All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่16



บทที่ 16


นิศากรมองหน้านัฐกรที่เอาแต่นั่งโจ้อาหารบนโต๊ะไม่สนใจใคร คิดว่าเธอใช้งานชายหนุ่มช่วยจัดร้านหนักหนามากมายขนาดนี้เชียวเหรอ นัฐกรเร่งยิกๆตอนตอนหกโมงที่บอกว่านัดแพรพรรณทานข้าวเย็นไว้ที่ร้านอาหาร ร้องหิวไส้จะขาดเพราะงานแบกหามเล็กๆน้อยๆ เลื่อนโต๊ะนิดๆ เลื่อนกระจกหน่อยๆ ขยับตู้อีกติ๊ดนึง โอเว่อร์เกินไปแล้ว

“นัด หมอนัด!หมอนัด!!!” แพรพรรณเรียกเสียงดัง ตีมือใหญ่ที่กำลังตักหม้อไฟดังเพี๊ยะ จนหมอหนุ่มสะดุ้งร้องซี๊ด

“อะไรแพร ตีเราทำไม” นัฐกรหน้าเหลอมองแพรพรรณไม่เข้าใจ เรื่องอะไรมาตีเขา คนกำลังกินอร่อยๆ

“เป็นห่วงคนอื่นบ้างสิ กินเอาๆอย่างนี้แล้วคนอื่นจะกินอะไรยะ” แพรพรรณต่อว่า

“โธ่ ก็ฉันหิวนี่ ช่วยหนูนิจัดร้านเหนื่อยจะตาย ไม่สงสารฉันเหรอ” หมอหนุ่มทำตาปรอย น่าสงสารให้สองสาวดู เผื่อแผ่ไปถึงชายหนุ่มอีกคนที่ร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งธเนศที่ตามมาเกาะสถานการณ์ก็ยิ้มขำๆให้หมอหนุ่มหน้าเป็น

“ไม่จริง เราว่าหมอนัดจะกินตุนไว้เพราะมื้อนี้แพรจ่ายต่างหาก ใช่ไหมล่ะ” นิศากรดักคอ ปรายตามองนัฐกรแบบรู้ทัน แพรพรรณถึงบางอ้อ

“เปล่าเสียหน่อย เดี๋ยวก็ต้องกลับไปเข้าเวรคืนนี้ตะหาก คุณหมอก็ต้องแข็งแรงไว้ก่อนสิจ๊ะ เกิดหิวจนเป็นลมหมดแรงไป ใครจะช่วยเพื่อนมนุษย์ผู้ประสบอุบัติเหตุล่ะจ๊ะแพรจ๋า ขอหมูทอดหน่อยสิจ๊ะ” หมอหนุ่มส่งเสียงจ๊ะจ๋าออดอ้อนขอความเห็นใจเต็มที่ ไม่วายขออาหารใกล้มือเพื่อนสาว

ธเนศชะงักมือที่จะส่งอาหารรสชาติดีเข้าปาก นิ่วหน้าน้อยๆมองแพรพรรณ ตักสิ่งที่หมอหนุ่มขอส่งให้ในจาน สีหน้าสีตาหมั่นไส้ปนขำกระจ่างบนหน้านวลเรียว หมอหนุ่มยิ้มเห็นเขี้ยวบอกขอบใจลงท้ายด้วยคำจ๊ะจ๋าเช่นเดิม แพรพรรณก็ตอบกลับด้วยคำลงท้ายน่ารักแบบเดียวกัน ธเนศขัดหูประหลาด หนุ่มผึ้งน้ำผึ้งจึงหน้าตึงน้อยๆ แอบไม่พอใจลึกๆที่น้องสาวเพื่อนไม่เคยพูดจาน่ารักแบบนี้ด้วยสักคำ

หนุ่มผิวน้ำผึ้งเอื้อมมือตัดผ่านหน้าแพรพรรณและหมอหนุ่มไปเสตักกับข้าวที่ตัวเองไม่ได้อยากทานเลยสักนิด ทำเสียงขัดใจในลำคอตอนเข้าไปใกล้ร่างเล็ก แพรพรรณมองตามก็ได้รับค้อนคมจากตาหวานซึ้งของเขากลับมาแทน

เกือบหนึ่งทุ่ม ร่างสูงก้าวเร็วๆเข้าสู่ร้านอาหารร้านเดิมที่เคยจัดเลี้ยงต้อนรับนิศากร ตรงไปโซนเดิมที่ติดกับริมน้ำเจ้าพระยา ตาคมกวาดหาร่างสมส่วนที่ใจกระวนกระวายหาอยู่หลายวัน ร่างสูงก้าวพรวดไปที่โต๊ะตามใจสั่งทันที ทรุดนั่งลงตรงที่ว่างที่หัวโต๊ะ นิศากรเงยหน้าตามเสียงลากเก้าอี้แล้วอ้าปากค้าง

“พี่ภู...” แก้วน้ำพลันลื่นหลุดจากมือ นัฐกรเห็นพอดี คว้าหมับประคองแก้วและมือเล็กของเพื่อนสาวไว้ น้ำส้มกระฉอกออกจากแก้วเลอะมือขาวนวล นิศากรมัวแต่อึ้งงัน หมอหนุ่มจึงจัดการซับน้ำมาเช็ดมือเพื่อนก่อนจะเหนียวหนืดไปเสียก่อน

“ครับ พี่เอง” ภูดิสหน้าบึ้งทั้งที่ตั้งใจจะยิ้ม ตาคมขุ่นเพราะมือหนาของชายแปลกหน้าข้างตัวหญิงสาวจับมือเล็กอยู่ ถึงจะเป็นการช่วยเหลือแต่มันก็สร้างความขุ่นข้องให้อยู่ดี แถมเธอยังไม่มีทีท่าจะยื้อกลับมาอีกต่างหาก แพรพรรณเห็นหน้าตาพี่ชายก็รีบกระแอมขลุกขลัก ถลึงตาใส่นัฐกร

“ปล่อยได้แล้วหมอนัด” ธเนศย่นคิ้วใส่ร่างเล็กข้างตัว พาลเลยไปถึงหมอหนุ่มด้วย

“อ้อ โทษทีจ๊ะหนูนิ” นิศากรส่ายหน้าหมายความว่าไม่เป็นไร กระตุกยิ้มมุมปากให้หมอหนุ่ม

“หนูนิไปล้างดีกว่า น้ำหวานอย่างนี้เหนียวเหนอะหนะแย่” นัฐกรแนะนำ นิศากรลุกขึ้นตาม พึมพำบอกนัฐกรว่าจะไปห้องน้ำ ซึ่งเขาก็รับคำไพเราะน่ารักตามถนัดของตน นั่นคือ

“จ๊ะ”

สาวหลายๆคนต่างนิยมชมชอบเวลาหมอหนุ่มผู้นี้พูดลงท้ายอย่างน่าฟัง ไม่ติดขัดเลยสักนิด เพราะชายหนุ่มใช้ถ้อนคำอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด เพราะที่บ้านเขา นอกจากพ่อ พี่ชายและนัฐกรแล้ว อีกเจ็ดคนเป็นผู้หญิงหมดเรียบ ตั้งแต่ยาย แม่และน้องสาวสาวคนเพิ่มหลายเข้าไปอีกสอง เฮ้ยยั้วเยี้ย เพราะฉะนั้นการพูดการจากับกุลสตรีทั้งหลายในบ้านต้องไพเราะเสนาะหู คำหยาบคายเป็นเรื่องผิดที่อาจต้องถูกเนรเทศไปกางเต้นท์นอนนอกบ้าน มันช่วยไม่ได้เลยที่เขาจะติดการใช้คำพูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนตั้งแต่เด็กเล็กยันคนเถ้าคนแก่ ฟังดูสนิทสนม น่ารักน่าเอ็นดู กลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวนัฐกรไปแล้ว

แต่ตอนนี้ถ้อยคำจ๊ะจ๋าแบบนั้น ไม่ได้สร้างความระรื่นหูให้แม้แต่น้อยกับชายหนุ่มรุ่นพี่สองคนที่ร่วมโต๊ะเลย แพรพรรณแนะนำสองหนุ่มให้รู้จักกัน นัฐกรยิ้มโชว์เขี้ยวบอกสวัสดีให้พี่ชายเพื่อน แต่ภูดิสมองหน้านัฐกรเขม็ง พยักหน้ารับไหว้หมอหนุ่มขรึมๆ เขาจำได้ เสียงนี้แหละที่เขาได้ยินเมื่อตอนเย็น จนทำเอาเขาเบลอไปหลายอึดใจ ทั้งหลังวางโทรศัพท์และระหว่างการประชุม



นิศากรเดินเร็วๆมาที่ท่าน้ำเดิมไม่ได้ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างที่บอกไว้ นั่งลงที่ท่าน้ำนั้นง่ายๆ ควักกระจกในกระเป๋าใบเล็กที่คว้าตืดมือมาด้วยขึ้นมามองหน้าตัวเอง สำรวจดูดวงตาแดงๆของตัวเองวาวๆเล็กน้อยเพราะน้ำตาหยดน้อยคลอรื้น นิศากรรีบปาดออกเมื่อกระพริบตาแล้วมันเหมือนจะหยดลงสู่แก้มนวล เข่นเขี้ยวในใจเมื่อรู้สาเหตุที่แพรพรรณโยกโย้เมื่อเธอถามเรื่องที่ออดอ้อนเรียกร้องให้มาให้ได้ บอกให้กินก่อนแล้วค่อยว่ากัน

อะไรกันนะแพร ยังจะให้เธอมาเจอเขาทำไมอีกทำไมกัน ไหนบอกว่าจะจบเรื่องทั้งหมดนั้นไปแล้วไง จะแกล้งกันรึยังไง

นิศากรเก็บกระจกใส่กระเป๋าอย่างหงุดหงิด เห็นหน้าภูดิสแล้วก็พาลอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีก เกินสามวันแล้วแท้ๆ คติประจำใจที่เคยตั้งไว้ ขอร้องไห้แค่สามวัน หลังจากนั้นจะไม่มีน้ำตาอีก มันถูกทำลายลงอีกแล้ว ด้วยฝีมือของผู้ชายคนเดิม ภูดิสทำเธอผิดสัญญากับตัวเองเป็นข้อที่สองแล้ว บ้าๆๆๆ นิศากรสูดหายใจลึก เหมือนเจ้าตัวตั้งใจจะทำให้น้ำตาที่กำลังเอ่อคลอออกมาเป็นหยดที่สองไหลกลับลงไปที่เดิม หญิงสาวหลับตานิ่งสักพักแล้วลืมขึ้น ตบแก้มตัวเองท่องไว้ในใจ

“ไม่ร้องๆๆๆ อย่าให้ใครรู้นอกจากแพรว่าเธอร้องไห้เพราะคนที่เขาไม่รัก เลิกบ้าได้แล้วนิศากร มั่นใจหน่อย โลกนี้ไม่ได้มีแค่เขาที่ไม่ได้รักเธอและก็ยังมีอีกหลายคนที่รักเธอ” หญิงสาวเก็กหน้าวางเฉยเรียกแววตามาดมั่นกลับมา พร้อมกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้เธอเจ็บหัวใจ

“ว้าย!” ร่างสูงปรากฎในระยะใกล้ นิศากรตกใจร้องเสียงหลง มือหนาคว้าข้อมือเล็กไว้ไม่ให้เซล้มเพราะชนเข้ากับเขาอย่างจัง แน่นอนสิ่งไหนที่น้ำหนักน้อยกว่า สิ่งนั้นย่อมกระเด็น โอ๊ย จะบ้าตาย ผู้ชายคนนี้เป็นนักย่องเบา เดินยังก็ไม่ได้ยินเสียง หรือเป็นเพราะเธอกำลังหมกมุ่นกับตัวเอง จนไม่ทันได้ยินเสียก็ไม่รู้

“ใครไม่รักเหรอ” ภูดิสตั้งคำถามหน้าตึง ตาคมดุจ้องหญิงสาวไม่วางตา อารมณ์ขุ่นมัวยังไม่คลาย จากเมื่อกี้ มือเล็กที่เขาจับอยู่ข้างหนึ่ง เมื่อครู่ถูกสัมผัสโดยหมอหนุ่มเจ้าของสำเนียงจ๊ะจ๋า มันน่าจับขัดด้วยแอลกอฮอล์นัก

“...” นิศากรไม่ตอบคำถาม แต่ขยับดึงข้อมือตนออกจากการเกาะกุมหน้ามุ่ย ยิ่งดึง มือใหญ่ยิ่งกำแน่น ดวงตากลมจึงตวัดมองอย่างไม่พอใจ เขามีสิทธิ์อะไรมาจับเธอ

“พี่ถามทำไมไม่ตอบ”

“…”

“หนูนิเป็นอะไร ไม่พูดกับพี่ ไม่รับโทรศัพท์พี่ อยู่ดีๆก็หายเงียบไปเฉยๆอย่างนี้ได้ยังไง” เขาถามทั้งที่รู้ว่าทำไม แต่เขาพอใจจะถาม อยากได้ยินคำตอบ อยากให้เธอพูดกับเขา

“โทรศัพท์นิหายไป เพิ่งเจอหล่นอยู่ที่ซอกเตียงวันนี้ พี่ภูมีธุระอะไรเหรอคะ” ภูดิสมองตากลมอย่างพิจารณา นิศากรเบี่ยงหลบไม่อยากสบด้วย

“หลบตา มีพิรุธ โกหกพี่รึเปล่า” เขาตั้งข้อสังเกต นิศากรแอบอิ๊บยาดในใจ ตั้งแต่มันสั่นเพราะมีสายเรียกเข้าเป็นชื่อเขาที่หน้าจอนั้นแหละ หญิงสาวมืออ่อนทำมันหลุดมือตกลงซอกเตียง เอื้อมไปหยิบก็ไม่ถึง แถมอารมณ์เธอตอนนั้นก็ไม่ดีพอจะลุกขึ้นมารื้อเตียงเพื่อโทรศัพท์เล็กๆบางๆเครื่องเดียว

“ไม่เชื่อก็เรื่องของพี่ภูแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวบิดข้อมือแล้วเบี่ยงตัวให้หลุดออก

“เดี๋ยว พี่ยังพูดด้วยไม่จบ เจอโทรศัพท์แล้วก็น่าจะเห็นว่าพี่โทรหา ทำไมไม่โทรกลับมา” เห็นน่ะเห็นอยู่หรอก แต่เรื่องอะไรที่เธอจะต้องรนหาเรื่องเสียเงิน เสียน้ำตาเพราะได้ยินเสียงเขาด้วยเล่า

“นิไม่ว่าง”

“ยุ่งขนาดไม่มีเวลาสักสองนาทีกดโทรศัพท์เลยหรือไง” เสียงทุ้มถามอย่างน้อยใจ

“ค่ะ”

“ทำอะไร”

“จัดร้าน”

“กับใคร”

“เอ๊ะ!” เขาจะซักไซ้อะไรเธอนักหนา ถามไปทำไม แล้วยังทำหน้าเหมือนกำลังโกรธเคืองเธอ เธอไปทำอะไรให้นะ

“คนที่มาด้วยวันนี้รึเปล่า พี่ได้ยินเขารับโทรศัพท์แทนด้วย” น้ำสียงไม่พอใจ พอๆกับหน้าคมบึ้งสนิท เรื่องอะไรให้คนอื่นถือวิสาสะมารับโทรศัพท์ส่วนตัวให้ แล้วยังคุยกันจ๊ะจ๋าอีก

“อะไรกันคะพี่ภู มายุ่งอะไรกับนิ เรื่องของนิไม่เห็นจะเกี่ยวกับพี่ภูสักนิด”

“จะยุ่ง จะเกี่ยว มีอะไรไหม” เขาพูดอย่างดื้อดึง เอาแต่ใจ นิศากรขมวดคิ้วมุ่น เฮ้ย!อะไรกันเนี่ย เธอไม่ใช่รัญชิดานะ

“มายุ่งอะไรกับนิล่ะ ไปยุ่งกับคุณรันสิ” นิศากรชักโมโห แต่ว่า เป๊ะ! เข้าทางภูดิสแล้ว

“พี่จะไปยุ่งกับเขาทำไม ถึงเราจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทมากขนาดธเนศจนจะซักไซ้หรือยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาได้”

“เชอะ” หญิงสาวเบ้หน้าแถมแลบลิ้น ไม่เชื่อถือคำพูดเขาสักนิด เพื่อนๆๆๆ เพื่อนที่ไหนกอดกันซึ้งขนาดนั้น ภูดิสอยากจะขำแต่ต้องทนเก็กหน้าขรึมตอนที่พูดให้คนตัวเล็กกว่าสะดุ้ง

“วันนั้นแอบดูถึงไหนล่ะ ถึงทำหน้าไม่เชื่อพี่แบบนี้”

“อึ๋ย ยัยแพร”

“ไม่ต้องโทษคนอื่น เป็นพวกชอบแอบดูตั้งแต่เมื่อไหร่ หือ? เมื่อก่อนนั้นก็แอบฟัง เกเรใหญ่แล้ว” คนถามแกล้งดุล้อเลียนด้วยอีกตะหาก

“บ้า นิไม่ได้เป็นพวกชอบแอบดูเสียหน่อย” นิศากรแหวกลับโต้คำกล่าวหา เผลอยกมือตีคนกล่าวหาไปหนึ่งป๊าบอีกตะหาก เธอไม่ได้โรคจิตแบบที่ชอบเจาะรูดูคนอื่นเสียหน่อย คนถูกตีไม่ว่าอะไรกลับถอนใจแล้วว่าต่อ

“อุตส่าห์แอบยืนดูไม่รู้จักดูต่อให้จบเสียด้วย หนีไปซะอย่างนั้น แล้วก็เอาไปคิดเองเออเองเสร็จเลย ไม่ถามกันสักคำ ยัยแพรก็เหมือนกัน”

พูดแบบนี้แสดงว่าแพรพรรณคงบอกเขาจนหมดแล้วสิ หยา อย่าบอกนะว่าหมายถึงเรื่องที่เธอวิ่งร้องไห้ออกมาด้วย ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆๆ ตอนนั้นมันแอบนางเอกเกินไป

“อยากรู้เรื่องต่อจากนั้นไหมล่ะ พี่จะเล่าให้ฟัง” นิศากรปิดหู หันหลังให้

“ไม่ ไม่อยากรู้ นิเบื่อพี่ภูแล้ว ไม่อยากพูดด้วย ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น” หญิงสาวตะโกนก้อง มองผืนน้ำที่มีเงาสะท้อนอย่างหงุดหงิด จะพูดอะไรอีก

“อีกแล้วนะ พี่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามีอะไรเราก็ควรจะพูดกัน หนูนิชอบหนีพี่ไปเรื่อย ขี้ขลาด”

“ถึงจะปิดหูแต่ก็ได้ยินนะ เรื่องอะไรมาว่านิ”

“ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็หันมาพูดกันดีๆสิ” นิศากรหันกลับมาเผชิญหน้าเท้าเอวหมับด้วย นัยน์ตากลมขุ่น เชิดหน้าท้าทาย ชายหนุ่มก้าวเข้ามาประชิดดึงมือขาวนวลออกจากท่าเท้าสะเอวไปกุมไว้ อธิบายสิ่งที่ผิดพลาด ไม่สนใจอาการสะบัดจากคนตรงหน้ายังคงกระชับมือน้อยไว้มั่น ไม่วายแหย่ให้รู้ว่าน้องสาวบอกอะไรบ้างจนคงฟังหน้าบูดกว่าเก่า

“ต่อจากที่แพรบอกว่าหนูนิวิ่งร้องไห้ออกไป พี่ก็บอกให้รันเข้าใจว่าเราสองคนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น พี่อาจทำอะไรให้เขาเข้าใจผิดไปก็ขอโทษด้วย เขาเข้าใจและยอมรับแต่โดยดี จบ”

“หา! ง่ายอย่างนั้นเชียว” หญิงสาวทำหน้าไม่เชื่อ วิจารณ์ต่อไม่เกรงใจคนฟังที่เป็นเพื่อนเลยแม้แต่น้อย“ดื้อสะบัดเอาแต่ใจ เข้าข้างตัวเองแบบนั้นน่ะเหรอ จะยอมรับอะไรง่ายๆแค่คำพูดไม่กี่คำ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ”

“โธ่ เชื่อเถอะครับ” ภูดิสทำเสียงออด เขย่ามือเล็กในมือใหญ่ นิศากรนึกได้ว่าเขาถือวิสาสะจับมือเธอไว้นานแล้ว หลุบตาต่ำดูมือเล็กของเธอถูกเขากระชับไว้ในอุ้งมืออบอุ่นของเขา ช้อนตาขึ้นสบกับตาคมมีแววออดอ้อนขอร้องที่จ้องตรงมาเช่นกัน แก้มนวลพลันแดงเรื่อขึ้นทันควัน

อย่ามามองอย่างนี้ได้ไหม หญิงสาวบ่นในใจ ไม่อยากใจอ่อนยอมเชื่อเขาง่ายๆ แต่ปฎเสธไม่ได้เลยว่าใจอ่อนลงไปแล้วกว่าครึ่ง อย่าเพิ่งๆ ต้องรอดูต่อไปให้แน่ใจก่อน ไม่อย่างนั้นเธอเองนั่นแหละ อาจต้องเสียใจซ้ำซ้อนอีก

“ไม่ทราบสิคะ พี่ภูมาบอกนิทำไม ขอให้นิเชื่อพี่ภูทำไม” ใช่ นี่แหละที่เธอสงสัย เขามาตอแยบอกเรื่องต่างๆนี้ให้เธอฟังทำไม

“พี่ไม่อยากให้หนูนิเข้าใจผิด ไม่อยากให้หนูนิหนีหายไปไหนอีก อยากให้อยู่ใกล้ๆได้ไหมครับ”

หมายความว่ายังไง พูดอย่างนี้เขาหมายถึงอะไร ขอให้เธออยู่ใกล้ๆเขาทำไม นิศากรไม่อยากคิดถึงทำตอบ ไม่กล้าถามด้วย

“ไม่รู้” เธอก้มหน้างุด บิดมือตัวเองออกจากมือเขา

“โอ๊ย” อยู่ๆเขาก็ร้อง “พี่เจ็บนะครับ” เขาร้องอุทรณ์เจ็บปวด เพราะบาดแผลที่เกิดจากการผจญภัยครั้งนั้น

“อุ๊ย! นิขอโทษ พี่ภูเจ็บมากรึเปล่าคะ” นิศากรขอโทษขอโพยกับสีหน้าเจ็บปวดของเขา ไม่รู้หรอกว่าในใจคนเจ็บกำลังซ่อนยิ้มไว้อย่างมิดชิด เขาไม่ได้เจ็บอะไรเสียหน่อย อยากเรียกร้องให้เธอกลับมามองเท่านั้นเอง

“จริงสิ พรุ่งนี้หมอนัดตัดไหมใช่มั้ยคะ เกือบลืมเสียแล้ว”

ชายหนุ่มยิ้มรับ โธ่เอ๊ย กำลังจะบอกให้เธอรับผิดชอบดูแลเขาเหมือนเดิมไปอีกสักวันสองวันทีเดียวเชียว ไม่น่าความจำดีเลย เสียดาย เฮ้อ!

“งั้นหนูนิต้องมาพาพี่ไปหาหมอด้วย โอเคนะครับ” อ้างอันนั้นไม่ได้ เอาอันนี้ก็ได้ ชายหนุ่มถือโอกาสเสียเลย

“นิไม่ว่างน่ะสิคะ พรุ่งนี้นัดกับหมอนัดไว้แล้วว่าจะไปเลือกของแต่งร้านกันต่อ” ภูดิสหน้าหงิก นัดกับเพื่อนคนอื่นไม่ว่า แต่นัดกับนายหมอจ๊ะจ๋านี่ไว้ได้ไง

“งั้นพี่ไม่ไปหาหมอ ปล่อยให้มันด้ายมันติดอยู่อย่างนี้แหละ” นิศากรหน้าเหลอ อยู่ดีๆเขาก็เอาดื้อ ประชดเป็นเด็กๆ

“ไม่ได้นะคะ”

“ได้สิ คนไม่รับผิดชอบ” เขาต่อว่า

“เอ๊ะ พี่ภูนี่ นินัดเขาไว้ก่อนแล้วนี่นา อีกอย่างวันอื่นหมอนัดก็ไม่ว่างด้วย” นิศากรเถียงกลับ

“ทำไมต้องไปกับเขาด้วยล่ะ” ไปกับคนอื่นไม่ได้รึไงกัน ฮึ!

“ก็ไปซื้อของหนักๆทั้งนั้นนี่ ก็ต้องเอากรรมกรไปช่วยสักคนสิคะ” จริงไหมล่ะ เอาคนอื่นไปก็ไม่ได้เรื่อง บ่นอู้เสียจนน่ารำคาญมากกว่า เธอเลือกของนานเพื่อให้ได้สิ่งที่คุ้มค่าและดีที่สุด จนคนถือของที่ตามมาหน้าหงิกเสียจนแทบจะต้องไปทำเบบี้เฟสใหม่ แต่นัฐกรนั้นก็บ่นไม่ต่างจากคนอื่นเท่ไหร่ แต่เป็นคำบ่นประชดแบบน่ารักๆเสียมากกว่า ไม่มีคำเสียดระคายหูให้เหมือนสาวเทียมอีกผู้หนึ่งในกลุ่ม แล้วแค่บอกว่าจะเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ๆหนึ่งมื้อ เท่านี้ก็เก็บเสียงบ่นของหมอหนุ่มได้ชะงัดนัก

“งั้นไปกับพี่สิ พี่ก็ช่วยหนูนิถือของได้เหมือนกัน”

“แต่พี่ภูต้องทำงาน” นิศากรแย้ง

“แค่ครึ่งวัน พรุ่งนี้วันเสาร์ ดี งั้นไปบอกเลิกนัดกับหมอนัดเสียตอนนี้เลยละกัน” เขาสรุปเอาเองเสียดื้อๆ ไม่รั้งรอฉุดเธอให้กลับเข้าไปที่โต๊ะตามเดิม

นี่เธอไม่เจอเขาสามวันหรือสามปีกันแน่เนี่ย เขากลายเป็นคนเอาแต่ใจอย่างนี้ไปได้ในเวลาหกสิบชั่วโมงได้ยังกัน โอ๊ย หนูนิงง




-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com

*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*

วะฮ่าๆๆๆๆ ไม่ต้องแปลกใจที่วันนี้เอามาส่งเร็วผิดคาด ว่างว่าง ว่างๆๆๆๆ ขอบคุณประเทศไทยที่รับจัดงานกีฬามหาลัยโลกนะคะ นักศึกษาอย่างฟ้ารินเลยได้หยุดไปกับเขาด้วย ยินดี๊ยินดีค่ะ

เอ้าคราวนี้หึงกับถ้วนหน้า แถมพี่ภูมามาดใหม่ จนหนูนิงงเต๊กไปเลย เห็นหางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ของพี่ภูกันบ้างรึเปล่าคะ ฮิๆ

ตอนต่อไป ฟ้ารินรู้สึกตาขวากระตุก หรือว่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ๊าๆๆๆ ไม่นะ นั่นเงาใครหุ่นยังกะนางแบบคุ้นๆอย่างนั้น กำลังกระโดดขี่คอแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

g - ให้อภัยคนนึงแล้ว ไม่รู้คนอื่นๆจะใจดีอย่างนี้หรือเปล่า พี่ภูมาง้อต่อแล้วนะคะ เห็นพี่ภูเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้ว จะกรี๊ดต่อมั้ยคะ

Smillzz - ตั้งกระบวนงอนต่อไม่ทัน โดนมุขแกล้งเจ็บเข้าไป ลืมเลยค่ะ จะให้ฟ้ารินไปเข้าฝันให้นึกได้ว่าต้องงอนต่อมั้ยคะ

une playful pizzicato - ลุ้นๆๆๆๆต่อไปนะคะ หัวใจจะวาย

ยารีส - โอ้ว อ่านวันเดียวเลยเหรอคะ เก่งมั่กๆ มาช่วยลุ้นพี่ภูกับหนูนิต่อนะคะ






Create Date : 11 สิงหาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:04:04 น.
Counter : 239 Pageviews.

6 comments
  
วะฮ้า มาอ่านคนแรกเลย
เป็นแฟนจริงๆนะ เชื่อยังคะ
โดย: une playful pizzicato IP: 82.247.214.230 วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:20:44:16 น.
  
ตอนนี้มาต่อไวมากเลยค่ะ

อยากให้เป็นอย่างนี้ทุกตอนเลย

ตอนนี้หวานได้ใจจิงๆ

พระเอกเริ่มเจ้าเล่ห์ขึ้นเรื่อยๆนะ

ตอนหน้านางโกงต้องโผล่แน่ๆเลย

โดย: g IP: 222.123.234.131 วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:21:00:53 น.
  
ทั้งอ่านทั้งเม้นท์ทั้ง2เวบ
55555555

เอานิยายมาลงใหม่เร็วๆ
ก่อนที่คนอ่านจะลงเเดงตายนะคะคุณฟ้าริน
โดย: Smillzz IP: 202.28.12.49 วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:23:13:44 น.
  
มาดใหม่น่ารักกว่ามาดเก่าค่ะ
เพราะงั้นเอามาดใหม่ เปลี่ยนแปลงตัวพี่ภูนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฮี่ๆ
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.35.8 วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:10:58:58 น.
  
สนุกมากๆเลยค่ะ คอยตอนต่อไปอยู่น่ะค่ะ
โดย: ยารีส (data_jung ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:13:17 น.
  
ใจร้ายจังยังไม่ลงตอนใหม่อีกเหรอค่ะ ยารีสคอยอยู่น่ะค่ะ
โดย: ยารีส IP: 203.151.46.130 วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:11:44:06 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik