ด.ญ.จินตนา สิมะวงค์
เริ่มต้นชีวิตวัยเรียนที่ต้องสวมใส่ชุดนักเรียน ประถมศึกษา ป.1 - ป.6
ณ โรงเรียนชุมชนบ้านแม่สาบ เป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน
เป็นชุดนักเรียนช่วงประถมวัยตามที่โรงเรียนของรัฐกำหนดไว้ทุกอย่าง
ไม่มียูนิฟอร์มเฉพาะของโรงเรียน เนื่องจากเป็นโรงเรียนของรัฐ ยกเว้น ชุดกีฬาสี
เรื่องราวนอกจากนี้ คือ จำไม่ค่อยได้ อ่อ ๆ จำได้อีกนิดว่า อยากจะได้กระเป๋านักเรียนใหม่ รถจักรยานใหม่
ทุกอย่างจะต้องแลกมาด้วยการเรียนให้ได้เกรด 4
เข้าเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ได้นั่งรถเดือนมาเรียน
ที่โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม เป็นโรงเรียนมัธยมของรัฐประจำอำเภอสะเมิง
ชุดนักเรียนกำหนดมายังไง ก็แต่งตามนั้นเปะ ไม่เคยผิดระเบียบ
จำคำของครูใหญ่ที่ประกาศหน้าเสาธงได้ว่า..
ไม่ว่าชุดนักเรียนจะซักไม่สะอาดก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้รีดให้เรียบร้อย
ชุดนักเรียนไม่เคยผิดระเบียบ จะผิดก็จะผิดที่ทรงผม
สมัยนั้นทรงผมนักเรียนหญิงจะต้องตัดสั้นให้เห็นติ่งหู ประมาณ 1 เซนติเมตร
เวลาครูตรวจทรงผมทีไร ถ้ายาวเลยกว่าติ่งหู
จะวิ่งเข้าห้องน้ำเอากรรไกรมาเล็มตรงหูให้เห็น ดีกว่าครูลงโทษด้วยกันตัดแหว่ง ๆ
ตอนนั้น ไม่ได้รู้สึกต่อต้านอะไร กฎก็คือกฎ
ทุกสถาบันมีกฎกติกา ข้อบังคับ เราอยู่ในสถาบันไหนก็ต้องเคารพกฎ
เป็นสิ่งที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ให้เคารพกฎกติกาของส่วนรวม
ภาพชุดนักเรียน : การแข่งขันสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ
ระดับมัธยมศึกษา ณ พุทธสถานเชียงใหม่
คนไหนลองเดาดูเอาเองเน้อ อิอิ
จบมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม ก็ได้โควต้าเรียนต่อ 2 แห่ง คือ
วิทยาลัยอาชีวศึกษาและวิทยาลัยนาฎศิลปเชียงใหม่
เลยตัดสินใจเลือกช้อยส์แรก เปลี่ยนจากสายสามัญมาเป็นสายอาชีพ (ปวช.)
ด้วยความที่เป็นเด็กโควต้า จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังถูกกดดันเยอะ
แม้กระทั่งการแต่งตัวก็ต้องเรียบร้อย ถูกต้องตามระเบียบ
เลือกหอพักใกล้ ๆ โรงเรียนจะได้ประหยัดค่ารถ
เดินมาโรงเรียนจนรองเท้าคัชชูสึกไม่รู้กี่คู่ต่อกี่คู่ ใส่คัชชูครั้งแรกกัดส้นจนเลือดซิป
แต่ไม่กล้าผิดระเบียบ ยกเว้น...
"โบว์ผูกผม" โบว์ผูกผมที่ถูกต้องตามกฎของวิทยาลัยจะต้องเป็นสีขาว สีน้ำเงิน สีดำ
ด้วยความเริ่มโตเป็นสาว เริ่มมีความอยากสวย อยากมีสีสันบ้าง
ก็เริ่มติดกิ๊บผูกโบว์สีสวยและหลายต่อหลายครั้งก็จะถูกริบตอนเดินเข้าประตูโรงเรียน
จะมีครูฝ่ายปกครองคอยดักอยู่หน้าประตู ถูกริบไปตามระเบียบบ่อยมาก
แต่ก็ไม่เข็ด ทั้งที่ตอนนั้นได้เงินใช้อาทิตย์ละ 150 บาท
รูปชุดนักเรียน ยูนิฟอร์มวิทยาลัยอาชีวศึกษา ระดับชั้น ปวช.
ถ่ายกับเพื่อนสนิท ณ สวนหลวงล้านนา ร.9
ต่อมาเรียนจบ ปวช. ก็มาสอบเรียนต่อระดับ ปวส.
ที่ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขต ภาคพายัพ (ปัจจุบันเปลี่นเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว)
เรียนคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการเลขานุการ
ชุดยูนิฟอร์มของแต่ละคณะแต่ละสาขาวิชาชีพที่เรียนก็จะแตกต่างกันออกไป
สาขาการเลขานุการนั้น ก็จะต้องมีชุดสูทเผื่อฝึกบุคลิกภาพให้ดูดีเหมาะสมกับวิชาชีพที่เรียน
ตอนเรียน ปวส.เอกวิชาการเลขานุการนั้น
มีเพื่อนสนิทอยู่ 6 คน ไม่รวมเพื่อน ๆ ที่ทำงานสโมสรนักศึกษาด้วยกัน
ชื่อเดอะแก๊งค์ว่า "สตางค์ทีม" โดยแกะสติกเกอร์ติดกระเป๋านักเรียนไว้เป็นเอกลักษณ์
เรียน ปวส.จบ 2 ปี ก็ไปต่อ ปริญญาตรีต่อเนื่องที่ มหาวิทยาลัยพายัพ
ชีวิตไม่ค่อยมีอะไรสลับซับซ้อนมากมายเท่าไหร่ จะมีแต่ส่งตัวเองเรียนช่วงปริญญาตรี 2 ปีสุดท้าย
นอกนั้นเป็นไปตามกติกากฎระเบียบ ไต่เต้าไปแต่ละสถาบันตามระดับชั้นการศึกษา
และก็ทำงานประจำ เป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่เกือบ 20 ปี เปลี่ยนงานหนึ่งครั้ง
ปัจจุบันลาออกมา เป็นแจ๋วอยู่บ้านและร้าน ดูแลกิจการของครอบครัว
*
*
*
การแต่งกาย : สำคัญขนาดไหน
ความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นชุดนักเรียน ชุดนักศึกษา ชุดทำงาน
เราอยู่ในสถาบันไหน องค์กรอะไร ก็ควรจะแต่งยูนิฟอร์ม ตามกฎและระเบียบขององค์กรนั้น
หรือแม้กระทั่งอยู่ในสังคมทั่วไป ก็ควรจะแต่งตัวให้เหมาะสมและถูกกาลเทศะ
ชุดลำลองอยู่บ้าน ชุดทำงานตามอาชีพและความคล่องตัว
และชุดออกงานก็ควรให้เกียรติเจ้าของงานหรือให้เกียรติสถานที่นั้น ๆ
ส่วนตัวแล้ว เป็นคนแต่งตัวง่าย ๆ ลาออกจากงานประจำ
มาทำงานของตัวเอง การแต่งกายเรียบง่ายยึดหลักความคล่องตัวและใส่สบาย
เสื้อยืด กางเกงยีน์ ผ้าใบ และมวยผมตลอดอย่างที่เห็น
ชุดนักเรียน เป็นชุดที่น่ารัก เรียบร้อย และสุภาพที่สุด
เป็นอีกชุดหนึ่ง เวลาหวนคิดคำนึงถึงวันเวลาที่เคยใส่ครั้งในอดีต
มักจะเรียกร้อยยิ้มและภาคภูมิใจช่วงเวลานั้นเสมอ