All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่9



บทที่9


แม่เจ้า เธอซวยเองที่เลือกมาที่สปอร์ตคลับนี่ แทนที่จะไปที่อื่น
ใครจะไปรู้ว่าที่นี่มันเป็นของเพื่อนสนิทภูดิสที่ย้ายตัวและเครื่องดื่มมาร่วมโต๊ะด้วยอย่างถือวิสาสะ แถมจ้องเธอตาเขียวอีก


“พะ พี่ภู สวัสดีค่ะ”

เสียงใสอึกๆอักๆ ก่อนกระพุ่มมือไหว้ หลบสายตาคมที่ออกจะเขียวๆยังไงไม่รู้ จับจ้องเธอไม่วางตา ตั้งแต่ก้าวมาเป็นสมาชิกร่วมโต๊ะไม่ได้รับเชิญเป็นคนที่สอง

“สวัสดีหนูนิ”

“นี่นายรู้จักสมาชิกวีไอพีคนใหม่ของฉันด้วยเหรอ” ธเนศที่สะดุดกับสรรพนามเรียกขานชื่อเล่นของทั้งสองฝ่ายตั้งคำถามขึ้น

“รู้สิ รู้จักกันมานานแล้วด้วย หนูนิเพื่อนสนิทยัยแพร จำไม่ได้เหรอ”

“หือ?” หนุ่มผิวน้ำผึ้งครางในลำคอ ส่งแววตาสงสัยให้เพื่อนว่า จำอะไรไม่ได้ ทั้งยังงงกับสายตาคมที่เขม้นมองนิศากรที่ก้มหน้าก้มตาดูดน้ำส้มในแก้วทั้งๆที่ปากคุยกับเขา

ภูดิสปรายตาไปที่กองหนังสือพิมพ์ใกล้ตัวที่ทางคอฟฟี่ชอปเตียมไว้บริการ สร้างความเข้าใจให้เพื่อนได้ในทันที ธเนศพยักหน้าหงึกหงัก ดูหน้าสาวน้อยที่นั่งข้างอีกครั้ง
นี่เอง เหตุผลที่ทำให้เขาแล่นไปหาเจ้าเพื่อนตัวดี หวังจะเล่นงานและแซวให้เข็ด ข้อหาอุบเงียบแอบมีคนรู้ใจซ่อนไว้ไม่ยอมบอก คิดว่าคงได้เห็นท่าทางหงุดหงิดที่โดนจับคู่อีก
แต่ผลที่ได้คือ ตาคมจ้องมองรูปในหนังสือพิมพ์ที่เขาลงทุนตัดแปะกระดาษ เขียนคำว่า Oops! ตัวแดงเบ่อเริ่มเทิ่มประกอบ ใส่กรอบสวยแล้วกระตุกยิ้มขำขัน บอกว่านักข่าวฝีมือดี เหมาะจะเป็นนักสืบและประกอบอาชีพนักเขียนไปด้วยท่าจะดี ภูดิสเองเห็นข่าวนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ
ในเมื่อภูดิสไม่สนสาวน้อยน่ารักคนนี้ เขาก็มีสิทธิจีบได้น่ะสิ

“อ๋อ ยัยแพรมีเพื่อนน่ารักขนาดนี้ด้วยไม่ยอมบอก งั้นน้องนิเรียกว่าพี่เนศเหมือนยัยแพรก็ได้ ฟังแล้วดูสนิทสนมดีนะครับ”

คำบอกนั้นทำเอานิศากรเงอะงะ หนึ่งเพราะท่าทางหยอดคำหวานผสมตีสนิทยิ่งขึ้นอีกอย่างรวดเร็วโดยใช้สื่อกลางอย่างแพรพรรณเป็นตัวเชื่อมโยง และอีกหนึ่งก็คือคิ้วเข้มกระตุกเมื่อได้ฟัง และตวัดตาคมคอยดูเธอเข้มขึ้นไปอีก

“คะ จะดีเหรอคะ”

“ดีสิครับ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันเสียหน่อย”

ธเนศโปรยยิ้มหวานแบบที่สามารถกระชากใจสาวๆได้เสมอ แต่ไหงคนตรงหน้ากลับมีสีหน้าแหยแฝ่นชอบกล ชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งงุนงงกับท่าทีและสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันทีที่ภูดิสก้าวเข้ามา
นิศากรทำเหมือนอยากหลบไปให้ไกล ไม่กล้ามองสู้สายตา ส่วนอีกคนเหมือนจ้องจะเอาเรื่อง อีกทั้งยังเหมือนแผ่รัศมีตาเขียวๆมาเล่นงานเขาอีกด้วย

เรื่องอะไรกันวะเนี่ย

“เฮ้ย!ไอ้ภู ทำหน้ายักษ์ทำไมวะ” ธเนศสะกิดถามเสียงเบาด้วยความไม่เข้าใจในอารมณ์เพื่อน แต่ไม่ได้คำตอบใดมากไปกว่าประโยคขับไล่ไสส่ง

“ไปตรวจงานของแกต่อสิ อู้มานานแล้ว เดี๋ยวพนักงานแกจะเลียนแบบเอา สปอร์ตคลับแกมีหวังเจ๊ง”

ไอ้เพื่อนบ้า อยู่ดีๆมาแช่งให้กิจการล้มได้ไงวะ

อาการปากร้ายส่อเค้าถึงอารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจอย่างที่รู้กันในหมู่คนสนิท ธเนศเกาหัวที่เพื่อนแช่งชักหักกระดูก ไม่รู้ที่มาของอาการพาลพาโลหน้าตาย

“ไปสิ นั่งอยู่ได้ อยากเจ๊งจริงๆหรือไง” ภูดิสไล่ซ้ำหน้าเฉยแต่ตาดุ เหมือนว่าหากเขาไม่ไปเดี๋ยวนี้ สปอร์ตคลับนี่ต้องปิดกิจการชัวร์

“อะไรวะ กินยาผิดมารึไงเนี่ย” ธเนศพึมพำด่า ก่อนจากลาไม่วายบอกลาเหมือนนัดว่า

“ถ้าน้องนิชอบกีฬากลางแจ้งบ้าง สนใจอยากเล่นเทนนิสดูละก็ อาทิตย์หน้าพบกันใหม่เวลาเดิมนะครับ”

ประโยคเหมือนนัดแนะกับสรรพนามใหม่ที่เพื่อนใช้อย่างสะดวกปากราวกับพูดอยู่ประจำ ทำให้ภูดิสนึกอยากลองขัดขาเพื่อนให้ล้มสักทีสองที จะได้หลุดมาดทำหน้าทำตาหว่านเสน่ห์นี่เสียที


ธเนศไปแล้ว เหลือเพียงนิศากรกับชายหนุ่ม ที่วันนี้ออกจะดุเข้มและหงุดหงิดอารมณ์เสียซะเหลือเกิน หญิงสาวนึกอยากมุดลงใต้โต๊ะเต็มแก่ จะได้หลบให้พบสายตาดุๆนั้น

ทำไมต้องมองแบบนี้ด้วยนะ คนที่ควรทำเป็นนิศากรคนนี้ต่างหาก ไม่รู้จักอธิบายให้แฟนตัวเองฟังให้เข้าใจ ปล่อยให้มาระรานคนอื่นเขา

นิศากรคิดในความเงียบระหว่างเผชิญหน้ากับภูดิส ซึ่งเอาแต่จ้องๆๆๆ แล้วก็ถอนใจเหมือนกำลังระงับอารมณ์บางอย่าง

หญิงสาวคิดว่าจะใช้มุขเดิม ทำทีล้วงกระเป๋ากางเกง เธอหยิบมือถือเครื่องจ้อยเครื่องเดิมขึ้นมา ทำท่ากดรับทั้งที่ไม่มีสัญญาณเรียกเข้า ติ๊งต่างว่าตั้งระบบสั่นไว้ ยอมเป็นคนบ้าอีกครั้งหนึ่ง
หากยังไม่ทันได้ยกขึ้นแนบหู มือใหญ่เอื้อมมาคว้าไปเสียก่อน ภูดิสมองดูหน้าจอที่ว่างเปล่า ไม่มีหมายเลขแสดงและสัญลักษณ์แสดงว่ากำลังใช้งาน

“คุยกับวิญญาณต้องใช้โทรจิต ใช้โทรศัพท์ไม่ได้หรอกนะหนูนิ”

นิศากรหน้าเจื่อน อับอายที่มุขเดิมใช้ไม่ได้ แถมถูกจับได้เสียอีก แล้วคนถามก็ช่างแดกดันเหลือเกินทั้งคำพูดและสายตาทีเดียว

“ไม่ต้องหาเรื่องหนีพี่ซะให้ยากหรอก เหนื่อยเปล่าๆ” ภูดิสเอ่ยดักคนที่ลอกแลกม้วนปลายผมค้นหาวิธีชิ่งอื่นแทน

วันนี้โอกาสเป็นของเขา จับตัวแม่ปลาไหลได้สักที คราวที่แล้วหลุดไปได้ แต่คราวนี้ไม่มีทาง ต้องพูดกันให้รู้เรื่องเสียที ไม่อย่างนั้นมีหวังความอึดอัดคับข้องใจคงทำให้เขากลายเป็นตาแก่ขี้หงุดหงิดในสายตาพนักงานแน่ๆ

หลายวันนี้ลูกน้องชักบ่นว่าเจ้านายหน้านิ่วแทบตลอดเวลา จนนันทา เลขาออกปากถาม และแน่นอนแม่น้องสาวจอมพูดมากก็แขวะเอาว่าเป็นเพราะวัยทองแหงๆ พี่ชายเลยออกอาการงุ่นง่านแปลกประหลาดเช่นนี้

“พี่ภูคิดมากไปรึเปล่าคะ นิเหรอทำแบบนั้น” นิศากรแสร้งทำหน้าไม่รู้เรื่อง แถมปัดไปว่าชายหนุ่มคิดไปเองเสียอีก

“อย่างนั้นเหรอ งั้นพี่ขอคำอธิบาย สิ่งที่หนูนิทำทุกอย่าง ตั้งแต่วิ่งหนีเข้าลิฟท์ ทำเป็นไม่เห็นพี่ทั้งที่ยืนอยู่ห่างไม่ถึงห้าเมตร หลบข้างเสาบ้างหล่ะ แล้วก็แกล้งทำเป็นคุยโทรศัพท์แล้วจะชิ่งอย่างเมื่อกี้เป็นรอบที่สอง”

นิศากรอึ้งนิดๆ ไอ้ที่หลบข้างเสานั่น เขาเห็นด้วยเหรอเนี่ย แล้วก็มุขโทรศัพท์ครั้งก่อนก็ไม่คิดว่าจะจับได้ ยกเว้นเมื่อกี้ ทำยังกับมีตาทิพย์มองเห็น รู้ทุกอย่างเลยอย่างนั้นแหละ

“เอ่อ...”

ขณะกำลังอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบว่ายังไงจนโมโหที่สมองช้า คิดเรื่องแก้ตัวไม่ทัน โทรศัพท์เครื่องจ้อยเจ้ากรรมที่ทำให้เธอโดนจับได้ ส่งเสียงร้องระงมขัดจังหวะขึ้นมาทันท่วงที คนยึดไปเมื่อครู่ยกขึ้นดู แล้วกดรับเองเสียเฉยๆ นิศากรอ้าปากหวอ ตาใสมองตามมือใหญ่ที่ยกขึ้นแนบหู และกรอกเสียงลงไป

“ว่าไงแพร” ปลายสายจะตอบว่ายังไงไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมีงง

“ไม่มีธุระด่วนใช่มั้ย ถ้างั้นพี่ขอวางก่อน” มือหนาตัดสาย และกำมันไว้ ไม่ยอมส่งคืน พอมันดังอีกครั้ง เขาก็กรอกเสียงบอกไปคำเดียวว่า ยังไม่ว่าง แล้วก็วางสายไปอีก

เฮ้ย! อะไรกันเนี่ย อยู่ดีๆมารับโทรศัพท์คนอื่นได้ยังไงกัน เสียมารยาทที่สุดเลย แล้วยังตัดสายไปหน้าตาเฉย

“พี่ภูทำอะไรเนี่ย เสียมารยาท เอามานะ” เสียงใสแข็งใส่ แต่คนฟังไม่สะทกสะท้าน มือใหญ่หยิบทิชชู่ในกล่องวางแปะลงไปในมือเรียวเล็กที่แบมาแทน

“ไม่ได้ขอทิชชู่ เอาโทรศัพท์นิคืนมา”

มือเล็กยื่นเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิม แถมตาเขียวๆใส่ให้ด้วย เพราะรู้สึกหมั่นไส้คนเอนหลังพิงพนัก หลุบตามองมือเล็กที่ยืนมาหน้าเฉยสนิท เป็นคำตอบแทนการพูดว่า ไม่ให้!

“จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง” สายตามุ่งมั่นว่าจะทำตามที่พูดให้ได้ อย่ามาบิดพริ้วซะให้ยาก ทำให้นิศากรกระแทกตัวลงนั่งหน้ายู่ แก้มป่องอย่างขัดใจ

โอ๊ยคนอะไรนะ ทั้งกวนทั้งดื้อเอาแต่ใจตัวเอง สองครั้งแล้วที่เธอถูกบังคับ

“ว่ายังไง พี่ขอเหตุผล หนูนิยังไม่ได้ตอบพี่เลย”

“ทำไมไม่ไปถามแฟนพี่ภูดูล่ะ” นิศากรกระชากเสียงตอบ หันหน้าหนี ไม่อยากมองตัวต้นเหตุให้เกิดเรื่องแย่ๆที่กำลังเหวอกับคำว่า แฟน

“อะไรนะ? พูดใหม่อีกทีซิ”

“ทำไมคะ เข้าใจยากตรงไหน นิบอกว่าให้พี่ภูไปถามแฟนพี่ภูเอาเอง” เสียงใสเน้นย้ำแต่ละคำชัด “นิแค่ทำตามที่เขาบอก พี่ภูน่าจะขอบใจนิด้วยซ้ำไป ที่ช่วยไม่ให้แฟนพี่ภูต้องหึงเพราะข่าวบ้าๆนั่นอีก”

นิศากรตาวาวร่ายยาวอย่างเหลืออด น่าเหนื่อย น่าหงุดหงิดเหลือเกินแล้ว แฟนตัวเองไม่รู้จักเคลียร์กันให้ดี ปล่อยให้เข้าใจผิด หนำซ้ำมาระรานชาวบ้านเขา คนที่ถูกจับมานั่งคุยอย่างนี้ไม่ใช่เธอ แต่ควรจะเป็นแฟนเขามากกว่า

“ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนกัน ช่วยอธิบายให้พี่เข้าใจมากกว่านี้ได้มั้ย”

“เรื่องอย่างนี้ ให้นิพูดฝ่ายเดียว เดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่าใส่ร้ายแฟนพี่ภู นิไม่อยากถูกต่อว่าเสียๆหายๆอีก ฝากไปบอกเขาด้วย ว่านิทำตามที่เขาต้องการแล้ว และนิก็ไม่ได้เป็นมือที่สามอย่างที่เขากลัว สบายใจได้เลย”

ใบหน้าคมยิ่งยุ่งเข้าไปอีก นิศากรพูดเรื่องหึงหวงยาวยืด แถมยังฝากข้อความส่งหา แฟนที่ไร้ตัวตน

“พี่คงทำให้ไม่ได้” ริมฝีปากแดงอิ่มถูกขบเบาๆ หน้าเรียวงอง้ำ นี่เขาจะไม่เคลียร์ให้เข้าใจรึไง อยากปล่อยให้แฟนตัวเองเข้าใจผิดอยู่อีกหรือไงกัน

“เพราะพี่ไม่รู้ว่าคนที่หนูนิพูดถึงคือใคร”

“หา?” ไม่รู้ๆ ไม่รู้ได้ไง แฟนนะ เอ๊ะ! ดวงตากลมสีน้ำตาลหรี่มองอย่างชั่งใจกับหน้าตาที่แสดงออกว่าไม่รู้เรื่อง “อย่าบอกนะพี่ภู ว่าคุณรัญชิดาแค่กิ๊ก” คำถามนี้ออกแนวกระจอกข่าวขุดคุ้ยเรื่องกิ๊กกั๊กของดารา

“ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ พี่กับรันเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว”

แขนขาวยกขึ้นวางบนโต๊ะข้างหนึ่ง มือเรียวอีกข้างไล้หมุนปลายผมสีน้ำตาลเข้มอย่างใช้ความคิด

หากไม่ใช่แล้วทำไม ดาราดังอย่างนั้นต้องมาหาเรื่องกีดกันไม่ให้เธอพบกับภูดิสด้วยล่ะ ชักทะแม่งๆแล้วแฮะ

“ทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้นล่ะ” ภูดิสตั้งคำถามถึงหนึ่งในสิ่งที่สงสัย

“ก็ ถ้าไม่ใช่แล้วคุณรันเขาจะทำอย่างนั้นทำไมล่ะ” หญิงสาวพึมพำเบาๆกับตัวเอง”พี่ภูแน่ใจนะว่า ที่พูดมาเป็นความจริง ไม่ได้แอบกิ๊กแน่นะ”

ตากลมจ้องภูดิสซึ่งส่ายหน้าประกอบคำปฏิเสธด้วยสายตาจับผิด

เรื่องที่ผู้ชายชอบโกหกว่าไม่มีแฟน เวลาแฟนไม่อยู่เพราะหวังจีบสาวอื่น มีให้เห็นบ่อยไป เธอเองก็เคยเจอเข้ากับตัวมาแล้ว แต่กับรายนี้ หญิงสาวคิดว่าคงไม่มีความคิดโกหกอยู่ในสมองหรอก เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่เคยคิดจีบเธอแม้แต่น้อย ทว่ายังไงก็ยังไว้ใจคนตีหน้าตายเก่งอย่างนี้ไม่ได้อยู่ดี

น่ากลัวว่าอย่างนี้คงได้เกิดรายการกำจัดคนที่คิดเอาเองว่าเป็นคู่แข่งอย่างเธอซะละมั้ง ก็คนๆนี้ ไม่ว่าใครก็อยากคบหาด้วยจะตายไป

นิศากรปรายตาขุ่นๆให้คนน่าคบ แต่ขอเว้นเธอไว้สักคนเถอะ เพราะตอนนี้คนๆนี้ชักไม่น่าคบเสียแล้วในความคิดเธอ ต้นเรื่องของความวุ่นวายตั้งแต่สองปีที่แล้วจนปัจจุบัน

ส่วนนางร้ายทั้งนอกจอในจอนั่น คราวหน้ามีเอาคืนแน่ โทษฐานที่บังอาจป้ายความเป็นนางร้ายให้เธอ


ฝ่ายคนที่ถูกไล่ออกมาเมื่อครู่ เดินส่ายหัวไม่เข้าใจที่อยู่ๆเพื่อนออกปากไล่เสียดื้อๆ ทุกทีมีแต่เกาะติดเขาไว้ หรือตะโกนเรียกให้เขาเข้าไปโปรยเสน่ห์จีบสาวข้างตัว เพื่อกันออกไปให้ไกลตัว แต่คราวนี้นอกจากจะเสนอหน้าเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ หนำซ้ำยังกันเขาออกไปเสียอีก

ตกลงมันยังไงกันแน่ ไอ้เจ้าภู พอถามบอกไม่สน พอจะจีบแม่สาวน้อยดันทำหน้ายักษ์ใส่

ข่าวกับรัญชิดานั้น เขาไม่ติดใจสงสัย เพราะรู้จิตใจเพื่อนดี ขณะนี้ภูดิสเห็นรัญชิดาเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อนเขาคนนี้ มีความห่วงใยและดูแลพวกพ้องของตนทุกคนอย่างดี ซึ่งมีไม่เยอะที่เข้าข่ายนั้น และรัญชิดาคือหนึ่งในนั้น

เขาปฏิเสธไม่ได้ว่า ขณะนี้ผู้หญิงที่ใกล้ชิดภูดิสได้มากที่สุดคือรัญชิดา เพื่อนเขามอบความสนิทสนมกับดาราสาวในระดับหนึ่ง พื้นฐานนั้นอาจเป็นเพราะความสงสารจากการที่เธอฟูมฟายเพราะถูกทอดทิ้งจากคนรัก และบิดาที่ทำท่ารักลูกมากมายต่อหน้าสื่อ แต่ไม่เคยสนใจใยดี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวถูกทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี จนกระทั่งเห็นจากข่าวหนังสือพิมพ์

ภูดิสกลับมาเป็นที่พึ่งคนสำคัญของรัญชิดาอีกครั้ง ไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ชัดเจนว่ารัญชิดาเกาะติดภูดิสหนึบ ความรู้สึกห่วงใย อ่อนโยนที่ภูดิสมีให้ คนขาดความอบอุ่นอย่างดาราสาวจึงทึกทักเอาว่าเพื่อนเขายังชอบเธอไม่แปรเปลี่ยน น่าหนักใจแทนเพื่อนที่ยังไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังถูกรัญชิดายึดเป็นสมบัติส่วนตัวไปเสียแล้ว


แพรพรรณมองโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดในมือ สงสัยนักว่ามือถือเกิดรวนหรือเธอกดเบอร์ผิด เป็นไปไม่ได้หรอก ก็ในเมื่อชื่อที่ขึ้นตอนโทรออกเป็นชื่อของนิศากรตัวโตเท่าบ้านซะขนาดนั้น ไม่มีทางที่เธอจะมองผิดไปได้หรอก เธอกดเบอร์ถูกแน่ๆ แต่ไหงเสียงตอบรับดันกลายเป็นภูดิสไปได้ทั้งสองครั้ง

“มีอะไรเหรอแพร โทรไม่ติดหรือลูก” คุณลักษิกาถามลูกสาวที่ยืนเกาหัวเพ่งมองมือถือ กดยิกๆหน้ายุ่ง

“ติดค่ะ แต่ว่า....”

“แต่อะไรจ๊ะ สายหลุดหรือ” คุณกังสดาลตั้งข้อสงสัย บางช่วงเครือข่ายเกิดมีผู้ใช้มากๆเข้าก็อาจจะสายหลุดๆขาดๆได้บ้าง

“เปล่าค่ะ เอ...หรือสายมันพันกันหว่า” แพรพรรณเดา

“ยังไงกันล่ะยัยแพร ตกลงโทรได้หรือเปล่า”

“โทรน่ะติดค่ะ แต่คนรับไม่ใช่หนูนินี่น่ะสิ”

“อ้าว...แล้วใครรับล่ะ หนูนิไปสปอร์ตคลับคนเดียวนี่นา หรือว่าเป็นโจรรึเปล่า ตายแล้ว” คุณกังสดาลร้อนรน เป็นห่วงลูกสาวขึ้นมาจับใจ ยกมือทาบอกหน้าตื่น

“เดี๋ยวๆค่ะ ไม่ใช่ค่ะคุณป้า ใจเย็นนะคะ คนรับน่ะ พี่ภูค่ะ ไม่ใช่โจรที่ไหนหรอกค่ะคุณป้าคะ” แพรพรรณแก้ความเข้าใจรัวเร็ว

“หือ? ตาภูน่ะเหรอแพร”

“ค่ะ ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม” แพรพรรณพยักหน้าหงึกให้สตรีกลางคนทั้งสอง โล่งอกไปที่ไม่มีอันตรายกับลูกสาวอย่างที่คิด

“เอ...วันนี้พี่ชายเราเขาก็ไปสปอร์ตคลับเหมือนกันนี่นะ”

“ใช่ค่ะ หรือว่า...” รอยยิ้มพรายปรากฏขึ้นที่ใบหน้าทั้งสอง คาดว่าน่าจะเป็นอย่างที่ใจหวัง

“ลองโทรหาภูสิแพร”


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง หากครั้งนี้เป็นของภูดิสไม่ใช่อีกเครื่องที่อยู่ในมือ ตาคมแสดงความเบื่อหน่ายเมื่อเห็นชื่อสายเรียกเข้า ร่างสูงเขยิบตัวเปลี่ยนตำแหน่งมานั่งขวางทาง ซ้ำยังกดไหล่บางของหญิงสาวที่ทำท่าลุกหนีหายไปอีก

“อะไรอีกยัยแพร”

นิศากรไม่ยอมเปิดเผยเรื่องที่เขาสงสัยมากไปกว่าเดิม นอกจากถามย้ำว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์เกินฐานะเพื่อนจริงๆกับรัญชิดา

ชายหนุ่มตอบรับปลายสายซึ่งส่งเสียงเฮแว่วๆ แล้ว หลังเขาบอกที่อยู่และตอบรับว่ากำลังอยู่กับใคร แพรพรรณขอคุยกับนิศากรซึ่งภูดิสก็ยอมส่งให้

“หนูนิ อยู่กับพี่ภูใช่มั้ย” ปลายสายส่งเสียงร่าเริงสดใสมา นิศากรช้อนตามองพี่ภูนิดหนึ่งก่อนบอกว่าใช่

“ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านหนูนิ คุณป้าบอกว่าจะทำขนมแต่อุปกรณ์ไม่ครบ หนูนิช่วยไปซื้อกลับมาให้ทีนะ”

แพรพรรณร่ายรายการของ และสถานที่ซื้อของตามคำบอกของคุณกังสดาล ตบท้ายด้วยการมอบคนขับรถคนใหม่ให้และขอคุยกับภูดิสต่อ แพรพรรณส่งโทรศัพท์เครื่องจิ๋วให้คุณกังสดาล

“ภูเหรอจ๊ะ ป้าเองนะ พาน้องไปซื้อของหน่อยนะ กลับมาถึงป้ามีของอร่อยเป็นการตอบแทนค่าแรงด้วยนะ รบกวนหน่อยนะจ๊ะ”

คุณกังสดาลกดตัดสายด้วยรอยยิ้มสมใจเช่นเดียวกันกับคุณลักษิกาที่คอยลุ้นอยู่ข้างๆ ส่วนแพรพรรณทำท่าเคลิ้มฝัน

“ไปซื้อของเข้าบ้านด้วยกัน น่ารักจังเลยนะคะ อยากมีโอกาสอย่างนี้บ้างจัง”



-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน
ตอนที่แล้วแอบช้าไปนีดสสสสสสนึง จนมีคนลืมตอนเก่าๆด้วยอ่ะ ฮือ อย่าเพิ่งลืมพี่ภูกะหนูนิกันน้าค้า ฟ้ารินสำนึกผิดแล้ว เลยรีบมาส่งตอนที่9แล้วค่ะ

ทุกๆคนเกลียดยัยรัญชิดากันหมดเลย ถือว่าฟ้ารินประสบความสำเร็จรึเปล่าคะ เขียนตัวร้ายให้คนอ่านเกลียดได้สำเร็จ
แอบกระซิบค่ะ ฟ้ารินเองก็อยากตบยัยนี่เหมือนกัน เขียนเองเกลียดเอง เฮอะๆๆ

kikkak_riwkiw - เอ๊า เอามาส่งแล้ว ตามมาทันจนได้ ฮึ้ย...ต้องรีบชิ่งซะแล้ว ไม่รู้ว่าจะทิ้งห่างสำเร็จหรือเปล่า แหม...อ่านกันไวจริงๆเลย

ninja- เกลียดยัยรันอีกคนแล้ว ฟ้ารินก็เกลียดค่ะ เขียนเองเกลียดเอง ฟ้ารินยังสติดีอยู่ใช่รึเปล่าคะ เฮอะๆชักไม่ค่อยแน่ใจตัวเอง แต่เอาไว้ก่อน รอเดี๋ยว จะให้หนูนิได้แก้แค้นแน่นอนค่ะ เอาแบบไหนดีคะninja




Create Date : 18 มิถุนายน 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:21:58 น.
Counter : 362 Pageviews.

1 comments
  
wanna see noo-ni does revenge to run. personally, wanna see good gal reacts some things to bad person as well. don't be sort of person who will be hurt by bad person due to s/he is so good!!!
โดย: ninja IP: 137.224.235.22 วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:3:19:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik