All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่34





บทที่34

อานนท์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มติดสปริงอย่างดีในห้องพัก แอร์เย็นฉ่ำเป่ารดร่างกาย เกิดความรู้สึกหนาวๆร้อนๆเพิ่มขึ้นจากเดิม ที่มีอยู่ติดกายอันเกิดจากแม่หมอดูวัยสาวผู้นั้นนับแต่กลับจากชายหาดพร้อมนิศากร

อานนท์ยกมือวางบนหน้าผาก สำรวจอุณหภูมิ สงสัยตัวเองว่าอาการเหล่านี้อาจเกิดากการที่เขาเป็นไข้กระทันหันก็ได้

“ก็ไม่ได้เป็นไรนี่หว่า คนรึเปล่าก็ไม่รู้”

เฮ้อ ไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ คู่ที่เฝ้าหวัง ไม่ใช่ของเธอหรอก อย่าทำบาปแยกคู่คนอื่นเขาเลย ระวังกรรมจะตามสนอง

เสียงนั้นยังดังก้องอยู่ภายในหู อำนาจประหลาดที่ส่งมาจากดวงตาของแม่หมอสาวผู้นั้น แข็งแกร่งประหลาด

คำเตือนของแม่หมอทำให้ความมุ่งมั่นในหัวใจสั่นคลอนไม่เป็นท่า จนลังเล เสียงทอดถอนใจดังห้องในห้องพัก แล้วเด็กหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นอน ดวงตาแน่วแน่อย่างคนติดสินใจแล้ว

ไม่ นี่อาจเป็นแค่อุปสรรคอย่างหนึ่งบนทางรักครั้งนี้ก็ได้ สู้ เราต้องสู้

“สู้เว้ย!”



อีกฟากหนึ่งในห้องซึ่งมีขนาดเท่ากันแต่อัดแน่นไปด้วยเหล่านักปฏิบัติการ กำจัดตัวป่วนแทรกแซงคู่รักให้หมดสิ้นจากโลกนี้ไปโปรเจคที่หนึ่ง หน้าดำหน้าแดงวิเคราะห์ความกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

“แล้วป้าไปอยู่ไหนมาละ ทำไมไม่นั่งเฝ้ากระโจมเอาไว้” รัญชิดาซักไซร้

“อิฮั้นแค่ไปทำธุระเบามา แค่แป๊บเดียวเอง แหม..คุณๆฮ้า ปวดอย่างนี้ห้ามกันได้ที่ไหน” แม่หมอยิปซีวัยกลางคนตอบ

“งั้นแสดงว่า ผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้ถูกเตี๊ยมมา” ภูดิสออกความเห็น ชายหนุ่มผู้แอบดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆตลอดเวลา เพราะไม่ไว้ใจอานนท์ เกิดนายเด็กบ้าบิ่นจะกระโดดเข้าใส่นิศากร เขาจะได้วิ่งออกไปเอาเท้าสกัดไว้ได้ทันการณ์

“แต่ที่เขาทำนายไว้ มันบังเอิญไปเหมือนกับที่เราคุยกันไว้เลยนะคะ” นิศากรแจ้ง สร้างความประหลาดปนสมใจให้ผู้ได้รับฟัง

“แล้วใครกันล่ะเนี่ย”

“อย่างไรก็ดี ไม่ว่าแม่หมอคนนั้นจะมั่วหรือไม่ ก็เป็นผลดีแก่เรา เขาจะเป็นใครก็ช่างเถอะนะ” มารดาของอานนท์ออกความเห็นบ้าง ทุกคนพยักหน้าแล้วพร้อมใจกันปัดเรื่องนี้ออกจากหัว เปลี่ยนเป็นแผนต่อไป



“หือ...ที่ยืมมุขเก่าๆอย่างนี้มาจากละครที่เล่นใช่ไหมเนี่ย” แพรพรรณเสียงดัง เบ้หน้าอย่างไม่เห็นด้วย

“แล้วไงล่ะน้องแพร พี่เห็นชีวิตจริงมันยังเกิดเรื่องน้ำเน่ากว่านี้ มุขเก่าคร่ำครึกว่านี้อีก” รัญชิดาค้านหน้างอ

“มันจะได้ผลแน่เร้อ” แพรพรรณเบ้หน้าไม่เชื่อถือ ไม่เห็นว่าไอ้แผนการตื้นๆชนิดธรรมดาสุดๆ พื้นมากๆ แบบการใช้โจรหมาหมู่ หุ่นประมาณกรรมกรบวกกับนักล้ามมาดักปล้น ให้อานนท์หมดทางสู้ เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของเด็กหนุ่มนั้นจะเป็นการตัดความมุ่งมั่นในตัวนิศากรได้

“ถามจริงๆเถอะค่ะ มีแผนอะไรแอบแฝงมารึเปล่า” แพรพรรณเผยอหน้าเข้าไปจ้องหาพิรุธในดวงตาสวยของรัญชิดา หากพบแต่แววเรืองโรจน์ด้วยอารมณ์คุกรุ่น ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“นี่คือการชดใช้ความผิดที่เคยทำร้ายๆเอาไว้มาก พี่ตั้งใจจะช่วยจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง อีกอย่าง พี่ก็ไม่เห็นด้วยหรอก ถ้านายนนท์จะมีแฟนแก่กว่าตัวเองตั้งครึ่งรอบ จริงไหมคะคุณน้าคุณอา” ท้ายประโยครัญชิดาตวัดสายตาไปทางนิศากร เหล่มองอย่างไม่ชอบใจ พ่อแม่ของอานนท์ทำหน้าเก้อๆ ยิ้มแหยแฝ่นเต็มที นางร้ายสาวยิ้มอย่างมีชัยที่ทำแพรพรรณเถียงไม่ออกได้

“ธเนศมันเป็นอะไร เห็นมันเกาหัวยิกๆหน้าตูบๆออกไป ไม่กลับมาเสียที” ภูดิสโพล่งถามไม่ได้เจาะรายตัวออกมาด้วยไม่รู้เหตุการณ์ภายในตู้ก่อนหน้า แพรพรรณสะอึกดังอึ๊กทันควัน แก้มนวลเนียนออกแดงเรื่อนิดๆ คนที่เหลือมองหน้ากันสลับไปมา ภูดิสกวาดตามองไปทั่วเพื่อหาคำตอบหากไม่ได้สักคำ จนมาหยุดที่น้องสาวของตัวซึ่งหุบปากสนิทจนน่าแปลกใจ ภูดิสขมวดคิ้วเบนสายตามาทางนิศากรแทน นิศากรชะงักค้างอาการม้วนผม กระพริบตาปริบๆ หน้าปูเลี่ยนชอบกล

“ขอใช้สิทธิไม่ตอบคำถามค่ะ”

โดยไม่มีใครได้เห็น ด้านล่าง แพรพรรณเหน็บเนื้อเพื่อนรักไว้แน่นเชียว ภูดิสรู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ หากยอมปล่อยผ่านไปก่อนอย่างใจเย็น หากนึกหมายไว้ในใจ จะต้องเค้นเอาความมาให้ได้



หน่วยปฏิบัติการณ์ทั้งฝูง ซุ่มอยู่ตรงริมถนนข้างทางขากลับจากตลาดโต้รุ่ง หัวหน้าวางแผนสั่งให้นิศากรเลือกใช้ทางเดินกลับไปทางด้านหลังโรงแรม รัญชิดามาชี้จุดที่เคยมาถ่ายละครซึ่งทีมงานเลือกเอาช่วงถนนที่ค่อนข้างมืดและไม่ค่อยมีรถผ่าน เพราะเป็นการสะดวกในการถ่ายทำ

ภูดิสผู้อยู่ไม่สุขตลอดแผนการ ดึงหมวกสานปีกกว้างให้ต่ำ สวมแว่นกันแดดสีชาอันใหญ่ ระหว่างทางก็ซื้อเสื้อสีแดงสดลายต้นมะพร้าวสวมทับเสื้อยืดมีราคาของตน เจ้าตัวทำหน้าพิพักพิพ่วนชอบกลตอนผ่านกระจกในร้านเสื้อ เพราะตัวเสื้อสีแดงตัดกับกางเกงสีเหลืองนวลอย่างที่ใครมาพบเข้าก็คงไม่เชื่อเด็ดๆว่านี่คือการแต่งกายของภูดิส นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงผู้สุขุมนุ่มลึก

ขนาดนิศากรที่ควงคู่อยู่กับอานนท์ด้านหน้าหันมาเป็นบางทียังไม่สะกิดใจเลยสักนิดว่าเป็นเขา

ภูดิสคอยสังเกตการณ์ติดอยู่ตั้งแต่นิศากรทำท่ายืนคว้างอยู่หน้าบ้านพักจนอานนท์ออกมา ก็โบกมือยิ้มเสียสวยน่ารักเข้าไปหา ชวนออกไปเที่ยวตลาดโต้รุ่งตามแผนการ คนเฝ้าดูชักหงดหงิดเข้าไปทุกขณะ เพราะมืออานนท์คอยเกาะข้อมือแฟนเขาอยู่ตลอดเวลา จะเพราะคนเยอะจนต้องคอยระวังไม่ให้พลัดหลงก็เถอะ ส่วนนิศากรก็ยิ้มแย้มสนุกสนานเสียจนน่าหมั่นไส้ ไม่รู้คุยอะไรกัน หัวเราะคิกคักไม่หยุด

หากอันที่จริงแล้ว อานนท์ผู้สร้างเสียงหัวเราะกลับปั่นป่วนในส่วนลึก ต้องพยายามพูดๆๆเรื่องอื่น คิดๆเรื่องอื่นเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นคงได้ตกอยู่ในความหวาดระแวงไม่รู้จบสิ้น

ระวัง เรื่องไม่คาดฝัน อาจเป็นอันตรายทั้งตัวเธอและคนที่จะไปกับเธอ



เด็กหนุ่มสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณอันมืดมิด เปลี่ยว นานๆครั้งจึงมีคนเดินสวนทางมาสักคน ลางสังหรณ์ส่วนลึกรุนแรงขึ้นทุกขณะที่เดินใกล้ถึงต้นไม้ใหญ่ข้างทาง เพิงไม้เก่าเป็นเงาตะคุ่มน่ากลัว

อานนท์ดึงนิศากรให้ก้าวล่วงผ่านมันไปอย่างเร่งรีบจนหญิงสาวสะดุดแทบคะมำ

“ว้าย!อานนท์”

“หนูนิ ผมขอโทษ เป็นอะไรไหมฮะ”

“เป็นอะไรน่ะอานนท์”

อานนท์ล่อกแล่กประหลาด หัวใจวาบหวิว ร้อนๆหนาวๆชอบกล

“ผมสังหรณ์ชอบกล เรารีบไปจากตรงนี้ดีกว่าฮะ”

นิศากรลอบยิ้มในหน้า คิดในใจว่าอานนท์ช่างมีลางสังหรณ์ดี สมกันที่คุยไว้เลยแฮะ

“เดี๋ยวสิน้อง” เสียงห้าวข่มขู่ดังมาจากเพิงไม้หลังนั้น พร้อมกับร่างสูงกำยำ ใบหน้าเหี้ยมเกรียมในทรุดโทรมสองคนก้าวออกมาดักหน้าไว้ อะไรบางอย่างส่องแสงวิววับในความมืด

“ท่าทางมีตังค์ แต่งตัวดีน่าปล้นจริงๆ”

สองหนุ่มสาวตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ส่องแสงประกายนั้นคือสิ่งใด หนึ่งในผู้อุกอาจตรงเข้าล็อคตัวอานนท์ นิศากรอึ้งงัน ทำอะไรไม่ถูก ก็ตรงนี้มันยังไม่ใช่ที่ๆนัดกันไว้ แถมหน้าตาก็ไม่เห็นจะเหมือนกับคนที่รัญชิดาเรียกมาดูหน้าตาเพื่อความชัวร์ไม่มั่วนิ่มเป็นครั้งที่สอง และจากที่ว่าสี่รุมหนึ่ง ไหงเหลือแค่สองไปได้

“ว่าแล้วไม่มีผิด ตากระตุกชอบกล” อานนท์บ่นในใจ “จะเอาอะไรก็เอาไป แต่อย่าทำอะไรเรา” เด็กหนุ่มฉลาดพอที่จะไม่เสี่ยง สองต่อหนึ่งกับมีดอีกเล่ม ไม่คุ้มกันเลย แถมยังคาดไม่ได้อีกว่าใต้ร่มผ้าทรุดโทรม ขาดเป็นบางตอนจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่อีกหรือไม่

“รู้หน้าที่ดีอย่างนี้ค่อยง่ายหน่อย”

แล้วโจรมือดีก็เริ่มปลดทรัพย์สินจากอานนท์ เสร็จจากนั้นก็คืบคลานไปถึงนิศากรซึ่งหน้าซีด พยายามระงับความกลัวอย่างที่สุด เจ้าโจรตาพราวเมื่อได้เห็นหญิงสาวในระยะใกล้ ผิวขาวนวลปลั่งแม้ในที่มืด นิศากรปลดนาฬิกาข้อมือเป็นอย่างแรก มือดำกร้านคว้าหมับเข้าที่มือบาง มองดูหญิงสาวกะลิ้มกะเหลี่ย นิศากรสะบัดเร่าๆ คล้ายถูกของร้อน

“อยู่นิ่งๆสิน้องสาว เดี๋ยวตบคว่ำ”

“เฮ้ย! อย่ายุ่งนะเว้ย” อานนท์ฮึดฮัดสะบัดตัวจากการเกาะกุมโดยโจรร่างยักษ์อีกคน มันหัวเราะกระหึ่มอย่างสะใจ

“ผอมบางร้างน้อยอย่างเอ็ง จะทำอะไรวะ จั๊กจี้ข้าเล่นรึไง เฮ้ย...ตุ๊ดรึเปล่าวะ ใส่แหวนใส่สร้อยเสียเต็มตัว”

“แกล่ะสิ ตุ๊ด นี่แน่ะ...” อานนท์สปริงตัวขึ้นเตะไอ้ยักษ์ตัวแรกจนมันเซไป แต่สะบัดตัวไม่หลุดจากร่างยักษ์ของโจรอีกคน ไอ้โจรคนแรกลุกขึ้นมาได้ก็ซัดเปรี้ยงเข้าไปที่ปากอานนท์จนแตก เลือดขมปร่าไหลเป็นทางจากริมฝีปากเด็กหนุ่ม นิศากรอาศัยช่วงชุลมุน วิ่งนำหน้าไปทิศทางที่รู้ว่าพรรคพวกแอบซ่อนอยู่ ร้องวี๊ดเสียงดังเมื่อถูกคว้าตัวไว้

“หนูนิ พี่เอง” เสียงทุ้มร้องบอก กักตัวคนรักไว้ในอ้อมแขน

“พี่ภู” นิศากรร้องอย่างดีใจ “พี่ภูคะ อานนท์แย่แล้วค่ะ”

“พี่เห็นแล้ว พวกนั้นกำลังมา พี่โทรไปตามแล้ว นั่นไง” ภูดิสชี้ไปที่รถกระบะกำลังวิ่งตะบึงหน้าตั้งมาจอดเทียบคู่รัก

“เฮ้ย ไอ้ภู นายนนท์ล่ะวะ” ธเนศตะโกนนำมาก่อน

“โดนยำอยู่โน่น รีบไปกันเถอะ พวกผู้หญิงคอยอยู่บนรถนี่”

รัญชิดาหน้าซีดกดโทรศัพท์ยิกๆอยู่ พอติดแล้วก็ส่งเสียงตะเบ็งแหลมแจ้งความด่วน ร้องสั่งให้รีบมาเร็วๆอย่างกับเป็นผู้กอง



อานนท์แทบสะบักสะบอม ตอนที่พลพรรคกู้ภัยมาถึง โจรรับจ้างสี่คนในละครแสดงบทบาทกันเต็มที่ รูปร่างพอฟัดพอเหวี่ยงกันได้ แต่แสตนด์อินที่เล่นเฉียดๆหรือจะไปสู้นักเลงตัวจริงที่เตะต่อยกันแบบกะเล่นให้หมอบ สี่รุมสองยังเอาไม่อยู่ ร้อนให้อีกสองหนุ่มต้องเข้าตะลุมบอนเป็นเพื่อน

“อ๋อ เล่นพวกเหรอวะ ไอ้เด็กตุ๊ด เอามีดไปกินอีกเล่มเป็นไง”

โจรหัวใจต่ำทั้งสองควักมีดออกมาเต็มอัตราศึกทั้งสองมือ เล่มหนึ่งยาวอีกเล่มหนึ่งสั้น คงคิดว่าตัวเองเป็นจอมมารบ้านมีดบินละมั้ง ภูดิสผลักให้อานนท์ผู้ไม่ทันระวังตัวพ้นวิถีมีดไป ไม่ตัวเองกลับไม่พ้นเลยโดนเข้าไปซ้ำแผลเดิม

“โอ๊ะ!”

“ไอ้ภู!” ธเนศหันมองเพื่อนกุมมือเลือดโชกอย่างตกใจ โจรร้ายอาศัยจังหวะนี้หนีการจับกุมของธเนศด้วยการเล่นงานเข้าที่ช่วงลำตัว

“เฮ้ย ระวัง” เสียงใครคนหนึ่งเตือน ธเนศปวดแปลบที่ท้อง โลหิตไหลซึมออกมาผ่านเสื้อเชิ๊ตขาวเป็นดวง ธเนศทรุดลงใบหน้าคมเหยเก กุมแผลไว้มั่น

จังหวะนั้นเหล่าสตั้นท์แมนฮือกันเข้าตะลุมบอนอีกรอบ เหมือนวิชาเพิ่งฟื้น ปาดซ้ายปาดขวาจนมันร่วงลงไปกองกับพื้นทั้งคู่ นั่งทับแถมยืนเหยียบเอาไว้ราวกับฮี่โร่ขี้แอ๊คในการ์ตูน รถตำรวจเปิดหวอมาแต่ไกล จอดเทียบคู่กับรถกระบะ หญิงสาวทั้งสามเห็นเหตุการณ์ถูกควบคุมเรียบร้อย จึงเปิดประตูรถโดดลงมาวิ่งเข้าหาผู้บาดเจ็บทั้งสาม

“พี่ภู...โอ๊ย...เลือดไหลเต็มเลย” หญิงสาวใจหวิวแทบเป็นลม หน้าซีดเต็มทีจนภูดิสลืมเรื่องตัว หันไปใส่ใจอาการของหญิงสาวแทน

“หนูนิ หน้าซีดมากเลย จะเป็นลมเหรอครับ นั่งก่อนนะ กลัวมากใช่ไหม ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่นี่แล้ว” ภูดิสใช้มือข้างดีลูบหน้าลูบตาหญิงสาวแล้วกดหัวนิศากรลงซบอกกว้าง ปลอบให้หญิงสาวหายกลัว นิศากรควานหาผ้าเช็ดหน้าที่ยังไม่ได้ใช้มาพันแผลไว้ ห้ามเลือด

อานนท์มองดูนิศากรอยู่ข้างภูดิสอย่างอิจฉา รัญชิดาผวาเข้าหาน้อง

“นายนนท์ เป็นไงบ้าง คุณตำรวจๆๆๆๆๆๆเรียกรถพยาบาลซิ เร็วเข้าสิคะ” รัญชิดาแว๊ดๆใส่คุณตำรวจด้วยความเป็นห่วงน้อง

“ไม่เท่าไหร่ ว่าแต่ว่ามาอยู่นี่ได้ไงกัน” รัญชิดาหน้าเอ๋อ มองนกมองไม้เปลี่ยนเรื่องโดยหันไปเม้งใส่คุณตำรวจที่หารถพยาบาลไม่ได้ แต่ได้รถปอเต๊กตึ๊งมาแทน



แพรพรรณหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะไปทางไหนดี ระหว่างพี่ชายกับคนเจ็บที่เหลืออีกคน พอนิศากรวิ่งเข้าไปหาภูดิสแล้วจึงตัดสินใจได้ ทรุดตัวลงถามอาการธเนศล่ำละลัก ธเนศกุมแผลตัวเองไว้มั่น ร้องสั่งแพรพรรณเสียงเขียว ยกมือปิดตาแพรพรรณ

“หลับตาซะยัยเปี๊ยก อย่ามองนะ”

“ทะ ทำไมล่ะ ฉันเห็นนายโดนมีดนะ เป็นไรมากรึเปล่า” แพรพรรณพยายามแกะมือออก จะตรวจดูอาการให้ได้ ธเนศปัดออกทำเสียงจิ๊ในลำคอทั้งที่ใจโลดประหลาดในความห่วงใย

“ออกไปไป๊ มีเลือดนะ” ธเนศขู่ ขืนให้คนกลัวเลือดอย่างแพรพรรณเห็นเข้า มีหวังได้เป็นลมเป็นแล้งไปแน่

“เยอะไหม แผลนายลึกมาไหม ไส้จะไหลออกมารึเปล่า” ธเนศส่ายหัวในความช่างคิดช่างจินตนาการของแม่สาวน้อย ถ้าไส้ไหลออกมาจริงๆ ป่านนี้เขาได้วิญญาณหลุดออกจากร่างอยู่ร่อมร่อแล้ว ไม่มานั่งอยู่อย่างนี้หรอก

“ทำไม ถ้ามันออกมาเธอจะดึงมากินเหรอไง” แพรพรรณเอามืออุดปากส่ายหัวดิก

“ไอ้ภูล่ะ มันเป็นไรมากหรือเปล่า” ใจยังห่วงเพื่อน

“หนูนิไปดูแล้ว นั่นไง...เหวอ...เลือดเต็มเลยอ่ะ” แพรพรรณตัวสั่นหน้าซีดเผือด มืออ่อนเข่าอ่อน ธเนศตบหน้าผากตัวเองที่ผิดพลาด

“เวรเอ๊ย อย่าเพิ่งเป็นลมนะยัยเปี๊ยก คิดซะว่าเห็นน้ำแดงหกก้แล้วกันน่ะ น้ำแดงๆๆๆๆ” ธเนศพยายามกล่อม แต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผล มือหนาเลื่อนไปกดศรีษะเล็กๆให้แนบหัวไหล่

“ไม่เป็นไร ใจเย็นๆๆ หลับตาซะ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นๆๆๆ เราอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องกลัวนะ”

ศรีษะเล็กๆขยับรับรู้จึงได้รับคำชม

“ดีมาก ยัยเปี๊ยกของฉันเก่งที่สุดเลย”



-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------



*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*

นั่นไงล่ะ บอกว่าจบก็จบสิคะ เดือนนี้น่ะ เอ้า ไปต่อกันเลยค่ะ

บทที่35 จบ(ซะที)





Create Date : 29 มกราคม 2551
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 15:57:23 น.
Counter : 237 Pageviews.

3 comments
  
โห ฉองตอนรวดเดียวจบเลย
โดย: LoLoNoRSoLo วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:21:22:45 น.
  
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีค่ะ

ไว้จะมาอ่านตั้งแต่บทแรกเลยค่ะ
โดย: โสดในซอย วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:21:52:47 น.
  
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆจบแล้วขอบคุนค่ะพี่ฟ้าริน
โดย: เด็กดอยซ่าส์ IP: 203.172.199.254 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:9:28:21 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik