เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
เมษายน 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
8 เมษายน 2559

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 43







เพราะนายขุนทองจัดตารางเวลาการทำงานให้ท่านพระครู จึงทำให้ญาติโยมที่มาเข้ากรรมฐานมีโอกาสมากขึ้น ในอันที่จะเรียนถามข้อข้องใจสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติ ในการปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นต้องมีครูอาจารย์คอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด มิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือหลงทางได้ง่ายๆ

เช้าวันหนึ่ง ขณะที่ท่านพระครูกำลังสอบอารมณ์ให้ผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ที่กุฎิ หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งแถวหลังสุด ก้มลงกราบสามครั้งแล้วนิ่งอยู่ สีหน้าท่าทางบ่งว่ากำลังมีทุกข์ ท่านพระครูยังต้องต้องใช้เวลาอีกนานในการสอบอารมณ์ จึงอนุญาตให้หล่อนลัดคิว ด้วยการถามว่า

"มีอะไรหรือแม่หนู ไหนเขยิบเข้ามานั่งในๆหน่อยซิ"

บรรดาผู้ที่นั่งอยู่ขยับกาย เปิดทางให้หล่อนคลานเข้ามา

"อาตมาต้องขอโทษญาติโยมด้วยนะ ขอลัดคิวให้แม่หนูคนนี้ก่อน ท่าทางเขาจะมีธุระด่วน เอ้า..แม่หนู มีอะไรก็ว่าไปเลย"

"หลวงพ่อคะ หนูมาขอบวชชีค่ะ"
"ทำไมถึงจะบวชล่ะหนู"
"หนูกลุ้มใจค่ะ ให้หนูบวชเถิดค่ะหลวงพ่อ หนูอยากจะอยู่ในที่สงบ"

ท่านพระครูตรวจสอบคุณสมบัติของหล่อนแล้วจึงบอกกับหล่อนว่า "เอาละ อย่าเพิ่งพูดเรื่องบวข เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวหลวงพ่อจะให้นายขุนทองพาหนูไปฝากไว้กับแม่ครัวสักเจ็ดวัน แล้วค่อยมาพูดกันใหม่"

ท่านเรียกนายขุนทองมาสั่งการ

เมื่อหญิงสาวลุกออกไปแล้ว อุบาสิกาคนหนึ่งได้ถามขึ้นว่า "ทำไมหลวงพ่อไม่ส่งเขาไปอยู่สำนักชีเล่าคะ ทำไมถึงส่งไปอยู่โรงครัว"

"ก็พวกแม่ชีเขากินข้าววันละสองมื้อ แต่แม่หนูคนนั้นแกจำเป็นต้องกินสามมื้อ อาตมาจึงจำเป็นต้องส่งไปอยู่กับพวกแม่ครัว"

"ไหนๆเขาจะบวชก็น่าจะฝึกกินสองมื้อไว้ ไม่งั้นจะบวชได้ยังไง" อุบาสิกาออกความเห็น

"ก็ใครว่าอาตมาจะให้เขาบวชล่ะ ขืนให้บวชก็เสียชื่อวัดหมด รับรองว่าวัดป่ามะม่วงเสียชื่อกันคราวนี้เอง ให้บวชไม่ได้เด็ดขาด" ท่านพูดเสียงหนักแน่น

"ทำไมหรือครับ" อุบาสกที่นั่งหน้าสุดถาม

พวกที่นั่งอยูในกุฎิมีประมาณยี่สิบคน เป็นอุบาสกเพียงสามคนเท่านั้น แสดงว่าพวกผู้ชายเป็นพวกไม่ค่อยชอบเข้าวัด

"จะให้บวชได้ยังไง ก็มาสองคน จะบวชได้หรือ"
"ผมเห็นมาคนเดียวนี่ครับ"

"ใช่ ใครๆก็เห็นเขามาคนเดียว แต่อาตมาเห็นเขามาสองคน อยู่ในท้องคนนึง แบบนี้จะให้บวชได้ยังไง ใครไม่รู้จะหาว่ามาท้องกับพระ เพราะครรภ์มันโตขึ้นทุกวัน เมื่อกี้อาตมาไม่พูดเพราะกลัวเขาจะอาย ญาติโยมเห็นหรือยังว่า'เห็นหนอ' มีประโยชน์มหาศาลทีเดียว ไม่ได้เป็นการอวดวิเศษแต่ประการใด โยมเห็นด้วยไหม"

"เห็นด้วยครับ" อุบาสกตอบ

"หลวงพ่อคะ แล้วอย่างฉันนี่จะมีโอกาสได้ 'เห็นหนอ' บ้างไหมคะ" อุบาสิกาอีกผู้หนึ่งถามบ้าง

"ได้หรือไม่ได้มันขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่โยมเคยสะสมไว้ตั้งแต่ชาติปางก่อน บวกกับความเพียรพยายามในชาตินี้ ถ้าไม่เคยสั่งสมมา ชาตินี้แม้จะเพียรพยายามสักเท่าไรก็จะไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการปฏิบัติของเราเป็นหมัน เพระมันจะเป็นเหตุปัจจัยในชาติต่อๆไป อาจจะในชาติหน้าก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม อาตมาไม่สนับสนุนให้ตั้งความหวัง ขอให้โยมอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด กำหนดสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา จะได้ 'เห็นหนอ' หรือไม่ได้ก็ไม่ต้องสนใจ แต่ถ้าใครได้แล้วเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง อีกหน่อยก็เสื่อม อย่างอาตมานี่ไม่เคยใช้ดูเลขให้หวยใคร เพระไม่ใช่วิสัยของพระที่จะทำเช่นนั้น"

"งั้นพระที่รับสะเดาะเคราะหฺ รดน้ำมนต์ตัดเวรกรรม ก็ไม่ถูกต้องสิคะ อ้อ พระหมอดูอีกอย่าง"

"มันจะถูกต้องได้ยังไงล่ะโยม ท่านเก่งแต่สะเดาะเคราะห์ให้คนอื่น พอเคราะห์ตัวเองกลับสะเดาะไม่ได้ โยมคอยดูไปแล้วกัน ว่ากฏแห่งกรรมจะทำหน้าที่เร็วหรือช้า คุณหญิงคนนึงเขามาพูดให้อาตมาฟัง ว่ากรรมเดี๋ยวนี้มันติดจรวดนะ ให้ผลทันตาเห็น ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า" ท่านนึกถึงคำพูดของคุณหญิงอรอุษา

"พระสมัยนี้ทำตัวนอกรีตนอกรอยนะครับหลวงพ่อ ที่ผมกล้าพูดเช่นนี้เพราะผมเคยเป็นลูกศิษย์วัดมาก่อน ตอนเรียนหนังสือผมต้องอาศัยวัดอยู่ เพราะเป็นเด็กบ้านนอก พ่อแม่ส่งไปเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ เลยไปอาศัยอยู่กับหลวงพี่ที่เป็นคนบ้านเดียวกัน"

"งั้นหรือ โยมอยู่วัดอะไรล่ะ"

เขาบอกขื่อวัดแห่งหนึ่ง เป็นวัดที่รายได้ดีเพราะมีศพคนรวยๆมาให้เผาทุกวัน ส่วนคนจนไม่มีสิทธิเอาศพมาเผาที่วัดนี้ เพราะสู้ค่าโสหุ้ยไม่ไหว

"โอ๊ย วัดนี้น่ะเหรอ ยอดยิวเลยหลวงพ่อ ญาติฉันเคยเอาศพพ่อเขาไปไว้ ตั้งใจจะสวดพระอภิธรรมสักเจ็ดคืน พอสวดไปได้สามคืนก็ต้องขอย้ายวัด เพราะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ขนาดเขาเป็นคนมีเงินนะคะ ยังสู้ไม่ไหวเลยค่ะ"

"แล้วหลวงพ่อเชื่อไหมครับว่าคนที่ยู่วัดมักจะเกลียดพระ อย่างผมนี่เกลียดเอามากๆ แต่ก็ไม่ทุกองค์นะครับ องค์ไหนดีผมก็ไม่เกลียด แต่พระดีๆก็หายากมาก"

"ไปเกลียดท่านเรื่องอะไรล่ะโยม"

"ก็ท่านทำตัวไม่เหมาะสมนี่ครับ อย่างหลวงพี่ข้างห้องผม ท่านเอาสีกาเข้าไปคุยในห้อง คุยตั้งแต่หัวค่ำยันดึก ปิดประตูคุยเสียด้วย ผมก็ไม่อยากคิดว่าเขาทำอะไรกัน เพราะกลัวบาป อีกอย่างเราก็ไม่ได้เห็นกะตา"

"แล้วทำไมไม่แอบดูล่ะ" อุบาสกอีกคนถาม

"ไม่หรอกครับ ผมกลัวเห็น แต่พวกเพื่อนๆผมมันเจาะฝาแอบดู แล้วพากันหัวเราะคิกๆชอบใจ"
"แหม ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะแอบดูให้รู้ดำรู้แดงไปเลย" อุบาสกคนนั้นว่า

"ผมไม่อยากเดือดร้อน เจ้าพวกนั้นพอดูแล้วก็เดือดร้อนไปตามๆกัน ต้องออกไปเสยเงินให้ผู้หญิงอย่างว่า ส่วนผมไม่มีเงินที่จะทำแบบนั้น" เขาบอกเหตุผลที่ไม่ยอมแอบดู

ท่านพระครูเชื่อเรื่องที่เขาเล่าโดยไม่ต้องใข้เห็นหนอเข้าตรวจสอบ ที่เชื่อก็เพราะท่านเคยเป็นลูกศิษย์วัดมาก่อน จึงรู้เช่นเห็นชาติพวกพระนอกรีตนอกรอยมานักต่อนัก

แล้วท่านจึงเล่าเรื่องที่พอจะเล่าได้ว่า "อาตมาก็เคยเป็นเด็กวัดเหมือนกัน วัดแถวฝั่งธนฯน่ะ ชื่อวัดอะไรก็อย่ารู้เลย ก็อย่างที่โยมว่า ใกล้พระก็เกลียดพระ อาตมาเกลียดพระที่สุด แต่อย่าลืมนะ มันเป็นกฏแห่งกรรม เกลียดพระก็เลยต้องมาเป็นพระ โบราณเขาสอนว่าเกลียดขี้ได้ขี้ อาตมาเกลียดพระเลยต้องมาเป็นพระ" ท่านย้ำ

"ทำไมหลวงพ่อถึงเกลียดพระเล่าคะ" อุบาสิกาถาม
"จะไม่ให้เกลียดได้ยังไง ก็ท่านทำไม่ถูกต้อง"
"แล้วทำไมหลวงพ่อไม่ฟ้องพระผู้ใหญ่เล่าคะ"
"ฟ้องไม่ได้หรอก ขืนฟ้องเขาจะได้ไล่อาตมาออกจากวัด แล้วอาตมาจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ"

"เหมือนผมเลยครับหลวงพ่อ เห็นพระทำผิดก็ไม่มีปากมีเสียง เพราะถ้าขืนปากมากไป เขาไล่ออกจากวัดก็จะไม่ได้เรียนหนังสือ พ่อแม่อุตส่าห์ส่งมาเรียน"

"นั่นน่ะสิ เรามันหัวอกเดียวกัน นะโยมนะ"
"ครับ" อุบาสกตอบยิ้มๆ
"ที่อาตมาเกลียดพระเพราะถูกท่านใช้ทุกคืน เราจะูหนังสือหนังหา กลับต้องมาวิ่งซื้อก๋วยเตี๋ยวให้พระฉันในเวลาวิกาล"
"แล้วท่านให้ค่าจ้างไหมครับ"
"ไม่ให้หรอก ท่านใช้วิธีหลวงพี่ชาม ลูกศิษย์ชาม อาตมาเลยต้องกินก๋วยเตี๋ยวทุกคืน จนเบื่อมาถึงทุกวันนี้"

"นอกจากบริโภคอาหารยามวิกาลแล้ว ก็ยังถกเขมรเตะตะกร้อกันทุกเย็น นุ่งห่มก็ไม่สำรวม เป็นพระทำยังงั้นผิดวินัยนะ ต้องนุ่งห่มให้ครบสามชิ้น ที่เรียกว่าไตรจีวร ตั้งแต่บวชมานี้อาตมายังไม่เคยละเมิดพระวินัยข้อนี้เลย จะร้อนแสนร้อนเหงื่อหยดติ๋งๆ อาตมาก็นุ่งห่มครบสามชิ้น ทั้งสบง จีวรและสังฆาฏิ แต่พระวัดนั้นนุ่งสบงตัวเดียว แถมถกเขมรเตะตะกร้อกันสนุกสนาน ไม่มีการสำรวมอิริยาบถกันเลย แต่อย่าพูดไปนะ ตอนนี้หลวงพี่พวกนั้นพากันเข้าเมรุไปเกือบหมดแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ก็คงเตะตะกร้อไม่ไหวแล้วมั้ง"

"แย่จังเลยนะคะหลวงพ่อ แล้วอย่างนี้ศาสนาจะไม่เสื่อมยังไงไหว"

"ศาสนาน่ะไม่เสื่อมหรอกโยม จิตใจคนต่างหากที่เสื่อม ทั้งพระทั้งฆราวาสนั่นแหละ แล้วโยมก็อย่าไปสรุปเอาเองว่าพระเลวหมด พระที่ดีๆก็ยังมีอยู่ ขอให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองเอาก็แล้วกัน พระแท้กับพระเทียมนั้มีข้อแตกต่างกันแยะ 'คนที่บวชเพื่อละคือพระแท้' จำเเอาไว้ ถ้าใครมาบวชเพื่อลาภยศสักการะ คนนั้นไม่ใช่พระแท้............

ในสมัยพุทธกาล คนที่มีเงินมากๆมาขอบวช พระพุทธเจ้าก็ไม่บวชให้ ต้องเอาเงินทองที่มีไปบริาคให้คนยากคนจนให้หมดเสียก่อน ตัวอย่างวิสาขาอุบาสเอาเงินหนึ่งพันหาปณะมาขอบวช พระพุทธองค์ตรัสว่า 'เราไม่บวชให้ผู้ที่มีเงินหนึ่งพันหาปณะ' ท่านวิสาขอุบาสกจึงต้องเอาเงินไปบริจาคคนยากคนจนแล้วจึงได้บวช แต่สมัยนี้ พระบางองค์ตอนมาบวชไม่มีอะไรเลย แต่พอตอนสึก โอ้โฮ..ข้าวของทรัพย์สมบัติมากมายเลือเกิน เอารถบรรทุกมาขนตั้งสามเที่ยวยังไม่หมด นี่..แบบนี้ไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้าแล้ว"

"หลวงพ่อคะ แล้วพระที่นอนกับผู้หญิงทำไมท่านไม่สึกเสียให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ แล้วก็ไม่ทำให้คนเข้าใจศาสนาผิดๆด้วย เป็นฉันๆสึกดีกว่า"

"ก็ท่านไม่ได้เป็นโยมน่ะสิ ถ้าเป็นโยมก็คงหมดเรื่องไปแล้ว จริงไหม"

"ผมว่าท่านคงเสียดายลาภสักการะที่เคยได้น่ะครับหลวงพ่อ กล้วว่าสึกไปแล้วจะไม่มีใครนับถือ จะไม่มีใครเอาปัจจัยมาถวาย"

"หลวงพ่อคะ พระหมั้นผู้หญิงบาปไหมคะ" อุบาสิกาที่อายุน้อยว่าเพื่อนถาม หล่อนเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ

"หมั้นยังไงล่ะ"

"คือวัดข้างบ้านหนูน่ะค่ะ หลวงลุงองค์หนึ่ง อายุห้าสิบ ท่านไปหมั้นผู้หญิงอายุสิบเจ็ด ทำพิธีหมั้นกันด้วย หนูยังไปดูเลย ท่านก็มานั่งใกล้ๆกับผู้หญิงแล้วมอบสินสอดทองหมั้นให้ หนูก็ปากไม่ดี ทนไม่ได้จึงถามท่านว่า 'ทำไมหลวงลุงไม่สึกเสียเลยล่ะ จะได้สวมแหวนเพชรให้เจ้าสาวได้'  ท่านก็ตอบทันทีว่า 'ยังสึกไม่ได้รอครู รอเก็บเงินแต่งงานก่อน'  หนูเลยอายม้วนแทนท่านไปเลย พระอายุห้าสิบตอบแบบนี้ แล้วท่านก็ทำอะไรตลกๆ เวลามีญาติโยมเอาส้มสูกลูกไม้มาถวาย พอเขาลงกุฏิไป ท่านก็ลงบ้าง ถือถาดผลไม้ที่เขาเอามาถวายไปถวายคู่หมั้นอีกทีนึง คนแถวนั้นเขารู้กันหมด ไม่มีใครเลื่อมไสศรัทธาเลย แต่คนที่มาจากที่อื่นเขาไม่รู้ มาให้ท่านดูหมอให้ทุกวัน ท่านบอกว่จะต้องเก็บเงินปลูกเรือนหอให้เสร็จก่อน จึงจะสึก หนูเลยแกล้งพูดประชดว่า กว่าจะเสร็จ ท่านลุงคงหกสิบกว่าแล้ว ท่านก็ว่าไม่หรอก ขาดอีกไม่กี่หมื่นก็จะครบแล้ว"

"แหม โยมก็ไปต่อล้อต่อเถียงกับท่านอยู่ได้ เดี๋ยวท่านก็จะหาว่าอิจฉาท่านหรอก"

"ท่านว่าแล้วค่ะ ท่านบอกว่า 'ครูเสียใจใช่ไหม ที่อาตมาไม่ไปขอหมั้นครู ครูก็เลยอิจฉาหนูอร' คู่หมั้นท่านชื่ออรปณิตาค่ะ"

"แล้วโยมว่ายังไง"

"หนูก็ย้อนว่า 'โอ๊ย แก่ๆอย่างหลวงลุง ถึงมาขอหนูก็ไม่เอาหรอก ใครจะโง่เอาผีมาเผาล่ะหลวงหลุง'"

"ผมว่าพอๆกันเลยนะครับ ทั้งพระทั้งสีกา ฝีปากพอๆกัน" อุบาสกผู้นั้นกล่าว เลยถูกครูสาวขว้างค้อนเข้าใส่

"แบบนี้บาปไหมคะหลวงพ่อ ถึงขั้นปาราชิกไหมคะ" หล่อนถามต่อ

"เท่าที่โยมเล่ามา ยังไม่ถึงขั้นปาราชิกหรอก อาบัติปาราชิกมีสี่ข้อคือ เสพเมถุน ฆ่าคนตาย ขโมยเงินตั้งแต่ห้าบาทขึ้นไป  และอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน หากประพฤติข้อใดข้อหนึ่งในสี่ข้อนี้ จึงจะถือว่าต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากสมณเพศ เอาละ เรามาสอบอารมณ์กันต่อดีกว่า รู้สึกว่าจะพูดกันเกินขอบเขตไปแล้ว ทั้งอาตมา ทั้งโยมนั่นแหละ อย่างนี้เขาเรียกว่า 'กรรมฐานรั่ว' อุตส่าห์ตั้งใจปฏิบัติกันตั้งหลายวัน ก็มาทำรั่วเสียแล้ว สอบตกกันทั้งพระทั้งโยม" ท่านตำหนิตัวเองด้วย

แล้วท่านก็พูดต่อว่า "อาตมาเกือบต้องตายเพราะพระนะ ดีที่มีคนมาช่วยเอาไว้ อาตมายังรู้บุญคุณของเขามาจนทุกวันนี้ อยากฟังไหม จะเล่าให้ฟัง"

"อยากครับ"
"อยากค่ะ"

"คืออาตมาตอนเด็กๆไม่เคยอยู่กับพ่อแม่ อยู่กับยายบ้าง กับวัดบ้าง ไม่เคยอยู่บ้านของตัวเองเลย ความที่เกมาก ยายเลยส่งไปอยู่วัดที่ฝั่งธน ตำบลบางแวก แต่อย่ารู้เลยว่าวัดอะไร เพราะตอนนี้พระรูปนั้นก็ยังยู่ อายุเกือบแปดสิบแล้ว เป็นอัมพาต ไปไหนมาไหนไม่ได้"

"แล้วตอนนั้นหลวงพ่ออายุเท่าไหร่ครับ"

"สักสิบสามสิบสี่นี่แหละ คือยายบอกว่าเอาไปให้พระขัดสันดาน พระรูปนั้นท่านทำผิดร้ายแรงเสียด้วย อาตมาจะไม่บอกหรอกว่าทำอะไร มีอาตมาคนเดียวที่เห็น ท่านก็ขู่ว่าอย่าไปบอกใคร ถ้าบอกจะฆ่าให้ตาย อาตมาก็รับปากว่าจะไม่บอกใคร แต่ท่านก็คงไม่ไว้ใจ คอยระแวงอยู่ตลอดเวลา และก็คิดจะปิดปากอาตมา ท่านจ้างพวกเด็ดวัดโตๆ มารุมซ้อมอาตมา โยมคิดดูสิ อาตมาตัวเล็กกว่าเพื่อน แต่ถูกเด็กวัดซ้อม ไปซ้อมกันที่ท่าน้ำ โดยมีพระรูปนั้นยืนดูอยู่ ท่านสั่งว่า 'เอาเลย เอาให้ตายแล้วโยนลงน้ำไป' แหม..ใจดำจริงๆ ใจดำเหลือเกิน พวกเขาก็พากันรุมซ้อมอาตมา ทั้งชกทั้งต่อย ทั้งเตะทั้งถีบ อาตมาร้องไห้ ยกมือขึ้นไหว้ปะหลกๆ ขอชีวิต พวกลูกศิษย์ก็ทำท่าว่าจะสงสาร แต่ท่านบอกว่า 'อย่าไปสงสารมัน ไอ้นี่มันร้าย โตขึ้นมันจะจัดการกับพวกเอ็ง' พวกลูกศิษย์ก็ซ้อมจนอาตมาสลบ ก่อนสลบก็คิดว่าคราวนี้ต้องตายแน่ เพราะเขาคงจะจับโยนลงน้ำ อาตมาก็นึกถึงยาย รักยายมากเพราะยายเลี้ยงมาตลอด แต่อาตมาก็เกเหลือร้าย ขโมยเงินยายเป็นประจำ ขโมยไปเล่นทอยกอง พอจะตายกลับคิดถึงยาย........

พออาตมาฟื้นมา ลุงคนนั้นแกเล่าให้ฟังว่าแกพายเรือผ่านมาเห็นเข้า เลยช่วยชีวิตไว้ แกใช้ไม้พายตีเด็กพวกนั้นจนกระเจิงไป แล้วก็ด่าพระรูปนั้นด้วย ว่ายืนดูคนถูกรังแกได้อย่างไร พระนั่นรีบหนีเข้าวัดไปเลย แกจึงอุ้มอาตมาลงเรือแล้วพายไปบ้านแก ช่วยเยียวยาจนฟื้น อาตมารอดตายเพราะเหตุนี้ อาตมาเป็นหนี้บุญคุณลุงคนนั้นมาก ถ้าไม่ได้แก ป่านนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่นรกขุมไหน เพราะตอนเป็นเด็กไม่เคยสร้างความดีเลย ยายก็สอนไปเถอะ สอนจนอ่อนใจอาตมาก็ไม่ดีขึ้น จึงต้องส่งไปให้พระดัดสันดาน ยายให้เอาปิ่นโตไปถวายเพล อาตมาก็เอาไปกินกับเด็กเลี้ยงควายซะ ไม่เคยถึงพระเลย กระทั่งยายจับได้"

"คุณยายของหลวงพ่อแอบสะกดรอยตามไปดูหรือคะ" อุบาสิกาที่เป็นครูถาม

"เปล่าหรอก พออาตมาหิ้วปิ่นโตออกจากบ้าน ก็เอาไปกินกับเด็กเลี้ยงควายที่กลางนา กินเสร็จก็เล่นน้ำในทุ่งกันอย่างสนุกสนาน เล่นกันจนบ่ายก็กลับบ้าน ยายเห็นเดินมาก็ร้องตะโกนถามว่า 'ไอ้หนุู ถวายเพลเรียบร้อยแล้วหรือ' อาตมาก็ตอบว่า 'เรียบร้อยแล้วยาย' ยายก็ถามอีกว่า 'แล้วรับพรมาหรือเปล่า' อาตมาก็บอกว่า 'รับมาเรียบร้อย หลวงพ่อช้างให้พรมาเพียบเลย' หลวงพ่อช้างคือพระที่ยายให้ไปถวายเพล ยายก็บอกว่า 'ดีมาก ไอ้หนูทำดีมาก มาขึ้นมา ยายจะให้รางวัล' อาตมาก็ชักเอะใจ  เพราะยายไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ พอขึ้นพ้นหัวบันได ตายเลย หลวงพ่อช้างนั่งอยู่บนบ้าน โอ้โฮ ยายตีต่อหน้าพระเลย ตีซะหลังลายพร้อย ยายบอกว่า 'ทีหน้าทีหลังอย่าทำอีก กินของพระเอ็งจะเป็นเปรต รู้ไหม'

"แล้วหลวงพ่อช้างไม่ห้ามหรือคะ"

"ท่านก็ห้ามเหมือนกัน แต่ยายบอกว่า 'ไม่ได้หรอกหลวงพ่อ มันทำมาหลายหนแล้ว ถ้าฉันไม่ตีมันเดี๋ยวมันจะบาป ต้องตีล้างบาปให้มันหน่อย'  นี่..ยายพูดอย่างนี้ แหม 'หน่อย' ของยายเนี่ย ทำเอาอาตมาหลังลายไปหลายวัน ตั้งแต่นั้นอาตมาก็เลยเข็ด เวลาถือปิ่นโตเดินผ่านเด็กเลี้ยงควาย เขาก็ถามว่า 'ไง เจ้าแกละ วันนี้ไม่มากินเลี้ยงกันอีกหรือ' อาตมาก็เลยเปิดหลังให้ดู แล้วก็เอาอาหารไปถวายหลวงพ่อช้าง แต่ท่านก็ใจดี พอฉันเสร็จก็บอกให้เอาที่เหลือไปแบ่งปันกับเพื่อนๆ แล้วท่านยังแถมอาหารอื่นมาให้ด้วย จนเต็มปิ่นโต นี่แหละชีวิตของอาตมา เกลียดพระก็เลยต้องมาเป็นพระ"  ท่านพระครูสรุป

"แล้วหลวงพ่อกลับไปอยู่วัดนั้นอีกหรือเปล่าคะ วัดที่มีพระใจร้ายน่ะค่ะ"

"ขืนกลับไปก็ไม่ได้มานั่งพูดอยู่ตรงนี้สิโยม อาตมาก็เลยต้องกลับไปอยู่กับยายเหมือนเดิม ตั้งแต่นั้น"

"แล้วตอนนั้นหลวงพ่อหายเกเรหรือยังครับ"

"มันจะหายง่ายๆ ยังไงล่ะโยม คือพอกลับมาอยู่กับยาย อาตมาก็ยังเกเรเหมือนเดิม ตีหัวหมาด่าแม่เจ๊กไม่เว้นแต่ละวัน ที่ยายต้องส่งไปเรียนที่ฝั่งธน เพราะโรงเรียนที่นี่เขาไม่รับอาตมา จังหวัดนี้มีโรงเรียนมัธยมอยู่แปดโรง อาตมาเรียนมาแล้วทุกโรง แห่งละเดือนบ้าง สองเดือนบ้าง พอครบแปดโรง อาตมาก็กะว่าจะเรียนรอบที่สอง แต่เขาไม่รับ ยายเลยต้องส่งไปเรียนที่ธนบุรี"

"แล้วหลวงพ่อเลิกเกตอนไหนคะ ตอนบวชเลิกเกหรือยัง"

"เลิกเกตอนไปพบ 'พระในป่า' แล้วท่านสอนกรรมฐานให้ เรื่องมันยาวนะโยม เล่าไปอีกสามวันก็ไม่จบ เอาละ คราวนี้อาตมาไม่เล่าแล้ว เรามาพูดเรื่องการปฏิบัติกันดีกว่า ไหน..ใครมีปัญหาอะไรก็ถามมาได้ ยังมีเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะถึงเพล"





ผู้ประพันธ์   :   ดร. สุทัสสา อ่อนค้อม
หมวดหนังสือ






Create Date : 08 เมษายน 2559
Last Update : 8 เมษายน 2559 8:19:03 น. 27 comments
Counter : 1052 Pageviews.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ในที่สุดก็ได้อ่านฉลองสงกรานต์นะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 8 เมษายน 2559 เวลา:9:19:14 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ชมพร วันที่: 8 เมษายน 2559 เวลา:14:06:26 น.  

 
ท่านพระครูใช้ 'เห็นหนอ' แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้หญิงสาวอีกแล้ว ค่ะ
เวลามีเรื่องทุกข์ร้อนนี่บางทีไม่ทันคิดหรอก ขอบวชก่อนเลย



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Food Blog ดู Blog
Raizin Heart Literature Blog ดู Blog
ซองขาวเบอร์ 9 Literature Blog ดู Blog
phunsud Food Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 8 เมษายน 2559 เวลา:16:27:13 น.  

 

ศาสนาน่ะไม่เสื่อมหรอกโยม จิตใจคนต่างหากที่เสื่อม
ทั้งพระทั้งฆราวาสนั่นแหละ
แล้วโยมก็อย่าไปสรุปเอาเองว่าพระเลวหมด
พระที่ดีๆก็ยังมีอยู่ ขอให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองเอาก็แล้วกัน.....สาธุ
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: moresaw วันที่: 8 เมษายน 2559 เวลา:20:53:09 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
NENE77 Literature Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: ก้นกะลา วันที่: 9 เมษายน 2559 เวลา:1:07:29 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mariabamboo Parenting Blog ดู Blog
NENE77 Literature Blog ดู Blog
กาปอมซ่า Literature Blog ดู Blog

เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog


โดย: newyorknurse วันที่: 9 เมษายน 2559 เวลา:2:25:35 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
ตุ๊กจ้ะ Parenting Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 9 เมษายน 2559 เวลา:10:00:40 น.  

 
มาส่งกำลังใจค่ะ
อากาศร้อนๆ อ่านเรื่องแบบนี้ก็เย็นดีนะคะ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
mcayenne94 Home & Garden Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 9 เมษายน 2559 เวลา:20:35:24 น.  

 


สวัสดีปีใหม่ไทยครับ


โดย: moresaw วันที่: 15 เมษายน 2559 เวลา:8:14:58 น.  

 
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมค่ะ รีบมา นึกว่ามีตอยใหม่
ขอบคุณนะคะ สุขสันต์สงกรานต์และ
สวัสดีปีใหม่ไทยด้วยค่ะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 15 เมษายน 2559 เวลา:9:24:57 น.  

 
สาธุ คะ
ได้อ่านปัญหาธรรม กระจ่างแจ้งขึ้นมาบ้าง
กรรมใครก็กรรมมันนะคะ อย่าไปเกลียด หรือว่าจะเข้าตัว
ขอบคุณคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog


โดย: Tui Laksi วันที่: 15 เมษายน 2559 เวลา:11:56:36 น.  

 
สวัสดีวันปีใหม่ไทยครับ
อ่านสนุกทุกตอน ชวนติดตามครับ
โหวต Book Blog


โดย: Insignia_Museum วันที่: 15 เมษายน 2559 เวลา:13:40:17 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะคุณไฮกุ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


ขอบคุณที่แวะเยี่ยมนะคะ



โดย: mambymam วันที่: 15 เมษายน 2559 เวลา:18:49:36 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะคุณเวียงแว่นฟ้า


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

.................................

นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 15 เมษายน 2559 เวลา:23:33:50 น.  

 
มาโหวตก่อนครับ เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 16 เมษายน 2559 เวลา:23:24:06 น.  

 
วันนี้มาขออภัยค่ะ วันก่อนเรียกชื่อผิดเป็นคุณไฮกุ
เบลอมากมายค่ะพักนี้



โดย: mambymam วันที่: 17 เมษายน 2559 เวลา:18:06:20 น.  

 
ว่าไปก็จริงนะคะ หมดศรัทธากับพระบางรูปจริง ๆ ค่ะ


ขอบคุณค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 18 เมษายน 2559 เวลา:19:46:01 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 19 เมษายน 2559 เวลา:11:17:50 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ขอบคุณที่ไปสวัสดีในวันสงกรานต์ค่ะ
ขอให้มีความสุขกับอากาศร้อน ๆ นะคะ


โดย: AppleWi วันที่: 20 เมษายน 2559 เวลา:14:08:53 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


ส่งกำลังใจค่ะ


โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 20 เมษายน 2559 เวลา:19:31:14 น.  

 
หายไปหลายวัน
สบายดีนะคะ
ส่งกำลังใจค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Insignia_Museum Diarist ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
AppleWi Beauty Blog ดู Blog
ญามี่ Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: pantawan วันที่: 23 เมษายน 2559 เวลา:0:19:06 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
Sai Eeuu Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

------------------------------

หายไปนานเลย กลับมาอ่านไม่ทันไร จบอีกแล้ว
"เห็นหนอ" นี่ช่วยได้เยอะเลยนะคะ
ขอบคุณโหวตด้วยค่ะ

----------------------

น้ำผักผลไม้ 100% ที่เขาทำขาย หาที่ดีจริงยากยิ่งกว่าทำเองอีกค่ะ
ความจริงทำเองก็ไม่ยากเลย เตรียมของครบ ใส่โถปั่น
แป๊บเดียวก็ได้กินแล้วค่ะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 23 เมษายน 2559 เวลา:13:01:26 น.  

 
หายไปนานเลยนะคะ
ขอบคุณที่แวะไปทักทายค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 23 เมษายน 2559 เวลา:13:23:57 น.  

 
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมค่ะ ขอบคุณที่โหวตให้ด้วย
ยังไม่มีต่ออยู่ดีนะคะ แต่หวังว่าคงสบายดี



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 23 เมษายน 2559 เวลา:16:36:48 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า คราวนี้เรียกไม่ผิดนะคะ อิอิ
ขอบคุณที่แวะชมดอกไม้ด้วยกันนะคะ



โดย: mambymam วันที่: 23 เมษายน 2559 เวลา:18:07:50 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: **mp5** วันที่: 24 เมษายน 2559 เวลา:19:27:50 น.  

 
ขอบคุณคุณเวียงแว่นฟ้าสำหรับกำลังใจนะคะ
นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 26 เมษายน 2559 เวลา:0:30:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]