ทริปสั้น ๆ สองวัน ๘ แห่งกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์กลางกรุงเทพ ฯ
สวัสดีค่ะ... วันนี้สาวจะพาทุกคนไปไหว้พระด้วยกัน ในทริปสั้น ๆ ที่สาวไปกรุงเทพ ฯ มาเมื่อปลายเดือนก่อน จริง ๆ สาวไปมาสามคืนสี่วันคือ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ - ๒๖ พ.ค. ๖๒ แต่ป่วยเจอไข้หวัดไปจากตรัง ทีแรกว่าจะไม่ไป แต่เสียดายตั๋วเครื่องบินเลยไปลุ้นเอาข้างหน้า สาวเลยเริ่มเที่ยวในช่วงบ่าย ๆ ของวันที่ ๒๔ งานนี้ต้องขอบคุณพี่อ้อ เริงฤดีนะ แม้จะป่วยแต่ก็แนะนำที่ที่สาวเยอะมาก สาวเลยพอมีที่ไป รอบนี้สาวไปพักที่พักของครุสภา สะดวกมากนั่งรถเมลสาย 12 ไปได้หลายแห่ง ไว้มารีวิวอีกที วันนี้เราไปเที่ยววัดกันก่อน
สาวเริ่มออกจากที่พักไปวัดในช่วงบ่ายสามครึ่งของวันที่ ๒๔ โชคดีมากวันนี้มีพี่จากตรัง (พี่ทุม) เจอกันที่ดอนเมืองเลยนัดกันหลังจากพี่ทุมอบรมเสร็จสาวเลยมีเพื่อนพาเที่ยว จุดแรกคือ เทวสถาน (โบสถ์พราหมณ์) ต่อด้วยวัดสุทัศน์เทพวราราม วัดบวรนิเวศวิหาร เดินเลาะไปทางถนนข้าวสาร และไหว้พระแม่ธรณีบีบมวยผมแล้วไปสนามหลวง
ส่วนวันที่ ๒๕ สาวนัดพี่วันเพื่อนแมวช่วงเช้าไปเดินสำเพ็ง แล้วไปวัดเล่งเน่ยยี่ วัดราชนัดดารามวรวิหาร วัดเทพธิดารามวรวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วันนี้สาวเน้นสถานที่ก่อนแล้วรูประหว่างทางค่อยโพสอีกครั้งในรอบถัดไปนะคะ พร้อมแล้วไปวัดกันค่ะ เริ่มจากที่แรกกันก่อนค่ะ สาวออกจากที่พักเกือบสี่โมงเย็น นั่งรถเมล 15 นาทีก็ถึงที่แรก สาวเลือกไหว้พระที่เทวสถาน(โบสถ์พราหมณ์) ก่อน ภายในเทวสถานมีโบสถ์ทั้งหมด 3 หลัง ได้แก่ สถานพระอิศวร สถานพระมหาวิฆเนศวร และสถานพระนารายณ์เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว มีกำแพงล้อมรอบ ปัจจุบันมีอายุได้ 235 ปี
เมื่อไปถึงด้านหน้าจะมีให้ทอนพวงมาลัย พร้อมกระเพรา ต่อชุด 50 บาท พวงมาลัยวางไว้ที่หน้าพระพราหมณ์ ส่วนกระเพราวางไว้ที่หน้าอาคารพระนารายณ์ อาคารทั้งสามหลังห้ามถ่ายภาพด้านใน หรืซูมจากด้านนอกค่ะ
ทางเข้าประมาณนี้ ฝั่งนี้พระนารายณ์ค่ะ มีอีกหลายที่ เราไปกันต่อค่ะ วัดสุทัศน์เทพวราราม
วัดสุทัศนเทพวราราม [สุ-ทัด-เทบ-พะ-วะ-รา-ราม] หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า วัดสุทัศน์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศไทย และถือเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเขตพระนครชั้นใน และอยู่มีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ เสาชิงช้า อยู่บริเวณหน้าวัดวันที่ไปอยู่ในช่วงบูรณะเลย ไม่ได้ถ่ายพระประธานมา แถมเย็นมากแล้วเลยไม่ได้ทอน ดอกไม้ แค่หยอดตู้ทำบุญอย่างเดียว เข้าไปด้านในกันค่ะ มุมกว้าง ภายในอุโบสถ เข้าไปถ่ายรูปมานิดนึง ช่วงบูรณะ เก็บไว้เป็นที่ระลึก ลานด้านหน้า ไปแห่งที่สามกันค่ะต่อค่ะ
ตอนนี้สาวได้เพื่อนแล้วนะคะ พี่ทุมมาจากตรังเราเจอแล้วแล้วพี่ทุมพาไป วัดบวรนิเวศวิหาร แห่งที่สามของวันนี้
วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร หรือ วัดบวรนิเวศวิหาร (เดิมชื่อว่า วัดใหม่) เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนบวรนิเวศและถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศสถาปนาขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ 3 พระอารามนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาของสงฆ์แห่งแรกในประเทศ
วันที่สาวไปปิดแล้ว เลยถ่ายรูปด้านนอกมานิดหน่อย เสียดาย ไว้มาอีกครั้งรอบหน้า ตอนนี้เราเลาะไปทางถนนข้าวสารแล้วไปทางสนามหลวง ฝั่งดินเลาะไปทางถนนข้าวสาร และไหว้พระแม่ธรณีบีบมวยผม ปิดทริปไว้พระวันแรกเป็นแห่งที่สี่
คืนแรกสาวรีบนอนค่ะ เพราะตั้งใจจะเที่ยวในวันที่ ๒๕ ให้เต็มที่เพราะสาวมีนัดกับพี่วัน เพื่อนแมว พี่วันมารับกับแท็กซี่ แล้วเราไปสำเพ็ง จากนั้นก็ไปวัด"วัดเล่งเน่ยยี่" หรือ "วัดมังกรกมลาวาส"
วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ (ตัวเต็ม: 龍蓮寺, ตัวย่อ: 龙莲寺, พินอิน: Lóng lián sì หลงเหลียนซื่อ, ฮกเกี้ยน: เล้งเหลียนซี่, สำเนียงแต้จิ๋ว: เล่งเน่ยยี่) เป็นวัดจีนสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ระหว่าง ซอยเจริญกรุง 19 และ 21 ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นที่คุ้นเคยในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวจีนจากต่างประเทศวัดนี้ บางคนเรียกว่า "วัดมังกร" เพราะคำว่า "เล่ง" หรือ "เล้ง" ในภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่ามังกร (คำว่า “เน่ย” แปลว่า ดอกบัวและคำว่า “ยี่” แปลว่า วัด) ชื่อวัดอย่างเป็นทางการคือ "วัดมังกรกมลาวาส" พระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 วัดนี้ก่อตั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2414 ใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบทางจีนตอนใต้ของสกุลช่างแต้จิ๋ว โดยวางแปลนตามแบบวัดหลวง คือ มีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก ตรงกลางเป็นพระอุโบสถ ข้างหลังพระอุโบสถเป็นวิหารเทพเจ้า การสร้างใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุสำคัญ วันที่ไปโชคดีมากคนน้อย เลยได้ถ่ายรูปเยอะ พี่วันบอกว่าตรงนี้เป็นห้องยา ให้เสี่ยงเซียมซีแล้วมาเอายา ส่วนใหญ่จากหายป่วย ตรงนี้เราได้ไหว้พระกันด้วย รูปพี่วัน ๑ รูป รูปคู่ของเราค่ะ ถัดไปค่ะ วัดราชนัดดารามวรวิหาร
วัดราชนัดดารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้น ณ ริมคลองรอบกรุง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระราชนัดดาพระองค์เดียวที่ทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางนาฏโสมนัสวัฒนาวดี บรมอัครราชเทวี พระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดราชนัดดารามวรวิหาร จึงเป็นวัดที่มีความหมายยิ่งต่อพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งยังมีปูชนียสถานที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร นั่นคือ "โลหะปราสาท" อีกหนึ่งพุทธสถานสำคัญสัญลักษณ์คู่กรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งยังเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธมาเป็นเวลาช้านาน
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บกระปุก
เราไปไหว้พระที่อุโบสถแป๊บนึง ที่วัดนี้สาวไปแค่โลหะปราสาทค่ะ ด้านใน แล้วเดินขึ้นไปด้านบน วิวด้านบนสวยมาก เราไปถึงที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแต่สาวไม่ได้ถ่ายรูปมา เอารุปพี่วันแทน ตรงนี้เห็นภูเขาทองด้วย ถ่ายรูปมานิดนึง ช่วงลงมา เราได้รูปมาคนละนิดหน่อย อากาศร้อนมากตอนลงมา โชคดีมีร้านกาแฟเล็ก ชื่อกาแฟเล็ก ๆ ชื่อกาแฟใต้ต้นเกด ราคาไม่แรง รสชาติดี สะดวกมาก พอลงจากยอดโลหะปราสาทเจอร้านกาแฟดีงามมาก น้ำของเรา และขนมปัง ได้เวลาเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปวัดเทพธิดารามวรวิหาร วัดเทพธิดารามวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ริมถนนมหาไชย แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงสถาปนาขึ้นในปี พ.ศ. 2379 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชทานแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ซึ่งเป็นพระราชธิดาที่ทรงพระเมตตาและโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง และสร้างสำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2382 พระราชทานนามว่า "วัดเทพธิดาราม" เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ บริจาคทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมในการก่อสร้างด้วย
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือที่วัดนี้คือ พระพุทธเทววิลาส หรือ หลวงพ่อขาว (ชื่อที่ชาวบ้านเรียกทั่วไป) พระประธานสำคัญประจำพระอุโบสถซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดอัญเชิญพระพุทธเทววิลาส (หลวงพ่อขาว) มาจากพระบรมมหาราชวัง มาประดิษฐานเป็นพระประธานประจำพระอุโบสถ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ (พระองค์เจ้าหญิงวิลาส) พระราชธิดาในพระองค์
เราไปวัดก่อนเค้าจัดงานทำบุญ ๑ วันเลยได้เห็นการจัดเตรียมสถานที่ วัดนี้สวย จริง ๆ อีกหนึ่งความโดดเด่นคือ กุฏิสุนทรภู่ แต่สาวตั้งใจรีวิวอีกรอบ ไว้รออ่านนะคะ มาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งที่ ๘ ส่งท้ายวันนี้คือ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดสระเกศ)
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดสระเกศ) อยู่ริมคลองมหานาคและคลองรอบกรุง ใกล้สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนานเมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. ๒๓๒๕
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะและสร้างสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอีก ที่สำคัญคือ พระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง ซึ่งทรงกำหนดให้เป็นพระปรางค์มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง แต่สร้างไม่สำเร็จในรัชกาล เมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ จึงทรงให้เปลี่ยนแบบเป็นภูเขาก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด การก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระเจดีย์บนยอดพระบรมบรรพตเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุมาแต่ครั้งนั้น ตีระฆังกัน วิวระหว่างขึ้นภูเขาทอง มีเมฆสสวยด้วย ไปไหว้พระกันค่ะ ตอนนี้เราขึ้นมาข้างบนกันแล้ว เดือนพฤษภาคมเมื่อหลายปีก่อนสาวก็มาค่ะ รอบนี้เรามาเย็น รอดูพระอาทิตย์ตก แต่ไม่เห็น และลงมาไว้พระบรมสารีริกธาตุแล้วกลับค่ะ ปิดทริปในวัดที่ ๘ ทริปกรุงเทพ ฯ ยังไม่จบ รอชมบล็อกถัดไป ขอบคุณที่แวะมาค่ะ
Create Date : 19 มิถุนายน 2562 |
Last Update : 19 มิถุนายน 2562 16:05:19 น. |
|
14 comments
|
Counter : 1725 Pageviews. |
|
|
ได้ภาพสวยๆเพียบเลย