Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน มันคือ ความเชื่อส่วนบุคคลจ้า

เมื่อมองย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นึกขึ้นได้ว่ามีหลาย ๆ ลางบอกเหตุ ซึ่งแม่ไม่ได้เฉลียวใจ เริ่มจากฝันเห็นหิ้งพระที่บ้านอาม่า แต่องค์พระที่ตั้งอยู่ไม่ใช่พระพุทธรูปของที่บ้านเลย ที่น่าตกใจ คือ พระประธานท่านหายไป ฝันนี้ ทำให้แม่เชื่อว่า เทวดาประจำตัวของแม่ ท่านคงมาแจ้งลาพักร้อน หลังจากนี้ แม่เกิดอาการขอบตาดำ ข้างขวาข้างเดียว ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต มันดำผิดปกติ เหมือนทาอายแชโดว์ สีดำๆ เงินๆ ชัดมาก ขนาดไม่คิดว่า จะเกิดจากการนอนน้อย หรือ ขาดสารอาหาร ไม่นาน แม่ก็ป่วยจนนอนซม ไม่สามารถไปร่วมงานแท้งค์กิฟวิ่งที่บ้านแกรนด์มาได้ พอจะรู้สึกค่อยยังชั่ว ตามประสาสาวเอเชี่ยนผู้ขันแข็ง แม่จึงตัดสินใจแต่งตัวเตรียมไปทำงาน ขนาดคุณพ่อยังทักเลยว่า ไหวหรือ จนในที่สุดแม่ก็พาตัวไปเกิดอุบัติเหตุ

ขณะที่รถถูกชนปึงๆๆ นั้น ทำให้แม่นึกถึงบรรดาผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จังหวะนั้น คือ ความทุกข์ทรมานที่ฝังติดในจิตดวงสุดท้าย เออ หนอ ทำไมหนังสือหลายเล่ม จึงมักเล่าเรื่องวิญญาณที่วนเวียนแต่ในบริเวณเกิดเหตุ หรือปรากฏแสดงแต่เหตุการณ์สุดท้ายอันน่าสะพรึงกลัวของตน
ในบางคืนของวีคแรก แม่ก็นึกถึงเหตุการณ์ช่วงนี้ ทำให้รู้สึกกลัว จนน้ำตาไหล แต่ผ่านความเจ็บปวด ความรู้สึกแย่ๆ อ้างว้าง เดียวดาย นั้นมาได้ ด้วยการใช้สติ ค่อยๆ คิด (ยังไม่ถึงขั้นพิจารณา) คำว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” นั้น พุ่งเข้ามาบ่อยมาก เป็นพลังให้แม่ขับเคลื่อนตัวเอง ไม่ให้จมกับความคิดลบ ไม่ให้ร่างกายยอมแพ้กับความเจ็บ
ณ วันนี้ เมื่อมาคิดถึงการเตรียมตัวก่อนตาย ตั้งแต่สมัยที่รักษาตัวจากโรคมะเร็งนั้น จึงถือว่า สอบตก เพราะไม่ได้คิดถึง ไม่ได้นำไปใช้ ณ วินาทีมรณะ ทั้งเมื่อกลับมารักษาตัว จิตใจมีแต่ความหดหู่ เศร้าหมอง เจ็บปวด

เมื่อเช้านี้ แม่ลงไปอุ่นอาหารให้เราสองคน ปกติ แม่จะยืนนกกะเรียน และเอามือซ้ายพักบนขาที่ยก ใช้มืออีกข้างหยิบของ เกิดพลาดท่าเล็กน้อย นกกะเรียนลงมายืนสองขา มือซ้ายจึงห้อยตามลงมา แม่ร้องโฮก ด้วยความเจ็บสุดประมาณ คนเดียวในบ้านที่แจ้นมาดู คือ นู๋ คนอื่นๆ เค้าคงรู้ว่า ไม่ถึงตายมัง นี่แหละ 55 อยู่บ้านนี้ต้องแข็งแรง เอ๊ะ เล่าทำไม.... อ๋อ จะเกริ่นว่า ความเจ็บเริ่มวีคสี่นี้ ถือว่า จิ๊บๆ เมื่อมองย้อนกลับไป
สอบตกอีกวิชาละ
เนื่องจากในวีคแรกนี้ แม่ไม่สามารถนั่งสมาธิ พิจารณาความเจ็บได้เลย เมื่อเทียบกับตอนหลังผ่าตัดมะเร็ง ครั้งนั้น หลงนึกว่าตัวเองทำได้แล้ว คือนอนดูความเจ็บที่หน้าอกไปเรื่อยๆ แต่คราวนี้ เป็นข้อสอบจริง มันเจ็บทั้งตัว ทำอะไรไม่ถูกเร้ย ได้แต่สวดมนต์วกไปวนมา และใช้วิธีสมาธิฮีลลิ่งแบบฝรั่ง ซึ่งกลายเป็นว่า แม่เชื่ออย่างจริงจัง เรื่องการนิมิตแสงมารักษาตัว กับเรื่องฝากเพื่อนๆ ญาติๆ คนรู้จักทุกคน ไม่ว่าใกล้ไกล พอได้ยินว่าเค้าสวดแผ่มาให้ แม่จะรู้สึกทุกครั้งว่า กระดูกมันประสานกันเร็ว เพียงวีคครึ่ง ฟิลม์แสดงชัดเจนว่า กระดูกที่มันห่างกันเกือบคืบ ก็ใกล้จะต่อกันแล้ว รอลุ้นสุดตัว วันที่ 29 นี้ว่า ปาฎิหารย์มีจริงหรือไม่
เมื่อคืน แม่ลองเริ่มฝึกพิจารณาอีกครั้ง ก็ยังไม่ได้เรื่องอะไร มีแต่หลับยาวขื้น สบายขึ้น เห็นไหมละ กิเลสนี่มันร้ายจริงๆ

เรื่องสุดท้ายที่ผ่านเข้าหัวมา คือ การที่แม่เฝ้าคิดวนเวียนว่า แม่ได้ทำกรรมร้ายแรงอะไร จึงต้องมาเจออุบัติเหตุสยองขนาดนี้ อยากรู้มาก และคิดมั่วไปหมด
หรือจะเป็นเพราะไม่ได้ดูแลปลาคาร์พในบ่อนอกบ้านดีๆ มันตายหมดบ่อเลย บาปหนักนะ
หรือจะเป็นเพราะก่อนเกิดเหตุ ไม่กี่วัน แม่แอบชิมลูกชิ้นไก่ของนู๋ไปหลายลูก ทั้งๆ ที่มังสวิรัติเคร่งครัดมาตลอด วันนั้น ตั้งใจทำบาปแอบเอาเข้าปาก กลิ่น(เหม็น) ยังติดจมูกจนทุกวันนี้
หรือ นั่น หรือ นี่ คิดได้หลายเหตุ
ตอนนี้ พบสัจจธรรมแล้วว่า คิดไป ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น แม่มีเจ้ากรรมนายเวรประจำตัวอยู่ละ (ก็หัวหน้าทีมพยาบาลนั่นไง 55) บาปที่ทำในชาตินี้ ล้วนรู้อยู่แก่ใจ ส่วนบาปในชาติก่อน ไม่อาจรู้ได้ แทนที่จะคิดเรื่องแก้กรรม สู้เอาเวลาที่เหลืออันน้อยนิด ทำความดีให้ได้ตลอดจะดีกว่า

หลายคนมักปลอบแม่ว่า ไม่ต้องห่วงนู๋
แม่ขอบอกไว้ ณ ที่นี้เลยว่า เหตุครั้งนี้ แม่ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับนู๋สักนิด ตอนรักษามะเร็งนั้น นู๋ยังเล็กนัก แต่ตอนนี้ แม่ออกจะมั่นใจว่า นู๋จะโตขึ้น เป็นเด็ก รักดี แน่นอน นี่แหละแม่จึงไม่มีห่วง เมื่อคืนยังบีบีกับอี๊สาว่า มรดกของแม่นั้น แม่อยากจัดสรรให้นู๋แค่ครึ่งเดียว แม่เชื่อว่า พอเหลือล้น ที่เหลืออีกครึ่งชีวิตของนู๋ ๆ ควรรู้จักหามาเอง ส่วนอีกครึ่งนั้น แม่อยากแบ่งให้อาม่า และพี่น้องทุกคนที่เมืองไทย เค้าจะได้สบาย พอมีเวลาเข้าวัดเข้าวา ทำบุญตักบาตร แผ่ๆ มาถึงแม่ด้วย เผื่อแม่ไม่สามารถไปดีได้งัย 55
เอาละ วันนี้ แม่ขอจบแต่เพียงเท่านี้ รักนะ จุ๊บๆ

แปะรูปแม่ในวันฮาโลวีนให้ดูเป็นอุทาหรณ์ ดันไปแต่งตัวท้าทายนรก วีคแรก แม่เดินเป๋ซ้ายเหมือนฮาโลวีนเด๊ะๆ




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2554
7 comments
Last Update : 23 ธันวาคม 2554 9:52:11 น.
Counter : 1182 Pageviews.

 

อ่านแล้วสาธุ

 

โดย: แม่พี่ออน IP: 110.168.151.55 23 ธันวาคม 2554 9:50:36 น.  

 

เพี้ยง! เดี๋ยวก็หาย เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ

 

โดย: petunia lover IP: 50.55.218.109 23 ธันวาคม 2554 12:00:23 น.  

 

หายไวๆ นะคะ แจ่มใสต้อนรับปีใหม่

 

โดย: พิพพ์ (พิพพ์ ) 23 ธันวาคม 2554 15:08:30 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะที่มาแชร์ประสบการณ์ สวดมนต์ขอพรให้หายเป็นปกติเหมือนเดิมเร็วๆค่ะ

 

โดย: มารน้อยไร้สังกัด 23 ธันวาคม 2554 23:18:04 น.  

 

เข้ามาติดตามข่าวคราวแม่น้องมรรคค่ะ

หายเร็วๆนะค่ะ

 

โดย: bear hunt 25 ธันวาคม 2554 5:24:21 น.  

 

อย่าคิดมากเลยค่ะ มันผ่านไปแล้ว ใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า ทำใจให้สบาย จะได้หายเร็ว ๆ ค่ะ

 

โดย: simplyusana 25 ธันวาคม 2554 9:42:15 น.  

 


Merry Christmas and Happy New Year ka.

 

โดย: กิ่งไม้ไทย 26 ธันวาคม 2554 10:41:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


มรรคณิชา
Location :
Sleepless in Seattle United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีคะ
นู๋ชื่อ มรรคณิชา.... เรียกนู๋เต็ม ๆ นะคะ เพราะนู๋ไม่มีชื่อเล่นคะ ... อยากรู้จักนู๋ ก็ต้องตามไปช่วยอ่าน ช่วยคอมเม้นต์นะคะ แม่นู๋จะได้มีกำลังใจ
แก้ไขเพิ่มเติมคะ....
มีคุณน้า คุณพี่ หลายคนมักถามคุณแม่เสมอๆ ว่า "ชื่อของนู๋ แปลว่าอะไร"
บอกเลย ไม่เล่นตัว...อิอิ
มรรค มาจากคำว่า "มรรค 8" ในศาสนาพุทธไงคะ...คุณแม่คงอยากเห็นนู๋เป็นเด็กดี...แถมเวลาสะกดเป็นภาษาปะกิต คุณแม่ใช้ชื่อคุณพ่อสะกดซะเลย...งานนี้ คุณพ่อหน้าบานคะ
ส่วน ณิชา แปลว่า บริสุทธ์
พอมารวมกะ "มรรค" ชื่อนู๋เลยเก๋กู๊ดซ้า

แก้ไขเพิ่มเติม (อีก 5/29/2011)
แขกเค้ามีดาราหญิงชื่อ มานิชา คล้ายชื่อนู๋มากเลย แรกๆ แม่ก็ปลื้มหรอกนะ แต่หลังๆ ชักหวั่นไหว เพราะเพื่อนร่วมงานของพ่อชื่อนี้เปี๊ยบ เป็นตัวป่วนที่ทำคุณพ่อปรี๊ดส์บ่อยๆ

แม่พบว่า เด๋วนี้ เวลาเรียกมรรคณิชาเต็มๆ คือการทำเสียงเข้ม ในเหตุการณ์ปกติ แม่เรียกนู๋ ว่า "ลูก" "นู๋" หรือ ไม่ก็ "ชิชา" "ชา"
Friends' blogs
[Add มรรคณิชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.