All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่24





บทที่24


หลังจากกวาดสายตาหามารดากับพี่ชายแล้วไม่พบ ซักไซ้กับคนรับใช้ในบ้านก็ได้เรื่องแค่ว่า ทั้งสองคนพร้อมใจกันตื่นแต่เช้า ควงแขนกันยิ้มกริ่มออกไปจากบ้าน ปฏิเสธอาหารเช้าที่กำลังจะเตรียมขึ้นโต๊ะ หากจะไปที่ไหน ไม่มีใครบอกสักคน

แพรพรรณได้แต่สงสัย หงุดหงิดใจเป็นกำลัง ทั้งแม่ทั้งพี่ชาย ต่างพากันปล่อยเธอทิ้งไว้ให้นอนแบ็บอยู่กับบ้าน เมาค้างจากค็อกเทลรสนุ่มแต่ฤทธิ์บาดสมองนัก บ้านหลังใหญ่เหลือสาวน้อยผู้น่าสงสารต้องอยู่บ้านคนเดียว อ่อ...ไม่สิ มีตาคนตัวดำอยู่ด้วย

ไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่องตัวเองไปเสียที รำคาญจะแย่อยู่แล้ว!

แพรพรรณขุ่นเคือง

อย่างกับกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวี จากละครโศกเศร้า น้ำตาแทบหยดแหมะ เป็นหนังสงครามตอนนายทหารสั่งการเสียงลั่นๆ ธเนศทำคิ้วขมวด เหมือนนึกอะไรได้ เขาเหลือบมองนาฬิกาแล้วลุกพรวดพราด

“สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย หิวไหม?” คนตัวสูงยืนสูงท่วมหัว แพรพรรณที่นั่งบนโซฟาต้องแหงนคอตั้งบ่า ส่ายหน้าปฏิเสธ


“ปวดหัว อยากนอน” หญิงสาวยกมือกุมขมับ

“ไม่ได้ ต้องกิน” หนุ่มผิวน้ำผึ้งก้าวพรวดๆไปหายไปทางห้องครัว ไม่นาน

“แบบนี้คนป่วยที่ไหนจะทานได้ ฝืดคอตาย ยิ่งไม่อยากกินอยู่ ข้าวต้มสิ ทำข้าวต้มร้อนๆมา” เสียงห้าวบ่นแกมสั่งดังมาจากห้องอาหาร

แล้วก็โผล่หน้ามา พร้อมแก้วใบเล็กในมือ อะไรบางอย่างในนั้นคงร้อน เพราะมีควันกรุ่นลอยเหนือแก้วมา พอหนุ่มผิวน้ำผึ้งทรุดลงนั่งข้างนั่นแหละ จึงเห็นและได้กลิ่นกาแฟดำเข้ม ขนิดที่ดื่มเข้าไปคงตาค้างแข็งไปข้ามวันข้ามคืนเลยก็ได้


“เอ้า ดื่มซะ” มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้า หากมือเล็กขาวผลักออก ธเนศเลยหน้ายู่ ไม่พอใจ

“ทำไม ดื่มสิ แก้เมาค้างได้นะ”

“ไม่เอา ขมแน่ๆ” หญิงสาวชะเง้อมาดูแล้วถอยออก เบ้ปากให้

“ไม่ขมเท่าไหร่ ใส่น้ำตาล กินเหอะ” ธเนศคะยั้นคะยอซ้ำ แต่แพรพรรณก็ยังส่ายหน้า

“เธอเป็นโรคจิต ซาดิสต์ชอบความเจ็บปวดหรือไง ทรมานตัวเองอยู่ได้ อุตส่าห์หายามาให้แล้วยังไม่ยอมกินอีก” หนุ่มผิวน้ำผึ้งมองอย่างไม่เคลือบแคลง สงสัย

“บ้า!ไม่ได้โรคจิตนะ”

“ไม่ใช่ก็กินเสียสิ กิน เร็วๆเข้า” คราวนี้เลยดุเข้าให้ แพรพรรณดึงมากรอกเข้าปาก ความขมแผ่ซ่าน ติดลิ้นไม่ยอมหาย สงสัยที่ว่าแก้เมาค้างได้ ท่าจะเป็นขมจนลืมอย่างอื่นมากกว่า เลยนึกว่าหาย

“ดีมาก”

ไม่หมดเท่านั้น ท่าทางจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นเจ้าของสปอร์คลับ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาที่สั่งๆๆๆๆ

“กินเข้าไปอีก กินได้นิดเดียวเดี๋ยวยาก็กัดกระเพาะ”

“ไม่เอาแล้ว” พออาหารลงท้อง อาการผะอืดผะอมก็เริ่มกำเริบ ยิ่งธเนศสั่งให้เติมของใหม่เข้าไปมากเท่าไหร่ ก็อยากจะขย้อนเอาของเก่าออกมากเท่านั้น

“ไม่ได้ ต้องกิน เดี๋ยวทานยาแล้วนอนพัก” สั่งอีกแล้ว น่ารำคาญ หนวกหูชะมัด!

“นอนพักเลยแล้วกัน” แพรพรรณบอกเสียงสะบัด ทำท่าลุกแล้วก็ต้องทิ้งตัวลงตามเดิม มือใหญ่กดไหล่ไว้ บอกเสียงเย็น

“ไม่ได้ กินข้าวซะ ให้หมดด้วย ไม่งั้นกินยาไม่ได้ จะแสบท้อง ต้องไปโรงพยาบาลนะ” ประโยคหลังออกขู่กลายๆ แพรพรรณตวัดตามอง โรงพยาบาลน่ะไม่กลัว แต่กลัวเลือดในโรงพยาบาลต่างหาก ที่นั่นน่ะมีเลือดเต็มไปหมด น่าขนลุกจะตายไป มือแข็งแรงตักข้าวต้มรอจ่อที่ปากเล็กยื่นอย่างไม่พอใจ

บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ!!

“เจ้าภู ไปบ้านหนูนิกับแม่เธอ” เสียงห้าวบอกลอยๆ ทำท่าพอใจมองชามข้าวต้มว่างเปล่า

“หือ?ว่าไงนะ ไปทำอะไรแต่เช้า” แพรพรรณซักอย่างสนใจทันที

“ไม่รู้ ถามไม่ทัน แต่เมื่อคืนเห็นมันยิ้มกริ่มพิลึกตอนกลับเข้ามานอนอีกที” แพรพรรณขมวดคิ้วยุ่ง “นอนมองแหวนที่นิ้วแล้วก็ยิ้ม ประหลาด” ธเนศว่าแล้วส่ายหัว ไม่เข้าใจ ไม่ถามด้วย เพราะตอนนั้นเขายังอยู่ในอาการสติแตกน้อยๆอยู่ เลยไม่อยากสนใจอะไรเท่าไร่

“แหวน แหวนอะไร ทำไมต้องมองด้วย”

“ไม่รู้สิ วงเล็ก เหมือนแหวนผู้หญิง” ธเนศวิเคราะห์พลางส่งยาแก้ปวดให้สองเม็ดแล้วชะงัก แพรพรรณทบทวนแล้วจัดการปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกัน ตั้งแต่แม่กับพี่ชายรีบออกจากบ้านไปแต่เช้า ที่สำคัญไปบ้านหนูนิ ภูดิสนอนมองแหวนที่เหมือนแหวนของผู้หญิง ไม่มีข้อมูลไรมากไปกว่านี้ แต่รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแน่นอน เพราะภูดิสไปบ้านนิศากร สองคนนั้นไปทำไม พี่ชายนอนยิ้มกริ่ม

อะไรกันนะ สงสัยๆๆๆๆ

ว่าแล้วก็ไม่ยอมปล่อยความสงสัยไว้นานตามนิสัย อยากรู้อะไร เป็นต้องรู้ให้ได้ แพรพรรณเดินตัวปลิวไปคว้าโทรศัพท์ต่อสายตรงรี่ไปหาคนที่ต้องการทันที พี่ชายของตัวนั่นแหละ แล้วก็ต้องหงุดหงิดที่ปลายสายไม่ยอมรับโทรศัพท์ ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แต่สันนิษฐานไว้ก่อนเป็นอันดับแรกว่า คงเป็นเพราะกำลังง่วนกับงานตรงหน้า หากผิดไปจากนี้เป็นอยากแกล้งอมความละก็ ฮึ่ม!

ไม่ได้ประโยชน์จะรอต่อไป จึงเปลี่ยนเป้าหมาย คราวนี้เป็นมารดา คุณลักษิกาตอบรับเสียงใสก็ไม่รอช้า ซักไซ้ไล่เรียงเรื่องราวทันที ฟังอยู่ไม่นานนัก ก็ร้องกรี๊ดกร๊าดกระโดดโลดเต้นจนคนตามมาใกล้ด้วยความเป็นห่วง กลัวแม่สาวร่างเล็กจะร่วงผลอยลงไปกองกับพื้นอีกรอบเกาหัวยิกๆ

“สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้ว เย้!” แพรพรรณร้องตะโกนดังลั่น ดวงตากลมโตพราวระยับอย่างตื่นเต้น ดีใจ หายป่วยเป็นปลิดทิ้ง

“รู้ไหมๆๆๆๆๆ สองคนนั่น ลงเอยกันได้แล้ว เย้!”

“หา!! จริงเหรอ ตอนไหนกันล่ะเนี่ย”

ไม่มีคำตอบนอกจากอาการยิ้มกริ่มจากแพรพรรณ หน้าบานเป็นจานเชิงอย่างถูกอกถูกใจ มองๆไปแล้ว ธเนศก็แน่ใจ หน้าอย่างนี้แหละ เหมือนภูดิสเมื่อคืนไม่มีผิด หนุ่มผิวน้ำผึ้งเกาหัวอีกรอบ เมื่อจับแพรพรรณที่บิดตัวไปมาทำท่าเขิลแทนเพื่อนสาวให้อยู่นิ่งๆได้

“ไม่ปวดหัวแล้วเรอะ”

“ไม่ หายแล้ว สบายดีสุดๆเลยด้วย” แพรพรรณฉีกยิ้มกว้างตาโตเป็นประกายแป๋วตอบมา น่ามองกว่าตอนหน้าบูดเป็นไหนๆ



นิศากรสะดุ้งวูบสุดตัว ชุดสวยในมือที่เพ่งพินิจรายละเอียดแทบทุกฝีเข็มเพื่อทำสมาธิกับจิตใจที่ไม่ค่อยอยู่กับตัวตั้งแต่เรื่องตื่นเต้นคาดไม่ถึงเมื่อคืนจนเช้าและเพิ่งทำได้เมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาหลุดผล่อยลงพื้น ต้นเหตุจากมือถือเครื่องจิ๋วที่แนบสนิทกับต้นขาสั่นเป็นสัญญาณเรียกเข้าจากใครคนหนึ่ง หญิงสาวลูบอกตัวเองผ่อนลมหายใจยาว ควักมือถือเจ้ากรรมมากดรับพลางเก็บเสื้อตัวสวยขึ้นจากพื้น

“ว่าไงแพร ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” นิศากรซักถามด้วยความเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายไม่ยักตอบคำถาม กลับถามอีกคำถามกลับมาด้วยซ้ำ ทักทายด้วยคำที่ทำให้เธอร้อนวูบที่แก้มและหัวใจเต้นตึกตักอีกครั้ง

“คุณว่าที่พี่สะใภ้ แว่วๆว่าหัวแตกเป็นไงบ้าง เจ็บมากรึเปล่าหนูนิ”

“...”

“เอ๋ ฮัลโหลๆ เฮ้ หนูนิยังอยู่รึเปล่า ฮัลโหล พี่สะใภ้” คำตอบเงียบหาย ทำให้แพรพรรณลองเคาะหูโทรศัพท์แล้วเงี่ยหูฟังอีกที เผื่อมีข้อขัดข้องทางเทคนิคในตัวเครื่องก็ได้

“บ้า! แพรบ้า เหมือนกันทั้งพี่น้องเลยเชียว”

“แน้ มาว่าเราเสียแล้ว” ท้ายประโยคมีเสียงหัวเราะคิกคักแว่วมาให้ได้ยิน นิศากรเลยเงียบไปอีก ไม่ตอบโต้ให้เข้าตัวอีกจะดีหว่า ทนเอาหน่อย เดี๋ยวก็เลิกไปเอง ละมั้ง?

“อ้าว ไม่คุยกับเราเสียแล้ว ไม่เอาละ เลิกล้อก็ได้ เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่านี้จะดีกว่า...” สุ้มเสียงมีเลศนัยแล้วเว้นช่วง แล้วต่อด้วยขู่บังคับ “เล่ามาเสียดีๆ เร็วๆเข้า ไม่งั้นล่ะก็จะงอนด้วย”

“เรื่องอาไร้” นิศากรทำไขสือเลี่ยงประเด็นไปอีก “ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจไปกว่าเรื่องนางเมรีขี้เมา เมาไม่รู้เรื่อง ไม่สะดุ้งสะเทือนบ้างเลยรึไงรถชนโครมเข้าไปขนาดนั้น อยากรู้จริงๆเชียว ไอ้ที่แพรกินเข้าไปนั่นมันใส่สารอะไร”

“แฮะๆ ก็คนมันคออ้อน จริงสิหนูนิเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า”

ความทรงจำที่ประติดประต่อไม่ครบถ้วนที่บันทึกในสมองมีเพียงคำบอกเล่าจากหนุ่มผิวน้ำผึ้งที่สติสัมปชัญญะไม่ครบเหมือนกัน เนื่องเพราะความหวาดกลัวในอดีต ที่นึกขึ้นทีไรก็พาให้ธเนศอยากลบมันทิ้งไปให้หมดสิ้น แต่ยังไงก็ไม่อาจทำได้ และคิดว่าชาตินี้เหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้นคงติดกับตัวเขาไปจนตาย แพรพรรณนึกสงสารจับใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร ได้แต่ปลอบประโลมเท่าที่สามารถทำได้ก็เท่านั้น

“ก็...หัวแตกนิดเดียว สงสัยมันคงกระแทกเข้ากับพวงมาลัยตอนรถชน นอกนั้นก็ปกติดี“

“มันน่าวิสามัญซะให้หมดเลยทีเดียว เลวจริงๆ อย่างนี้มันเรียกพวกสวะสังคม อยู่ไปก็รกพื้นที่ประเทศไทยเสียเปล่าๆ” แพรพรรณทำน้ำเสียงเดือดดาล คาดหมายในใจอย่างที่พูด หากเมื่อใดได้เป็นตำรวจจริงๆ จะทำอย่างนั้นให้ดู

“เอาเถอะน่า พวกเรารอดมาได้ก็บุญแล้วนะ คิดแล้วยังใจสั่นไม่หาย ตื่นเต้นกว่าตอนดูสปีดเสียอีก เร็วท้านรกให้ความรู้สึกอย่างนี้นี่เอง”

คนพูดหัวเราะร่า แต่คนฟังทำท่าขนลุกขนพอง การขับรถกับแพรพรรณเป็นของแสลง ให้ตายยังไงก็ไม่เอา ความสามารถด้านนี้ของแพรพรรณ ขนาดภูดิส พี่ชายผู้ใจเย็นสงบขรึมยังบ่นพึมทั้งวัน หลังจากหัดน้องสาวคนเดียวให้ขับรถ นอกจากไต่ต้วมเตี้ยมแล้ว ยังปัดซ้ายปัดขวาไปตลอดทาง คนนั่งข้างถึงกับต้องลงมานั่งพักข้างทางแก้เวียนหัว เตะความคิดเรื่องหัดขับรถให้น้องสาวลงคูข้างทางแล้วกลับขึ้นรถขับฉิวไม่เหลือบแลคูนั้นอีกเลย

“อะฮึ่ม หมดเวลาเฉไฉลากเรานอกเรื่องเสียที” แพรพรรณตัดบท โยงเข้าเรื่องที่ตัวเองอยากรู้เต็มแก่โดยเร็ว

“เล่ามาๆๆๆๆๆ เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้บ้าง และที่สำคัญ ลีลาสารภาพรักของพี่ภูเป็นยังไง หนูนิครับ พี่ตกหลุมรักหนูนิซะแล้ว เรามาเป็นแฟนกันเถิดนะครับ แบบนี้ หรือว่า พี่รักหนูนิครับ ได้โปรดมาเป็นแฟนพี่จะได้ไหมครับ”

แพรพรรณทำเสียงทุ้มนุ่มนวลเลียนแบบพี่ชาย คราวแรกยืมบทหนุ่มเฮี้ยวสุดเซอร์จากละครเกาหลีมา ส่วนอันหลังยกมาจากนวนิยายสุดซาบซึ้ง เสียงหวานใสคงจะแหวดังมาอีกแน่ๆ หากแต่รอแล้วรอเล่า แพรพรรณก็ไม่ได้ยินคำพูดใดๆตอบกลับมา

ส่วนคนที่ถูกถามได้แต่นิ่งงัน ไม่ใช่ว่าเขินอาย หากแต่ไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง!

ภูดิสขออนุญาตคบหาหญิงสาวกับคุณกังสดาล ไม่ได้ของนิศากรสักหน่อย เธอยังไม่ได้ยินคำว่า ’รัก’ ใดๆหลุดออกจากปากเขาสักคำ สองคนนั้นตกลงกันเองเสร็จสรรพ ไม่ได้ถามคนที่นั่งตะลึงตาค้างอยู่ในกองผ้าห่มสักคำ

“หนูนิ จะทรมานเราไปถึงไหน เล่ามาสิๆๆๆ”

“แพร...” นิศากรเรียกเพื่อนเสียงแผ่ว

“หือ? ว่าไงหนูนิ”

“คือ...พี่ภู...”

“ฮื้อ” แพรพรรณส่งเสียงขัดใจเร่งอีกครั้ง”ว้า อ้ำๆอึ้งอยู่นั่นแหละเร็วๆเข้าซี่”

“ไม่มี ไม่มีเลยแพร พี่ภูไม่ได้พูดอย่างนั้นสักคำ”

“เอ๋? หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่าพี่ภูไม่ได้สารภาพรักหนูนิน่ะ” เสียงเล็กตะโกนก้อง

“อือ” นิศากรรับเสียงอ่อย

“ได้ไงล่ะเนี่ย ไม่เอาล่ะ คุยโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวเราจะไปหาหนูนิเดี๋ยวนี้ พอเจอหน้ากับต้องเล่ามาให้หมดเชียว ห้ามปิดบังเด็ดขาด!” แพรพรรณสั่งเสียงเขียว ชักจะเริ่มปวดหัวขึ้นมาอีกทีแล้วสิ


-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*
ซวยอีกแล้วค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน ขณะนี้ จอมอร์นิเตอร์ของฟ้าริน มีอาการประหลาดพิลึกกึกกืก บางทีก็ติด บางทีไม่ติด ทำให้การส่งตอนต่อไปนี้ล่าช้าจนเกินลิมิตหนึ่งอาทิตย์ ต้องขอโทษทุกคนด้วยค่ะ วันนี้ลองเปิดดูปรากฎว่ามันขึ้นเลยรีบชิงพิมพ์ๆๆๆๆๆ แล้วก็เอามาส่งก่อน หากต่อจากนี้เป็นอะไรขึ้นมาอีก ฟ้ารินหายไปอีก ก็เป็นอันว่า หน้าจอดับสนิทค่ะ เฮ้อ เซ็ง

Ormmie - แฮะๆ ไม่รุ้เหมือนกันค่ะ อันนี้ต้องสืบต่อไปนะคะ

kakok_riwkiw - โอ๊ย เซ็งอ่ะ หน้าจอดับวูบ หน้ามืดไปเลย แล้วก็เจ้าtagนั่น ไม่มีประโยชน์ต่อการอ่านเลยสักน้อยเนอะ 555

Pim - อ้าว ลุ้นนายดำเหรอคะ เอาเลยค่ะ ช่วยลุ้นก็ดี เพราะดูท่าสองคนนี้จะไม่ค่อยรู้ตัวเองสักท่าไหร่ มัวแต่ยุ่งเรื่องคนอื่นเขา

icemermaid - ขอบคุณที่เข้าเยี่ยมค่ะ เดี๋ยวจะไปบุกบ้างนะคะ

null - มาแล้วค่ะ ขอโทษค่ะที่ให้คอย มีการผิดพลาดจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจนะคะ




Create Date : 31 ตุลาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 17:51:23 น.
Counter : 338 Pageviews.

5 comments
  
ประเดิมๆๆๆๆ คนแรก

กำลังจะมาทวงอยู่พอดี พี่ฟ้าก็ลงพอดีเลย ฮี่ๆ
โดย: kakok_riwkiw วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:17:16:35 น.
  
ดีใจจนลืม hang over
โดย: keroobob IP: 136.186.1.187 วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:18:47:01 น.
  
โดย: azui07 วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:19:20:17 น.
  
พี่ภูตื่นเต้นดีใจเกินไปรึเปล่า เลยลืมบอกคำว่า รัก น่ะ
โดย: Ormmie IP: 202.28.12.48 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:06:28 น.
  
ก็คำว่ารักมันพูดไม่ง่ายนี่นา พี่ภูก็คง...
โดย: วิมานเพธยาธร วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:27:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik