All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่ 7



บทที่7


หลังจากตบแป้งกลบรอยแดงเห่อเหมือนผีจีนเรียบร้อย นิศากรเดินระเรื่อยชมแนวไม้ด้านข้าง ซึ่งจัดเป็นพุ่มสลับกับซุ้มไม้เลื้อยเหนือหัว หากตรงไป เธอจะกลับเข้าสู่เขตสวนอาหาร แต่นิศากรเลือกเถลไถลเลี้ยวไปยังเส้นทางที่มีประกายไฟวับแวม สะพานไม้ที่ติดไฟประดับสีนวล บางช่วงส่องแสง บางช่วงขาดหาย แต่เท่าที่มีก็ช่วยส่องทางให้เดินได้สะดวก จนสุดราวสะพานไม้เป็นท่าน้ำ ให้ความสว่างด้วยด้วยตะเกียงเจ้าพายุที่เธอเห็นวับแวมเมื่อครู่

การได้กินลมชมวิวหลังจากได้ทานอาหารจนอิ่มหนำ เป็นสุนทรีย์อย่างหนึ่ง ตามนิสัยศิลปินนักออกแบบอย่างนิศากร สายลมพัดความเย็นจากจากผิวน้ำยามค่ำคืนให้ไล้ผิวกาย เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปลิวไสว เสียงเพลงจังหวะช้าดังแว่วมา เคล้าบรรยากาศรอบกายให้น่ารื่นรมย์ยิ่งขึ้น หญิงสาวปิดเปลือกตา ปล่อยใจไปตามเสียงเพลง

...ปลายฟ้า แค่หลับตาลงคงพบกัน
ดาวน้อย โปรดลอยมาลตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิดถึงฉันไป ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล...(*เพลง ปลายฟ้า-นันธิดา แก้วบัวสาย)

เก็บความคิดถึงฉันไป ให้ใครดีล่ะ ก็มีบ้างในบางครั้ง ยามที่เหงาและคิดถึงบ้าน บุคคลต่างๆที่อยู่ที่ประเทศไทย จะลอยขึ้นมา เธอนั่งระลึกถึงคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย จนในที่สุด สุดท้ายที่ลอยแวบเข้ามา คือดวงหน้าขาวตัดคิ้วเข้มและดวงตาคม คนที่ช่วยให้เธอได้ออกมาหาความรู้ที่ฝรั่งเศสอย่างที่เธอคิดฝันได้อย่างง่ายดายขึ้น คนที่ทำให้ฟุ้งซ่านได้ทุกที จนต้องสลัดหน้าหนีและปฏิญาณตนว่า

นิศากร เธอจะไม่ไล่ตามผู้ชายที่ไม่ได้มีใจให้แบบนางร้ายในละครอย่างเด็ดขาด!

“หลับทั้งที่ยืนอยู่ก็ได้ด้วยเหรอครับ” เสียงนุ่มทุ้มของคนในความคิดแทรกเข้ามา นิศากรแปลกใจ แค่คิดเป็นภาพเฉยๆ ไหงมันมีเสียงประกอบด้วยล่ะเนี่ย คิ้วเรียวขมวดทั้งยังหลับตา แถมยังมาถามอะไรแปลกๆอีก

“คงไม่ได้หลับจริงๆหรอกนะ” เฮ้ ใครจะไปหลับทั้งยืนได้เล่า ไม่ใช่นกฮูกสักหน่อย ถามอะไรแปลกจริง อย่างนี้ไม่เอาเสียงดีกว่า ตัดเสียงๆ

“หลับจริงเหรอเนี่ย หนูนิ” เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่ได้หลับ แล้วเมื่อกี้ก็สั่งให้ตัดเสียงออกไปแล้ว ทำไมยังมีอยู่อีกล่ะ แล้วอะไรมันวูบๆวาบๆตรงหน้ากันล่ะเนี่ย

นิศากรเปิดเปลือกตาเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับสีผม แฝงรอยขุ่นเล็กน้อยที่ไม่ได้ดั่งใจ ฝ่ามือใหญ่โบกไปมาตรงหน้า กับใบหน้าคมที่ก้มลงเขม้นมองท่าทีสงสัย เมื่อเลนส์ตาปรับรับภาพตรงหน้าชัดขึ้นก็สะดุ้งน้อยๆ

“พะ พี่ภู”
เอาอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ ชอบมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงตลอดเวลาเลยรึไง หรือว่าเป็นนินจาฝีมือดี เดินแบบไม่มีเสียงได้

“ครับ พี่เอง ตกใจเหรอ” คิ้วเข้มเคลื่อนเข้าหากันเล็กน้อย

ภูดิสเหลือบเห็นนิศากรที่ขอตัวออกมาเมื่อครู่ก่อน กำลังเดินเลี่ยงไปอีกทาง แทนที่จะกลับเข้าสู่สวนอาหาร ทางนั้นค่อนข้างมืด และดูท่าจะไม่ปลอดภัยนัก สำหรับหญิงสาวที่จะเดินไปเพียงลำพัง ถึงจะเป็นร้านอาหารใหญ่ มีระดับและราคาแพง แต่ไม่ได้หมายความว่าภัยอันตรายจะไม่กล้ำกลายเข้ามาได้

ร่างสูงจึงเปลี่ยนทิศทางตามหญิงสาวมา ดูท่าฝีเท้าของเขาคงจะเบาไป ไม่ก็คนเดินนำหน้าความรู้สึกช้า หรืออาจจะเป็นเพราะเหม่อลอยจนเกินไป ขนาดเขาก้าวมายืนเคียงอยู่นานยังไม่รู้สึกตัว แกล้งกระแอมไอก็แล้ว ยังไม่มีที่ท่าจะรับรู้ถึงการมาของเขาจึงส่งเสียงถามออกไป แต่เธอยังคงหลับตานิ่ง จนเขาชักสงสัยว่า จะหลับเสียก็อาจเป็นได้
“ตกใจสิ พี่ภูมาเงียบๆนี่” สองวันนี้ ตกใจไปสามรอบแล้วนะ

“หือ? ไม่เงียบสักหน่อย หนูนิต่างหากที่แอบหลับ” เสียงนุ่มทุ้มแปลกใจให้คราวแรก ก่อนเปลี่ยนเป็นหยอกล้อในประโยคหลัง

“นิไม่ได้หลับนะ” เสียงใสแหวกลับคนที่กล่าวหา
“ถ้าไม่หลับก็น่าจะรู้ว่าพี่มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” นิศากรหน้าเหวอ ไม่รู้จริงๆ แต่เธอไม่ได้หลับนะ

“ใครจะหลับได้ทั้งที่ยังยืนอยู่ได้ล่ะ” เคยลองทำอยู่หรอก แต่ผลคือเอนล้มไม่เป็นท่า อับอายชาวบ้านร้านตลาดไปทั่วบริเวณ

“ถ้างั้นคงจะเหม่อคิดอะไรจนไม่รู้ตัว ขนาดพี่เรียกยังไม่ได้ยิน” คนถูกหาว่าเหม่อต้องยอมรับว่าไม่รู้ตัวจริง ยิ้มเจื่อนๆ

“เป็นอย่างนี้แล้วยังเดินมามืดๆคนเดียวอีก อย่างนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ ไม่กลัวรึไง”

นิศากรหันดูทางที่ผ่านมา จากตรงนี้จนกระทั่งถึงแนวซุ้มไม้เป็นเงาตะคุ่ม ดูจะมืดจริงตามที่เขาบอกซะด้วย

“ถ้าพี่เป็นโจร หนูนิเสร็จไปเรียบร้อยแล้วแน่ๆ”

“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก นิไม่ได้กินกันสบายๆอย่างที่พี่ภูคิดหรอก”

“ตัวแค่นี้ จะเอาแรงที่ไหนมาสู้ได้” ภูดิสปรายตามองคนตัวโตแค่พ้นไหล่เขามาได้ไม่เกินสิบเซ็นต์ ถึงจะสูงกว่าน้องสาวเขาที่เข้าข่ายตัวกะเปี๊ยก แต่ก็ยังโตไม่เข้าขั้นอยู่ดี

“อย่ามาดูถูก ไม่เห็นต้องใช้แรงอะไรมากมาย นายฝรั่งหัวทองนั่นก็ลงไปกองแทบเท้าแล้ว” หญิงสาวเชิดหน้า ยืดอก ก่อนอวดเบ่งวีรกรรมเมื่อครั้งยังเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศส
ในงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนชาวต่างชาติที่รู้จัก พากันเฮละโลไปฉลองที่ผับแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าต้องมีรายการ
แอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมหลักในเครื่องดื่ม พอเมาแล้วสมองก็จะมักจะหมดประสิทธิภาพในการควบคุมร่างกายตนเองไปโดยปริยาย กิเลสต่างๆก็เผยตัว ส่งผลให้เกิดอาการขี้หลีกันถ้วนหน้า

เจ้าหนุ่มหัวทองเพื่อนของเพื่อนอีกต่อที่นิศากรไม่สามารถระบุชนชาติได้ เพราะไม่ได้ถาม ตัวสูงขนาดกำแพงเมืองชักจะเริ่มทำตัวเป็นสัตว์น้ำมีหนวดที่เรียกว่า ปลาหมึก นั่งคุยกันดีๆก็เริ่มจับแขน แตะเอวและสุดท้ายจับต้นขา

นิศากรลุกพรวดจากเก้าอี้ สาดเครื่องดื่มสีสวยในมือราดผมสีทองกระจ่างนั่นจนเปียกปอน ยั้งมือที่จะเขวี้ยงแก้วร่วมไปด้วย เพราะไม่อยากจ่ายค่าเสียหายทีหลัง ดูจะหลายตังค์อยู่

ดูท่าความเย็นจะปลุกให้หายจากอาการเมามายได้ดี ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายจ้า ลุกขึ้นโวยเสียงดัง แต่มีหรือที่เธอจะกลัว กลับยิ่งทวีความโมโหมากขึ้น กระทืบรองเท้าบู๊ทส้นสูงใส่รองเท้าหนัง จนฝรั่งตัวโตนั่นร้องจ๊าก ค่าที่หาว่าเธอทำตัวงี่เง่า จับนิดจับหน่อยไม่ได้

ขณะที่เจ้าฝรั่งนั่นย่อตัวลงกุมเท้า เหมือนลดระดับลงมา เพื่อให้รับหมัดเล็กๆของเธอ เลยสนองให้โดยต่อยเข้าเบ้าตาอย่างแรง เจ้านั่นผงะหงายหลังตึง แต่ยังไม่หมดฤทธิ์ ผงกหัวจะลุกขึ้นมา เธอเลยผลักกึ่งโยนเก้าอี้ใกล้มือล้มลงไปทับร่างสูงใหญ่ให้แน่นิ่ง เพราะจุกกับน้ำหนักเก้าอี้บวกแรงอัดที่เธอประเคนใส่อยู่ที่พื้น ใจอยากจะฝากรอยเท้าบนชุดหล่อนั่นอีกหลายรอย หากเพื่อนสาวเอเชียหลายคนที่มาร่วมงานรั้งไว้ซะก่อน และตอนท้ายมาขอแตะมือ พร้อมปรบมือให้

“ได้ยินว่าไอ้หมอนั่นชอบแต๊ะอั๋งสาวเอเชีย โรคจิต” หญิงสาวเข่นเขี้ยว ยังไม่คลายจากอารมณ์อยากเอาคืนเมื่อครั้งก่อน

ภูดิสทึ่งนิดๆกับฤทธิ์เดชของสาวหน้าใส ไม่มีแววบู๊สักนิด น้ำหนักมือเธอจะซักเท่าไหร่ ถึงได้สอยฝรั่งตัวโตหงายเก๋งได้ ดูท่าจะไม่เบาทีเดียว

“น่าแปลก ไม่เห็นแพรเล่าให้ฟังเลยสักนิด” สองสาวเพื่อนสนิท มีหรือจะไม่แบ่งปันประสบการณ์สู่กันฟัง นิศากรเล่าอย่างเมามันไม่น้อย หากแพรพรรณไม่นำมาบอกต่อ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“ไม่แปลกหรอก ก็นิไม่ได้เล่าให้ฟังนี่”
ประกายความสงสัยส่งมาทางดวงตาคมชัดเจน นิศากรจึงแจงต่อไปว่า

“ขืนแพรเม้าท์ไปเข้าหูแม่ นิก็ถูกจับตัวกลับน่ะสิ สัญญาแล้วว่าจะไม่เที่ยวเตร่ยามค่ำคืน แต่ก็ยังแหกกฎ หวิดซวยซ้ำซ้อนหลายต่อ อดเรียนกันพอดี”

ภูดิสพยักหน้าเข้าใจและเห็นด้วยกับนิสัยช่างพูดจนมากไปสักหน่อยของน้องสาว แต่ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร เพียงแต่ชอบพูดชอบคุยเรื่องราวต่างๆกับคนใกล้ชิดเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องของคนที่อยู่ใกล้นี่ มักจะยกมาพูดบนโต๊ะอาหารที่อยู่กันพร้อมหน้าเสมอ

“แล้วยกมาอวดพี่อย่างนี้ ไม่กลัวความลับแตกรึไง”
นิศากรยิ้มหน้าเป็น ชมวิวรอบข้าง บอกเรื่อยๆอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก

“สัญญาหมดอายุแล้วค่ะ พี่ภูจะเอาไปบอกต่อนิก็ไม่ว่า ดีซะอีก เผื่อใครอยากมาแหยม จะได้เกรงๆไว้บ้าง”

ภูดิสยิ้มกว้างหลุดเสียงหัวเราะออกมา คนตัวเล็กตรงหน้า ดูท่าจะก่อวีรกรรมไว้ไม่น้อยเลย ซนไม่ใช่เล่นผิดกับใบหน้าอ่อนใสและดวงตากลมแป๋วไร้เดียงสา เขารู้สึกโล่งใจกับท่าทางสบายพูดคุยเล่นด้วยดังเดิม ไม่ตั้งท่าวิ่งแจ้นหลีกลี้กันอีก ความสดใสของเธอทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินผ่อนคลายตามไปด้วย


สองหนุ่มสาวเดินเคียงคู่กันกลับมายังโต๊ะอาหาร หารู้ไม่ว่าเมื่อครู่มีมือดีกดชัดเตอร์เก็บภาพไว้เรียบร้อย เตรียมลงข่าวฟื้นฝอยประเด็นฮอตเมื่อสองสัปดาห์ก่อนให้คุเป็นไฟขึ้นอีกครั้ง หากครั้งนี้ ผู้ที่เคยมีแต่ชื่อกลับแสดงตัวเป็นๆขึ้นมาย้ำความแน่ใจให้กับนักแสดงสาวได้เลือดเดือดพล่าน ด้วยคิดว่าจะมาแย่งของของตน


ส่วนสายตาอีกสามคู่พราวระยับสบกันอย่างสมใจ เมื่อทั้งนิศากรเดินกลับมากับภูดิสที่หายไปครู่ใหญ่ หน้าตายิ้มแย้มให้กันอย่างเป็นมิตร สร้างความหวังสานสัมพันธ์ครั้งใหม่ให้กับทั้งสามได้อย่างดี แพรพรรณรีบสะกิดมารดาและคุณกังสดาลให้ดู รวมหัวกระซิบกระซาบกันเสียงเบา

“แม่คะ คุณป้าคะ แบบนี้เรียกว่าสัญญาณดี เราควรจะเริ่มสานแผนกันต่อเลยมั้ยคะ” แพรพรรณเห็นช่องสบโอกาสจึงอยากดำเนินการแผนที่เคยล่มไปเมื่อสองปีก่อนให้สำเร็จ

“แม่ว่าเราอย่าเพิ่งเริ่มตอนนี้เลยนะ รอไปอีกสักพักดีกว่า”

“ป้าก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน เคยเปรยๆไว้ เรื่องจะพาไปงานเลี้ยง จะได้รู้จักหนุ่มๆดีๆคบไว้เป็นเพื่อนบ้างก็ไม่ยอมท่าเดียว”

“อ้าว คุณป้าคะ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ แล้วพี่ภูของแพรล่ะคะ คุณป้าจะนอกใจไม่ได้นะคะ” แพรพรรณแย้งเสียงดังในระดับกระซิบ

“แหม ก็ตอนนั้นสองคนนั้นเขายังไม่ดีกันแบบนี้นี่จ๊ะ ป้าก็เลย” คุณกังสดาลไม่พูดต่อให้จบ เว้นไว้อย่างที่เข้าใจกันได้เอง

“มันก็จริงอย่างที่ป้าเขาว่าแหละ พี่ชายเราร้ายนัก แม่คิดแล้วยังโมโหไม่หายเลยจริงๆ” คุณลักษิกาว่าอย่างเข่นเขี้ยว อยากจับลูกชายตัวเองมาฟาดสักทีสองที

“เอาเถอะค่ะ อย่าพูดถึงเรื่องเก่ากันเลยค่ะ เอาเรื่องใหม่นี่ดีกว่าค่ะ” แพรพรรณตัดบท อยากเริ่มแผนใหม่เต็มทีแล้ว

“แม่ว่าเราคอยดูสถานการณ์กันไปก่อนดีกว่า จะได้วางแผนกันได้ถูกทาง” คุณลักษิกาเสนอให้หยั่งเชิงดูก่อน เพื่อจะได้ไม่เกิดการผิดพลาด

“ป้าก็คิดอย่างนั้น คราวนี้เราต้องวางแผนกันให้รอบคอบกว่าเดิม ต้องไม่โจ่งแจ้งให้หนูนิรู้ตัวได้ ไม่อย่างนั้นเป็นได้หลบสุดตัวแน่ๆ”

“พี่ภูก็ด้วย เราต้องวางแผนกันให้ดี ต้องเนียน ไม่ให้จับได้เด็ดขาด งั้นวันนี้พวกเราเก็บเอาไปคิดเป็นการบ้าน แล้วค่อยรวมตัวกันอีกทีนะคะ”

แพรพรรณตัดบทให้กลับไปคิดแผนการสานสัมพันธ์ภูดิสและนิศากรกันเป็นการบ้าน แล้วแยกตัวกลับมายังที่ของตน อาหารจานใหม่มาเสริฟพอดี

นิศากรมองเพื่อนที่เพิ่งทรุดตัวลงนั่งข้างพี่ชายแล้วนึกอะไรอย่างนึงขึ้นได้ มือบางเอื้อมไปกระตุกเสื้อชายหนุ่ม จนเขาหันมามองเธอจึงเอียงเข้าไปหานิดนึงเพื่อกระซิบเบาๆให้ได้ยินแค่สองคน

“อะไรครับ”

“พี่ภู เรื่องเมื่อกี้น่ะ นิสั่งพรรคพวกไว้ว่าไม่ให้ปูดให้แพรรู้ก่อนนิกลับมา พี่ภูอย่าเพิ่งบอกนะ เดี๋ยวยัยแพรโกรธเอา ไว้ว่างๆนิจะทำเป็นคุยเอง”

ภูดิสเหลือบมองหน้าใสที่อยู่ใกล้ ดวงตากลมมีแววทะเล้นร่าเริงไม่สร่างซา

“ความลับงั้นเหรอ ไหนว่าคุยได้”

“คุยกับคนอื่นได้ แต่คุยกับแพรไม่ได้ อย่าลืมนะ ห้ามหลุดนะพี่ภู” เสียงใสกำชับ กระตุกเสื้ออีกครั้งเอาคำตอบ ชายหนุ่มเห็นใบหน้าหวานใสอมยิ้มพรายในหน้า ก็นึกอยากเล่นสนุกด้วย

“ถ้าช่วยปิดแล้วพี่จะได้อะไรล่ะ”
นิศากรมองดวงตาคมพราวล้อแสงไฟในระยะใกล้ ไม่คิดว่าคำขอสนุกๆของเธอจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยน คิ้วเรียวแทบติดกัน

“อะแฮ่ม กระซิบกระซาบอะไรกันน่ะ มีความลับกับเราเหรอ” แพรพรรณแอบยิ้มขณะที่แกล้งทำตาเขียว

“นั่นสิ ยัยหนูนิ มองมานานแล้วนะยะ ให้ฉันกระซิบบ้างสิ เอาข้างๆหูเลยมั้ยคะพี่ภู” ไม่ใช่ใครอื่นอีก นอกจากแม่สาวเปรี้ยวประจำกลุ่มที่ส่งเสียงมา ทั้งในตอนท้ายกระพริบตาถี่ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมโต๊ะอีกครั้ง

ร่างสูงเอียงมาอีกครั้ง เมื่อทุกคนหันไปสนใจอาหารจานใหม่ที่ยกมาเสริฟพอดี เสียงนุ่มทุ้มบอกเบาและยิ้มมุมปากแถมท้ายอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ

“ติดไว้ก่อนก็ได้ แล้วพี่จะทวงทีหลัง”
ขอแค่นี้ก็ไม่ได้ คุณพี่นักธุรกิจดาวรุ่งตัวจริง ทำอะไรเลยต้องมีข้อแลกเปลี่ยนแบบทำธุรกิจหรือไงกันนะ


รุ่งเช้าต่อมา หนังสือพิมพ์หน้าบันเทิง พาดหัวข่าวสีสวยเด่น

นางร้ายสาวมาแรงมีหวังแห้ว นักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่ง ดอดร่วมงานเลี้ยงอบอุ่นต้อนรับลูกสาวนายกสมาคมแม่บ้านไฮโซกลับบ้าน และแอบหลบมาชมวิวริมน้ำสองต่อสองแสนโรแมนติก

เหยี่ยวข่าวกระซิบมาว่า วันก่อนพบนักธุรกิจหนุ่มรอรับด้วยตัวเองถึงสนามบินก่อนกำหนดจริง หรือสองหนุ่มสาวจะแอบวางแผน หวังเซอร์ไพร์สญาติพี่น้องทั้งสองฝ่าย ก่อนกลับบ้านยังพาไปเดินอวดพนักงานทั้งบริษัทให้ฮือฮากันยกใหญ่

รัญชิดากระชากหนังสือพิมพ์จากผู้จัดการส่วนตัวมาดูภาพเล็กๆประกอบเนื้อข่าว ภูดิสยิ้มระรื่นอยู่กับนิศากรที่ท่าน้ำประดับไฟสวยงาม

“ข่าวบ้าอะไรกันเนี่ย!บ้าๆๆที่สุด” รัญชิดาตวาดแว้ด ขยำหนังสือพิมพ์เขวี้ยงลงพื้นอย่างโมโห

“ว้าย คุณน้องรันเบาๆสิคะ” อิมมี่หรือนามเดิมว่านายอิสระ กระเทยสาวผู้จัดการส่วนตัวกรีดนิ้วแตะริมฝีปากทำท่าให้เบาเสียง เพราะห้องแต่งตัวเล็กๆในห้องส่งนี้ ไม่ได้ปิดประตูไว้ หากมีผู้ใดผ่านไปมาแอบได้ยินเสียงร้องแว้ดๆอย่างนี้ คงได้เกิดข่าวซุบซิบอีกแน่

“ทำไม มีปัญหาอะไร ฉันจะเสียงดังแล้วมันมีปัญหาอะไร อยากโดนไล่ออกอีกคนรึไง”

“ว้าย เปล่าค่ะคุณน้อง คือว่าพี่อิมมี่เนี่ยนะคะ กลัวว่าถ้าคุณน้องกรี๊ดๆอยู่อย่างนี้ ก็เท่ากับว่าคุณน้องส่งเสริมให้ข่าวที่ว่านี่มันเป็นจริงนะคะ” อิมมี่หว่านล้อมเสียงประจบประแจง

“ไม่จริง ภูไม่มีทางไปหลงชอบใครอื่นอีก ได้ยินรึเปล่า ไม่มีทาง” รัญชิดาเสียงแข็งกราดเกรี้ยว
ที่เมื่อวานภูดิสปฏิเสธไม่ไปกับเธอ แถมยังไม่ง้องอนเอาใจอย่างที่ควรเป็น เพื่อไปงานเลี้ยงต้อนรับผู้หญิงคนนี้ มันหมายความว่ายังไง

รัญชิดารับไม่ได้ว่าเธอจะมีคู่แข่ง ภูดิสไม่เคยปฏิเสธเธอ แต่กลับทำ เธอคิดอยู่เสมอว่าภูดิสรักเธอ และจะไม่รักใคร เธอต่างหากสำคัญ แต่บัดนี้กลับมีผู้หญิงอีกคนมาเบียดเบียน ซ้ำยังภาพที่เธอได้เห็นที่หน้าห้องภูดิสนั่นอีก เขาโอบประคองผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ ทั้งคุณลักษิกาที่ออกท่ากางปีกปกป้องชื่อเสียงให้เด็กนั่นอีก จนต่อว่าภูดิสที่ทำรุ่มร่าม

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฉันไม่เชื่อ” รัญชิดากรีดร้อง หลังจากที่อิมมี่รีบวิ่งไปปิดประตูทุกบานกั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกไป เมื่อเห็นไหล่ที่สั่นเทิ้มและหน้าตาเป็นนางร้ายสุดขั้วบอกว่ากำลังต้องการแผดเสียงระบายความเจ็บแค้นในหัวใจ


ประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นในภัตตาคารเปิดออก ภูดิสยืนรอส่งคู่เจรจา หลังจากตกลงเรื่องธุรกิจกันเรียบร้อยด้วยดีทั้งสองฝ่าย ชายหนุ่มทรุดลงนั่งเอนหลังพิงพนักตามสบาย

“สำเร็จจนได้นะ เจ้าภู” คุณรุจน์ตบบ่าหลานชายคนโต ภูดิสหันมองหน้าลุงก่อนระบายลมหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกัน

“ครับลุง แต่ถ้าไม่ได้ลุงมาช่วย ฝ่ายนั้นคงไม่ยอมตกลงง่ายๆแน่” ภูดิสยกให้เป็นเครดิตของผู้เป็นลุง

อีกฝ่ายตั้งท่าจะเอาเปรียบในข้อตกลงหลายข้อ ที่หากไม่สังเกตทบทวนดีๆแล้วล่ะก็ อาจตกหลุมพลางได้ง่ายๆ แน่นอนเขาไม่ยอมตกลง และนัดเจรจากันใหม่หลายครั้ง ข้อเสนอใหม่ที่เขาเคยให้อีกฝ่ายไปแล้ว หากไม่เป็นผล ให้คุณรุจน์ช่วยเสริมอีกแรง จนอีกฝ่ายยอมตกลง

“นั่นมันแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น ทั้งหมดตั้งแต่ต้นแกทำเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้น นี่คือผลงานของแก ภูมิใจได้เลย”

“ขอบคุณครับลุง” ภูดิสไหว้ขอบคุณชายสูงวัย

คุณรุจน์ พี่ชายแท้ๆของบิดาภูดิสที่เสียไป คุณรุจน์ไม่มีทายาท เนื่องจากผู้เป็นภรรยาเสียพร้อมลูกในท้องไปอย่างกระทันหัน ตั้งแต่ทั้งสองเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่ถึงสองปีด้วยอุบัติเหตุ ครานั้นผู้เป็นลุงเสียใจจนไม่เป็นอันทำงานทำการ ทั้งสองรักและผูกพันกันมาก เมื่อเสียภรรยาไป จึงไม่อาจคิดมีใครใหม่ได้อีก

“จริงสิ เมื่อหลายวันก่อน แม่เลขาลุงเขาแอบมากระซิบถาม เรื่องข่าวหนังสือพิมพ์ที่ลงน่ะ เรื่องจริงรึเปล่า” คุณรุจน์ถามเรื่อยๆชวนคุยเล่นซะมากกว่าจะอยากรู้จริงจัง

“โธ่ ลุงไม่น่าถาม ข่าวบันเทิง จุดประสงค์ก็เพื่อให้คนอ่านรู้สึกบันเทิงอยู่แล้วนี่ครับ” ชายสูงวัยหัวเราะขำ ข่าวบันเทิงมักจะชอบใส่สีตีไข่ให้เรื่องมันมีสีสันเพื่อความบันเทิงอย่างที่หลานชายพูดจริงๆ

“แม่หนูที่อยู่ในรูปล่ะ ลูกสาวใครนะ” คุณรุจน์ถามต่อ เลือนลางกับเนื้อข่าวที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจอ่านสักเท่าไร ตอนแม่เลขาเอามาให้ดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ป้ากังสดาลครับ เพื่อนของแม่ที่เป็นนายกสมาคมแม่บ้านไฮโซ” ผู้เป็นลุงทบทวนความจำก่อนนึกได้

“อ้อ กังสดาลนี่เอง ลูกสาวเขาโตเป็นสาวแล้ว ชื่ออะไรนะ”

“นิศากรครับ”

“นิศากร” คุณรุจน์ทวนชื่อตามที่ได้ยิน คนนี้รึเปล่าที่นะ ที่น้องสะใภ้ของเขาเคยเปรยว่าอยากได้เป็นสะใภ้ แล้วถามต่อ “แล้วเขาเป็นยังไงล่ะ เด็กคนนี้ นิสัยดีมั้ย”

“ครับ ร่างเริงแจ่มใส เปิดเผยดีครับ ซนไปหน่อย แต่ไม่ไร้สาระขี้บ่นเหมือนยัยแพร”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีใช้ได้เลยนะเจ้าภู น่าสนนะ ลุงว่า” ชายสูงวัยหัวเราะเสียงดังอย่างขบขัน กิตติศัพท์เรื่องพูดมากและขี้บ่นของแพรพรรณ ชายทั้งสองรู้ดีและประสบฤทธิ์เดชของมันมาตลอดนับตั้งแต่สมาชิกตัวเล็กสุดในบ้านลืมตาดูโลก

“หาคนรักเข้าสักคนสิเจ้าภู จะได้มีเวลาได้อยู่กับคนที่รักนานๆไงล่ะ เวลาความสุขของคนเรามันสั้นนักนะ”
ภูดิสมองสบตาอ่อนแสงของผู้เป็นลุง เข้าใจดีในทุกคำที่คุณรุจน์เอ่ย

หลังจากคิดเงินค่าอาหารเรียบร้อย สองลุงหลานเดินผ่านส่วนนอกของร้านที่จัดวางโต๊ะเป็นแถวยาว ดวงตาคมเหลือบไปเห็นคุณกังสดาลยืนอยู่หน้าร้านอาหาร จึงสะกิดคุณรุจน์ให้เข้าไปทักทาย

“อ้าว ภู สวัสดีจ้ะ คุณรุจน์สวัสดีค่ะ ไม่ได้พบเสียนานเลยนะคะ” คุณกังสดาลรับไหว้ลูกชายเพื่อนก่อนหันไปพนมมือทักทายคุณรุจน์ที่มีอาวุโสกว่า

“คุณป้ามาทานข้าวเหรอครับ”

“จ้ะ นัดเพื่อนเขาเอาไว้ พาหนูนิมาไหว้ป้าๆน้าๆเขาซะทีเดียวเลย ไม่ต้องยุ่งยาก” สองลุงหลานพยักหน้าเข้าใจ

“เห็นในรูป ลูกสาวโตแล้วนะ เผลอไม่ทันไรเลย” คุณรุจน์นึกถึงรูปหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างหลานชายยิ้มแย้ม

“ค่ะ ตอนนี้ก็กำลังจะเปิดร้านเป็นของตัวเอง เจ้าตัวเขาอยากเป็นดีไซน์เนอร์ ไปเรียนถึงฝรั่งเศสแหนะค่ะ”

“แล้วนี่อยู่ไหนซะล่ะ มาด้วยไม่ใช่เหรอครับ ?”
ตาคมสอดส่ายสายตาหาร่างบางของคนที่ถูกเอ่ยถึง ขณะที่หากไม่พบแม้แต่เงา ก่อนคุณกังสดาลชี้แจงกับผู้เป็นลุง

“ไปจอดรถน่ะค่ะ สักพักคงตามมา”
คุณรุจน์ยกนนาฬิกาขึ้นดู เห็นว่าสมควรจะกลับเข้าบริษัทได้แล้ว จึงบอกขอตัวลา

“เอาไว้โอกาสหน้าคงได้พบกันอีก สวัสดีครับ” ภูดิสพนมมือไหว้ลาเพื่อนมารดา ปลายหางตาเหมือนเห็นอะไรวอบแวบผ่านไปไวๆ ตาฝาดละมั้ง

สองลุงหลานผ่านประตูออกไป ภูดิสแยกมาเพื่อเอารถวนไปรับคุณรุจน์ที่ยืนรอหน้าร้าน เสาต้นใหญ่หน้าร้านช่วยบังร่างกลมกลึงของคนๆหนึ่งได้มิดชิด หากจะไม่โผล่หน้ามาหันรีหันขวางให้เขาสังเกตเห็น

ร่างสูงที่กำลังเปิดประตูรถมองไปยังร่างบางที่ออกมาจากเงาของเสาต้นใหญ่ มองไปมาก่อนซอยเท้าเร็วๆเข้าร้านไป
หนูนิ ทำอะไรลับๆล่อๆกันนะ


-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน

ฟ้ารินเปิดเทอมแล้วค่ะ วุ่นวายสุดๆ ที่อยากเรียนก็ลงไม่ได้ ที่ไม่อยากเรียนก็ดันบังคับให้ลง ชอบมาขัดๆๆใจ ก็เป็นซะอย่างเนี้ย ถ้าอารมณ์เสียจะว่าไง แอบร้องเพลงซะอย่างนั้น
คงมาส่งได้น้อยลง ถ้าหากว่าเห็นหายไปนานเกิน ก็สามารถทวงได้ค่ะ จะได้รีบปั่นมาให้ ถ้าไม่มีใครทวง ฟ้ารินก็จะโอ้เอ้ๆๆๆๆๆๆๆๆ นะคะ แฮะ แอบเรียกร้องความสนใจ ถ้าอยากอ่านต่อก็ต้องเข้ามาเช็คดูนะคะ

natee - รอให้มาอ่านตลอดเหมือนกันค่ะ ฮี่ๆ

boombim - ชอบหนูนิเหรอคะ แอบขี้เเกล้ง จอมวางแผนแบบนี้ น่าหยิกน่าตีเน้อ อย่างนี้ต้องดูกันต่อไปว่าจะแอบแกล้งใครอีกหรือเปล่านะคะ

whan - ขอบคุณค่ะ ที่ชอบผลงานของฟ้าริน ตามต่อไปนะคะ แล้วก้ฝากข้อความไว้เป็นกำลังใจเยอะๆ จะได้มีแรงเขียนต่อไปนะคะ ส่วนอีเมล ฟ้ารินจะทำlinkไว้ให้ด้านขวามือนะคะ ดีใจจัง มีเพื่อนใหม่อีกคนแล้ว

kikkak_riwkiw - โย่ว ดีจ้าน้องฟิว หายไปนานเลยนะ คิดถึงเหมือนกัน เปิดเทอมเป็นไงบ้างจ๊ะ ส่วนพี่เพิ่งเปิดอาทิตย์แรกก็ยุ่งวุ่นวาย ลงทะเบียนกันไม่ได้ครึ่งเอก งงไปเลย ตอนนี้ก็วุ่นๆ เซ็งๆหน่อยอ่ะนะจ๊ะ
ส่วนแฟนคลับ ว้าว มีจริงๆเหรอ ดีใจๆนะเนี่ย ฟิวอย่าหลอกให้ดีใจเล่นนะ ไม่งั้นพี่จะแกล้งไม่มาส่งตอนต่อไปด้วย ตามอ่านถึงบทไหนแล้วเอ่ย ตามมาให้ทันนะจ๊ะ เพราะพี่แอบมาเพิ่มอีกบทแล้ว เฮ่ๆ ไม่ได้แกล้งนะ
ว่าแต่ ริวกิว ที่love-stories น่ะ ใช่ฟิวรึเปล่าจ๊ะ





Create Date : 06 มิถุนายน 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:27:39 น.
Counter : 278 Pageviews.

4 comments
  
เปิดเทอมทุกระทมมากค่ะพี่ฟ้า เจอคุณครูรักษากฎเกินกฎ (งงไหม)

แฟนคลับ...ก็คนที่เม้นตอนที่ 6 ก่อนฟิวไงคะ เห็นขอเมล์ด้วยนี่นา รวมฟิวอีกคนด้วย น้องสาวผู้น่ารัก ฮี่ๆ

ตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 3 แว้ว สุดความสามารถแล้วเนี่ย เพราะตอนนี้เร่งอ่านสดุดรักนักข่าว ยืมมาจากห้องสมุดใกล้ถึงเวลาต้องคืนแล้ว (ไม่อยากยืมต่อ)

แต่งช้าๆ หน่อยก็ได้นะคะ แฮ่ๆ (ฟิวจะโดนรุมไหมเนี่ย เขามีแต่จะให้ลงเร็วๆ) ยังไงก็...รอฟิวหน่อยล่ะกันนะคะ

ริวกิว...เอ่อ...ฟิวเองแหละค่ะ (แหม...เขิน...ชื่อค่อนข้างติงต๊อง (มาก))
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.35.8 วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:18:28:58 น.
  
มาต่อเร็วๆๆๆๆนะคะ สนุกจ๊ะ
โดย: ชาจัง(สุรัสวดี มะได้ล็อกอิน) IP: 202.44.70.55 วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:17:10:44 น.
  
อะไรกันเนี่ย love-stories เป็นอะไร เข้าไม่ได้อ่ะจ๊ะ มีงงนะเนี่ยมีงง ใครรู้บอกทีจ๊ะ
โดย: ฟ้าริน (ปั้นน้ำกะฟ้าริน ) วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:16:40:05 น.
  
//www.sirinda-stories.net/
โดย: Niranam IP: 202.28.62.245 วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:12:06:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik