คุณนายแม่หกล้ม!!
อันคุณนายแม่นั้นจะมีถิ่นพำนักอยู่สองแห่ง มาอยู่ที่ญี่ปุ่นครั้งละสามเดือนก็จะกลับไปอยู่ไทยสามสี่ห้าเดือนแล้วแต่ จากนั้นก็จะมาอยู่ญี่ปุ่นอีกสามเดือนสลับกันไป มาคราวนี้ป้าโซกลับมาญี่ปุ่นก็ได้หนีบเอาคุณนายแม่กลับมาพร้อมกันด้วย
เป็นกิจวัตรปกติที่คุณนายเธอจะต้องเก็บๆทำๆบ้านช่อง ซักผ้าตากผ่อนไปตามเรื่องของเธอ ห้ามก็ไม่ฟังว่ามาอยู่ที่นี่ให้พักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศไม่ต้องหักโหมทำงานบ้านอะไรมากมายนัก เพราะตอนคุณนายแม่ไม่อยู่ที่นี่เราก็อยู่กันแบบเราๆแบบนี้ได้ แต่..คุณนายแม่ก็คือคุณนายแม่ที่หยุดนิ่งไม่ค่อยได้ เข้าใจน่ะค่ะว่าเพราะความรักลูกอยากให้ลูกหลานสะดวกสบาย แต่ก็ทำให้เราเป็นห่วงเป็นกังวลกับการตะลุยทำโน่นทำนี่ของเธอ เพราะคุณนายเธอไม่ค่อยระวังตัวเองนัก มักจะรีบๆร้อนๆทำโน่นทำนี่ตลอด บางทีก็ลืมคิดไปมังว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้ว ป้าโซละกลัวนักเรื่องอุบัติเหตุไม่คาดคิดเนี่ย แล้วก็เกิดขึ้นจริงๆ
พฤหัสที่ผ่านมานี่ตอนบ่ายแก่ๆ ฟ้าร้องฮืมๆ มาแต่ไกล แต่ฟ้ายังแจ่มใสอยู่ คุณนายแม่เลยเดินลงไปเก็บผ้า ป้าโซอยู่ในครัว ได้ยินเสียงดังตึงง.. ตอนแรกคิดว่าคุณนายท่านเขวี้ยงตะกร้าผ้าใส่ประตูกระจกบานเลื่อน ที่ไหนได้ หันไปดูเห็นเธอนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างนอก..
ป้าโซก้าวสองพรวดกระโจนลงไปข้างนอก เห็นคุณนายเธอนอนเอามือปิดหน้าไว้แน่น ก้มลงดูตามร่องมือไม่เห็นมีเลือดหรืออะไรส่อเหตุว่าหนักหนาสากรรจ์ ก็เลยพยุงลุกขึ้นแล้วพาเข้ามาในบ้านทั้งๆที่ปิดหน้าอยู่อย่างนั้น สอบถามได้ความว่าสะดุดขาแล้วล้มหน้าฟาดเข้ากับรางอลูมิเนี่ยมขอบประตูบานเลื่อน !!
พอง้างมือออกมาดู ถึงได้เห็นว่าที่แก้มขวามีรอยบาดยาวนิ้วกว่าๆ มีเลือดไหลออกซึมๆ เลยเอาเจลที่แช่แข็งไว้ประคบปิดแผลไว้อย่างนั้น พอรู้ว่าเลือดออก ใจคุณนายเธอเหลือนิดเดียว เริ่มออกอาการสั่นพั่บๆๆ ทั้งๆที่ป้าโซบอกว่าไม่มากมายอะไร แผลก็ดูไม่ลึก แต่คุณนายเธอดูเหมือนควบคุมสติไม่ได้ไปชั่วขณะ ออกอาการทำเอาป้าโซกังวล เพราะอาการทางใจสามารถมีผลมาถึงอาการทางกายได้ กลัวเธอช็อกมากค่ะ..
หลังจากเอาผ้าห่มให้ ป้าโซก็ต้องทำท่าเรื่อยๆเฉื่อยๆ เหมือนไม่ตื่นเต้นอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปากก็พูดปลอบไปให้ทำใจเย็นๆ ไม่เป็นไรหรอก ทั้งๆที่ใจป้าโซเริ่มเสียนิดหน่อยละ อาศัยว่าเคยได้ตุ๊กตาทองประเภทแหลหลด เลยพอจะวางท่าทีตบตาคุณนายเธอได้ จากนั้นก็โทร.ไปหาลุงที่ทำงาน ลุงสั่งการให้ป้าโซพาคุณนายขึ้นรถปู่ไปรพ.ใหญ่ในตัวเมืองทันที แล้วลุงจะขับรถตามไปเจอที่รพ. เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านภาษา
เรื่องมดหมอของที่นี่ ใครเรียนจบแพร่ดมาก็สามารถเปิดสถานบริการทำมาหากินได้ เป็นคลีนิคเล็กๆส่วนตัว ความใหญ่ของแต่ละที่ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีห้องนอนพักรักษาตัวได้กี่ห้อง หรือมีเครื่องไม้เครื่องมืออำนวยความพร้อมแค่ไหน คลีนิคที่นี่ส่วนมากจะเรียกกันว่ารพ. รพ.แต่ละที่ก็จะแยกความเชี่ยวชาญเฉพาะทางกันไป การเข้ารับการรักษาส่วนมากจะไปกันที่รพ.เล็กๆที่เราสะดวกกันก่อน ถ้าหมอที่รพ.เล็กๆเหล่านี้รับมือกับโรคไม่ไหว ก็จะทำหนังสือส่งตัวให้เราไปรพ.ใหญ่เพื่อทำการรักษาอย่างละเอียดอีกที เนื่องมาจากทางรพ.ใหญ่จะมีคนไข้มาก หมอที่ดูแลรักษามีไม่พอกับความต้องการ จึงต้องอาศัยรพ.เล็กๆเหล่านี้ช่วยรับภาระสำหรับคนไข้ที่ไม่หนักหนาสากรรจ์จนเกินไปนัก
ในกรณีของคุณนายแม่นั้น เป็นเรื่องฉุกเฉิน กระทันหัน ไม่ใช่อาการไข้ที่เป็นมาเนิ่นนานค่อยๆรักษาไปเรื่อยๆซึ่งสามารถไปตามรพ.เล็กๆได้ ดังนั้นลุงที่บ้านจึงแนะนำให้พาไปที่รพ.ใหญ่ที่มีแผนกฉุกเฉินคอยให้การรักษา ตอนเข้าไปที่แผนกต้อนรับนั้น ก็ต้องให้รายละเอียดของการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น แล้วก็จะมีคนมาดูอาการภายนอกอีกทีว่าควรจะเช็คทางด้านใดบ้าง อย่างคุณนายแม่เขาก็แนะนำว่าจะให้เอ็กซเรย์ดูกระดูกที่หน้าว่าหักแตกอะไรหรือเปล่า จากนั้นค่อยไปสังเกตอาการเองที่บ้านภายใน 24 ชม. ว่ามีอาการผิดปกติอะไรหรือไม่ ถ้ามีก็ให้รีบมารพ.ทันทีเพราะที่นี่เปิดตลอด 24 ชม. เขายังไม่แนะนำให้ทำเลยทันทีตอนนี้ คงเนื่องจากคุณนายแม่ไม่มีประกันสุขภาพด้วยแหละมังคะ ค่ารักษาต้องจ่ายเองเต็มๆ
พอถึงโรงหมอ อาการคุณนายก็ดูดีขึ้นอย่างทันใด เหมือนแค่ได้กลิ่นยาโรงหมอก็หายโดยพลัน เธอบอกว่า.. "กลับบ้านเหอะ ไม่เป็นไรแล้วชั้นทาเบตาดีนเอาก็ได้" เหม่..อุตส่าห์มาถึงนี่ จะปล่อยกลับง่ายๆได้ยังไงล่ะจ๊ะคุณนายจ๋า..
สรุปจากผลเอ็กซเรย์ โชคดีเหลือหลายที่คุณนายเธอกระดูกแข็งเอาการ ไม่มีแตกหักอะไรทั้งสิ้น มีแต่โรคอ้อนหมอเล็กน้อยเพราะหมอหนุ่ม ขยับโน่นยื่นนี่ให้หมอดู แล้วหมอก็ดูแผลว่าไม่ลึก ไม่ต้องเย็บ ล้างแผลทายา แปะแผลให้เชื่อมเข้าหากันเองโดยธรรมชาติ กำชับว่าไม่ต้องเอาก๊อซปิดแผลออก รอหนึ่งอาทิตย์ค่อยไปหาหมอที่รพ.เล็กอีกที่นึง ซึ่งหมอจะเขียนจดหมายน้อยกำกับไว้ให้ ให้หมอที่โน่นดูแผลแล้วทำการรักษาต่อ .. เสร็จสรรพก็จ่ายตังค์กลับบ้าน
ขากลับบ้านคุณนายเริ่มพูดคุยได้อย่างมีความสุข เพราะรู้ตัวแน่ว่าไม่เป็นอะไร วันก่อนเธอเล่าให้ป้าโซฟังว่า เธอฝันเห็น เต็มไปหมดน่าขยะแขยง ป้าโซบอกว่านั่นแหละโชคดีละ ยิ่งฝันว่าได้จับยิ่งดีใหญ่ .. มาหกล้มคราวนี้ เธอต่อว่าป้าโซว่า .. ไหนแกว่าชั้นจะได้ลาภไง?? ส่วนลูกเขยหมดปัญญาจะเตือนแม่ยายตัวเองให้ระมัดระวังตัว เพราะเคยพร่ำบอกมาตลอด มาคราวนี้เลยบอกแม่ยายว่า ..
ลูกเขย - คราวหน้าแม่ออกไปตากผ้า ใส่หมวกกันน็อกไปด้วยนะคร้าบบบ..
แม่ยาย -
ปล. ที่เขียนๆไปนั่นอาจดูบันเทิงบ้างเพราะเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว แต่ตอนเกิดเหตุการณ์จริงๆป้าโซกังวลมากกกก..
Create Date : 06 กันยายน 2552 |
|
14 comments |
Last Update : 6 กันยายน 2552 7:34:44 น. |
Counter : 1154 Pageviews. |
|
|
|