All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่23






เพราะฉะนั้นรอยอุ่นจากเจ้าของแหวนที่ยังติดอยู่กับโลหะเนื้อลื่น จึงสร้างความอบอุ่นจากปลายนิ้วไปจนถึงหัวใจเธอเช่นกัน

“พี่จองไว้ด้วยแหวนวงนี้แล้วนะ รู้ไหมครับ” หญิงสาวไม่ตอบ กลับก้มหน้างุดซ่อนรอยแดงบนผิวแก้มที่เพิ่มมากขึ้นทุกทีราวกับจะเป็นไข้

“สวัสดีตอนเช้าอีกครั้งครับ หนูนิของพี่” เสียงทุ้มกระซิบทักทายด้วยคำหวานอย่างอ่อนโยน ทำเอาใจที่เต้นตึกตักอยู่แล้ว ยิ่งเต้นแรงเข้าไปใหญ่ คนฟังต้องสูดหายใยเข้าแรงๆแล้วกลั้นไว้ก่อนผ่อนออกเบาๆ เพื่อบังคับให้จังหวะหัวใจช้าลงก่อนมันจะวายตายไปเสียก่อน

ไม่นึกเลยว่าคนนิ่งๆเฉยๆจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ก็มีบ้างหรอก แต่มันก็แค่นิดๆหน่อยๆ ไม่ได้โจ่งแจ้ง แถมเธอยังสามารถแก้ลำได้โดยไม่ลำบากอะไรเท่าไหร่เลย แต่วันนี้ไหงเป็นหนักขนาดนี้ได้นะ ไม่ไหวๆๆๆ หัวใจจะระเบิดตายอยู่แล้ว ฮึดหน่อยหนูนิ สงบสติหน่อย

“ทำอะไรครับ” ภูดิสมองคนหลับตาหน้าแดงอย่างสงสัย คนกำลังทำสมาธิกระพริบตาปริบๆขึ้น กลืนน้ำลายเอือก

“มองอะไรคะ” นิศากรชักหงุดหงิด ถอยหลังหนีคนชอบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผิดปกติ จึงถามอย่างหาเรื่องซะอย่างนั้น อย่างน้อยก็แก้เขินได้หน่อยล่ะ ภูดิสเลิกคิ้วฉงน

“ไปทานข้าวสิคะ ไม่หิวหรือไงคะ” เสียงใสดุเอาทั้งยังหน้าระเรื่อ

“ก็นิดหน่อยครับ”

“งั้นก็รีบไปทานเข้าสิคะ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายกันพอดี” คนตัวเล็กทำหน้าขึงขัง ดุแกมสั่งติ๊ต่างว่าชายหนุ่มเป็นเด็กตัวเล็กๆที่ต้องกวาดต้อนให้รีบทานอาหารให้เสร็จก่อนรถโรงเรียนจะมารับ

“เร็วๆสิคะ” นิศากรเรียกซ้ำหลังนำหน้าเขาไปก่อน หากติดที่มือน้อยยังถูกเกาะกุม แกะก็ไม่หลุดจึงยังไปไหนไม่ได้

“ดุอีกแล้ว ทำไมเดี๋ยวนี้ดุบ่อยจังเลย พี่กลัวจะแย่แล้วนะ” น่าเชื่อมากเลย ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาที่หญิงสาวใช้หางตาเหลือบๆดู ไม่กล้ามองตรงๆสักที มันช่างตรงข้ามกับสิ่งที่พูดมาโดยสิ้นเชิง

ขี้เล่นเกินไปแล้ว นิศากรคิดอย่างขุ่นเคือง แก้มป่องนิดๆ เพราะเสียงหัวเราะเบาๆ

“โอเค ไปทานข้าวดีกว่าครับ ท้องร้องแล้ว” คราวนี้คนรั้งร่างเล็กไว้แต่แรกกลายเป็นคนดึงเธอไปร่วมโต๊ะที่สองมารดารออยู่แล้ว แถมยังซุบซิบกัน เสียงหัวเราะระรื่นเมื่อคุณลักษิกาชี้ชวนคุณกังสดาลให้ดูแหวนวงเล็กที่นิ้วนางซ้ายของนิศากร







บทที่23


“โอย...หัวจะระเบิด แม่ขา ช่วยด้วย ปวดหัวจังเลย”

แพรพรรณร้องหามารดาเหมือนเด็กตัวน้อย คราวแรกที่ลืมตาตื่นมากฌยังไม่รู้สึกอะไร จนแพรพรรณนึกแปลกใจว่าไม่เห็นเป็นอย่างที่เขาเล่ากันเลย หรือว่าเธอจะเป็นข้อยกเว้น อาการแฮ้งค์หลังดื่มแอลกอฮอล์ ดีจังเลยแฮะ

จนกระทั่งขยับตัวลุกขึ้นนั่งนี่แหละ อาการปวดแล่นจี๊ดจากไหนไม่ทราบ พุ่งขึ้นสมอง จากจุดเล็กลามไปทั้งศีรษะอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหลับตานอนนิ่ง เผื่อจะช่วยลดความมึนได้ หากไม่เป็นผลสักเท่าไหร่นัก ไพล่คิดโทษโน่นนี่นี่เป็นสาเหตุของความเจ็บปวดครั้งนี้เป็นชุดยาวเหยียด

ไอ้เพื่อนบ้า พวกแกใจร้าย รู้ว่าฉันคออ่อน ไม่มีใครห้ามฉันเลยรึไงปล่อยให้ฉันกินเอาๆใช่ไหมเนี่ย พวกแกไม่รักฉัน หรือตั้งใจจะแกล้งฉันใช่ไหม ฮือ ปวดหัวอ่ะ แม่จ๋า ช่วยแพรด้วย ปวดหัวจังเลย อ้อ!แล้วอีกหนึ่งกระทง คือพวกแกชวนฉันคุยแข่งกับเสียงเพลงทำไม ฉันเจ็บคอก็ต้องหาน้ำกินน่ะสิ


ไอ้ค็อกเทลบ้า แกใช้ความอร่อยมาหลอกลวงฉัน แกใช้สีสวยๆมาลวงตาฉัน ทำให้ฉันหลงใหลไปกับแกจนไม่คิดถึงพิษร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัวแก แก แกหลอกให้ฉันติดกับแก แง้...

ต้องโทษคนทำด้วย นิสัยไม่ดี ทำรสชาติดีเกินไป เลยพาให้กระดกไปเรื่อย ลืมสนใจว่ามันมีส่วนผสมของน้ำเมา ส่งผลต่อร่างกายอย่างรุนแรง ไม่เอาแล้ว คราวหลังไม่กินแล้ว

หญิงสาวตั้งปณิธานในใจ กลิ้งเกลือกเอาหัวกดลงในหมอน เคาะขมับปึ้กๆ แล้วสูดหายใจเข้าแรงๆ รวมพลังยันตัวขึ้นจากที่นอน ไปหาน้ำเย็นๆราดหัว อาบน้ำให้สดชื่น บางทีอาจช่วยได้บ้างกระมัง

“แม่ขา ช่วยแพรด้วย ปวดหัวเหลือเกิน” แพรพรรณร้องโอดโอยไต่ลงบันได มือข้างหนึ่งเกี่ยวกระเป๋าใบงามเช้ากับสีชุด หน้าตาที่ตกแต่งไว้อย่างมีสไตล์มองยังไงก็ยังดูซีดกว่าปกติอยู่ดี ทั้งเจ้าตัวยังทำเหมือนลืมตาไว้ได้แค่ครึ่งๆขณะก้าวลงขั้นบันไดแบบอาศัยความเคยชิน ท่าทางสะโหลสะเหลจะล้มลงพับเสียให้ได้

“ใครก็ได้ ขอยาแก้ปวดหน่อย” เสียงเล็กพยายามตะโกนร้องหายาสามัญประจำบ้านจากคนในบ้าน หย่อนขาลงบันไดมาเรื่อย


จนเกือบถึงขั้นสุดท้ายแล้วเชียว!

ร่างบางเกิดขาอ่อนเอาง่ายๆเสียอย่างนั้น ดิ่งวูบคะมำลงมาไม่ทันรู้ตัว ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องเสียด้วยซ้ำ หัวใจเสียววูบ ได้แต่หลับตาปี๋รอคอยว่าคงได้แผลอีกแน่ๆเชียว แต่ความรู้สึกเจ็บอย่างที่รออยู่กลับไม่มีเลย

จนแพรพรรณคิดว่าจริงเสียแล้ว ที่ว่าแอลกอฮอล์ทำให้ประสาทสั่งการมีประสิทธิภาพลดลงสี่สิบเปอร์เซนต์ ตอนนี้ตัวเธอสมควรจะรู้สึกได้แล้วว่าต้องเจ็บแน่ๆ หัวเข่า แขน ขา ตรงไหนสักแห่ง

แต่...

“เฮ้อ!” เสียงถอนใจดังเฮือก

เอ๋ ไม่เจ็บแฮะ แล้วเสียงใครถอนใจล่ะเนี่ย เอ...กลิ่นคุ้นๆแฮะ

แพรพรรณลืมตาขึ้นมอง เห็นเพียงเสื้อเชิ้ตลายคุ้นตา หญิงสาวซุกหน้าลงดมกลิ่นจากเสื้อนั่นก็คิดได้ว่าคงเป็นพี่ชายตัวแน่ๆ แรงรัดที่เอวกับอกกว้างๆตรงหน้าทำให้เธอคิดได้ว่าพี่ชายคงช่วยรับเธอเอาไว้ได้ แล้วก็คงถอนใจ เบื่อกับความซุ่มซ่ามปัญญาอ่อนจนตกบันได้บ้านตัวเอง

เดี๋ยวก็คงได้ยินเสียงบ่นแน่ๆ ไม่เชื่อคอยดูสิ ขี้เกียจฟังชะมัด อ้อนว่าป่วยหนักดีกว่า ไม่ได้ทำสำออยนะ ก็คนปวดหัวจริงๆนี่นา

ลำแขนเล็กสองข้างโอบคอร่างสูงของคนที่คิดว่าเป็นพี่ชาย ซุกหัวกับอกแข็งแรง เอนพิงเต็มที่เหมือนตอนเด็กๆที่เคยอ้อนให้พี่ชายอุ้มไปส่งบนห้องนอนเพราะขี้เกียจเดิน เสียงเล็กบอกอ่อยๆเรียกร้องความสงสารเต็มที่

“ปวดหัวจังเลย”

“เฮ้ย ท...ทำอะไรน่ะยัยเปี๊ยก ยัง...ยังเมาไม่หายหรือไง” เสียงห้าวตะกุกตะกักตั้งข้อสัญนิษฐาน

แพรพรรณเงยหน้าขึ้นดูคนที่เธออ้อน คิ้วเรียวขมวด เพราะสะดุดหูกับสรรพนามที่ใช้เรียก แล้วยังเสียงอีก เสียงห้าวๆอย่างนี้ ไม่เหมือนพี่เธอเลย แต่มันเหมือนเสียงเพื่อนพี่ชายเสียละมากกว่า แล้วยิ่งเมื่อเห็นถนัดชัดตาว่าต้นคอที่เธอเกาะอยู่เป็นของใคร หญิงสาวก็หน้าแดงแซ๊ด หดมือกลับลงมาแทบทันที กระเด้งตัวออกมาห่างไปเกาะหัวบันไดแทน

“นะ น นายดำ”

“ฮื่อ” เสียงห้าวตอบรับ ใบหน้าคมของหนุ่มผิวน้ำผึ้งที่แพรพรรณทำตาโตมองอยู่ หากสังเกตดีๆมีรอยแดงนิดๆที่โหนกแก้ม

สองคนรู้สึกหน้าร้อนๆ ใจหวิวไหวชอบกลไม่ต่างกัน

ฝ่ายชายเสยกมือที่หลุดจากเอวบางมาลูบหน้ากับหน้าอกข้างซ้ายตัวเองอย่างไม่เข้าใจ แกเป็นอะไรไอ้ธเนศ แกเป็นอะไร

ฝ่ายหญิงสอดส่ายสายตาหาพวก หากไม่มีผู้ใดผ่านมาหรือเยี่ยมเงามาให้เห็นแม้แต่น้อย จะได้หลุดจากบรรยากาศแปลกๆนี่

ต่างคนต่างเงียบงัน ทำอะไรไม่ถูก ต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิงที่เอาแต่ทะเลาะทุ่มถียง เสียงเอ็ดตะโรไปเรื่อยตามแต่เรื่องราวและฝีปากว่าจะใครจะทำให้อีกฝ่ายเต้นได้มากกว่ากัน

“ทำไม ทำไมอยู่นี่ได้ล่ะ” แพรพรรณถามไม่มองหน้า

“เมื่อคืนฉันนอนที่นี่”

“บ้านตัวเองมีทำไมไม่กลับนอน” นั่นแหละแพรพรรณ เริ่มหาเรื่องได้อีกแล้ว

“ก็เพราะใครล่ะ ทำให้ฉันต้องออกไปตะลอนๆดึกดื่นจนค่อนคืน” อีกฝ่ายโต้กลับทันควัน ตีหน้าเฉย มองใบหน้าเรียวเล็ก ให้รู้ว่าเพราะใคร ดูเหมือนต้นเหตุจะไม่รู้สึกอะไร เพราะทำท่าไม่รู้เรื่องราว ลอยหน้าลอยตามองฟ้ามองดินตอบกลับมาอย่างที่ทำให้คนฟังน้อยใจฉับพลัน

“ไม่ได้ขอ อยากออกไปเอง ช่วยไม่ได้”

“ไม่สำนึกบุญคุณเลย แย่ที่สุด” ธเนศว่าเข้าให้ คนฟังไม่รู้สึกรู้สาเช่นเคย แถมยังแลบลิ้นเล็กๆสีชมพูมาเย้ยกันเสียอีก

หนอยแน่ะ ยัยเปี๊ยกบ้า คนเป็นห่วงจนเกือบประสาทกินตาย กลัวเหลือเกิน กลัวว่าอดีตจะซ้ำรอย

“อย่างนี้มันน่าทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลกับถุงเลือด ไม่แบกกลับมาบ้านให้นอนสบายๆอย่างนี้หรอก”

คนได้ยินคำว่า เลือด ทำตาโตเท่าไข่ห่าน แพรพรรณกลัวเลือดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ขนาดภาพยนตร์แนวบู๊ล้างผลาญ สงครามฆ่าฟัน และแนวผีถูกฆาตรกรรม หญิงสาวหลีกห่างสุดตัว ก็เพราะภาพยนตร์แนวนั้น มักมีฉากโลหิตไหลพุ่งกระฉูดออกมาแปดสิบเปอร์เซ็นต์ คนกลัวเลือดอย่างเธอ จะไปกล้าดูได้ยังไง ทั้งๆที่รู้ว่ามันก็คือน้ำแดงกับส่วนผสม เป็นของปลอมที่เขาทำขึ้นมา แต่เมื่อเห็นมันไหลออกมาจากร่างกายมนุษย์ มือเธอก็เย็นเฉียบ จะเป็นลมเอาตลอดเวลา แล้วตอนนี้ ธเนศมาขู่อย่างนั้น

“เลือด สีแดง สดๆ เหม็นคาว ในห้องมืด เลือดเต็มพื้นเลย ไหลจากตรงนี้” เขาชี้ไปที่พื้นแล้วลากเป็นทางไปสู่ขาเธอ “ไปถึงตรงนั้นแล้ว!” หญิงสาวสะดุ้งแล้วก็ขาอ่อน ทรุดตัวลงแบ็บบนพื้นหน้าซีด

“อ้าว? เข่าอ่อนเสียแล้ว ยังไม่ถึงฉากเด็ดเลย” ธเนศย่อเข้าลงมองคนกลัวเลือดแล้วอยากหัวเราะในทีแรก แต่แล้วก็ต้องหน้าเสียด้วยความเป็นห่วง เพราะแพรพรรณหน้าซีดเหงื่อออกทำท่าจะเป็นลม

“แพร เฮ้ย!หน้าซีดมากเลย” ธเนศจับมือเย็นเฉียบมาบีบนวด แต่หญิงสาวสะบัด มองเขาตาวาวทั้งๆที่หน้าเผือดสี

“ไม่ต้องมาจับนะ ไปไกลๆเลย”

“ขอโทษ ไม่แกล้งแล้ว ขอโทษนะ” เสียงห้าวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ดูเหมือนว่าการเอาคืนของเขาจะรุนแรงเกินไป ช้อนร่างเล็กขึ้นแนบอก พาไปยังโซฟาตัวนุ่มในห้องนั่งเล่น

“นายแกล้งฉัน ก็รู้ ว่าฉันกลัว” เสียงเล็กสั่นพริ้ว แขนขาอ่อนเปลี้ย

“ขอโทษ ไม่พูดแล้ว รอก่อนนะ จะไปหายา” เขาวางร่างเล็กบางลงอย่างนิ่มนวล จัดหญิงสาวให้นอนราบลงในท่าที่สบายที่สุดแล้ววิ่งไปหาหยูกยา แพรพรรณหลับตาได้ยินเสียงห้าวร้องเรียกสาวใช้ดังลั่นบ้านไปหมด ไม่นานสาวใช้ก็รี่เข้ามาพร้อมยาที่ต้องการ ธเนศทรุดนั่งลงบนพื้นใกล้ตัว เอาหนังสือเล่มบางแถวนั้นมาพัดเป็นการใหญ่ บีบนวดมือเล็กตลอดเวลาจากเย็นเฉียบกลายเป็นอุ่นเหมือนปกติ

“พอแล้ว หายแล้ว” แพรพรรณร้องบอก นั่นแหละเขาจึงรามือ ยกน้ำเย็นๆมาจ่อแล้วประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้น แต่แพรพรรณปัดออก ธเนศมองอย่างสงสัย แล้วก็เข้าใจ เมื่อพบว่าน้ำในแก้วนั้นเป็นสีแดง มันทำให้แพรพรรณจิตนาการไปถึงโลหิตสีแดงเข้มที่เธอหวาดกลัว

“ไปเปลี่ยนมา ไม่เอาน้ำแดง เอาอย่างอื่น” เขาสั่งสาวใช้ที่หวังดี คิดว่าน้ำหวานๆจะช่วยให้นายหญิงของตัวสดชื่นขึ้ เขาลูบศีรษะเล็กเบาๆ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีแล้วลืมซะ”

เสียงห้าวปลอบอ่อนโยน เหมือนเธอเป็นเด็กเล็กๆทำให้หันไปมอง ดวงตาคมหวานทอดมองมาอย่างห่วงใย

“ไม่เป็นไรแล้ว” หญิงสาวบอกเสียงอ่อน หวังคลายความกังวลให้เขาบ้าง

“ขอโทษนะ ฉันจะไม่แกล้งเธอย่างนั้นอีก” เสียงเขาสลด ขอโทษอย่างจริงใจ

“บอกว่าไม่เป็นไร”

“ยกโทษให้นะ”

“อืม” แพรพรรณพยักหน้า เรียกรอยยิ้มสดใสคืนสู่ใบหน้าคมสีน้ำผึ้ง ยิ้มบาดใจสาวปรากฏอีกครั้ง

“ขอบคุณ” แพรพรรณบอกขึ้นมาลอยๆ ธเนศเลิกคิ้ว ทำหน้างง

“หือ?”

“บอกว่าขอบคุณ”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องเมื่อคืนไง” เขาพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็กลับส่ายหน้า คนนอนมองเลยงง

“ส่ายหน้าทำไม หมายความว่าไง หรือว่าจริงๆแล้วนายไปได้ถ่อออกไปจริงๆอย่างที่พูด” นิ้วเล็กๆยกขึ้นชี้หน้า มองอย่างเคลือบแคลง เมื่อคืนมันก็เลือนๆงงๆ ไม่แน่ใจยังไงไม่รู้ แต่ทำดุไว้ก่อนแหละดีแล้ว

“ไปสิน่า จำไม่ได้รึไง ฉันหิ้วปีกเธอขึ้นรถมา ทายาให้ด้วย” เขาแจ้งวีรกรรม แพรพรรณทำท่านึก

“เธอ เมาจนเลอะเลือนล่ะสิ จำไม่ได้ใช่ไหม แย่จริงๆ ทีตอนทำดีไม่เคยจำ” ทำเสียงดังพ้อ มองค้อนอย่างกับผู้หญิง จนแพรพรรณหมั่นไส้ปนขำ

“ค้อนอย่างกะตุ๊ด”

“ว่าอะไรนะ” ตาคมหวานกลับวาววับอย่างเอาเรื่อง แพรพรรณแกล้งทำเฉย ไม่รู้เรื่อง

“ยัยตัวแสบ ตัวกะเปี๊ยก ริใส่สายเดี่ยวไปกินเหล้าจนเมาเละ เธอมันแย่” ธเนศต่อว่าทำตาดุใส่ ทำท่าถูมือเหมือนจะตีเธอย่างนั้นแหละ

“จะทำอะไร อย่านะ” เสียงเล็กขู่หวาดๆ มองมือหนาเขม็ง

“ฉันถือว่าน้องเพื่อนก็เหมือนน้องฉัน เพื่อนรักน้องฉันก็รักด้วย เขาว่าถ้ารักต้องตี ขอสักทีเถอะน่า” เหมือนตาคมหวานจ้องอย่างหมายมาด จะลุกขึ้นวิ่งหนีไปก็คงไม่ทัน ได้แต่หลับตาปี๋เมื่อมันเข้ามาใกล้

เพี๊ยะ

“โอ๊ย!” เสียงเล็กร้อง ยกมือแตะหน้าผาก ฝ่ามือใหญ่ที่ทำท่าจะฟาดเธอแรงๆ กลายเป็นดีดเบาๆที่กลางหน้าผากสั่งสอน

“เธอไม่รู้หรอกว่าตอนได้ยินว่ามีอุบัติเหตุ ฉันตกใจมากแค่ไหน” ธเนศเสียงเศร้า แผ่วเบา หน้าคมสลด ตาคมหวานอมโศกเหมือนเหม่อลอยไปไกล ไปยังอดีตอันแสนเศร้า เจ็บปวดและอ้างว้าง

“ฉันกลัว กลัวว่าเธอจะไม่ได้คุยกันฉันอีก กลัวจนทำอะไรไม่ถูก กลัวว่าเธอจะเหมือนครอบครัวของฉัน”

ครอบครัวที่จากไปในอุบัติเหตุ ทุกคนเสียชีวิต เหลือเพียงเขา ครอบครัวอันแสนอบอุ่น ถูกพรากจากไปในชั่ววินาที กระทันหันจนเขารับความสูญเสียใหญ่หลวงนั้นไม่ทัน ประสาทอยู่พักใหญ่ก่อนทำใจให้เป็นปกติได้อย่างยากเย็น ญาติพี่น้องไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ เพราะความห่างเหินเป็นทุนเดิม เขาต้องพึ่งตนเอง มีเพียงตัวเขาเอง ที่ต้องตะกายลุกขึ้นยืนเพียงลำพัง

แพรพรรณมองเขาอย่างเห็นใจ สงสาร เรื่องน่าเศร้าของครอบครัวธเนศ เธอรับรู้มาจากปากพี่ชาย น่าเห็นใจ และประหลาดใจนัก เมื่อได้รู้ ไม่นึกเลยว่าคนที่สดใสร่าเริงแบบนี้ จะมีความในใจแสนเศร้าซุกซ่อนไว้ มือเล็กเอื้อมไปแตะข้างแก้มเขาเบาๆ ลูบเบาๆอย่างอ่อนโยน

“ฉันอยู่นี่ ไม่เป็นอะไรแล้ว ดูสิ อยู่นี่ไง”

มือใหญ่อุ่นจับมือเล็กนิ่มไว้แน่น พยักหน้า ยิ้มรับรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้ เป็นการปลอบประโลมว่าเขาไม่ได้เสียใครไปอย่งที่นึกกลัว เธอยังอยู่ที่นี่ ไม่ได้จากไปไหน ธเนศถอนใจ โล่งและปลอดโปร่งที่สุด บางสิ่งหนาหนักที่ทับหัวใจไว้ หายวับไปในชั่วนาที


-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com




*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*
มาแล้วค่ะ มาแล้ว คราวที่แล้วมีคนบอกว่า มันค้างๆใช่ไหมคะ เลยต่อให้จบแบบไม่เขินค้างนะคะ แล้วก็เป็นบทหวานหน่อยๆของหนูแพรกะนายดำอีกสักกะติ๊ด
สอบเสร็จแล้ว แต่ก็เครียดกว่าเดิม ลุ้นเกรด ขอบคุณอีกครั้งนะคะ สำหรับคำอวยพรของทุกคน ฟ้ารินก็ภาวนาขอเอสักตัวเถอะน่า เพี้ยง ขอให้ได้ๆๆๆๆๆค่ะ

Pim - น่ารักต่อนะคะ อันนี้ก็พอหวานบ้างเนอะ

Smillzz - สู้ค่ะ สู้สุดใจขาดดิ้นแล้วด้วยค่ะ ที่เหลือก็รอลุ้นเกรดต่อ

ยารีส - ยาวพอไหมเนี่ย ถ้าอ่านแล้วไม่หลับ แนะนำให้กินยานอนหลับก่อนแล้วค่อยอ่านค่ะ 555

g - สมใจต่อไหมคะ หวานนิดๆเนอะตอนนี้

Ormmie - ต่อให้แล้วนะคะ ไม่ค้างแล้วเน้อ

kakok_riwkiw - 555 ออนเอ็มให้เปลืองไฟเล่น ไม่ยักได้ข่าวว่าข้อสอบออกไร ขอบอกว่า เมื่อวันเสาร์แอร์รถเสียด้วย ไดร์เป่าผมก็เสีย ไปถึงช้าเลย อดไปมุง อดเจอฟิวด้วย ว่าแต่เบอร์ฟิวนี่เบอร์ไหนเหรอ หลายเบอร์มาก แล้วก็มีคนโทรมาเต็มไปหมด งงมากเลยอ่ะ




Create Date : 22 ตุลาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 17:52:41 น.
Counter : 254 Pageviews.

6 comments

  
หนูฟ้ารินเอาตอนใหม่มาส่งแล้ว ไม่ค้างคาใจพี่ภูกะหนูนิแล้วจ้ะ แต่เปลี่ยนมาเป็นนายธเนศกะยัยแพรแทน นายธเนศจะกล้าบอกไปตรงๆมั๊ยนะ อยากรู้ๆ
โดย: Ormmie IP: 75.3.87.217 วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:3:27:31 น.
  
รู้สึกธุรกิจรัดตัวนะคะพี่ คนโทรมาเยอะ ฮ่าๆๆ
เบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย 084-009-XXXX น่ะค่ะ

ตอนนี้พอใจอย่างแรงค่ะ ชอบนายดำมั่กมาก
โดย: kakok_riwkiw วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:7:00:39 น.
  
เอาความซวยมาให้ค่ะพี่ฟ้า

TaG ค่า TaG

ไปดูในบล็อกฟิวเน่อ ถ้าไม่รักไม่เอามาให้นะเนี่ย กร๊ากก
โดย: kakok_riwkiw วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:15:19:39 น.
  
แฮ่ๆ เรื่องของ แพรพรรณ กับ ธเนศ เริ่มน่าลุ้นมากกว่าซะแล้วล่ะค่ะ นับวันรอเลยน๊ะเนี่ย
โดย: Pim IP: 74.72.119.226 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:23:52:42 น.
  
โดย: icemermaid วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:10:28:22 น.
  
แล้วเมื่อไหร่จะมาลงละค่ะ
โดย: null IP: 58.137.0.30 วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:13:46:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik