217 .. ถาม-ตอบเรื่องธรรมะ #1
ถาม-ตอบเรื่องธรรมะ
นำมาจากบางส่วนของหนังสือ ธรรมะระเบียงแก้ว ซึ่ง ขวัญ เพียงหทัย รวบรวมคำถามจากนักศึกษาธรรมมือใหม่ และคำตอบจากอาจารย์วศิน อินทสระ มารวบรวมจัดพิมพ์
ถาม -- ถ้าเราไม่ได้ศึกษาธรรมะมากๆ เพราะต้องทํามาหากิน ไม่มีเวลาศึกษา เวลามีทุกข์ใจเราควรจะทําอย่างไรบ้าง
ตอบ -- ตามแนวอริยสัจ ท่านสอนให้กําหนดรู้ทุกข์ คือทําความเข้าใจในทุกข์ว่า ความทุกข์เป็นธรรมดาของชีวิต มนุษย์เกิดมามีทุกข์ติดตัวมาด้วยทุกคน มากบ้างน้อยบ้าง โดยเฉพาะทุกขขันธ์ คือยังมีขันธ์ 5 อยู่ตราบใดก็ยังมีทุกข์อยู่ตราบนั้น ถ้าเป็นความทุกข์ใจ ท่านสอนให้สาวหาเหตุว่า อะไรเป็นเหตุแห่งทุกข์ แล้วกําจัดเหตุนั้นเสีย หรือแก้ที่เหตุ .. ถ้าแก้เหตุได้ ความทุกข์ก็จะหมดไป หรือเบาบางลง ที่สําคัญคือ ต้องจับเหตุให้ได้ ถ้าจับเหตุผิดก็จะแก้ทุกข์ไม่ได้ เปรียบเหมือนคนเป็นโรค ถ้าวินิจฉัยเหตุของโรคผิด ก็กินยาผิด โรคไม่หาย
อีกอย่างหนึ่ง ขอให้คิดว่าสิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง รวมทั้งความทุกข์ด้วย มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ถ้าเราแก้ได้ถูก ก็จะดับไปเร็ว แม้ไม่ต้องแก้ มันก็ดับไปเอง โดยกฎของความไม่เที่ยง บางทีเป็นทุกข์เพราะอารมณ์ของเราแปรปรวนตามที่สังขารปรุงแต่ง คิดมากเกินเหตุไปบ้าง วิตกกังวลไปต่างๆ บ้าง ถ้าเป็นอย่างนี้ให้พยายามดึงเอาอารมณ์ดีมาทดแทน คือ พยายามระลึกถึงสิ่งที่ดี อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงประทานแนวฝึก 10 ประการไว้ให้มีพุทธานุสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า เป็นต้น
เหมือนเราจะตอกลิ่มเก่าออก ก็ใช้ลิ่มใหม่ตอกเข้าไปแทน เพียงเท่านี้ถ้าทําได้ก็จะสามารถบรรเทาทุกข์ หรือแก้ปัญหาทุกข์ได้ แต่ถ้ารู้ธรรมะมากและรู้จักนํามาใช้ ก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น เหมือนคนมีเครื่องมือมากๆ รู้จักยามาก กินตัวนี้ไม่ได้ผล ก็กินตัวอื่น เพียงเท่านี้น่าจะเป็นการเพียงพอต่อคําถาม
ขอแถมอีกนิดหนึ่ง ให้นึกถึงกรรมไว้บ้างว่าเราได้ทํากรรมที่ไม่ดีอะไรไว้บ้าง เท่าที่จะนึกได้ ถ้านึกไม่ได้ก็ขอให้นึกถึงกรรมเก่าไว้บ้าง อาจจะเป็นผลของกรรมเก่าซึ่งติดพันมาถึงชาตินี้ แก้กรรมโดยวิธีทําใจ และทําดีให้มากขึ้น
ถาม -- ฟังมาบ่อยๆ ว่า มีขบวนการขอทาน เช้าเอาขอทานมาปล่อยไว้ เย็นมารับกลับ บ้างก็เป็นขอทานปลอมก็มี ขอทานรับจ้างก็มี ขอแล้วได้เงินมากมายจริงๆ ดังนั้นเมื่อพบขอทานจึงไม่อยากให้ แต่ก็มีคําถามในใจว่า เอ๊ะ เหมือนพบคนลําบาก แล้วไม่ช่วยหรือเปล่า? จะเป็นบาปกรรมติดตัวเราไปหรือไม่? แต่เวลาพบคนลําบาก ก็จะช่วยตลอด ยกเว้นขอทานเท่านั้นที่ไม่ได้ให้
ตอบ -- เรื่องบาปกรรมติดตัวนั้น คิดว่าไม่มี การให้เงินแก่ขอทาน ถ้าถูกขอทานที่แท้จริง คือเขาลําบากจริงๆ ไม่ใช่แผนหลอกลวง ก็จะได้บุญไม่ใช่น้อย เพราะเป็นการช่วยคนตกยาก ถ้าเขาถูกบังคับให้มาขอทาน ก็จะอยู่ในพวกตกยากอยู่นั่นเอง เพราะถ้าเขาไม่ตกยาก ใครก็บังคับเขาไม่ได้ บาปจะไปตกอยู่แก่ผู้ที่หาผลประโยชน์จากขอทาน
ขอให้เราสบายใจทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านให้และด้านไม่ให้ พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า เทน้ำล้างภาชนะลงในดินด้วยหวังว่าสัตว์ที่อยู่ในดินจะได้กินเศษอาหารเล็กน้อย ก็ยังเป็นบุญ ไม่ต้องกล่าวถึงการให้ทานแก่คน
ถาม -- การรดน้ำมนต์ จะปัดเป่าเคราะห์ร้ายได้จริงหรือคะ มีคนเป็นจํานวนมากที่เที่ยวหาวัดต่างๆ เพื่อรดน้ำมนต์
ตอบ -- เคราะห์ร้ายมันมาจากการคิด การทํา และการพูดที่ร้าย เช่น คิดโลภ อยากได้ของผู้อื่น แล้วไปปล้นไปจี้เขา ไปขโมยของเขา ไปคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นการได้ที่ไม่ชอบธรรม จึงเกิดเคราะห์ร้ายขึ้น เช่น ถูกจองจําทําโทษ เพราะการกระทําของตนเป็นเหตุ หรือมิฉะนั้นก็มาจากกรรมเก่าที่เคยทําไว้ในชาติก่อน บางคนโกรธจัดไปทําร้ายผู้อื่น ก็ได้รับโทษเพราะโทสะของตน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่มีเคราะห์ใดเสมอด้วยโทสะ (นตฺถิ โทสสโม คโห)
บางคนไปทําอะไรร้ายๆ แล้วคิดว่าตนเคราะห์ร้ายจึงไปรดน้ำมนต์ แต่เคราะห์ร้ายก็คงไม่หายไปถ้าไม่หยุดทําสิ่งที่ร้าย และใช้ธรรมะในส่วนที่ตรงกันข้ามมาเป็นน้ำมนต์รดล้างให้หมดไป เช่น เกิดความโลภขึ้นมา ก็ปราบความโลภด้วยความไม่โลภหรือสันโดษ ปราบโทสะหรือความโกรธด้วยเมตตา เอาน้ำคือเมตตามารดล้างความโกรธนั้นเสีย เคราะห์ร้ายก็จะหายไป บางคนพูดร้าย เช่น พูดใส่ความผู้อื่น ด่าทอผู้อื่นด้วยวาจาที่รุนแรง ถูกฟ้อง ได้รับโทษถึงติดคุกก็มี หรือถูกปรับต้องเสียทรัพย์เป็นอันมากก็มี
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
บุคคลบางคนเกิดมาเหมือนมีขวานติดปากมาด้วย เพื่อให้คนพาลผู้ชอบพูดชั่วๆ ไว้เชือดเฉือนตนเองให้เดือดร้อน ผู้ใดติเตียนคนที่ควรสรรเสริญ หรือสรรเสริญคนที่ควรติเตียน ผู้นั้นเกลี่ยโทษลงด้วยปาก เขาย่อมไม่ได้รับความสุขเพราะโทษนั้น
บางคนออกจากคุกเพราะทําผิดเอาไว้ แล้วเที่ยวเสาะแสวงหาน้ำมนต์จากวัด และจากพระที่เชื่อว่าขลัง ผมได้แนะนําว่าอย่าทําผิดเช่นนั้นอีก และอย่าทําผิดอย่างอื่นอันเป็นเหตุให้ต้องติดคุกก็เป็นอันได้รดน้ำมนต์ไปในตัว ถ้าไปทําผิดอีกก็ถูกจําคุกอีก น้ำมนต์ที่ไหนก็ช่วยไม่ได้ ความดีความชั่วเราทําเองทั้งนั้น ที่ถูกใส่ความก็มีบ้าง แต่ไม่มากเหมือนที่เราทําเอง ทําดีไว้มากๆ ดีกว่ารดน้ำมนต์ บางคนเที่ยวรดน้ำมนต์ตั้ง 7 วัดเพื่อล้างซวย แต่ถ้ายังทําสิ่งที่เป็นเหตุให้ซวยอยู่ก็คงยังซวยอยู่นั่นเอง
ขอแถมอีกนิดหนึ่งเกี่ยวกับ น้ำมนต์ 7 วัด ความหมายจริงๆ ท่านไม่ได้หมายถึง 7 วัดที่เป็นวัตถุ เช่น วัด ก. วัด ข. วัด ค. วัด ง. วัด จ. วัด ฉ. วัด ช. แต่ ท่านหมายถึง 7 วัฑฒโก คือ
ให้เจริญด้วยความเจริญ 7 อย่าง คือ เจริญด้วยอายุ (อายุวัฑฒโก) เจริญด้วยทรัพย์ (ธนวัฑฒโก) เจริญด้วยสิริ (สิริวัฑฒโก) เจริญด้วยยศ (ยสวัฑฒโก) เจริญด้วยกําลัง (พลวัฑฒโก) รวม 7 วัฑฒโก เวลาพระท่านทําน้ำมนต์จะสวดอย่างนี้ด้วย เรียกว่า น้ำมนต์ 7 วัฑฒก์ คนทั้งหลายฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียดว่า ต้องไปรดน้ำมนต์ในวัด 7 วัด
รวมความว่า ถ้าเราทําดีทุกวัน ก็มีสิริมงคลเกิดขึ้นในตนทุกวัน ไม่ต้องไปรดน้ำมนต์ที่ไหนก็ได้ ความดีนั้นแหละเป็นน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าน้ำมนต์ใดๆ.
ธรรมสวัสดี
ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 26 มีนาคม 2555 |
|
45 comments |
Last Update : 22 เมษายน 2556 22:20:51 น. |
Counter : 3720 Pageviews. |
|
|
|
หลักการทำบุญ/ทาน นั้น มี 3 ข้อ
1. ก่อนให้มีจิตคิดจะให้
2. ขณะให้มีใจที่ร่าเริงที่จะทำ
3. หลังให้ไม่นึกเสียดายภายหลัง
ครบองค์ประกอบทั้งสามแล้ว ผู้ให้ย่อมได้รับผลบุญนั้นๆ ที่สำคัญ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักด้วยค่ะป้ากุ๊ก