เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
28 มิถุนายน 2558

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 37



"หลวงพ่อครับ การแผ่เมตตาเราจะแผ่ให้คนเป็นๆได้ไหมครับ" พระบัวเฮียวถามท่านพระครู
"คนเป็นๆของเธอน่ะมันเป็นอย่างไรล่ะ" ท่านแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้คิดว่าลูกศิษย์จะถามอะไรเชยๆแบบนี้
"คนเป็นๆ ก็คือคนที่ยังไม่ตาย แล้วคนที่ตายก็คือคนที่ไม่เป็นน่ะครับ" เมื่ออาจารย์แกล้งมา ลูกศิษย์ก็แกล้งกลับไป

"เธอตอบเกินคำถามแล้วนะ ฉันให้เธออธิบายเฉพาะคนเป็นๆ เธอก็กลับอธิบายคนตายๆมาด้วย ทั้งที่ฉันไม่ได้ถาม"
"ก็ผมทราบนี่ครับว่าหลวงพ่อจะต้องถามต่ออีก เลยตอบๆ ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด"
"แปลว่าเธอได้ 'เห็นหนอ' แล้วใช่ไหม ขอแสดงความยินดีด้วยนะ" ท่านยั่วอีก
"ผมยังไม่เก่งกาจขนาดนั้นหรอกครับหลวงพ่อ หมายถึงตอนนี้นะครับ ต่อไปไม่แน่" คนพูดทำเสียงเล็กเสียงน้อย
"นี่ขนาดยังไม่เก่งนะ แล้วถ้าเก่งล่ะ จะเก่งขนาดไหน" อาจารย์เอ่ยชมไปถึงอนาคตด้วย
"ผมเพียงแต่เดาใจหลวงพ่อได้ถูกเท่านั้นเองครับ ก็ถูกแกล้งเสียจนชิน ก็เลยรู้ทางหนีทีไล่"
"อ้อ นี่เธอหาว่าฉันรังแกเธองั้นสิ หาว่าฉันเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กงั้นใช่ไหม"
"ผมไม่ได้ 'หาว่า' นะครับ ก็หลวงพ่อเป็นยังงั้นจริงๆ ผมไม่ชอบใส่ร้ายป้ายสี ไม่เชื่อถามผมดูก็ได้ หลวงพ่อรังแกผมทุกครั้งที่มีโอกาส บางครั้งไม่มีโอกาสหลวงพ่อก็ยังรังแกเลย" พระบัวเฮียวถือโอกาสต่อว่า

"ก็ถ้าไม่รังแกเธอแล้วฉันจะไปรังแกใครล่ะ"
"นั่นไงหลวงพ่อสารภาพแล้ว" อีกฝ่ายพูดอย่างเป็นต่อ
"สารภาพแล้วก็แปลว่าได้รับการลดโทษครึ่งหนึ่งใช่ไหม"
"คงใช่มั้งครับ"
"บอกว่า 'คง' ไม่ได้ซิ ภาษากฏหมายต้องระบุให้ชัดเจนลงไปเลย"
"ผมไม่เคยเรียนกฏหมายครับ"
"ฉันก็ไม่ได้เรียนเหมือนกัน แต่ฉันรู้เอง ใครๆเขาก็ว่าฉันรู้ตั้งแต่ก่อนเกิด" อาจารย์ถือโอกาส 'คุย' บ้าง

"แล้ว 'ใครๆ' น่ะ เชื่อถือได้แค่ไหนครับ เชื่อได้แค่ไหน"
"ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ต้องเชื่อได้นั่นแหละน่า"
"เอาละครับ เป็นอันว่าหลวงพ่อได้ลดโทษไปครึ่งนึง เพราะยอมรับสารภาพ" คนเป็นลูกศิษย์สรุป
"พอดีฉันมีโทษแค่ครึ่งเดียว พอได้ลดครึ่งก็เลยหมดพอดี เรียกว่าเจ๊ากันไป"

พระบัวเฮียวเห็นไม่ได้การ ถ้ามัวพูดเลอะเลือนเลื่อนเปื้อนแบบนี้ จึงวกกลับมาพูดเรื่องเดิม

"แหม หลวงพ่อครับ ผมถามนิดเดียว หลวงพ่อแถมให้เป็นกิโลๆเลย"
"แล้วเธอไม่ชอบหรือไง สมัยนี้เขาต้องมีของแถมกันทั้งนั้น ซื้อไม้จิ้มฟันแถมโลงศพอะไรเทือกนี้"
"แต่ผมไ่ม่ชอบของแถมหรอกครับ สินค้าที่ต้องมีของแถมก็แสดงว่ามันมีคุณภาพไม่ดี ของดีไม่จำเป็นต้องมีของแถม คนจะมาแย่งกันซื้ออยู่ดี จริงไหมครับ"
"จริงก้ได้ ไม่จริงก็ได้"

คนตอบ 'เล่นลิ้น' ท่านเคร่งเครียดกับปัญหาของชาวบ้านมามากแล้ว มีแต่พระบัวเฮียวนี่เท่านั้นที่ช่วยทำให้ท่านหายเครียด

"งั้นเอาจริงก็แล้วกันนะครับ ผมมันคนจริง เอาละครับ ทีนี้หลวงพ่อช่วยตอบคำถามของผมด้วยนะครับ ที่ผมถามว่าเราจะแผ่เมตตาให้คนเป็นๆ ได้ไหมน่ะ"
"ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"
"งั้นถ้าผมจะแผ่เมตตาไปให้โยมแม่กับสามีของเขา หลวงพ่อว่าเขาจะได้รับไหมครับ"

หลวงพ่อมองหน้าลูกศิษย์ พลางประเมินผลในใจ 'แบตเตอรี่ลูกนี้ชาร์จไฟไว้เต้มแล้ว หม้อก็ไม่รั่ว จึงพร้อมที่จะถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ทุกเมื่อ'

"ได้อย่างแน่นอน เธอปฏิบัติได้ถึงขั้นแล้ว แม้จะยังไม่ได้ 'เห็นหนอ' แต่ก็สามารถแผ่เมตตาไปให้ผู้อื่นได้"

พระบัวเฮียวแสนจะดีใจ ลืมกำหนด 'ดีใจหนอ' จนอาจารย์ต้องเตือนว่า
"บัวเฮียว ทำไมไม่กำหนด 'ดีใจหนอ' ล่ะ"

พระหนุ่มปฏิบัติตาม เมื่อข่มความยินดีลงได้แล้ว จึงพูดขึ้นว่า "สองสามวันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรครับหลวงพ่อ ผมคิดถึงแต่โยมแม่ ไม่รู้แกสุขสบายดีหรือเปล่า ผมเคยเขียนจดหมายทิ้งไปเมื่อก่อนปีใหม่ แกก็เงียบหายไปเลย ได้รับหรือเปล่าก็ไม่รู้"

"ก็เธอเขียนทิ้งไปแล้วใครจะได้รับล่ะ" ท่านพระครูยังยั่วต่อ
"หลวงพ่อว่าแกจะได้รับหรือเปล่าครับ"

คนถูกยั่วไม่ยั่วต่อ แต่ถามอย่างเป็นงานเป็นการ ท่านต้องการให้พระอุปัชฌาย์ใช้ 'เห็นหนอ' ตรวจสอบให้

"ได้รับซิ"

ท่านพระครูเผลอตกหลุมพรางจนได้ ที่จริงพระบัวเฮียวไม่ได้ตั้งใจจะต้อนพระอุปัชฌาย์ แต่เมื่อโอกาสมาถึงแล้วจะละเลยได้อย่างไร อีกประการหนึ่งท่านก็ได้คำตอบที่ต้องการแล้ว จะหยอกเย้าท่านอาจารย์สักหน่อยจะเป็นไรไป

"อ้าว ก็ไหนหลวงพ่อบอกว่าทิ้งไปไม่ได้รับ ต้องส่งไปถึงจะได้รับ งั้นทำไมโยมแม่ผมได้รับล่ะครับ ในเมื่อผมทิ้งไป"
"เออน่ะ ฉันช่วยให้เขาได้รับเองแหละ
"หลวงพ่อครับ งั้นถ้าคืนนี้ผมนั่งเวลาสองทุ่ม ผมจะนั่งสมาธิแผ่เมตตาไปให้โยมแม่กับสามีเขา ผมจะนั่งไปจนถึงสองโมงเช้าเลยนะครับ"
"เธอนั่งได้นานขนาดนั้นเลยหรือ ตั้งสิบสองชั่วโมงนะ"
"ผมนั่งได้ครับหลวงพ่อ ผมเคยทำมาแล้ว"
"ดีจริง ฉันขออนุโมทนาด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอนั่งหลับนะ" ท่านพระครูยังกังขา

"ไม่หลับครับหลวงพ่อ ผมมีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาที่นั่ง หายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ ท้องพองก็รู้ว่พอง ท้องยุบก็รู้ว่ายุบ เจ็บปวดตรงไหนก็กำหนด ผายลมกี่ครั้งก็กำหนดทุกครั้ง" พระบัวเฮียวร่ายยาว

"ทีหลังไม่ต้องอธิบายละเอียดขนาดนี้ก็ได้ ฉันรู้แล้วว่าเธอปฏิบัติได้จริง เร่งทำความเพียรเข้าจะได้ใช้หนี้เวรหนี้กรรมให้หมดๆไปเสีย"

ได้ยินว่าจะต้องใช้หนี้กรรม พระบัวเฮียวก็ถึงกับขนลุกจึงกำหนด 'ขนลุกหนอ' ด้วยสติอันว่องไวที่ฝึกไว้ดีแล้ว

"หลวงพ่อครับ ก่อนนั่งผมต้องเดินจงกรมก่อนไหมครับ หรือว่าจะเดินสักชั่วโมงแล้วค่อยนั่ง"

"จะเดินหรือไม่เดินก็ได้ ถ้านั่งไม่นานก็ควรจะเดินจงกรมเสียก่อน แต่ก็นั่นแหละ เมื่อปฏิบัติได้ชำนาญแล้วเราก็ปรับของเราได้เอง จะเดินอย่างเดียวหรือนั่งอย่างเดียวก็ได้ทั้งนั้น ข้อสำคัญคือให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลาเป็นใช้ได้"

"ครับ ถ้างั้นผมจะเริ่มตั้งแต่คืนนี้เลยนะครับ วันนี้วันโกนขึ้นเจ็ดค่ำ พรุ่งนี้วันพระแปดค่ำ นั่งวันโกนต่อวันพระเลยนะครับ"
"คิดจะนั่งตอนไหนล่ะ" ่ท่านถามซ้ำ
"สองทุ่มตรงครับ สองทุ่มคืนนี้ถึงสองโมงเช้าพรุ่งนี้"พระบัวเฮียวตอบ

ครั้นพอนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันพระ จะต้องลงอุโบสถตอนตีสี่ จึงถามพระอุปัชฌาย์ว่า "หลวงพ่อครับ พรุ่งนี้ตีสี่ผมไม่ลงอุโบสถได้ไหมครับ เพราะผมยังอยู่ในสมาธิ"

"ได้ เพราะถือว่าเธอกำลังปฏืบัติอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้ปฏิบัติร่วมกับคนอื่น แต่ก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด เมื่อเธอนั่งจนครบสิบสองชั่วโมงแล้ว ให้ถอนจิตออกจากสมาธิเสียก่น แล้วจึงค่อยแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา เข้าใจแล้วใช่ไหม"

"เข้าใจครับ ขอบพระคุณหลวงพ่อมาก ที่คอยเมตตาผมมาตลอด บุญของผมแท้ๆที่ได้มาพบพระอุปัชฌาย์ที่ประเสริฐเช่นหลวงพ่อ" พระบัวเฮียว ก้มลงกราบพระอาจารย์ด้วยความสำนึกในบุญคุณ

"หลวงพ่อครับ เราแผ่เมตตาข้ามทวีปได้ไหมครับ" พระบัวเฮียวถามต่อ
"ได้ แต่คนแผ่ต้องมีพลังสมาธิกล้าแข็งพอ ต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง เคยมีแล้ว เคยมีคนทำมาแล้วที่วัดนี้แหละ"

"ใครครับ เดี๋ยวนี้ยังอยู่ที่วัดนี้หรือเปล่าครับ" ท่านคิดไปถึงท่านมหาบุญ
"ไม่อยู่แล้ว เป็นชาวนอรเวย์ มาบวชที่วัดนี้แล้วปฏิบัติเคร่งครัดมาก จนสามารถแผ่ส่วนกุศลไปให้พ่อแม่กับปู่เขาที่อยู่นอรเวย์ได้ เอาเถอะ ถ้าเธออยากรู้ วันหลังจะเล่าให้ฟัง"

"งั้นการที่คหบดีและครอบครัวช่วยกันแผ่เมตตาไให้ลูกชายคนโตที่อเมริกาก็ได้สิครับ"

พูดถึงคหบดีหลวงพ่อก็นึกได้ จึงวาน 'เห็นหนอ' ตรวจสอบแล้วก็รู้เรื่องเดี๋ยวนั้น จึงตอบว่า "ได้สิ แล้วตอนนี้ก็เข้าสุสานไปแล้ว พ่อแม่เดินทางไปรับศพเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง"

"แบบนี้ก็ไม่ดีสิครับ แผ่เมตตาไปทำให้เขาตาย ถ้าไม่แผ่เขาอาจจะยังไม่ตายก็ได้"

"ดีสิ บัวเฮียว ทำไมจะไม่ดีล่ะ คนติดยาน่ะมีความสุขนักหรือ เขาตายไปจะได้หมดเวรหมดกรรม จะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่า คนติดยาน่ะอายุสั้นอยู่แล้ว ตายแบบได้รับส่วนกุศลกับแบบไม่ได้รับน่ะ อะไรจะดีกว่ากันล่ะ เธอคิดเอาเองก็แล้วกัน"

"แต่พ่อแม่เขาจะคิดจะเข้าใจ เหมือนที่ผมกับหลวงพ่อเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"เข้าใจซิ คนที่ปฏิบัติจะเข้าใจธรรมได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ปฏิบัติ ฉันก็บอกเขาเป็นนัยๆแล้ว อีกอย่างหนึง การตายของลูกจะช่วยชีวิตพ่อเอาไว้ พ่อเขาตั้งใจจะเลิกค้ายาเสพติด เธอก็รู้ว่าของอย่างนี้ ใครเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วคิดถอนตัว เป็นต้องตายทุกราย"

"เป็นอะไรตายครับ"
"ไข้โป้ง" ท่านพระครูตอบหน้าตาเฉย
"ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือครับ เจ้าไข้โป้งที่ว่านี้ แล้วมียารักษาไหมครับ" พระหนุ่มถามซื่อๆ

"นี่เธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่ เธอไม่รู้จริงๆหรือว่าไข้โป้งหมายถึงอะไร"
"ไม่ทราบจริงๆครับ หมายถึงอะไรหรือครับ"
"จ้างฉันก็ไม่บอกเธอ" ท่านถือโอกาสเล่นตัว
"แล้วถ้าไม่จ้างหลวงพ่อจะบอกไหมครับ ผมไม่มีเงินจ้างหรอกครับ"
"เธอจะอยากรู้ไปทำไม"
"ก็เผื่อหลวงพ่อเกิดเป็นขึ้นมา ผมจะได้บอกหมอถูกไงครับ"
"ไม่ต้องหรอก รับรองฉันไม่ตายด้วยโรคไข้โป้งอย่างแน่นอน" อาจารย์ตอบอย่างหนักแน่น
"งั้นหลวงพ่อจะตายด้วยโรคอะไรเล่าครับ"

พอพูดไปแล้วพระบัวเฮียวรู่สึกเสียใจ จนต้องก้มลงกราบขอขมาพระอุปัชฌาย์

"ผมกราบขอโทษหลวงพ่อด้วยครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะลามปาม แต่ปากมันพาไป หลวงพ่อโปรดอย่าถือโทษผมเลยนะครับ ผมมันพวกขี้กลากเหล็ก ชอบลามปามโดยไม่เลือกกาละเทศะ" พระหนุ่มตำหนิตัวเองเสียยืดยาว

ท่านพระครูไม่ได้โกรธศิษย์ ท่านตอบว่า "ฉันตายด้วยอะไรน่ะหรือ ฟังนะบัวเฮียว ฟังแล้วก็จดจำเอาไว้ ฉันยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร เธอเป็นคนแรกที่รู้" ท่านนิ่งไปอึดใจหนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ "ฉันจะตายด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำ เดี๋ยวเธอกลับไปจดบันทึกไว้เลยนะว่า วันที่ 14 ตุลาคม 2521 เวลาเที่ยงสิบห้า ท่านพระครูเจริญจะมรณภาพด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำ"

ถ้ามีกระจก พระบัวเฮียวก็จะพบว่าใบหน้าของท่านซีดเผือดเหมือนปราศจากโลหิตมาหล่อเลี้ยง คำบอกเล่าของหลวงพ่อทำให้ท่านตระหนก อีกสี่ห้าปีข้างหน้า บุคคลผู้ให้แสงสว่างแก่ชีวิตของท่านจะต้องลาลับไปจากโลกนี้ ภิกษุหนุ่มรู้สึกเศร้าใจจนสุดจะพรรณา ท่านต้องกำหนด 'เศร้าใจหนอ เศร้าใจหนอง อยู่นาน จนมันเบาบางลง

"ทำไมต้องเป็นอย่างนั้นครับหลวงพ่อ"
"มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั่นแหละบัวเฮียว นั่นก็คือกรรม อย่าทำหน้าซีดอย่างนั้นเลยน่า ขอทีเถิด คนที่จะตายคือฉัน ไม่ใช่เธอ เลิกทำหน้าซีดๆแบบนั้นได้แล้ว" ท่านยังมีแก่ใจยั่ว

"โธ่ หลวงพ่อครับ ขนาดหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ หลวงพ่อยังใจเย็นอยู่ได้ แล้วผมก็ไม่ได้แกล้งทำหน้าซีดด้วยนะครับ มันซีดของมันเองเพราะผมไม่อยากให้หลวงพ่อตาย ถ้าให้ผมตายแทนหลวงพ่อได้ ผมก็ยินดีครับ อนุญาตให้ผมได้ทดแทนพระคุณของหลวงพ่อด้วยการตายแทนด้วยนะครับ"

พระบัวเฮียวพูดอย่างจริงใจ แต่คนฟังกลับปลงอนิจจัง ที่ลูกศิษย์ของท่านกลับพูดเหมือนคนที่ไม่เคยปฏิบัติกรรมฐานมาเลยในชีวิต

"น่าอนาถใจ อุตส่าห์ปฏิบัติมาตั้งหลายเดือน นึกว่าจะก้าวหน้าไปถึงไหนๆ ที่แท้ก็ไปไม่ถึงไหนเลย บัวเฮียวนะบัวเฮียว" ท่านพูดพลางทอดถอนใจ

"หลวงพ่อหมายถึงผมหรือหมายถึงใครครับ" คนเป็นศิษย์ยังไม่เข้าใจ
"ก็ฉันกำลังพูดอยู่กับใครล่ะ"
"พูดอยู่กับผมครับ ท่านพระครูเจริญกำลังพูดกับพระบัวเฮียว หลวงพ่อยังแก่สักเท่าไหร่เลย หลงซะแล้ว ไม่น่าเลย"

"ฉันน่ะหรือหลง ผิดไปละมั้ง คนที่หลงน่าจะเป็นเธอมากกว่า มีอย่างที่ไหน อุตส่าห์ปฏิบัติกรรมฐานมาตั้งหลายเดือน ยังมาพูดได้ว่าจะตายแทนฉัน ช่างไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องกฏของกรรมเอาเสียเลย ถ้าคนเราทำกรรมแทนกันได้ พรุ่งนี้เช้าเธอก็ไม่ต้องฉันข้าวหรอกนะ ฉันจะฉันแทน แล้วให้เธอเป็นคนอิ่ม เอายังงั้นไหม"

"มันจะเป็นไปได้อย่างไรเล่าครับหลวงพ่อ คนไหนกินคนนั้นก็ต้องอิ่มสิครับ คนอื่นจะมาอิ่มแทนกันได้อย่างไร" พระบัวเฮียวว่า
"มันก็ต้องเป็นยังงั้นแหละ ในทำนองเดียวกัน การที่เธอจะมาตายแทนฉัน ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉันเป็นคนทำกรรม ฉันก็ต้องเป็นผู้รับผลของมัน"

"ผมเห็นหลวงพ่อทำแต่กรรมดี หลวงพ่อสั่งสอนอบรมคนให้เป็นคนดี แล้วยังสงเคราะห์ช่วยเหลือเขาด้วยความเมตตา โดยไม่ต้องการผลตอบแทน หลวงพ่อไม่เคยคิดถึงความสุขของตัวเองด้วยซ้ำ แล้วทำไมถึงจะต้องประสบเคราะห์กรรมแบบนั้น หรือนั่นคือผลตอบแทนของการทำความดี ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโลกถึงอยุติธรรมอย่างนี้ ไม่เข้าใจจริงๆครับ หลวงพ่อ" พระหนุ่มรำพึงรำพัน

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกบัวเฮียว อย่าเข้าใจผิด จำไว้เถอะว่าทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว จริงอยู่ ใครๆอาจจะเห็นว่าฉันทำแต่กรรมดี แต่กรรมชั่วที่ฉันเคยทำ พวกเขาไม่เคยเห็น"

"หมายความว่าลับหลังคนอื่นๆ หลวงพ่อแอบทำกรรมชั่วหรือครับ เป็นไปไม่ได้ ยังไงๆผมก็ไม่เชื่อ หลวงพ่อไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน"
"แบบไหน แบบที่เรียกว่าหน้าไหว้หลังหลอกใช่ไหม เธอคิดว่าฉันจะเป็นอย่างนั้นหรือ"
"ไม่คิดครับ ไม่คิด ไม่เคยคิดและจะไม่คิด"
"บัวเฮียว เธอรู้จักฉันมานานแค่ไหนเชียว"
พระหนุ่มนับนิ้วก่อนตอบว่า "สี่เดือนครับ"
"เพียงสี่เดือนแล้วเธอจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าฉันไม่เคยทำกรรมชั่ว"

"อย่าว่าแค่สี่เดือนเลยครับ ถึงรู้จักหลวงพ่อแค่สี่วัน ผมก็แน่ใจว่าหลวงพ่อไม่ทำแน่  แม้ผมจะไม่ได้ 'เห็นหนอ' อย่างหลวงพ่อ แต่ผมก็มั่นใจในสิ่งที่ผมเห็นโดยไม่ต้องมี 'เห็นหนอ' ครับ"

"เอาละเมื่อเธอมั่นใจอย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันจะได้บอกเธอเสียให้หมดเรื่อง จะได้หายสงสัย ฉันต้องประสบอุบัติเหตุคอหักตาย เพราะกรรมชั่วที่ฉันเคยทำไว้ ฉันทำกรรมชั่วมามากเหลือเกิน" ท่านพูดอย่างปลงสังเวชตัวเอง

"ทำไว้เมื่อชาติก่อนๆหรือครับ"
"ชาตินี้แหละ เธอไม่รู้อะไร สมัยที่ฉันเป็นวัยรุ่น อายุสิบสองสิบสามน่ะ เกสะบัด เขาเรียกฉันไอ้มหาโจรกันทั้งบาง ก็ช่วงนั้นแหละที่ฉันก่อกรรมทำเข็ญไว้มาก แล้วก็ต้องมานั่งชดใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้"
"ที่หลวงพ่อบอกว่าต้องรถคว่ำคอหัก เพราะกรรมอะไรครับ" พระบัวเฮียวอยากรู้
"หักคอนกน่ะสิ ฉันหักคอนกมาเป็นร้อยๆตัว ก็เลยต้องมาใช้หนี้นก ก็ดี จะได้ชดใช้เสียให้หมดสิ้นไป"

พระบัวเฮียวเพิ่งจะเข้าใจตอนนั้นเอง กฏแห่งกรรมช่างเที่ยงตรงนัก ใครทำกรรมไว้เช่นไรก็ต้องได้รับผลเช่นนั้น จะมั่งมีหรือยากจนอย่างไร ก็มิอาจหนีพ้นกรรมที่ตนทำไปได้ แล้วท่านก็นึกถึงกรรมที่เคยทำเอาไว้

"หลวงพ่อครับ แล้วผมจะต้องชดใช้กรรมเมื่อไหร่ ก่อนหรือหลังหลวงพ่อ"
"เธออยากจะใช้ก่อนหรือหลังล่ะ"
"ก่อนซิครับ ถ้าหลวงพ่อเกิดมรณภาพไปก่อน แล้วใครจะมาช่วยผมเล่าครับ"

"อ้อ ที่เธอแสดงความเศร้าโศกเสียใจออกมา ก็เพราะห่วงตัวเองนี่เอง" ท่านพูดยิ้มๆ

"พระบัวเฮียวรู้สึกคลายความเครียดลง จึงตอบผู้เป็นอาจารย์ว่า "ก็หลวงพ่อเคยสอนผมนี่ครับว่า... บุคคลตามค้นไปด้วยใจตลอดทุกทิศ ก็มิเคยได้พบผู้เป็นที่รักยิ่งกว่าตนที่ไหนเลย...หลวงพ่อพูดอย่างนี้ใช่ไหมครับ"

"ฉันไม่ได้พูด ฉันเพียงแต่อ้างพุทธพจน์มาให้เธอฟังเท่านั้น เอาละ สรุปว่าเธอรักตัวเองมากที่สุดก็แล้วกัน"
"แล้วหลวงพ่อล่ะครับ หลวงพ่อรักใครมากที่สุด"

"ฉันก็รักตัวเองมากที่สุดเหมือนเธอนั่นแหละ ก็ฉันเป็นศิษย์พระพุทธองค์ ก็ต้องเชื่อตามคำสอนของท่าน ใครๆก็รักตัวเองมากที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ถ้ามีใครมาบอกเธอว่าเขารักเธอมากกว่าตัวเขา ก็เชื่อได้เลยว่าเขาพูดปด"

"นั่นสิครับ มีเรื่องสนุกๆที่เขาเล่ากันมาว่าผู้หญิงกับผู้ชายเป็นคู่รักกัน นั่งพลอดรักกันที่ใต้ต้นมะพร้าว ผู้ชายบอกผู้หญิงว่าเขารักหล่อนมาก สามารถตายแทนได้ ผู้หญิงบอกจ้างก็ไม่เชื่อ พอดีลูกมะพร้าวหล่นลงมา ผู้ชายรีบเอามือสองข้างกุมหัวตัวเองเอาไว้ก่อน ผู้หญิงเขาเลยจับโกหกได้"

"นั่นแหละ แล้วเธอก็อย่าเที่ยวไปโกหกใครต่อใครเขาแบบนั้นก็แล้วกัน"

"ไม่หรอกครับหลวงพ่อ เอ..หลวงพ่อครับ แล้วคุณโยมวรรณวิไลกับคุณโยมผ่องพรรณล่ะครับ หลวงพ่อเคยพูดไว้ว่าอีกแปดปีเขาจะมาหาหลวงพ่อ ถ้าหลวงพ่อมรณภาพเสียก่อน เขาจะมาพบใครเล่าครับ" พระบัวเฮียวแสดงความห่วงใยไปถึงพี่น้องสองสาว

"แหม จำแม่นจริงนะ แต่ที่เธอถามมานั้นฉันก็ตอบไม่ได้ เพราะ 'เห็นหนอ' บอกมาอย่างนั้น ฉันก็ต้องพูดไปตามนั้น มันก็ขัดๆกันอยู่นะ แต่เธอไม่ต้องวิตกหรอก มันเป็นเรื่องของอนาคต เอาปัจจุบันให้ดีที่สุดก็แล้วกัน เรื่องอดีต เรื่องอนาคตไม่ต้องไปพะวงถึง เข้าใจหรือยังล่ะ ถ้าเข้าใจแล้วก็กลับกุฏิได้ สองทุ่มจะปฏิบัติกรรมฐานไม่ใช่หรือ ฉันขออวยพรให้ประสบความสำเร็จนะบัวเฮียว"





ผู้ประพันธ์:  ดร. สุทัสสา อ่อนค้อม
หมวดหนังสือ




















Create Date : 28 มิถุนายน 2558
Last Update : 29 มิถุนายน 2558 0:00:28 น. 29 comments
Counter : 1130 Pageviews.  

 
มาอ่านต่อครับ
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คนอื่นไม่สามารถชดใช้กรรมแทนเราได้
โหวต เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 28 มิถุนายน 2558 เวลา:23:09:35 น.  

 
ทุกคนมีกรรมเป็นของตน
หลวงพ่อก็มีกรรมเหมือนกัน
ทั้งกรรมดีกรรมชั่ว
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: moresaw วันที่: 29 มิถุนายน 2558 เวลา:9:17:53 น.  

 
แวะมาอ่านธรรมะสวัสดีเช้าวันจันทร์


โดย: อุ้มสี วันที่: 29 มิถุนายน 2558 เวลา:9:33:03 น.  

 
ธรรมะสวัสดีค่ะ
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ใครก็หนีไม่พ้นนะคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 29 มิถุนายน 2558 เวลา:9:54:46 น.  

 
ดีใจหนอ เลยนะคะ
เรื่องการแผ่เมตตานี้ดีค่ะ นิคว่าที่ได้ผลคือตัวผู้ปฎิบัติด้วยแหละค่ะ
อย่างน้อยเราก็สบายใจนะคะ



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 29 มิถุนายน 2558 เวลา:23:10:42 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เริงฤดีนะ Sports Blog ดู Blog
Close To Heaven Parenting Blog ดู Blog
Ariawah Auddy Photo Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: ก้นกะลา วันที่: 29 มิถุนายน 2558 เวลา:23:40:52 น.  

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 29 มิถุนายน 2558 เวลา:23:41:16 น.  

 
"ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"
คำตอบของหลวงพ่อ อ่านแล้วได้ความรู้เรื่องการแผ่เมตตาไปด้วยค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

---------------------

นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 30 มิถุนายน 2558 เวลา:0:34:03 น.  

 
พรุ่งนี้มาโหวตค่ะ



โดย: หอมกร วันที่: 30 มิถุนายน 2558 เวลา:9:15:53 น.  

 
ตามมาอ่านเรื่องต่อค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sweet_pills Craft Blog ดู Blog
Ariawah Auddy Photo Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ชมพร (ชมพร ) วันที่: 30 มิถุนายน 2558 เวลา:16:10:14 น.  

 
มาจองที่ก่อนนะคะ พรุ่งนี้มาอ่านค่ะ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 30 มิถุนายน 2558 เวลา:22:22:20 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
โปรดติดตามตอนต่อไป ส่งกำลังใจค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog




โดย: หอมกร วันที่: 1 กรกฎาคม 2558 เวลา:8:16:41 น.  

 
ขอบคุณคุณเวียงแว่นฟ้าสำหรับกำลังใจค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 2 กรกฎาคม 2558 เวลา:8:53:38 น.  

 
แวะมาอ่านหนังสือต่อค่ะ
แนวนี้ไม่ค่อยได้อ่านค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Ariawah Auddy Photo Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
LoveParadise Food Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: pantawan วันที่: 2 กรกฎาคม 2558 เวลา:13:38:39 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ขอบคุณที่แวะชมชวนชมนะคะ



โดย: mambymam วันที่: 3 กรกฎาคม 2558 เวลา:3:57:09 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 3 กรกฎาคม 2558 เวลา:5:43:25 น.  

 

โหวตค่ะ

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 3 กรกฎาคม 2558 เวลา:13:14:25 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
.....................
ส่งพลังก่อนเข้านอนขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 3 กรกฎาคม 2558 เวลา:22:14:42 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
สุขสันต์วันหยุดนะครับ


โดย: ผมไม่ได้บินคนเดียว (เตยจ๋า ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2558 เวลา:10:42:17 น.  

 
เป็นการปุจฉา วิสัชชนาที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ

ปอป้าไป กทม มาเกือบสองอาทิตย์ เพิ่งกลับมาก็เลยรีบอัพบล๊อก
กลัวว่าเพื่อน ๆ จะลืมปอป้า ลืมบล๊อกธรรมะ อิ ๆ

โหวตให้กับหนังสือดี ๆ ค่ะ

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: พรหมญาณี วันที่: 4 กรกฎาคม 2558 เวลา:15:30:36 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ยังอยู่หน้าเดิม

ขออภัยค่ะ ระบบจะไม่บันทึกการโหวตนี้
เพราะได้บันทึกคะแนนโหวตให้ Blog นี้
ในสาขา Book Blog ในวันที่ผ่านมาไปแล้วค่ะ


โดย: pantawan วันที่: 6 กรกฎาคม 2558 เวลา:23:47:09 น.  

 
แวะมาดู ยังไม่เปลี่ยนเอ็นทรี่ใหม่

เปลี่ยนเมื่อไรบอกกันด้วยนะคะ จะเข้ามาอ่านค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 8 กรกฎาคม 2558 เวลา:15:03:38 น.  

 
ขอบคุณที่โหวตให้ค่ะ
เป็นสัจธรรมว่า อะไรดีๆที่เรารอคอยมักอยู่กับเราไม่นาน

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 10 กรกฎาคม 2558 เวลา:16:04:01 น.  

 
สาธุค่ะ
ธรรมะเป็นทิพยโอสถให้ผู้มีจิตศรัทธาในธรรม
การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง
ขออนุโมทนาบุญ กับคุณเวียงแว่นฟ้า
ที่นำธรรมะมาเผยแผ่ ต่อยอดให้พระพุทธศาสนาสืบไปผ่านบล๊อกนี้นะค่ะ
เป็นบุญกุศลต่อ จขบ.เป็นอย่างยิ่งขอบุญกุศลส่งต่อบุญให้คุณเวียงแว่นฟ้า
ทั้งชาตินี้และชาติหน้าค่ะ

- วันนี้หมดโค้วต้าโหวต จะมาให้กำลังใจต่อไปอีกนะค่ะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 10 กรกฎาคม 2558 เวลา:22:30:10 น.  

 
มาส่งกำลังใจให้คร้า กำลังนั่งลุ้นเทนนิสก้นด้วย

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog


โดย: Tui Laksi วันที่: 11 กรกฎาคม 2558 เวลา:21:06:55 น.  

 
ชอบการเล่าเรื่องของผู้เขียนครับ

ปล. ตุ๊กตาทำด้วยพลาสติกแข็ง น้ำหนักมากครับ

เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog


โดย: Insignia_Museum วันที่: 12 กรกฎาคม 2558 เวลา:8:53:13 น.  

 
หลายๆวันป้าจึงจะได้เข้าบล็อก


แวะมาส่งกำลังใจค่ะ


เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 12 กรกฎาคม 2558 เวลา:9:48:45 น.  

 
สวัสดีค่ะ
อ่านเพลินมากคะ
เดี๋ยววันหลังมาใหม่ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 กรกฎาคม 2558 เวลา:10:53:44 น.  

 
วันนี้ก็เลยมาโหวตหนีงสือค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 14 กรกฎาคม 2558 เวลา:17:04:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]