All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่29






บทที่29

การจู่โจมของอานนท์ หนุ่มน้อยแปลกหน้าผู้กล้าหาญ บ้าบิ่นและมีความมั่นใจสูงเอาเรื่อง ไม่ได้ติดอยู่ในใจนิศากรผู้ที่ถูกบอกรักกลางงานเท่าไหร่ คงไว้เพียงความประหลาดใจและสงสัยในเหตุการณ์คลับคล้ายนิยายหรือละครหลังข่าวยังไงอย่างนั้น นึกในใจตัวแล้วก็อมยิ้มขำ ไม่อยากเชื่อ

นิศากรไม่ใช่หญิงสาวสวยพราวเสน่ห์ชนิดหยาดฟ้ามาดินแบบเจ้าหญิง ท่วงท่าเดินไม่ใช่นางพญาส่องรัศมีความน่าพิศมัยจนจับตาผู้ใดได้ในแวบแรกที่เห็น ดวงตาและใบหน้าไม่สวยคมบาดใจผู้ใด หากแต่รอยยิ้มและอุปนิสัยต่างหากที่อาจโดนใจคนที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย งานนี้จึงนับเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่มีคนมาตกหลุมรักเพียงแรกเห็น

น่าสงสัยขนาดคันปากยิบๆอยากถามให้ได้ความเอาจริงๆจังๆ ว่าเหตุใด สิวเม็ดไหนหรือขนคิ้วเส้นไหนไปส่องประกายเข้าตาเด็กหนุ่มผู้นั้นเข้า

รถยนตร์เบนเข้าชิดริมถนน จอดกึกลงด้วยการเหยียบเบรกแรงๆของผู้ขับ ภูดิส ชายหนุ่มผู้สุภาพเงียบขรึมในสายตาใครหลายคนที่ไม่รู้จักถึงขั้นสนิมสนมมากคงจะไม่เคยเจอะเจอปฏิกิริยาขณะนี้ของเขามาก่อน หรือแม้แต่คนที่นั่งข้างซึ่งครองตำแหน่งคนรักก็ไม่เคยเห็น สายตาเอาเรื่องที่จ้องมองมาขณะนี้เลยสักครั้งเดียว

นิศากรแปลกใจ หลุดออกจากภวังค์ความคิดสงสัยของตัว สังเกตไปโดยรอบ ไม่พบบ้านตัวเองในระแวกนี้ หากนี่ก็คือทางเข้าตรงไปสู่บ้านหลังใหญ่ของเธอแน่ ระยะทางอีกไม่เท่าไหร่ก็ถึงแล้ว แต่เพราะอะไรสารถีจึงละทิ้งหน้าที่เสียกลางคันตรงแนวถนนที่ไฟฟ้าดันมาดับเสียพอดิบพอดี น่ากลัวออกจะตายไป มืดสลัวเสียอย่างนี้ หันไปจะถามกลับพบสิ่งที่ต้องทำให้สะดุ้ง

ใบหน้าคมเคยสุภาพอ่อนโยนมีริ้วรอยเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัด คิ้วดำขมวดจนเกือบจะชิดกันสนิท ปากเม้มสนิทไร้สำเนียงใดๆสื่อสารและดวงตาคมเข้มดุจนน่ากลัว ดูดีๆ ออกจะมีสีเขียวปนให้เห็นอยู่รำไร

ทำหน้าตาโหดอย่างกับเจ้าพ่อมาเฟีย ดุจังเลย!

“หนูนิ!”


ในที่สุดเสียงทุ้มก็หลุดออกจากริมฝีปากของภูดิส เสียงเรียกเขียวดุ ไม่แพ้สายตาที่มองจ้องไม่วางเลยแม้แต่วินาทีเดียว

“คะ อะไรคะ” นิศากรกระถดตัวไปชิดกระจก ขานรับอย่างหวาดๆ ชายหนุ่มฟังแล้วยิ่งทำหน้าไม่พอใจเข้าไปอีก

“ทำไมต้องทำเสียงสั่นอย่างนั้นด้วยครับ”


“ก็อยู่ก็เรียก นิตกใจ แล้วก็ทำเสียงดุจะตายไป น่ากลัวนี่คะ”


“ก็ไม่รู้เหม่อคิดอะไรถึงได้ตกใจน่ะสิ พี่เห็นนะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้” น้ำเสียงหงุดหงิดเปิดเผยชัด ไม่พอใจ ซ้ำยังหรี่ตามองอย่างพิจารณาอีก

เข้าใจแล้ว ยังโมโหไม่เลิกสินะ หลายชั่วโมงแล้ว ไม่หายเสียทีสิน่า




นับตั้งแต่อานนท์ก่อเหตุไว้ จนวันนี้ซึ่งเป็นวันรุ่งขึ้น หน้าตาภูดิสยังยู่ยี่ไม่คลาย ดีหน่อยก็มีแค่เรียบเฉย หากในแวบตาก็ยังขุ่น

‘เฮ้อ ทำหน้าแบบทั้งวัน เดี๋ยวก็คิ้วย่นติดย่างนี้ไปจนตายกันพอดี’

นิศากรแกล้งบ่น เอานิ้วกดไว้หว่างคิ้วตัว ดึงเข้าหากันจนเกิดรอยย่นเป็นตัวอย่าง หวังให้คนมองเกิดอารมณ์ขันบ้าง แต่ไม่ปรากฏอย่างที่หวังเลยสักน้อย คนมองยิ่งขมวดเข้าไปกันใหญ่ นิศากรได้แต่อ่อนใจ แต่อีกใจหนึ่งกลับแอบรื่นเริงลึกๆ ภูดิสแสดงให้เห็นชัดเจน

หึง!!!

‘ใช่สิ ต้องหน้าอ่อนแบบรนายอานนท์ ถึงจะมีคนคิดถึงสินะครับ’

ภูดิสเหน็บเข้าให้ หลังนิศากรเผลอหลุดปากระหว่างมื้ออาหารกลางวันในร้านอาหารใกล้ห้องเสื้อซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุในสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าจากจานอาหารรวดเร็วจนเสียวไส้ว่าคอจะเคร็ดเอา

‘เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะคะเนี่ย ที่มีเด็กรุ่นน้องมาปลื้มนิ อยากรู้จังเลยว่าเพราะอะไร เจอคราวหน้าจะถามดู’

‘หมายความว่ายังไง เจอคราวหน้า หนูนิอยากเจอนายนั่นอีกงั้นเหรอ’

ภูดิสหน้าตึง หงิกสนิท อาหารมื้อนั้นเลยเป็นอันเหลือเป็นทานไปเกือบครึ่ง จะแก้ตัวอย่างไรก็ไม่ขึ้นเสียแล้ว แล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่เธออยากรู้จริงๆในขณะนี้เสียด้วยสิ



“คิด คิด คิดถึงอาหารมื้อเย็นค่ะ หิวรึยังคะ” นิศากรเปลี่ยนเป็นฝ่ายถามแทน เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงข้อสนทนาหัวข้อระอุนั้นไปเสีย

จากที่หันหน้าตรงไปทางถนนด้านหน้ารถ กลับเป็นเอี้ยวตัวหันมาหาสาวคนรักเต็มๆตัว มือใหญ่เอื้อมไปเปิดไฟในรถสว่างจ้า ขยับเข้าไปใกล้เพื่อมองใบหน้าหวานที่หวาดหวั่นให้ถนัด ซ้ำยังเท้าแขนพาดไปที่เบาะของนิศากรอีก นิศากรเห็นแล้วเบนตัวหนี

ก็บรรยากาศมันไม่น่าไว้วางใจยังไงไม่รู้นี่นา ทั้งมืดแล้วเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ ไม่มีรถจะผ่านมาสักคันเลยหรือไงนะ อยู่ในที่ปลอดมนุษย์กับคนที่กำลังหึงสองต่อสอง มันน่าสบายใจเสียที่ไหนกัน

“ไม่เชื่อ” มือใหญ่อบอุ่นคว้าแขนบางดึงเข้ามาใกล้

“ว้าย!พี่ภู”

ไม่ได้อยากคิดแบบละครน้ำเน่า แต่มันช่วยไม่ได้ ดูพ่อพระเอกของเธอทำเข้าสิ อย่างกับฉากนำเข้าเลิฟซีน

“ยังภูมิใจไม่เลิกสินะครับ มีเด็กหนุ่มๆติด”

อึ๋ย บ้านนี้นี่มีความสามารถพิเศษ รู้ความคิดคนอื่นได้รึไงนะ

“โฮ้ย เปล่าค่ะ พี่ภูก็ อย่าคิดมากสิคะ รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ ตรงนี้มืดตึ๊ดตื๋อ นิกลัวผี” นิศากรดันอกอุ่นไว้ไม่ให้เข้าใกล้มากไป กุลสตรีที่ดีท่องไว้นิศากร

“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย” ภูดิสขู่ แล้วถอนหายใจเฮือก ออกคำสั่งกับคนรักอย่างถืออำนาจ “พี่ขอสั่ง ห้ามไม่ให้คิดถึงนายนั่นเด็ดขาด ไม่ต้องไปอยากรู้จัก สงสัยอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับนายนั่น”

ทั้งที่ไม่เคยบีบบังคับใครอย่างนี้มาก่อน แต่ไม่รู้อะไรหรือมารตัวไหน บังอาจมาชักนำสมองเขา ให้กลายไปเป็นคนนิสัยไม่ดีอย่างนี้ได้ เพราะไม่ต้องการให้ในสมองของนิศากรมีชายอื่นใด ไม่ชอบใจตัวเองนักหรอก แต่ช่วยไม่ได้ หากไม่ทำอะไรสักอย่าง เขาคงบ้าตาย บริษัทล่มจม งานการไม่เดินเพราะผู้บริหารคิดอะไรไม่ออก โมโหทั้งวัน

ลำแขนแข็งแรงร่างคนรักเข้ามาชิด กอดไว้แนบอก กระชับแขนแน่นเข้าอีกเป็นการสกัดกั้นแรงขืนจากหญิงสาว ความกังวลและลังเลฉายชัดในแววตาคม นิศากรไม่มีโอกาสมองเห็น

“หนูนิครับ ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องไปฟังใครนอกจากพี่คนเดียว ได้ไหม สัญญาสิ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หนูนิต้องเชื่อที่พี่พูด ถามพี่คนเดียว อย่าฟังคนอื่นเด็ดขาด” น้ำเสียงขอร้องจริงจัง นิศากรหยุดอาการดิ้นขลุกขลัก

“นะครับ สัญญาสิ” ชายหนุ่มเร่งเร้าขอคำตอบอย่างใจร้อน เหมือนครั้งหนึ่งที่เขาเคยขอ แต่ความน้ำหนักความสำคัญและจริงจังต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แค่ฟังดูก็รู้

“ค่ะ” นิศากร ยอมรับคำขอนั้นแต่โดยดี ด้วยไม่ว่าอย่างไร เธอไม่เห็นข้อที่ไม่เป็นผลดีกับทั้งสองเลยแม้แต่น้อย การหันหน้าเข้าพูดคุยกันโดยตรงยามมีปัญหา เป็นทางแก้ไขที่ถูกที่สุดเสมอ

“ขอบคุณครับ” มุมปากขยับยกขึ้น ความหวั่นระแวงค่อยลดระดับ อย่างน้อยก็มีสิ่งให้ยึดมั่นได้ในคำสัญญา


“มีอะไรรึเปล่าคะพี่ภู” อ้อมแขนคลายลง นิศากรจึงถาม บางอย่างทำให้รู้สึก เขากำลังมีปัญหา

“ตอนนี้ยังครับ แต่อาจมีได้ในอนาคต เพราะฉะนั้นเราตกลงกันไว้ก่อน กันเอาไว้”

นิศากรไม่ถามอะไรอีก ในใจรู้สึกเหมือนถูกสะกิด ภูดิสผู้ที่รู้ว่าจะมีเรื่องวุ่นไม่ยอมปริปากบอก ถึงสิ่งที่กังวลใจ ขอนอนคิดก่อนสักคืน มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ระแวงก็ได้



เมื่อหลังมื้อเที่ยง หมดเวลาพักตามระเบียบของบริษัทแล้ว ทุกคนเข้าประจำโต๊ะทำงานของตัวเองอีกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่แพรพรรณซึ่งจบจากมื้อเที่ยงง่ายๆ เป็นอาหารจานเดียวที่สั่งมาแล้วก็ลุกจากชุดโซฟาที่ธเนศเพิ่งลุกขึ้นนี้ กลับสู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานต่อไป

พอนั่งปุ๊บ ประตูห้องก็เปิดปั๊บ พร้อมๆกับร่างสูงตรงกำยำผ่านประตูเข้ามา เสียงห้าวๆดังรัวบอกกับคุณเลขาหน้าห้อง

‘ไม่เป็นไรไม่ต้องบอกหรอก มีอะไรผมจัดการให้เองคุณเลขา’

‘คุณแพรคะ’ คุณเลขาครางหน้าแหย เมื่อเจ้านายหญิงคนเล็กหน้ามุ่ยทันควัน

‘ช่างเถอะ คนไม่มีมารยาท พูดไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่อง มาทำอะไรล่ะเนี่ย’ แขนเรียวกอดอกมองอย่างไม่พอใจ

มาทำไมเนี่ย ไม่อยากเห็นหน้า

‘มาดูหน้าเด็กนิสัยเสีย พูดจาไม่รู้เรื่อง หาเรื่องไว้ให้คนอื่นแล้วก็เดินหนี’ ธเนศเดินอาดๆมาเท้าเอว ก้มมองคนตัวเล็กกว่า ทำเสียงหาเรื่องเต็มที่


‘ไม่มีหรอกแถวนี้ มาผิดที่แล้วย่ะ ออกไปซะ’

‘ยืนหัวโด่อยู่นี่ไง เรื่องอะไรมาเจ้ากี้เจ้าการพาใครต่อใครมาป่วนฉันกันหา’

แพรพรรณเม้มปาก ตาวาววับอย่างเอาเรื่อง โดนหาว่าจุ้นจ้านเข้าอย่างนี้ แพรพรรณผลักอกยักษ์ตัวดำอย่างไม่เกรงกลัว

‘ฉันแค่ช่วยเพื่อน เหมือนอย่างคราวก่อนนั้นที่ฉันเคยช่วยนายให้ได้เจออรไงล่ะ เขากลับมาแล้ว ต้องการพบนายอีก ไม่ดีใจหรือไง’

‘ยุ่ง ยุ่งๆๆๆๆๆๆ’ เสียงห้าวรัวฉับๆ จับร่างเล็กบางเขย่าหัวสั่นหัวคลอน



เรื่องเมื่อครั้งก่อนนั้น ธเนศยังจำได้ดี คำบอกลาอย่างเจ้าแง่แสนงอนของอรอุมา เพื่อนสาวสมัยเรียนมัธยมร่างบาง ผิวขาวราวกับหยกเนื้อดี ใบหน้าอ่อนใส ดูลักษณะอ่อนหวานเรียบร้อยเสียเหลือเกิน น่ารักน่าทะนุถนอม ทั้งสองคนได้เจอกันในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ธเนศมองอย่างสนใจ เผอิญที่สุด แพรพรรณตรงเข้าทักทายอย่างเป็นกันเองและชักนำให้ได้รู้จัก สานสัมพันธ์กันโดยมีแพรพรรณเป็นตัวเชื่อม การออกจากบ้านเพราะมีนัดกับชายหนุ่มสองต่อสอง ไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับครอบครัวคนจีนอย่างอรอุมา พ่อแม่ของหญิงสาวไม่เห็นสมควรแน่ การนัดพบเจอะเจอหรือไปเที่ยวที่ต่างๆจึงมีกันสามคน

แพรพรรณพูดไม่หยุดเป็นนิสัย กล้าต่อล้อต่อเถียงด้วยอย่างสนิทสนม ต่างจากอรอุมาที่ค่อนข้างพูดน้อย เรียบร้อย ธเนศจึงชวนคุยด้วยเพื่อหญิงสาวจะได้รู้สึกดี จนบางครั้งที่รู้สึกตัวเสียงเจื้อยแจ้วก็หายไปเสียแล้ว เหลือเพียงเสียงอ่อนหวานเรียบเรื่อยที่เป็นคู่สนทนาอยู่

ระยะหลังๆธเนศพบว่า แพรพรรณตั้งใจปลีกตัวออกห่างเสียกลางคันทั้งที่ตัวเองเป็นคนเสนอโปรแกรมเที่ยวนี้เอง ไม่ยอมไปจนจบคอร์สที่ตั้งไว้

‘จะกลับได้ยังไง ไปคนเดียวเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก ไอ้ภูมันได้เตะฉันกลิ้งพอดีถ้ารู้ว่าทิ้งน้องมันกลางทางแบบนี้’

‘นี่ฉันโตแล้ว เรียนมหาวิทาลัยแล้ว ดูแลตัวเองได้ย่ะ’

‘ไม่ให้ไป!!!’ ไม่พูดเปล่า ลำแขนแข็งแรงยังล็อคคอแพรพรรณไว้แน่น เป็นเชิงว่าถ้าจะไปก็จงถอดหัวไว้ที่นี่ ทำได้ก็เอา

อรบอกแพรเองค่ะ จะมีแค่เราสองคนบ้างไม่ได้หรือคะ อรงงไปหมดแล้ว พี่ธเนศคิดยังไงกันแน่ พี่ชอบอรหรือเปล่าคะ หรือเป็นแพรกันแน่ อรว่าเราห่างกันสักพักเถอะค่ะ ถ้าพี่ธเนศแน่ใจว่าชอบอรเมื่อไหร่เราค่อยพบกันอีกครั้ง แต่ครั้งหน้าต้องไม่มีแพร

ธเนศติดต่อกลับไปอีกครั้ง ข้อเสนอที่อรอุมาตั้งมาได้รับการตอบรับ ครั้งนั้นไม่มีแพรพรรณ หัวข้อสนทนาตีบตันเมื่อไม่มีคนช่างพูดและจบลงด้วยสองคนต่างแยกย้ายกันไป ด้วยเหตุผลที่ว่า

‘บ้านของอร ยังไม่อยากให้อรคบกับใครค่ะ ขอโทษพี่ธเนศด้วย’

แล้วก็ห่างหายไม่พบกันอีก จนกระทั่งเมื่อวานนี้

‘พี่ธเนศคะ เราเริ่มกันใหม่ได้ไหมคะ’

ธเนศอึ้งและงงงัน



‘ดี ยุ่งนัก เพราะฉะนั้นยุ่งให้ตลอดนะ ห้ามหนีไปไหน จะได้คอยดูว่ามันจะสำเร็จเหมือนอย่างที่เธอตั้งใจไว้สักเท่าไหร่’

‘ฉันไม่มีความตั้งใจอะไรทั้งสิ้น กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ยุ่งเรื่องของนายอีก’

ร่างเล็กจบบทสนทนา ทำงานต่อไม่สนใจอีก ธเนศทำเช่นเดียวกัน ไม่มีเสียงพูดคุย หากจบลงด้วยการทิ้งตัวลงนอนเอกขเนกบนโซฟาตัวนิ่ม

แพรพรรณโยนปากกาลงบนโต๊ะ คว้าเมาส์มากระแทกโต๊ะ ลากไปกระแทกไป เสียงดังโครมครามอย่างไม่สบอารมณ์ ขวางหูขวางตาของดำที่กองอยู่บนโซฟาเสียเหลือเกิน กวาดเท่าไหร่แกะเท่าไหร่ก็ไม่หลุดไปเสียที ติดหนึบอย่างกับทากาว

โสดเฉพาะคืนนี้ พรุ่งนี้เห็นทีไม่โสด ใครมัวแต่ช้าจะอด เพราะพี่โสด เฉพาะคืนนี้

เสียงเรียกเข้ามือถือเครื่องจิ๋วที่มีความสามารถพิเศษหลายอย่างตามแบบนิยม แพรพรรณเบ้ปาก ทำเสียงแหวะออกมาดังๆ คนกระเด้งตัวจากท่านอนเอกขเนกบนโซฟามารับโทรศัพท์ มองนิดนึงก่อนส่งเสียงตอบรับ

“ฮัลโหล อรเหรอ ใช่ๆ นั่นแหละ ถูกแล้ว ใช่ รอเดี๋ยวนะ กำลังจะลงไปครับ” นิ้วแข็งแรงกดวางสาย ลุกขึ้นดึงเสื้อผ้าให้เรียบตึง ก้าวฉับๆไปคว้าแขนเล็กปลิวติดมือไปด้วย ไม่นำพาคนจิกเท้ากับพื้น ร้องโวยวายไปตลอดทางสักนิดเดียว



-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*

blue lily ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตค่ะ & คำชมพี่ภู พี่ภูดีใจสุดๆ ฝากมาจุ๊บ1ทีค่ะ นายธเนศเสียวสันหลังวาบๆ หมอนัดคิดถึงแฟนคลับทุกคนเช่นกันจ้า

kakok_riwkiw - สุขสันต์เช่นกันจ้า ขอบคุณมากที่มาโหวตให้นะคะ

bloggang Award ครั้งที่4 เริ่มขึ้นแล้วค่ะ โหวตได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่6มกรานะคะ

มีการปรับเปลี่ยนวิธีการโหวต จากเดิมที่ให้เลือกโหวตให้เพียงสาขาละ 1 คน ครั้งนี้จะสามารถให้โหวตได้สาขาละไม่เกิน 3 คน และสามารถให้คะแนนแต่ละคนที่คุณโหวต เพื่อเป็นการจัดลำดับความชอบอย่างชัดเจนได้ด้วย โดยมีสาขาการประกวดที่หลากหลายตามเนื้อหามากขึ้น

ส่วนของพวกเราชาวlove ที่มีblogทั้งหลายคงไม่พ้นสาขา Best Literature Blog : blog งานเขียน-บทประพันธ์ ที่คุณชื่นชอบมากที่สุด

เชิญชวนทุกคนนะคะ

ของฟ้ารินไปได้ที่//punnarm-farin.bloggang.com

link อยู่ทางด้านขวามือบนสุดนะคะ ขอสักคะแนน2คะแนนก็ยังดีนะ
ปล.อย่าลืมloginก่อนโหวตนะคะ




Create Date : 12 ธันวาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 16:40:26 น.
Counter : 253 Pageviews.

5 comments
  
สนุกมากค่ะ อ่านมาทุกตอน ติดแล้วนะเนีย เพราะพี่ฟ้ารินคนเดี่ยวเลย สู่ๆนะค่ะจะอ่านจนถึงตอนจบเลยค่ะ
โดย: เด็กดอยซ่าส IP: 203.172.199.254 วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:7:59:45 น.
  
ฮ่า...เชียร์นายดำ กรั๊กๆ กำลังจะทำอะไรน้อนี่
โดย: kakok_riwkiw วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:20:36:01 น.
  
สนุกมากค่ะ ติดตลอด เป็นกำลังใจให้นะคะ น่ารักดีสำหรับนิยายที่แต่ง เอาใจช่วยค่ะ
โดย: moomoo IP: 203.154.155.18 วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:9:40:32 น.
  
โอ๊ย มีเวลามาอ่านซะที เรื่องกำลังน่ารักเลย รีบมาต่อน๊ะค๊ะ
โดย: Pim IP: 208.120.81.38 วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:14:47:37 น.
  
ตามมาอ่านที่นี่นะจ๊ะน้องฟ้าริน
โดย: โอเ่ล่รสส้ม IP: 203.156.68.29 วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:23:04:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik