษหนึ่งใบเข้าใจชีวิต (Opey ) วันที่: 8 กันยายน 2557 เวลา:0:40:51 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Parenting Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

--------------------

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
กฎแห่งกรรมทำหน้าที่ได้เที่ยงธรรมเสมอ

ขอบคุณที่แวะไปพร้อมกำลังใจนะคะ
เช้านี้เปลี่ยนเมนูใหม่แล้วค่ะ
เชิญด้วยนะคะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 8 กันยายน 2557 เวลา:9:13:20 น.  

 

มาส่งกำลังใจและโหวตค่ะ

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 8 กันยายน 2557 เวลา:10:32:02 น.  

 
เติมกำลังใจเช่นเคยค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
ญามี่ Literature Blog ดู Blog
Close To Heaven Parenting Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 8 กันยายน 2557 เวลา:19:32:22 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เตยจ๋า Dharma Blog ดู Blog
phunsud Food Blog ดู Blog
ธารน้อย Literature Blog ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Political Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
อรุณสวัดิ์จ้ะ


โดย: Opey วันที่: 9 กันยายน 2557 เวลา:3:14:00 น.  

 
อรุณสวัสดิ์พร้อมส่งกำลังใจด้วยค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 9 กันยายน 2557 เวลา:8:52:28 น.  

 
แวะมาอ่านต่อค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

newyorknurse



โดย: newyorknurse วันที่: 9 กันยายน 2557 เวลา:8:54:14 น.  

 



นิคส่งดอกไม้มาทักทายไว้ก่อนค่ะ


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 9 กันยายน 2557 เวลา:15:38:21 น.  

 
ขนาดเป็นพระภิกษุ ถือศีลภาวนาแล้ว
ก็ไม่สามารถล้างกรรมเก่าได้
ทางที่ดีไม่สร้างกรรมต่อกันดีที่สุดเลยนะคะ

ขอบคุณมากๆค่า



โดย: lovereason วันที่: 9 กันยายน 2557 เวลา:23:11:39 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
ตอนนี้มีคติสอนใจมากค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog




โดย: หอมกร วันที่: 10 กันยายน 2557 เวลา:19:05:53 น.  

 
นิคมาอ่านจนจบตามสัญญาค่ะคุณแว่นฟ้า
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนั้นเลยค่ะ
เรื่องเงินเนี่ยถ้าไม่ระมัดระวังมันเป็นผีร้ายจริงๆ
ต้นเหตุให้เกิดบาปอื่นๆตามมาเลย

ขอบคุณด้วยนะคะ
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์่ค่ะ


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 10 กันยายน 2557 เวลา:23:47:25 น.  

 
เดี๋ยวนี้พระที่บวชเพื่อหาเลี้ยงชีพมีเยอะนะคะ
ผู้มีหน้าที่สืบทอดพระพุทธศาสนาปฏิบัตเสื่อม
ศาสนาจึงเสื่อมตามไปด้วย
เดี๋ยวนี้หาพระที่สามารถเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณได้
อย่างเช่นท่านพระครู หาได้ยากเหลือเกินค่ะ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ซองขาวเบอร์ 9 Literature Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog


โดย: ฝากเธอ วันที่: 12 กันยายน 2557 เวลา:21:18:20 น.  

 
มาโหวตก่อนครับ เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
เรื่องสถานที่ต่างๆในวัดท่าซุง ยอมรับครับ ว่ายังเข้าไม่ไปไม่ทั่วถึง
โดยเฉพาะสถานที่ปฏบัติธรรม และ ประกอบพิธีทางศาสนา
แล้วจะเก็บภาพมาฝากครับ


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 12 กันยายน 2557 เวลา:23:53:40 น.  

 
:)


โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) วันที่: 13 กันยายน 2557 เวลา:17:51:54 น.  

 
ส่งกำลังใจค่ะคุณแว่นเวียงฟ้า
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Parenting Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: jamaica วันที่: 15 กันยายน 2557 เวลา:8:46:54 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่า

แวะมาขอบคุณพร้อมเอาดอกกระชายมาฝากด้วยค่ะ
รอตอนต่อไปอยูนะคะ





โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 19 กันยายน 2557 เวลา:9:20:28 น.  

 



แวะมาทักทายและขอบคุณที่ไปโหวตให้ป้าด้วยค่ะ


โดย: พรไม้หอม วันที่: 19 กันยายน 2557 เวลา:11:59:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]