All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่1



บทที่ 1


ร่างบางที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ฉบับกระเป๋า มือเล็กขาวสะอาดเกลี่ยผมสีน้ำตาลเข้มตรงยาวเคลียไหล่ เป็นเช่นนี้เสมอยามเจ้าของตกอยู่ในภวังค์ความคิด หน้าจอแสดงถึงการใช้งานโปรแกรมยอดนิยมที่สามารถพูดคุยกันได้ทั่วโลก เพียงมีชื่ออีเมลล์ของแต่ละฝ่ายเอาไว้

หน้าต่างเล็กปรากฎภาพเคลื่อนไหวของเพื่อนสาว ควบคู่กับอีกหน้าต่างที่ย่อส่วนให้เหลือเพียงพื้นที่พอสำหรับรูปภาพสกู๊ปเด็ดของข่าวสังคมจากหนังสือพิมพ์ชื่อดังกรอบบ่ายเมื่อวานนี้ ดวงตากลมประกอบกับแพขนตางอนใต้คิ้วได้รูปธรรมชาติเป็นจุดเด่นบนใบหน้าเรียวรูปไข่จ้องมองภาพนั้นแน่นิ่งไม่วางตา เนื้อข่าวสั้นๆใต้ภาพชายหนุ่มและหญิงสาวนั่งพิงกันในผับแห่งหนึ่ง ศรีษะของหญิงสาวในภาพซบลงบนไหล่กว้าง หลับตาพริ้ม สายตาคมของคนถูกซบทอดมองไปยังคนข้างเคียง

หนุ่มนักธุรกิจดาวรุ่งมาแรง ซับน้ำตานางร้ายสาวสวยงานล้นมือ งานนี้เป็นรายการเพื่อนรักหรือรักเพื่อนกันแน่นะ

นิศากรนิ่ง ริมฝีปากแดงเรื่อขบเม้มเข้าหากัน ยามเมื่อมองภาพที่ได้เห็นในอีเมลล์ที่ส่งโดยเพื่อนสาวและน้องสาวของชายในภาพอีกตำแหน่งส่งเสียงและภาพมารายงานข่าวแบบเกาะติดสถานะการณ์แถมแก้ต่างแทนตัวพี่ชายเสร็จสรรพ ไม่อยากให้เธอฟังเรื่องเหลวไหลจากแหล่งข่าวมั่วซั่วเลยฟ้องเองแก้เองเสร็จ

“แย่มากเลย พี่ภูเจ็บไม่รู้จักจำ รนหาเรื่องเป็นข่าวไม่เข้าท่า นี่แม่ก็บ่นจนไม่รู้จะบ่นยังไงแล้ว ก็ยังทำเข้าหูซ้ายทะละหูขวาอยู่นั่นแหละ” แแพรพรรณบอกเล่าความเป็นไปด้วยหน้าตางอง้ำ

โอ๊ย! จะตามหลอกหลอนกันไปถึงไหนกัน คนเขาอุตส่าห์หนีมาอีกซีกโลกแล้วยังตามมารบกวนอีก น่ารำคาญจริงๆ

“ส่วนแพรก็...บ่นๆๆๆๆเป็นยายแก่อย่างนี้ใส่พี่ชายอีกล่ะสิ” คำถามนั้นทำเอาคนฟังหน้าง้ำเข้าไปอีก

“เราไม่ได้เป็นยายแก่นะ” โทษฐานที่รู้ทัน เจ้าตัวเลยส่งเสียงกระเง้ากระงอดตอบมา“หนูนิยังโกรธพี่ภูไม่หายสินะ แต่ยังไงก็อย่าเกลียดพี่ภูเลยนะ เอาแค่งอนๆขุ่นๆก็พอนะหนูนิ”

“ไม่ได้โกรธแล้ว นิเคยบอกไปแล้วไงแพร แต่ไม่อยากเจออีก เดี๋ยวเกิดเรื่อง” ใช่ จะเกิด’เกมจับคู่ปัญญาอ่อน’อย่างที่ภูดิสเคยบอกไว้ นิศากรไม่อยากหลุดเข้าไปในเกมนั้นอีก ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับเธอ ซึ่งแพรพรรณก็เข้าใจว่าเรื่องอะไรถึงแม้ว่านิศากรจะไม่ได้พูดให้ชัด

“เฮ้อ! มีพี่ชายกับเขาคนนึงก็แย่ชะมัด ไม่เข้าท่าเลย ว่าแต่หนูนิไม่โกรธจริงๆนะ” แพรพรรณยังคงย้ำขอคำตอบ
นิศากรระบายลมหายใจ คิดอย่างเคืองขุ่น

โกรธเหรอ เธอมีสิทธิ์อะไรไปโกรธเคือง เขาเป็นอะไรกับเธอ ความสัมพันธ์ตามที่ผู้ใหญ่หมายมาดอยากให้เป็น ถึงขั้นออกปากจองตัวเอาไว้ซึ่งเขาไม่ยอมรับ มันจึงแสนเลื่อนลอยในความรู้สึกเธอเช่นกัน ตัวเธออาจไม่สวยเท่ากับผู้หญิงในรูปนั้น แต่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เธอไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่ตามให้เหนื่อยก็มีผู้ชายหลายคนแวะเวียนมาหยอดคำหวานให้ เพราะฉะนั้น กับคนที่ไม่ต้องการเธอ จะไปใส่ใจทำไมกัน

“นิ หนูนิ ฟังแพรอยู่รึเปล่า”

แพรพรรณส่งเสียงพร้อมทั้งโบกไม้โบกมือกับกล้อง เพื่อเรียกเพื่อนสาวของตัวเองกลับมาจากห้วงความคิดเมื่อสังเกตว่าเงียบไปนานผิดปกติและดวงตากลมใสคล้ายเหม่อลอย คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากัน นิศากรสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนยิ้มอ่อนๆใส่กล้องฝากไปถึงเพื่อนเช่นเดียวกัน

“อือ ฟังอยู่สิ อีกสองอาทิตย์นิจะได้กลับบ้านแล้วนะแพร” หญิงสาวเอ่ยเปลี่ยนเรื่องซะเฉยๆ ไม่อยากพูดเรื่องของพี่ชายเพื่อนอีกต่อไป ฟังแล้วหงุดหงิด พร้อมชูตั๋วเครื่องบินยื่นใส่กล้องอวดให้อีกฝ่ายดู รอยยิ้มแจ่มใส ดวงตากลมพราวระยับด้วยความยินดีกระจ่างบนใบหน้านวลใส เมื่อเอ่ยถึงกำหนดการกลับบ้าน

“ว้าว จริงเหรอ ดีจังเลย คราวนี้นะเราจะได้กลับมานอนเล่นคุยกันอีก ไม่ต้องผ่านกล้องอย่างนี้แล้ว” แพรพรรณยิ้มสดใสตาพราวระยับเช่นเดียวกับเพื่อนสาว นิศากรเหลือบมองนาฬิกาทรงเก๋บนโต๊ะ

“เอาหล่ะ ได้เวลาเราต้องออกไปจัดการธุระแล้ว ถ้าเสร็จภายในอาทิตย์นี้ล่ะก็ เราอาจจะได้เจอกันเร็วขึ้นนะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบๆทำให้เสร็จนะ คิดถึงหนูนิจะแย่แล้ว แพรจะรอพาหนูนิตะลอนทัวร์รีสอร์ทใหม่ของแม่ให้ปรุเชียวหล่ะ มีอะไรให้เล่นตั้งเยอะแน่ะ” แพรพรรณถือโอกาสเร่งเพื่อนสาวให้ทำตามอย่างที่เปรยไว้โดยเร็ว แถมออดอ้อนตามนิสัยน้องคนเล็กของบ้านและอ่อยรายการทัวร์ให้เป็นรางวัลอีกต่างหาก คนถูกอ้อนหัวเราะเสียงใส

“จ้า คุณหนูแพรพรรณ อย่างนี้ต้องรีบกลับซะแล้ว จะได้ไปลุยรีสอร์ทแพรให้เละเหมือนงานวันเกิดแพรเมื่อสองปีที่แล้วเลยดีมั้ย” ประโยคหลังนิศากรเอ่ยกลั้วหัวเราะ

เท้าความถึงงานวันเกิดสุดป่วนเมื่อครั้งก่อน นิศากรจัดการวางแผนเซอร์ไพรซ์เพื่อนสาวโดยการเอาเพื่อนร่วมแก๊งค์แปลงเป็นเจ้าแมลงสาบตัวเป้งที่เจ้าของวันเกิดแสนจะเกลียดกลัวมาแอบใต้โต๊ะที่ตั้งเค้กวันเกิดแสนสวยไว้ และจัดการตวัดหนวดไปมาใส่ขาเจ้าของเค้ก แล้วค่อยๆคืบคลานโผล่หัวและตัวออกมาในความมืดก่อนจะได้เป่าเทียน

คุณเธอร้องกรี๊ดสุดเสียงด้วยความตกใจและขยะแขยงก่อนโกยเค้กแสนอร่อยโปะหน้าเจ้าแมลงสาบยักษ์ที่ลุกขึ้นมาร้องตะโกนแฮปปี้เบิร์ดเดย์แล้วหงายหลังตึงลงไป หลังจากตั้งสติได้ท่ามกลางความตะลึงงันของนิศากร ไม่คิดว่าเพื่อนสาวจะมีโหมดป้องกันตัวเองอย่างนี้ ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะพรืดด้วยความขบขันเจ้าแมลงสาบยักษ์ที่กำลังแงะเค้กออกจากหน้าตัวเอง เพื่อนผู้รับเคราะห์กับแพรพรรณหันไปหาหน้าตาเอาเรื่องพร้อมส่งสายตาสื่อความหมายว่าเจ้าของความคิดนี้เป็นใคร แล้วความโกลาหลก็เกิด
เจ้าของงานและเจ้าแมลงสาบไล่โปะเค้กตัวต้นคิดซึ่งวิ่งวนไปรอบๆงานไม่ยอมให้จับตัวได้โดยใช้เพื่อนๆเป็นกำบัง จนเพื่อนๆร่วมงานโดนลูกหลงไปตามๆกัน พอเหนื่อยอ่อนกันทุกคนก็หันมาดูตัวเองซึ่งเลอะเทอะไปกันถ้วนหน้าท่ามกลางเสียงหัวเราะสดใส

“ดีมาก แล้วก็จะได้รีบๆกลับมาช่วยกันจัดการพี่ภูให้จ๋องไปเลยด้วย” แพรพรรณกำหมัดชกไปในอากาศ วาดความหวังจะหาแนวร่วมจัดการกับภูดิส พี่ชายแท้ๆของตัวเอง โทษฐานสร้างข่าวให้ตัวเองเสื่อมเสีย

นิศากรหัวเราะเบาๆขำท่าทางของเพื่อน ตัวเท่านี้คงสู้พี่ชายได้หรอก ภูดิสออกจะสูงใหญ่ สองพี่น้องยืนเทียบกันแล้วอย่างกับกำแพงวังกับรั้วกระโดด เธอส่ายหน้าน้อยๆปฏิเสธก่อนตัดบทบอกลา

“หมดเวลาแล้ว แพมก็นอนซะนะ เดี๋ยวตื่นเช้ากลายเป็นแพนด้าจะหาว่าไม่เตือน” นิศากรขู่เพื่อนสาวที่รักสวยรักงามเป็นที่สุด

“ฮ้า จริงสิ แย่แล้ว พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงเสียด้วย ไม่สวยเด้งละอายเขาแย่เลย แค่นี้ก็แล้วกันนะหนูนิ” ว่าแล้วก็โบกมือลาเพื่อนสาว นิศากรทำเช่นเดียวกันแล้วจัดการออกจากโปรแกรม เหลืออีกหนึ่งหน้าต่างที่ยังไม่ได้จัดการปิด เธอขยายจนเต็มหน้าจอทำให้ภาพนั้นขยายขึ้น นิศากรกรสะบัดหน้า เชิดใส่ อย่างกับว่าตัวจริงอยู่ตรงหน้า เธอจัดการปิดเครื่องด้วยอาการกระแทกกระทั้น แต่ไม่มาก กลัวเครื่องพัง ข้อมูลหลายอย่างอยู่ในนั้น ใจจริงอยากจะปริ๊นท์ออกมาแล้วแปะไว้ดูให้จำ แต่คิดดูแล้ว

ถ้าเป็นขาวดำรูปไม่ชัดอีก รูปๆหนึ่งมันเปลืองสีชะมัด อย่าเลย เก็บไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า เธอมีเอกสารตั้งมากมายจำเป็นต้องปริ๊นท์ออกมาเพื่อทำธุระ เห็นมั้ย พี่ภูน่ะ สำคัญน้อยกว่าเอกสารของนิซะอีก รู้ไว้ซะ!


หากเมื่อนึกย้อนไปวันนั้น นิศากรแวะไปหาเพื่อนสาวพร้อมขนมของโปรดฝากครอบครัวเพื่อนตามคำสั่งของมารดา แม่บ้านยืนต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านพร้อมบอกว่าแพรพรรณอยู่ในห้องหนังสือจึงเดินไปด้วยความคุ้นเคย แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของภูดิสกำลังถกเถียงอย่างเหนื่อยหน่ายกับแพรพรรณ

“พี่ภู แพรไม่เข้าใจ หนูนิออกจะน่ารัก ทำไมพี่ภูไม่มองบ้าง” แพรพรรณเขย่าแขนพี่ชายหน้างอ ขัดเคืองพี่ชายตัวดีที่พาสาวมาหาถึงที่ยังทำอิดออด ไม่มองไม่แล

“ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักเหมือนแม่อีกคนหรือไง พี่ไม่ว่างขนาดนั้นหรอกนะ” ภูดิสถอนหายใจแกะมือน้องสาวออกหน้ายุ่ง แม่น้องสาวตัวยุ่งเข้ามาขัดขวางการทำงานของเขา เอกสารที่ต้องสะสางให้เสร็จวางกองไว้มุมหนึ่ง

“พี่ภู จะมัวจมกับพี่รันอยู่อย่างนั้นเหรอ เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปนานแล้วนะ” ภูดิสคิ้วขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อโดนสะกิดความในใจ เขาตัดใจได้แล้ว แต่ไม่ค่อยชอบให้ใครมารื้อฟื้น เลยออกปากไล่เจ้าน้องตัวยุ่ง

“จะไปไหนก็ไปไป๊ พี่จะทำงาน”

“จะบอกให้นะ แม่ควงป้ากังสดาลไปดูดวงมา บอกว่าพี่ภูน่ะจะได้เจอเนื้อคู่แล้วอยู่ใกล้ๆเสียด้วย งานนี้ทั้งสองแม่เลยเอาวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟากของหนูนิแถมเข้าไปด้วย หมอดูคำนวณแล้วสมพงษ์กันดี จะส่งเสริมกันในทางที่ดี การงานเจริญรุ่งเรือง ครอบครัวจะมีความสุขโขสโมสรอย่างยิ่งยวด แต่มีแววพลาดพลั้งทำเนื้อคู่หนีหาย สงสัยพี่ภูคงจะขึ้นคานซะแล้วหละ”

แพรพรรณว่าเจื้อยแจ้วตามที่มารดาเล่าให้ฟังอย่างปลื้มปีติที่ลูกชายมีคู่แท้กับเขาเหมือนกันและอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล สองครอบครัวผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้นหลังจากที่ลูกสาวมาเป็นเพื่อนสนิทไปมาหาสู่กันบ้างตามโอกาสผลัดกันนัดติวก่อนสอบ สองสถานที่ที่เป็นจุดรวมตัวไม่เคยพ้นบ้านของสองสาว นิศากรและแพรพรรณ ด้วยเพื่อนๆต่างลงความเห็นว่าเหมาะที่สุด ทั้งบรรยากาศ นั่นคือแอร์เย็นในห้องหนังสือเงียบๆส่งเสริมการนอนให้หลับสนิทยิ่งขึ้นและทรัพยากรณ์ในการประทังชีพ คือ อาหารฟรีแถมบริการเสริฟไม่อั้น ตกลงตั้งใจมากินกับนอนนี่หว่า

“ไร้สาระน่า ก็แค่คำทำนายสุ่มเอาใจลูกค้าเท่านั้นแหละ”

ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจกับความเชื่อของมารดาที่ถือเอาหลักการคาดการณ์เดาสุ่มของพวกหมอดูหมอเดามากำหนดกะเกณฑ์ชีวิตเขา ถึงจะไม่มากมายจนงมงาย ส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่เขาไม่เคยทำให้แม่สมหวังในเรื่องหาลูกสะใภ้มาฝาก ไม่ใช่ว่าหาไม่ได้ ไม่มอง แต่ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถดึงดูดใจเขาได้อีก หลังจากรัญชิดาที่เขาเคยปักใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เธอหันไปตกลงคบกับเพื่อนอีกคนที่มีทีท่าจะชอบกันมานาน

“เฮ้อ!มีตาหามีแววไม่ พี่เรานี่ตาถั่วจริงจิ๊ง ของดีมีใกล้ตัวไม่รู้จักคว้าไว้ นี่ถ้าหนูนิเขาไม่ดีด้วยกับพี่ภู แพรก็ไม่เชียร์ให้เหนื่อยหรอก ทั้งแม่ทั้งน้องจับคู่ดีๆให้แล้วแท้ๆ” แพรพรรณแหวใส่ ทำนองว่าเขาไม่รักดี ภูดิสเบื่อเต็มทีกับเรื่องนี้ และทั้งสองสาวประจำบ้านไม่มีทีท่าจะหยุดผลัดกันมาหว่านล้อม และรบกวนเวลาทำงานของเขาซักที

“พี่ไม่ใช่พระเอกละครน้ำเน่าหลังข่าว จะได้เดินตามเกมส์จับคู่ปัญญาอ่อนของเรานะ”

พอเริ่มหงุดหงิดที่น้องสาวไม่ยอมเลิกราวุ่นวายขณะที่เขากำลังเครียดกับเอกสารกองโตนี้ คำพูดจึงเผ็ดร้อนขึ้นตามอารมณ์ เพื่อนของน้องสาวที่มาร่วมวงกินข้าวด้วยกันบ่อยครั้งขึ้น ตามคำชักชวนของมารดาเขา จากที่เคยพบและพูดคุยบ่อยครั้งในระยะหลังมานี้ ดูเธอสดใสร่าเริง ขี้เล่นเป็นกันเองกันทุกคนและมีความเป็นเด็กช่างฝันอยู่มาก ดวงตาใสแป๋วท่าทางจะไม่ค่อยดื้อซนเช่นแพรพรรณ ภูดิสไม่ได้รู้ว่า ภายใต้ท่าทางหัวอ่อนนั้น ซ่อนความดื้อรั้นไว้อย่างมิดชิด

“แล้วเพื่อนเราคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหรือยังไง พี่ไม่สนคนปัญญาอ่อนแบบนั้นหรอก”

“พี่ภู!” แพรพรรณตะโกนก้อง รู้สึกโกรธแทนเพื่อนสาวของตน “เพื่อนแพรไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ”

นิศากรที่ยืนนิ่งฟังบทสนทนาอยู่ก้าวเข้าไปในห้องด้วยหน้าตาเรียบเฉยผิดจากปกติที่มักจะปรากฎรอยยิ้มอ่อนละมุนบนหน้าหวาน หากน้ำเสียงยังคงเป็นปกติยามเมื่อทักเพื่อนสาว

“แพร” ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มให้เพื่อนสาว “ขอโทษที่เสียมารยาทแอบฟังอยู่เป็นนาน” ตากลมฉายแววเย็นชาเฉยเมยและถือดีหยิ่งทระนง เมื่อปรายตาไปทางอีกคนในห้องจนรู้สึกได้ แถมก้มหัวนิดๆเป็นเชิงขออภัย ระหว่างวีแตกกับแสดงความเฉยเมย ไม่ใส่ใจให้รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเลือกได้แต่ผู้เดียว นิศากรเลือกทำสิ่งหลังกับสถานการณ์ตรงหน้า

ภูดิสนิ่งงันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ท่าทีและน้ำเสียงสุภาพเรียบเฉย เขาไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากยั่วน้องสาวโกรธจนทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายล่าถอยออกไปตามนิสัย ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมาได้ยินเข้า แต่อาจจะดีหากเธอเป็นฝ่ายโกรธ ไม่อยากพบเจอเขาอีก

“หนูนิได้ยินหมดเลยเหรอ” แพรพรรณหน้าเสีย

“ก็ ช่างเถอะ”นิศากรยักไหล่เล็กน้อย ยิ้มมุมปากนิดนึงแลดูอ่อนโยนขึ้นคล้ายจะบอกเพื่อนว่าไม่เป็นไร ก่อนถอนใจยาวเอ่ยปากบอกเพื่อน

“นิแค่เอาของฝากของแม่มาส่ง แล้วก็จะมาบอกว่า นิจะไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสแล้วนะ” ประโยคสุดท้ายบอกจุดประสงค์แน่วแน่ ไม่ได้ขอความคิดเห็น แต่บอกให้ทราบไว้เท่านั้น แพรพรรณตาโตด้วยความตกใจและใจหายที่เพื่อนจะห่างไปไกลอีกซีกโลก

“อะไรนะ นิจะไปฝรั่งเศส เมื่อไหร่?”

ความจริงเธอกำลังตัดสินใจว่าจะไปดีหรือไม่ เธออยากหาประสบการณ์บ้างก่อนไปเรียนต่อ แต่พอได้ยินแบบนี้แล้ว ก็เห็นสมควรว่าควรจะหลีกไปให้ไกล เพื่อว่าตัวเธอจะได้ไม่ถูกมองอย่างดูแคลนค่าที่ทำให้เขาวุ่นวายหงุดหงิด ความถือดี รักศักดิ์ศรีในตัวเธอก็พุ่งขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่ เธอไม่ต้องการให้ใครมองเธอแบบนั้น ‘ผู้หญิงปัญญาอ่อน’ ที่จะตัวอ่อนหัวอ่อนปลิวตามเรื่องน้ำเน่าอย่างในละครให้ซบอกพระเอกมาดแมน แถมยังไม่ทันได้ซบก็ถูกผลักกระเด็นออกมา

โอเค เธอยอมรับว่ารู้สึกดีกับพี่ชายเพื่อนในระดับหนึ่ง เธอโตมากพอจะมองหาใครซักคนได้แล้ว และเขาก็ได้รับการันตีจากผู้คนรอบข้างที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นคนที่ควรคบหาด้วย เธอจึงยอมเป็นเด็กหัวอ่อนเดินตามการคะยั้นคะยอของแม่ และการจะมีคนรู้จักดีๆเพิ่มขึ้น ไม่น่าจะเป็นสิ่งเลวร้ายอะไร แต่บัดนี้ เธอคิดว่าคงต้องเปลี่ยนแผนการวางตัวเสียใหม่ เมื่อเส้นทางที่เคยเลือกไม่เป็นผลดีแก่ตัวเสียแล้ว มารดาของเธอเริ่มรุกหนักเกินไปและไม่มีแนวโน้มว่าจะเลิกรา เหตุผลประการสุดท้ายที่ผลักให้เธอตัดสินใจไปอย่างรวดเร็วเมื่อครู่นี้ ยังแจ่มชัดอยู่ในโสตประสาท เขาไม่ต้องการ

“ก็สองเดือนหน้านี่แหละ” ระยะเวลาถูกกำหนด เมื่อคำนวณการขอวีซ่าและทำเอกสารการเข้าเรียนต่างๆ น่าจะสำเร็จลุล่วงในเวลานั้น ถึงจะยังไม่เสร็จก็จะไปหล่ะ ถือโอกาสเที่ยวไปด้วยซะเลย

“หา ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะ หนูนิ” แพรพรรณหน้าม่อย เพื่อนสาวคนสนิทจะไม่อยู่ใกล้ชิด และอีกนานคงจะได้เจอกัน ตาแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ภูดิสมองใบหน้าอ่อนเยาว์นวลใส เขาคิดเหมือนกันว่ามันกระทันหัน ไม่มีวี่แววมาก่อน เพราะระยะสองสามเดือนมานี้ เรื่องราวของเธอมักถูกถ่ายทอดมาสู่เขาสม่ำเสมอ น้องสาวเขามักมีกิจกรรมกับเพื่อนสาวคู่หูคนนี้ประจำและเรื่องนี้ไม่เคยได้เอ่ยถึงมาก่อน ไม่ถึงกับสนิทสนม แต่คนเคยเห็นกันบ่อยๆจะไปไกล ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน

“อะไรกัน เร็วที่ไหน ไม่ได้ไปพรุ่งนี้สักหน่อย ระหว่างนี้คงไม่ค่อยได้มาหาแพรเท่าไหร่ ต้องยุ่งเรื่องติดต่อทำเรื่อง วุ่นวายเชียวหล่ะ” นิศากรถอนหายใจประกอบ “นิกลับก่อนล่ะ”

“อ้าว อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิหนูนิ” แพรพรรณเขย่าแขนเพื่อนคะยั้นคะยอให้อยู่ แต่ไม่ได้ผล นิศากรส่ายหน้าปฎิเสธ

“นิจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน เดี๋ยวแม่บ้านคนสำคัญจะน้อยใจ เดี๋ยวก็จะไม่อยู่แล้ว ไปก่อนล่ะนะ” เธอโบกมือลาเพื่อน ก่อนหันไปยกมือไหว้อีกคนที่อยู่ในห้องด้วย
ใบหน้าหวานกลายเป็นเรียบเฉย รอยยิ้มยังคงมีประดับบนใบหน้า หากแต่ความละมุนละไมที่ติดอยู่บนแก้มนวลเสมออันตรธานหายไปในพริบตา นี่คืออีกลักษณะหนึ่งที่เธอจะแสดงออกกับคนที่เธอไม่ปราถนาจะข้องเกี่ยว ยังคงสุภาพแต่ไร้ซึ่งความอ่อนโยน ห่างเหิน เย็นชา จนคนรับไหว้รู้สึกใจหายเป็นรอบที่สอง

“สวัสดีค่ะ” แค่นั้น ไม่มีบทสนทนาใดๆอีก เธอหันขวับเดินออกจากห้องไปพร้อมแพรพรรณที่ตามไปส่ง ไม่เหลียวกลับมาแม้แต่น้อย จึงไม่เห็นว่าภูดิสมองตามหลังเธอค้างอยู่อย่างนั้นจนเธอลับตา

ไม่น่าเลยจริงๆ นิศากร หาเรื่องใส่ตัวให้เขาดูถูกแท้ๆ นิศากรคิดในใจ

หลังจากวันนั้นภูดิสไม่ได้พบเธออีก ดูเหมือนนิศากรจะเลือกเวลามาเฉพาะตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน และกลับไปเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่เขากลับ รถสองคนสวนกันตรงหน้าบ้านเกือบทุกครั้ง แม้กระทั่งวันหนึ่งที่เขาเลิกงานเร็วและกลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ

“ว้าว หนูนินี่ลางสังหรณ์แม่นชะมัด คลาดกันแบบฉิวเฉียด โชคดีจริงๆ” แพรพรรณยังไม่เลิกค่อนแคะพี่ชายนับจากวันนั้น น้องสาวสะบัดก้นใส่เดินตัวปลิวเข้าบ้าน ทิ้งภูดิสที่คิ้วขมวดมุ่นถอนหายใจ ไปๆมาๆเขาชักรู้สึกไม่ดี

เหมือนกำลังถูกนิศากรรังเกียจ เพียงแค่กระจกกั้นเท่านั้นแต่เธอไม่เหลือบมองแม้แต่น้อย เธอถอยฉากชิดซ้ายหลบเร้นหายไปว่องไวราวกับนินจา เหลือไว้เพียงเงาให้มองตามได้ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เขาน่าจะสบายใจที่เธอไม่เล่นตามเกมนั้นอีก แต่ทำไมมันถึงได้รู้สึกแย่อย่างนี้ก็ไม่รู้

ส่วนนิศากรที่อยู่บนรถ ลดความเร็วลงเมื่อเลยพ้นประตูออกมา

ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซ้นซ์ของเธอจะแม่นขนาดนี้ ต้องลองซื้อหวยดูซักทีซะแล้ว เผื่อจะถูกรางวัลบ้าง

ดวงคนมันจะแคล้วคลาด มันถึงได้มีอะไรมาดลใจให้เธอนึกอยากออกจากบ้านนั้นอย่างกระทันหันนั่นแหละ นิศากรคิดในใจ

แต่ใครจะรู้ ในอนาคต พรหมลิขิตอาจจะกำลังจัดวางให้เธอกับเขามาพบกันจนได้นั่นแหละ

โปรดติดตามตอนต่อไป
by.ฟ้าริน




Create Date : 12 พฤษภาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:37:53 น.
Counter : 255 Pageviews.

3 comments
  
แวะมาอ่านค่ะ
หูยมาบ่อยๆสงสัยติดหง่อมแน่ๆเลย
**************************

หมูน้อยฯได้รับข่าวจากเพื่อนคนนึง จะขอรับบริจาคอุปกรณ์การเรียน + สื่อการเรียนการสอน + อุปกรณ์กีฬา แล้วแต่กำลังศรัทธาค่ะ เพื่อให้น้องๆหนูๆ ได้เรียนหนังสือแบบเทียบเท่าคนอื่นๆเค้า



โรงเรียนของน้องๆชื่อโรงเรียนบ้านคลองกลุ่ม
อยู่ที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี(ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 100 กม.)
นักเรียนมีกันอยู่ 86 คน ตั้งแต่ อ.1 - ป.6
พวกน้องๆมีครูทั้งหมด 3 คน ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสอน
อุปกรณ์การเรียน บ่อยครั้งที่ครูต้องใช้ทุนทรัพย์ที่มีส่วนตัวซื้อ
แต่ก็ไม่ได้พอเพียงกับความต้องการ
ยากนักที่น้องๆอนุบาลจะได้อ่านหนังสือนิทานดีๆเล่มสวยๆ
น้อยนักที่พี่ประถมจะได้เล่นกีฬาต่างๆ
เรามีกันเพียงอาคารเรียน 1 หลังกับสนามฟุตบอลโล่งๆ


เปิดเทอมนี้......เด็กๆหลายคนมีสมุด ดินสอ อุปกรณ์ใหม่ๆ
เราก็ได้แต่ฝัน

เปิดเทอมนี้......เด็กๆหลายคนจะมีชุดนักเรียนใหม่
แต่เราบางคนยังไม่มีแม้กระทั่งรองเท้าใส่

เปิดเทอมนี้......ฝนตกอากาศหนาวเย็น
พวกเรายังคนห่มลมหนาวผิงไฟ






หากท่านผู้ใดมีอุปกรณ์การเรียน เครื่องเขียน หนังสือต่างๆ อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า ฯลฯ
ไม่จำเป็นต้องเป็นของใหม่
ขอให้เพียงใช้ได้
กรุณาติดต่อ หลังไมค์ที่ หมูน้อยฯได้ค่ะ
หรือ love2destiny@yahoo.com



บางสิ่งที่ท่านคิดว่าไม่มีประโยชน์ อาจจะมีค่าสำหรับอีกคนก็ได้
โดย: หมูน้อยหน้าใส IP: 58.10.161.41 วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:44:39 น.
  
โดย: natee IP: 209.6.167.75 วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:38:10 น.
  
รอครับตอนต่อไป อิอิอิ
โดย: ธาราภิรมย์ วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:06:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik