All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่18




บทที่18

สายตาคมเหลือบมองใบหน้านวลใส หญิงสาวเกาะเบาะที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับ ยื่นหน้าเข้าไปคุยจ้อกับคนที่เพิ่งขึ้นรถมาเมื่อสักครู่ใหญ่ เสียงหัวเราะใสดังไม่หยุด ไม่หันมาเขาเลยสักนาทีเดียว คุยกันอยู่แค่สองคน เหมือนลืมไปแล้วเจ้าของรถนั่งอยู่บนรถคันนี้ด้วย ถ้ารู้อย่างนี้เขาไม่บอกให้คนขับจอดรถรับนัฐกรขึ้นมาเสียก็ดี น่าปล่อยให้ยืนโบกเก้อ อับอายประชาชีเขาเสียเลย

นัฐกรลงจากแท็กซี่ที่ป้ายรถเมล์ห่างจากรถเมล์ไปไม่กี่ป้ายรถเมล์ ไม่ได้หนีเผ่นไปไหนไกล ถือคติสถานที่ที่อันตรายที่สุดเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด หมอหนุ่มโทรหานิศากรบอกว่า

‘หนูนิ ช่วยบอกคุณภูที ให้เขาแวะเก็บเราไปด้วย อย่าเลยล่ะ ขี้เกียจนั่งแท็กซี่ตาม เปลือง!’

นิศากรส่ายหน้าปลงๆกับโทรศัพท์ เธอเคยตั้งคำถามกับนัฐกร เพราะอะไรถึงชอบบ่นนักหนาว่าเปลือง พูดราวกับคุณป้าจอมงก ตั้งแต่น้ำมันขึ้นราคา ขสมก.ขึ้นค่าโดยสาร ตลอดจนร้านก๋วยเตี๋ยวข้างโรงพยาบาลขึ้นราคาค่าน้ำแข็งเปล่า และสุดท้าย บ่นพึมพำติดต่อกันตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา คือ ราคาหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ตัวเอกเป็นนักสืบเก่งอย่างมหัศจรรย์ ไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศ กลับร่างเป็นเด็กและหายาแก้ไม่ได้ จึงต้องเป็นนักสืบในร่างเด็ก เป็นการ์ตูนสืบสวนสอบสวนที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายปีแล้ว และคาดว่าจะสืบต่อไปอีกหลายปี หรือจนกว่านักเขียนจะลาจากโลกนี้ไปก็อาจเป็นได้ หมอหนุ่มติดตามเก็บสะสมทุกเล่มแบบแฟนพันธุ์แท้ พอมันขึ้นราคาตามราคาน้ำมัน หมอหนุ่มโวยวาย คำนวณจำนวณเงินที่ต้องเสียเพิ่มขึ้นหน้าหงิก

“หมอนัด จะประหยัดช่วยชาติหรือว่าจะตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินไปขอสาวหรือไง หือ?” นิศากรตั้งคำถามทีเล่นทีจริง แต่นัฐกรกลับตอบมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ความมุ่นมั่นเต็มเปี่ยมในดวงตารี ผสานไปกับอารมณ์สายหนึ่งที่ทำเอาผู้ฟังรู้สึกร่วมไปด้วยว่า มันช่างอ่อนโยน ประทับใจและโหยหาในสิ่งที่ตนกำลังเอ่ยยิ่งนัก

“ซื้อบ้าน บ้านไม้สีขาว หลังคาสีฟ้าดูน่ารักแล้วก็อบอุ่นมาก ชั้นบนมีระเบียง เอาไว้ยืนชมจันทร์ตอนกลางคืน สวยมากทีเดียว บ้านนี้มีชื่อด้วยนะ ชื่อเพราะมาก บ้านอิงจันทร์”

น้ำเสียงทอดอ่อนหวานจับใจในตอนท้ายยามเอ่ยชื่อบ้านนั้น ราวกับกำลังเอ่ยชื่อคนรัก หากในความอ่อนหวานที่แสดงออกมาทั้งเสียงและแววตา กลับเจือด้วยรอยเศร้าลึกเร้นอยู่ด้วยในความรู้สึก



“แจกันชุดนี้ สีเดียวกันกับใบใหญ่สีขาวที่ร้านหรือเปล่า หมอนัดช่วยดูหน่อยสิ เราไม่ค่อยแน่ใจ หรือชุดนี้เหมือนกว่า”

นิศากรยกมือแตะคางอย่างครุ่นคิด ถามความเห็นนัฐกรเป็นเชิงปรึกษา หมอหนุ่มทำท่านึก พินิจแจกันตั้งเรียงจากเตี้ยไปสูงสีขาวสองชุดตรงหน้า รูปทรงเหมือนกันเช่นเดียวกับจำนวนและระดับความสูงที่ไล่เลี่ยกัน ต่างกันตรงที่เฉดสีซึ่งผิดเพี้ยนกันไปเล็กน้อย จึงทำให้สองเพื่อนลังเล

“ชุดทางซ้าย” นัญกรตัดสินใจตอบ หลังพิจารณาอยู่นาน

“เหรอ ไม่มั้ง” นิศากรค้าน

“นี่แหละสีนี้แหละ”

“แต่เราว่า...” หญิงสาวค้างไว้ พลางเพ่งพินิจอีกครั้ง

“นี่ ดูดีๆ อันนั้นมันขาวออกฟ้าๆ อันนี้มันขางเหลืองหน่อยๆ” สองเพื่อนเกาะไหล่กันก้มดู วิเคราะห์ตามกันอย่างตั้งใจ

“เหรอ” น้ำเสียงหญิงสาวยังคงมีรอยขัดแย้ง

“ใช่สิ หนูนิใช้เราอุ้มมันอยู่ตั้งนาน ย้ายไปนั่นไปนี่ทั่วร้านจนเราลิ้นห้อย” นัฐกรบ่นกระปอดกระแปดหน้าเมื่อย ยังเหนื่อยไม่หายตอนเป็นเบ๊รับจ้างตกแต่งร้านให้หญิงสาว นิศากรยิ้มขำ ทำท่ายักไหล่ไม่ใส่ใจเสียงบ่น ขยับค้านต่อไปอย่างไม่แน่ใจ

“มันเหลืองไปรึเปล่า เราว่าอันนั้นมันออกจะขาวสว่างกว่านี้นะ”

“เฮ้อ...” หมอหนุ่มร้องดังๆ คอห้อยตก ชักเซ็งเพื่อนตัวเอง ไม่เชื่อแล้วมาถามทำไมกันล่ะเนี่ย เดี๋ยวแม่ตีซะเลย นัฐกรคิดในใจ แต่ใช้สายตาเหล่ให้เพื่อนรู้ตัว

“ก็ได้ๆ อันนี้ก็อันนี้ แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะก็ ต้องรับผิดชอบเอามาเปลี่ยนให้เราด้วยเลย” ในที่สุดก็ตกลงเลือกอย่างที่เพื่อนหนุ่มบอก แต่ไม่วายขู่ให้รับผิดชอบหากที่ซื้อไปไม่ตรงตามที่ตั้งใจ นัฐกรทำหน้ายู่ คิดในใจว่าไหงเป็นงี้ไปได้ล่ะเนี่ย

อีกคนที่เหลือมองสองเพื่อนถกเถียงกันอย่างอิจฉา ภูดิสหน้าม่อยไม่เลิก รู้สึกตัวเองเกะกะอย่างไรชอบกล นิศากรไม่หวังพึ่งพาเขาแม้แต่น้อย คอยถามแต่หมอหนุ่มเพียงคนเดียว เพราะฝ่ายนั้นเคยฝังตัวอยู่ในตึกแถวสองคูหานั้นอยู่นานสองนาน เห็นและจำรายละเอียดได้อย่างแม่นยำเสียด้วย ส่วนเขาไม่เคยแม้แต่จะเหยียบย่างไปแถวนั้นเลยด้วยซ้ำ จึงช่วยออกความเห็นอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว

กลับไปที่อีกมุมหนึ่ง สองเพื่อนกำลังต่อราคากันอย่างตั้งใจ โปรยยิ้มหวานและสายตาออดอ้อนไปที่แม่ค้าสาวอย่างเต็มที่

“ลดอีกนิดนะจ๊ะ คุณคนขายคนสวย” สำเนียงจ๊ะจ๋าหยอดคำหวานให้แม่ค้าสาว

“แหม...พิเศษสุดๆแล้วนะคะ เศรษฐกิจช่วงนี้ก็ไม่ค่อยดี ขอเถอะนะคะ กำไรนี๊ด...เดียวจริงๆ” แม่ค้าสาวไม่ยอมแพ้ อ้างภาวะเศรษฐกิจซบเซาเข้าช่วย ย้ำคำว่านิดและลากเสียงยาวๆเพื่อเน้นความหมายเต็มที่

“โธ่ คุณคนขายจ๋า” นัฐกรกระพริบตาปริบๆ ออดอ้อนสุดฤทธิ์ เพราะนิศากรแอบกระซิบไว้ หากยิ่งลดได้มาก หมอหนุ่มจะยิ่งได้งบมื้อเย็นวันนี้ได้มากขึ้นตามส่วนลด

“คุณลูกค้าก็...ช่วยหลบหน่อยได้ไหมคะ” ต้นประโยคปฏิเสธ หากท้ายประโยคเป็นคำบอกให้ทั้งสองเขยิบไปทางหนึ่ง เปลี่ยนเรื่องแบบกระทันหัน สองเพื่อนเลิกคิ้วฉงน

แล้วแม่ค้าสาวก็เฉลยโดยการควักกล้องดิจิตอลออกมาจากกระเป๋า จับภาพชายหนุ่มร่างสูงในเชิ๊ตลำลองกับกางเกงขายาวสีสว่าง ยืนล้วงกระเป๋าดูของอยู่มุมหนึ่งในร้าน ยังไม่ทันได้ถ่าย คนถูกจับภาพก็หันขวับมาเพราะบทสนทนาที่เงี่ยหูฟังอยู่สะดุดหายไป เจ้าของร้านสะดุ้งน้อยๆ ยิ้มเจื่อนอายเล็กน้อย ก่อนแถเข้าไปขอให้ภูดิสเป็นนายแบบให้ที

“ฉันจะเอามามาใส่กรอบพวกนี้ค่ะ รูปสวยๆในกรอบสวยๆ ช่วยดึงดูดลูกค้าให้ซื้อของได้เหมือนกันนะคะ” แม่ค้าสาวให้เหตุผล สาธยายโน้มน้าวใจต่อไปอีกว่า

“ฉันเป็นช่างภาพสมัครเล่น ขอลองเทคนิคใหม่ที่เพิ่งได้เรียนหน่อยเถอะค่ะ คุณเหมาะมากเลยที่จะเป็นนายแบบ ถือว่าช่วยส่งเสริมการศึกษาของฉันหน่อยเถอะนะคะ ได้บุญทีเดียวสองเด้งเลยนะคะ”

ภูดิสครุ่นคิดนิดนึงแล้วกระตุกยิ้มมุมปากบาดตาแม่ค้าสาวให้อดมองอย่างติดใจไม่ได้ หากคราวนี้มันไม่ได้มีประสิทธิภาพแค่บาดตาบาดใจสาวๆอย่างเดียว กลับเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแบบนักธุรกิจฉายชัดออกมาด้วย

“ก็ได้ครับ แต่...”

“เย้ ตกลงแล้ว ห้ามกลับคำนะคะ” แม่ค้าสาวไม่ทันฟังให้จบก็ชิงร้องขึ้นอย่างดีใจ

“ผมไม่กลับคำ หวังว่าคุณก็คงไม่กลับคำที่จะให้ผมเป็นนายแบบจริงๆ”

“ไม่แน่นอนค่ะ”

“งั้น ผมคิดค่าตัวนิดหน่อย ไม่ว่าใช่ไหมครับ คุณคงไม่รู้ว่าผมก็พ่อค้าคนหนึ่งเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เรามาแลกกันอย่างยุติธรรมดีกว่า เป็นส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์ของแจกันชุดนั้น ตกลงไหมครับ”

เอ๋อไปเลย สำหรับแม่ค้าสาว สามสิบเปอร์เซ็นต์นั่นก็เท่ากับเธอจะเหลือกำไรสำหรับแจกันชุดนั้นแค่ไม่ถึงสิบบาท เนื่องจากมันตั้งอยู่นาน ขายไม่ออกเสียที เลยลดราคาลงไปเรื่อยๆ โอย เพิ่งเจอคนหล่อเจ้าเล่ห์จริงๆก็วันนี้แหละ แต่นานๆทีจะมีคนที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจได้ขนาดนี้ ชายหนุ่มดูมีเสน่ห์จับตา แม้หน้าคมจะนิ่งเฉย หากเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน สุภาพ น่าเข้าใกล้ราวกับมีแรงดึงดูด เอาก็เอา เธอคิดว่าของถูกสุดๆจนเหมือนได้เปล่า ยังไม่น่าดึงดูดใจมากเท่าของที่ถูกใจตั้งแต่แรกเห็น

“ก็ได้ค่ะ”

ดวงตาคมพราวระยับอย่างสมใจ นิศากรเห็นอย่างนั้นแล้วก็นึกสงสารแม่ค้าสาวที่ตกหลุมคุณนักธุรกิจเข้าอย่างจัง จากการประเมินราคาและหน้าตาแม่ค้าสาวดูแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่ภาวนาในใจ หวังว่าคงจะไม่ถึงกับขาดทุนหรอกนะคะ คุณแม่ค้า



กล้องวิดีโอรุ่นใหม่ล่าสุดแกะกล่อง ราคาแพงด้วยความละเอียดสูง ฟังชั่นมากมายหลากหลาย พร้อมด้วยกำลังซูมหลายเท่า ขนาดกำลังเหมาะในมือของนางร้ายสาว กำลังลองถ่ายไปรอบๆบ้านจากมุมสูงบนระเบียงห้องนอนของเธอเอง แล้วจับภาพอย่างต่อเนื่องกลับเข้ามาในห้องนอน เปิดประตูห้องออกไปเรื่อยจนถึงห้องนั่งเล่นที่จะให้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของเธอ ผงะเล็กน้อยเมื่อจับภาพไปเจอร่างหนึ่งนอนทอดกายไปตามแนวยาวของโซฟา ซูมภาพเข้ามาใกล้ขึ้นนิดจึงเห็นว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอเอง

“บ้าจริง นึกว่ามีผีมาสิงในบ้านเสียแล้ว มาเมื่อไหร่ ไม่บอกไม่กล่าว” รัญชิดาตะโกนถามไม่สบอารมณ์นัก ลดกล้องในมือลง

“คุณน้องโทรตามเมื่อไหร่ คุณพี่ก็มาเมื่อนั้นแหละค่ะ” กระเทยสาวตอบเสียงแปร๋นออกไปอย่างหงุดหงิดเช่นกัน มาว่าสาวสวยอย่างเธอเป็นผีสางได้ยังไงกัน เฮอะ! ถ้าฉันไม่เป็นกระเทยเสียก่อน หล่อนไม่มีวันได้เกิดหรอกย่ะ

”เรียกคุณพี่มากระทันอย่างนี้มีอะไรคะ”

“เห็นกล้องนี่ไหม” หญิงสาวชูกล้องใหม่เอี่ยมในมือให้ดู

เห็นสิยะ ตาไม่ได้บอดนี่ กระเทยสาวนึกในใจอย่างเคืองขุ่นไม่หาย แต่หน้าตากลับตรงข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจ มันยังคงยิ้มแย้มประจบประแจงต่อไป

“ค่ะ”

“เป็นตากล้องในงานวันเกิดฉัน แล้วฉันจะยกให้” กล้องราคาแพงหูฉี่ถูกส่งให้ผู้จัดการส่วนตัวเธอ ซึ่งฝ่ายที่รับมาตาวาว แต่ยังตะหงิดๆในใจ จึงถามออกไป

“แค่นี้เองหรือคะ” ฝ่ายถูกถามยิ้มอย่างมีเลศนัยบางอย่าง ยังไม่ตอบคำถาม กระเทยสาวมองอย่างรู้ทัน งานนี้ต้องมีแผนอะไรอีกแน่ๆ



มือขาวนวลส่งน้ำอัดลมเย็นเฉียบให้นายแบบกิตติมาศักดิ์ค่าตัวน้อยที่สุดในรอบปี เพราะเป็นส่วนลดแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ ภูดิสรับมา ขอบคุณเบาๆ ไม่ทันมองใบหน้านงลซึ่งเต็มไปด้วยรอยขบขัน กลั้นยิ้มจนแก้มตุ่ย

ใครได้มาเห็นก็คงมีอาการแบบเธอนั่นแหละ คุณนักธุรกิจหนุ่มมาดเนี๊ยบ รับข้อเสนอเป็นนายแบบอย่างไม่ลังเล พอเอาเข้าจริงกลับทำหน้าตาหลุกหลิก เก้ๆกังทำตัวไม่ถูกอยู่นานจนช่างภาพหนักใจ บอกให้ทำตัวตามสบายแต่ก็ยังไม่ได้ดังใจ จึงยืนมองหน้ากันไปมาอยู่นาน และแล้วช่างภาพสาวก็ปิ๊งไอเดีย ทำเลียนแบบรุ่นพี่ ชวนคุยนั่นนี่ไปเรื่อย แนะนำว่าข้าวของในร้านส่วนใหญ่เป็นฝีมือของครอบครัวเธอเอง ทั้งงานปั้น งานแกะสลักไม้ต่างๆรูปร่างแปลกตา ชี้ชวนให้ดูไปเรื่อย มุมโน้นทีมุมนี้ที ฝ่ายนายแบบตกหลุมไปตามโฆษณา ช่างภาพสาวได้ทีจับภาพในมุมต่างๆได้ดังใจ ยิ้มกว้างอย่างพอใจ ค่อยรู้สึกคุ้มกับที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้เสียที

“สนุกไหมคะ คุณนายแบบ” เสียงใสถามหยอกๆ

“อย่าแซวสิ พี่เขินจะแย่แล้ว” รอยแดงๆเรื่อที่โหนกแก้ม ทำหน้าประหลาด จะยิ้มก็ไม่ใช่จะบึ้งก็ไม่เชิง เกิดมาไม่เคยเป็นนายแบบกับเขาเสียที อย่างมากก็ได้แต่ยืนตัวตรงชูสองนิ้วใส่กล้อง พร้อมร้อง อยากกินเป๊ปซี่ ให้ตากล้องกดแชะเก็บภาพในรูปหมู่เท่านั้นแหละ

“เป็นนายแบบที่ค่าตัวต่ำจังเลยนะคะเนี่ย แหม...หน้าตาก็ดี น่าจะโก่งราคาให้มากกว่านี้หน่อยนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก ริมฝีปากสีชมพูแย้มกว้าง ดวงตากลมพราวระยับมองล้อชายหนุ่มเสียจนเขาต้องหลบ เพราะมันทำให้เขาใจเต้นประหลาด ต้องข่มใจเปลี่ยนเป็นเก๊กทวงบุญคุณแทน

“ใจร้ายจัง อุตส่าห์ยอมใช้แรงงานแลกส่วนลดให้ ยังล้อกันได้อีก”

ได้ผล หญิงสาวหุบปากฉับ ทำหน้าตาใสซื่อแต่ยังกลั้นยิ้มอยู่ แก้มนวลจึงตุ่ยๆชอบกล ชาหนุ่มมองแล้วเกือบอดใจไม่ไหว เอื้อมมือไปหยิกเล่นสักทีสองที ต้องเก็บเอาสองมือไปล้วงกระเป๋าไว้กลัวเผลอไปสัมผัสเข้าจริงๆ

“ขอบคุณค่ะ” ภูดิสทำหน้างง อีกฝ่ายจึงเฉลยพร้อมรอยยิ้มเต็มสองข้างแก้ม “สำหรับส่วนลดสามสิบเปอร์เซนต์”

“แบบนี้ค่อยเป็นปกติหน่อย” ภูดิสสูดหายใจเข้าเต็มปอด รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้กลับเป็นที่สนใจของหญิงสาวอีกครั้ง

“คะ?”

หญิงสาวมองนิ้วก้อยเรียวยาวที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างสงสัยสลับกับหน้าคม ภูดิสเอาเข้าไปเกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยเล็กของนิศากร สร้างรอยอบอุ่นวาบจากเรียวนิ้วเข้าสู่สองใจ


“เราดีกันแล้วใช่ไหม”
“ดีอะไรคะ นิโกรธพี่ภูหรือไง” แก้มนวลฉาบสีชมพูน้อยๆ พยายามแกะนิ้วตัวเองออก พอถูกสะกิดให้รู้สึกตัวเข้าก็เริ่มตีตัวออกห่างเช่นเดิม แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ยึดเกี่ยวก้อยน้อยนั้นไว้แน่น

“ไม่รู้สิ แพรบอกว่าหนูนิโกรธ ไม่อยากเห็นหน้า จะทิ้งพี่ไป” เขาเอ่ยเสียงตัดพ้อ ทำหน้าหงอย


“แพรบอกเหรอคะ” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ นิศากรทำหน้าเซ็ง แพรพรรณขี้เม้าท์อีกแล้ว บอกอะไรไปบ้างเนี่ย คงเล่าสู่กันฟังจนหมดเปลือกสินะ “แล้วบอกรึเปล่าคะว่าทำไม”

“พี่ทำให้หนูนิต้องร้องไห้ และหนูนิกลัวว่ารันจะมาหาเรื่องอีก”

“นิไม่ได้กลัวคุณรันของพี่ภูซะหน่อย” นิศากรโต้กลับทันควัน ไม่อยากถูกหาว่าเกรงกลัวนางร้ายสาวให้ดูเหมือนคนอ่อนแอ ตากลมขุ่นควั่กอย่างไม่พอใจ

“รันก็ไม่ใช่ของพี่เหมือนกัน เมื่อไหร่หนูนิจะเชื่อซะที” ชายหนุ่มท้วงกลับเช่นกัน

“ไม่ทราบค่ะ นิขี้เกียจคิดเรื่องนั้นแล้ว เหนื่อย ขี้เกียจรำคาญ เบื่อค่ะ ได้ยินไหมคะ” หญิงสาวว่าอย่างรำคาญ พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ชักปวดหัว อารมณ์บูดขึ้นมาอีกรอบ พลอยไม่อยากมองหน้าคนข้างตัวขึ้นมาตะหงิดๆ ข้อหาที่มียัยตัวร้ายคอยเกาะติดไม่ปล่อย

“เลิกพูดเถอะค่ะ เรื่องส่วนตัวพี่ภู นิไม่เห็นเกี่ยวด้วยเลย” นิศากรหันหน้าหนี ถอนใจน้อยๆ เธอตั้งใจไว้แล้ว และไม่ยอมทำให้ความตั้งใจนี้ต้องถูกล้มไปอีกอย่างที่เคยเป็น

“เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็มๆเลยด้วย” ภูดิสตามมาดัก ไม่ให้เธอหลบ

“เกี่ยวยังไงไม่ทราบคะ” เธอตวัดตาและเสียงถามคนดักหน้าอย่างหงุดหงิด เกิดอาการชะงักค้างเมื่อเจอสายตาคมที่ทอดมองมาด้วยกระแสความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้แก้มคนถูกมองร้อนวาบขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“พี่...” ยังไม่ทันจะได้ชี้แจง นัฐกรก็เกาหัวแกรกๆมาบ่นพึมพำมาแทรกกลางระหว่างสองคน เป็นการขัดจังหวะได้อย่างน่าโมโห สองมือที่เกาะเกี่ยวกันไว้พลันหลุดออกจากกัน

“อะไร ทำไมทำเหมือนมองไม่เห็นเรา เป็นไปได้ยังไงกัน ทางโล่งออกขนาดนั้น หรือว่ามองไม่เห็นจริงๆ” หมอหนุ่มพูดกลับไปกลับมาด้วยความไม่เข้าใจ ถามใครก็ไม่รู้ พูดพร่ำอยู่แต่เพียงผู้เดียวไปได้สักพักก็ยังคิดหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ จึงหันกลับมาสนใจเพื่อนแทน หลังจากทิ้งไปพักใหญ่

“หนูนิเป็นไรเปล่า หน้าแดงจังเลย” คนถูกทักสะดุ้งน้อยๆ หาคำตอบไม่เจอเหมือนกันว่าเพราะอะไร นอกจากสายตาคมที่เผลอไปมองสบเมื่อครู่ เลยเปลี่ยนเป็นหาเรื่องหมอหนุ่มแทน

“ไปไหนมา รอตั้งนาน”

“เจอเพื่อนน่ะ เพื่อนสมัยมอปลาย แต่ตามไปไม่ทัน” ประโยคท้ายน้ำเสียงของนัฐกรแปร่งปร่า ให้ความรู้สึกเศร้าประหลาดจนคนฟังรู้สึกได้ชัดเจน เหมือนกับรอยหมองในดวงตายาวรีนั้น นิศากรตบไหล่หนาเบาให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรหรอก วันหน้าคงได้เจอกันอีกนะหมอนัด”

นัฐกรพยักหน้ารับ เอื้อมไปแตะมือเล็กของเพื่ออย่างขอบใจ คนที่เหลืออีกคนได้แต่มองความสนิทสนมของสองเพื่อนอย่างขัดใจ ถ้ามีตาเลเซอร์แบบซุปเปอร์แมน เขาจะใช้มันเล็งไปที่มือที่แตะบนผิวนวล เผาให้เป็นจุณไปเลย

พอปลอบกันเสร็จแล้ว ก็เคลื่อนขบวนกันต่อไป ฝ่ายนิศากรก็เอาแต่เกาะติดหนึบกับนัฐกรเหมือนเดิม ปล่อยภูดิสลอยแพอยู่คนเดียวตามเดิม แถมหนักกว่าตอนแรกๆอีกด้วย นิศากรไม่มองสบตาเขาเลย พอเดินไปใกล้ก็ขยับหนีอีกต่างหาก



“ฮ่าๆๆๆๆๆ อยากเห็นสดๆชะมัดเลย นายภูดิส นักธุรกิจหนุ่มหล่อ รวย ผู้เก่งกาจถูกหญิงเมิน” เสียงห้าวของธเนศเยาะเย้ยเต็มที่ หัวเราะเสียงดังก้องในรถยนตร์คันหรู ภูดิสแกล้งเหยียบเบรกกระทันหัน ธเนศเลยหัวคะมำไปกองอยู่ที่คอนโซลหน้ารถ ร้องโอดโอย

“สมน้ำหน้า” ภูดิสแค่นหัวเราะอย่างสะใจ ท่าทางเพื่อนเขาคงเพิ่งได้รับถ่ายทอดเรื่องราวที่น้องสาวเขาขุดคุ้นจนหมดเปลือกไปเมื่อเขากลับถึงบ้านในเย็นวันนั้น เลยเอามาแซวเขาได้ย่างเจ็บแสบแบบนี้ เจ้าเพื่อนบ้าเอ๊ย ไม่เคยช่วยยังมาล้ออีก

เขาพารถเข้าจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ สถานที่จัดงานเลี้ยงวันเกิด ต้นไม้ข้างทางที่นำไปสู่ตัวบ้านและภายในสวนสวยถูกประดับประดาไปด้วยไฟดวงเล็กร้อยพาดไปมาสร้างแสงสีสวยงามท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาล สองหนุ่มพากันเดินเข้าตัวบ้าน เฟอร์นิเจอร์ภายในถูกจัดเก็บไว้ ชั้นล่างของบ้านทั้งบ้านกลายเป็นพื้นที่โล่ง มีมุมค็อกเทล อาหารเล็กๆน้อยๆ ประดับดอกไม้ตามมุมเสาต้นใหญ่แทบทุกต้น แขกเหรื่อซึ่งล้วนเป็นเพื่อนเจ้าของงานทั้งในและนอกวงการยืนจับกลุ่มกันตามมุมต่างๆไปทั่ว

เจ้าของงานพาตัวเองลงมาจากชั้นบนในชุดราตรีสีแดงสั้นผ้าทิ้งน้ำหนักแนบสัดส่วนโค้งเว้าสวย ยามขยับตัวจึงพริ้วไหวไปมาน่าดู ระยิบระยับด้วยเลื่อมพรายที่ปักบนตัวกระทบกับแสงไฟเสื้อเพิ่มความสวยงามหรูหราให้คนสวมน่าจับตามอง หญิงสาวยิ้มพรายมาต้อนรับสองหนุ่มด้วยตัวเอง

“สุขสันต์วันเกิดนะรัน” ภูดิสยื่นกล่องของขวัญกล่องเล็กในมือให้ รัญชิดารับมากล่าวขอบคุณเบาๆ

“นึกว่าภูจะไม่มาซะแล้ว” รัญชิดาเอ่ยเสียงเศร้า

“เธออุตส่าห์โทรไปจิก เอ๊ย ไปเชิญตั้งหลายรอบ จะไม่มาได้ไง” ธเนศแกล้งเหน็บเพื่อนสาวเข้าให้ เลยได้รับสายตาเขียวปั๊ดตอบกลับมา แต่เขาก็ไม่สนใจมองเมินไปเสีย

“เข้าไปข้างในเถอะ เพื่อนๆมากันเต็มเลยนะ” รัญชิดาชวนและดึงแขนภูดิสเข้าไปด้านในด้วยกัน ธเนศตามติดเข้าไป แอบเห็นนางร้ายสาวขยิบตาไปทางผู้จัดการส่วนตัว และอีกฝ่ายก็ตอบรับสัญญาณด้วยการทำมือเป็นรูปตัวโอ

‘จะมีแผนอะไรอีกรึเปล่าเนี่ย นายต้องคอยตามติดพี่ภูไว้ให้ดีๆนะ อย่าเผลอให้ยัยนางร้ายทำการได้สำเร็จเชียว’ แพรพรรณกำชับเขาไว้ ตอนแรกเขาก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร แต่พอเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้วก็อดระแวงระวังตามยัยเปี๊ยกไม่ได้



“บลูเรียกฟ้าเปลี่ยนๆ”

“ฟ้าประจำอยู่ชั้นสองเปลี่ยน เป้าหมายเคลื่อนตัวแล้ว”

“เนะโกะเรียกบลู เรียกฟ้าเปลี่ยน เนะโกะประจำการใต้บันได กำลังจับตามองเป้าหมายเปลี่ยน”



-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*
ขอโทษทีค่ะ มาส่งช้า ฟ้ารินเกิดป่วยขึ้นมากระทันหัน โรคผู้ยิ้งผู้หญิง เดือนนี้เป็นหนัก หลับยาวเลยค่ะ เพลียสุดๆ โชคดีที่ไม่ค่อยมีเรียน เกือบเป็นลมบนรถเมล์แน่ะค่ะ

g - มอมรึเปล่าไม่รู้ ต้องติดตามดูตอนต่อไปค่ะ

Smillzz - อดเเลยอ่ะ 40 มาส่งช้า แง้ อุตส่าก์จะเก็บตัวรักษาตัว เป็นโรค...(อะไรเอ่ย? คงเดาว่าเป็นโรคจิตแน่ๆ)

une playful pizzicato- นึกว่าจะเข้ากับลุงสมัครซะแล้ว ที่แท้ก็เข้าสมัยนี่เอง ฟ้ารินไม่ได้ใจร้ายนะ แง้ๆๆๆๆๆ เปื่อย เอ๊ย!ป่วยตะหากค่ะ

ยารีส - โทษทีค่ะ มาส่งแล้ว อุตส่าห์มาทวงตั้งหลายรอบ เลยพยายามปั่นมาส่งสุดฤทธิ์เลยค่ะ





Create Date : 26 สิงหาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:00:25 น.
Counter : 235 Pageviews.

9 comments

  
แปะชื่อแล้วค่อยอ่าน ฮ่าๆๆๆ
คนแรกค๊าบคนแรก
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.36.14 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:18:41:26 น.
  
อยากรู้จังว่ามีแผนอะไร

ตอนนี้สงสารพี่ภูจังโดนหนูนิลอยแพสะแย้ว
โดย: g IP: 222.123.236.86 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:19:01:34 น.
  
คุณฟ้ารินมาไวๆนะคะ
รอนานๆเหงือกแห้งหมดน้าา
โดย: une playful pizzicato IP: 82.247.214.230 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:20:04:40 น.
  
ทรมานเนาะ - -"
ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
สุ้ๆ

เอ...จะมีเเผนอะไรอีกหว่า??
สรุปไปๆมาๆ พี่ภูต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอีกเเน่เลย
ไม่เอานะ
ถ้าอย่างนั้น ขอให้มีผุ้ช่วยนางเอกกระชากต่อมหึงของพี่ภูเย้อๆนะคะ
5555555+

ปล.โรคจิตนี่ ท่าทางคนอ่านคนนี้จะเป็นมากกว่าค่ะ
5555555+
โดย: Smillzz IP: 202.28.12.48 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:0:11:11 น.
  
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่น่ะค่ะสนุกเหมือนเคยแต่ยังไม่จุใจเลยอ่ะ หวังว่าตอนใหม่คงมาเร็วน่ะค่ะ
โดย: ยารีส IP: 203.151.46.130 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:9:18:04 น.
  
วันนี้มาให้กำลังใจเหมือนเคยค่ะ คอยตอนใหม่อยูน่ะค่ะ อย่าใจร้ายนักซิค่ะ รู้ไม๋การที่รออะไรสักอย่างเนี้ยะมันทรมานน่ะค่ะ ขอร้องเถอะค่ะตอนใหม่มาเร็วๆน่ะค่ะ
โดย: ยารีส IP: 203.151.46.130 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:11:50:40 น.
  
วันนี้ก็มาให้กำลังใจเหมือนเช่นเคยค่ะ ยังไงยารีสก็รอตอนต่อไปอยู่น่ะ
โดย: ยารีส IP: 203.151.46.130 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:14:23:56 น.
  
วันนี้ยารีสเข้ามาทวงตอนใหม่เหมือนเคยค่ะ
โดย: ยารีส IP: 203.151.46.130 วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:12:37:00 น.
  
รู้สึกว่าบล็อกจะงามขึ้นทุกวันๆ นะคะ
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.36.14 วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:18:06:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik