All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่19









บทที่19

“บลูเรียกฟ้าเปลี่ยนๆ”

“ฟ้าประจำอยู่ชั้นสองเปลี่ยน เป้าหมายเคลื่อนตัวแล้ว”

“มารีนเรียกบลู เรียกฟ้าเปลี่ยน มารีนประจำการใต้บันได กำลังจับตามองเป้าหมายเปลี่ยน”

เสียงเล็กๆส่งผ่านกันไปมาทางวิทยุสื่อสารสีสดใส ร่างเล็กคลานดุ๊กดิ๊กไปมา ผลุบๆโผล่ๆทางโน้นทีทางนี้ที ไม่มีใครใส่ใจเท่าใดนัก เปิดโอกาสให้เด็กหญิงร่างป้อมผิวขาวที่มีเครื่องหน้าทั้งคิ้ว คาง จมูก ปาก และดวงตากลมแป๋วชั้นเดียวเหมือนกันทั้งสามคนเป๊ะ สวมชุดกระโปรงสั้นสายดอกไม้เล็กๆต่างสีสัน จีบบานรอบตัว ผมยาวหยักศกน้อยๆนิ่มมือถูกรวบติดกิ๊บเล็กๆไว้ครึ่งหนึ่ง เล็ดรอดสำรวจไปทั่วงาน ไม่เว้นแม้กระทั่งชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ เปิดเข้าเปิดออกปประตูเกือบทุกบานในบ้าน กระทำการอย่างเงียบเชียบ คิดว่าตัวเองกำลังสวมบทบาทเป็น สามสาวนางฟ้าชาลี



อิมมี่ กระเทยสาวผู้จัดการส่วนตัวที่แกล้งทำทีเป็นถ่ายภาพบรรยากาศงานโดยรอบ แต่แท้ที่จริงแล้ว กล้องวีดีโอขนาดเหมาะมือนั้นกำลังดึงภาพนางร้ายสาวควงแขนภูดิสอย่างสนิทสนมไปทักทายเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนซึ่งนั่งจับกลุ่มกันอยู่มุมหนึ่ง

“น่านๆๆๆ ฮู้ย เกาะเป็นปลิงเชียวนะคะคุณน้อง ชาตินี้จะได้เป็นนางเอกกับเขาเหรอเนี่ย อีตาผู้กำกับนั่นตาถั่วหรือไม่ก็หวังเคลมแหงๆ ทำมาทาบทามจะให้เป็นนางเอก”

เมื่ออยู่ห่างหูห่างตา ผู้จัดการส่วนตัวเป็นอดเม้าท์ไม่ได้ ถึงรู้ว่าไม่มีใครฟัง แต่ก็คิดออกมาเสียงดังๆ ส่วนตัวอิมมี่แล้วไม่ได้มีมิตรจิตจะรักใครรัญชิดาแม้สักน้อย แต่ด้วยคำว่าเงินและท้องไส้ยังคงเรียกร้องอาหาร จึงจำเป็นต้องทนให้นางร้ายสาวแว้ดใส่ทุกวี่วัน อิมมี่เบ้ปากใส่หน้าจอกล้องที่ตัวถืออยู่ ไม่รู้ตัวว่าด้านหลังยังมีอีกหนึ่งคน กระโดดเหยงๆแอบดูแอบฟังอยู่



“ฟ้าเรียกบลู เรียกมารีน ลูกสมุนของเป้าหมายหลักกำลังปฏิบัติการบางอย่างที่คาดว่าน่าจะเป็นปฏิบัติการวีดีโอคลิปเหมือนในหนังที่โฆษณาเลย เปลี่ยน” แม่หนูฟ้ากรอกเสียงเล็กๆส่งผ่านไปถึงอีกสองพี่น้องฝาแฝด

“โอ้โห มารีนอยากดูบ้าง” แม่หนูมารีนร้องมาตามสาย

“ไม่ได้นะ มารีนต้องประจำตำแหน่ง รายงานมาเดี๋ยวนี้ เป้าหมายหลักทำอะไรอยู่” แม่หนูบลูห้าม พลางสั่งให้รายงาน

“นางปีศาจ เอ๊ย! เป้าหมายหลักเกาะแขนใครหว่า อ๋า...อาภูนั่นเอง” แม่หนูมารีนเพ่งมองแล้วร้องอย่างจำได้ ว่าเขาเป็นเพื่อนของบิดาของทั้งสามที่พกเอาลูกๆมาร่วมงานทุกปี “สงสัยจะกลัวหลงทาง เหมือนเวลาป๊ะป๋าสั่งให้เราจับมือกันไว้ตอนไปเที่ยวห้าง จะได้ไม่หลง” แม่หนูมารีนวิเคราะห์อย่างมีหลักการ อีกสองแฝดพยักหน้าเห็นด้วย

“นี่ๆ เปลี่ยนจากเป้าหมายหลักเป็นนางปีศาจดีกว่า มารีนว่าเหมาะกว่าเยอะเลย”

“บลูเห็นด้วย”

“โอเค มติเป็นเอกฉันท์” แม่หนูฟ้าทำเก่ง เลียนแบบคำพูดตามเจ้าหน้าที่รัฐใช้ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้เหมือนเปี๊ยบ เพราะแอบไปถามป๊ะป๋ามาแล้วว่ามันแปลว่าอะไร “ตกลงเราจะเปลี่ยนโค๊ดลับเป็นนางปีศาจแทนเป้าหมายหลัก”



เสียงเพลงดังไม่เบานักจากเครื่องเสียงชุดใหญ่กลางห้อง ทำให้การคุยไม่สะดวกนัก ต้องตะเบ็งเสียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจขัดขวางการนินทาของผู้ร่วมงานไปได้

“นี่ๆเธอ ได้ยินข่าวมานะ เขาว่ากันว่าเพราะว่ายัยรันจะหันไปหาภู พี่ประภพก็เลยน้อยใจ ควงยัยดาวร้ายรุ่นน้องมายั่ว ยัยนั่นเลยถือโอกาสเลิกซะตอนนั้นเลยไง”

“จริงเหรอ ยัยรันยังร้ายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย”

“อ้าว! ตกลงยัยรันจับภูได้เหรอ เสียดายสุดๆนะเนี่ย”

“ได้อะไรกัน ก็ภูเขาเลิกสนใจยัยนั่นไปตั้งนานแล้ว มีใหม่ๆเอ๊าะๆดีกรีนักเรียนนอกมาให้เลือก ลูกสาวนายกสมาคมอะไรนั่นไง คนนี้แม่ปลื้ม” คนพูดทำท่ายกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งกางออกเป็นรูปเครื่องหมายถูกประกอบด้วย

เพื่อนผู้ชายหลายคนที่นั่งอยู่ในวงล้อมนั้นด้วยแอบมองหน้ากันแล้วพาส่ายหัว พวกผู้หญิงช่างนินทากันจริง ทั้งๆที่อยู่ในงานของเขาแท้ๆ ยังกล้าอีก ขาเม้าท์เจ้าเดิมตั้งท่าอ้าปากจะนินทาเจ้าของงานต่อต้องชะงัก เพราะร่างสเพรียวในชุดแดงที่ถูกนินทาเกี่ยวแขนภูดิส ผู้ร่วมถูกนินทาก้าวเข้ามา

“คุยอะไรกันอยู่ เม้าท์ฉันรึเปล่า”

ผู้ถูกถามหลายคนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เพราะโดนเข้าไปเต็มๆ แต่แล้วก็รีบปรับสีหน้าให้ร่าเริงดุจเดิม ปั้นยิ้มกว้างให้เจ้าของงานที่นึกรู้เช่นกันว่าต้องถูกนินทา แต่เธอเฉยชาเสียแล้ว เล่นละครทำหน้าไม่รู้เสียก็สิ้นเรื่อง ในขณะที่เพื่อนชายหลายคนในวงนั้นเห็นละครโรงเล็กนั้นแล้วก็กลั้นขำจนใหล่กระเพื่อม

“เฮ้ย ภู ธเนศ มาๆๆๆ กำลังพูดถึงอยู่พอดี เนอะพวกเรา” หนุ่มหนึ่งอาจหาญ แกล้งเสียดสีอย่างขำๆ ร้องเรียกให้อีกสองผู้มาใหม่ร่วมนั่งล้อมวงด้วยกัน ท่ามกลางสายตาราวมีดคมที่พุ่งตรงมาหมายจะแทงกระซวกให้เลือดอาบ

สองหนุ่มทรุดตัวลงบนโซฟาเดียวกันที่เหลือ แต่แล้วหนุ่มผิวน้ำผึ้งก็มีอันต้องกระเด็นไปที่โซฟาอีกตัว เพราะรัญชิดาแทรกตัวมากระแทกเขา และสวมรอยนั่งเคียงร่างสูงของภูดิสแทนหน้าตาเฉย

‘เฮ้ย อะไรวะ ยัยนี่ สะโพกทอร์นาโดจริงๆ ชนทีกระเด้งไปเกือบแปดลี้’ หนุ่มผิวน้ำผึ้งบ่นงึมงำ จำใจสละที่ให้นางร้ายสาวแทน

“แกสองคนเป็นไงกันบ้างวะ กิจการรุ่งเรืองดีนี่” หนุ่มผู้อาจหาญคนเดิมตั้งคำถาม

“ก็เรื่อยๆนั่นแหละ” ภูดิสเป็นฝ่ายตอบ

“เรื่อยๆของแกนี่ เจริญขึ้นเรื่อยๆใช่ไหมวะ อิจฉาจริงวุ้ย”

“เรื่องอะไร” ภูดิสถามงงๆ

“ทำเป็นไก๋ เรื่องงานก็รุ่ง สาวก็รุ่ง เฮ้อ...สลับร่างกันกับฉันดูไหมวะ ฉันอยากลองเป็นแกดูสักวัน” คนพูดทำตาลอยชวนฝัน คนถูกแซวไม่ยักเห็นดีด้วย ไม่ลองมาเป็นเขาก็ไม่รู้หรอก วุ่นวายจะตายไป ธเนศอยากขำกลิ้งเหมือนตอนอยู่บนรถอีกสักที

“สาวน้อยที่ลงข่าวกับแกเป็นไงวะ น่ารักไหม ที่เป็นลูกสาว...ใครนะ…”

“นายกสมาคมแม่บ้าน” สาวขาเม้าท์เห็นเพื่อนทำท่านึกไม่ออกก็เสริมต่อให้ ขณะที่รัญชิดานิ่งฟังการสนทนานั้นอย่างเงียบขรึม

“น้องนิน่ะเหรอ” ธเนศแทรกขึ้น เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้อย่างดี

“ชื่ออะไรนะ” สาวขาเม้าท์ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“น้องนิ แต่เจ้าภูมันเรียกหนูนิตามน้องกับแม่ แล้วแม่กับยัยเปี๊ยกก็เรียกตามแม่ของน้องนิอีกที สรุปว่าภูมันเรียกตามว่าที่แม่ยายมันอีกทีนั่นแล” หนุ่มผิวน้ำผึ้งแอบแซวตอนท้าย เลยได้สายตาดุขึ้งจากภูดิสลอยมา แต่ไม่เถียงสักคำ

“ตกลงชื่ออะไรกันแน่วะ”

“หนูนิ นิศากร น่ารักอย่างนี้เลย” ธเนศชูนิ้วโป้งยื่นมาสุดมือ โปรโมทต่อไปอีกว่า “กำลังจะเปิดร้านเสื้อเป็นของตัวเองด้วย ยัยเปี๊ยกกรี๊ดกร๊าดใหญ่ เห่อยิ่งกว่าเป็นร้านของตัวเองเสียอีก”

คนอื่นๆร้องอู้ ชื่นชมในความสามารถ แต่หนึ่งคนในวงล้อมนั้นยิ้มเหยียด ไม่เห็นจะวิเศษตรงไหนเลย จะเป้นใครไปได้อีกที่คิดอย่างนี้ นอกจากนางร้ายสาวนั่นเอง

“เดี๋ยวๆ ยัยเปี๊ยกของแกนี่ใครวะ” ถามเพราะไม่เข้าใจฉายาติดปากของธเนศ

“ยัยแพรไง น้องเจ้าภูมันที่ตัวเล็กกะปิ๊ด พูดมากๆนั่นไง” หลายคนร้องอ๋อยาวยืดเพราะจำได้ ภูดิสส่ายหัว มันน่าแกล้งโทรเรียกแพรพรรณให้มานั่งบ่นให้หูชานัก ไอ้หมอนี่เล่นแซวพี่ไม่พอ นินทาน้องเขาต่อหน้าซ้ำเข้าอีกด้วย

“สองคนนี่เขาสนิทกัน แม่ๆเขาก็ด้วย” หนุ่มผิวน้ำผึ้งบบรรยายต่อ “นี่ถ้าไม่มีมาร เอ๊ย ! อุปสรรค เส้นทางรักของเจ้าภูมันก็คงจะราบรื่นมาก” เขาลากเสียงยาว แสดงให้รู้ว่ามากแค่ไหน

“ขนาดนั้นเชียว”

“คุณแม่เขาปลื้ม” ธเนศขยายต่อ เลียนแบบประโยคยอดนิยมในช่วงหนึ่ง เพราะตรงใจมากที่สุดแล้ว

“ยืนยันได้ จริงไหม...รัน” ธเนศหันมาถามหน้าซื่อ หากดวงตาไม่ได้เป็นไปตามนั้นด้วยเลยสักนิด มันส่อแววกวนอารมณ์ชัดๆ

รัญชิดาที่กำลังเคืองต่อประเด็นสนทนาที่ยกเอาคู่แข่งของเธอมาชื่นชมหน้าตึงขึ้นมาทันควัน หน้ากากนิ่งเรียบรับฟังอย่างสงบเลื่อนหลุดไปชั่วครู่ เผยให้เห็นดวงตาวาวโรจน์แบบนางร้ายชัด อีกทั้งเสียงแค่นในลำคอดังลอดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ทุกคนเห็นและได้ยินชัดเจน ภูดิสหันขวับตามเสียงนั้น ขมวดคิ้วมุ่น ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า เพราะรัญชิดารีบปรับสีหน้าทันทีที่รู้ตัว

“ก็...คงอย่างนั้นละมั้ง ไม่รู้เหมือนกัน ภูไม่เคยบอกฉันอย่างนั้นนี่” นางร้ายสาวโต้กลับด้วยรอยยิ้มละไม ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย หันไปรับแก้วน้ำที่เด็กรับใช้นำมาเสริฟมาส่งต่อให้ภูดิสและของตัวเอง ส่วนของหนุ่มผิวน้ำผึ้งปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเด็กรับใช้ไป ธเนศยักไหล่ ไม่ใส่ใจอาการเสียมารยาทของเจ้าของงาน พูดเสียดใจนางร้ายสาวต่อไปอีกว่า

“เออ ลืมไป ไม่สนิทถึงกึ๋นจริงๆ นายนี่มันไม่ค่อยปริปากบอกเรื่องส่วนตัวหรอก” หนุ่มผิวน้ำผึ้งเอ่ยให้เห็นถึงลำดับความสำคัญระหว่างตัวเขาและรัญชิดาว่านางร้ายสาวยังด้อยความสำคัญไปกว่าเขา ภูดิสถึงไม่แย้มพรายถึงความคิดในเรื่องส่วนตัวให้ฟัง รัญชิดาสะอึกหน้าตึงอีกยก ปรายสายตาคุกรุ่นส่งมาให้ หากคนรับก็ไม่สะทกสะท้านดังเคย



อีกฟากหนึ่งของเมือง กลุ่มหญิงสาวกลุ่มใหญ่สังสรรค์กันเฮฮาในผับหรูราคาแพง สาวๆแต่งตัวสวยงามตามสมัยด้วยความที่เรียนมาทางนี้ร่วมกัน ไม่มีใครยอมหลุดจากกรอบความสวยงามตามสไตล์ของตัวเองให้น้อยหน้า ต่างคนต่างตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงดนตรีดังกระหึ่มรอบกาย บรรยากาศสลัวลาง แสงไฟถูกจัดให้สว่างแค่พอเห็นหน้ากันได้ เสียงหัวเราะดังเป็นระยะ สาเหตุด้วยมุขเสี่ยวหวานเชื่อมของสาวประเภทสองประจำกลุ่มที่พกเอาแฟนหนุ่มหล่อล่ำบึ้กมาอวดแก่สายตาเพื่อนสาวให้อิจฉาเล่นมาปล่อยให้กลางวง ถือโอกาสแทะโลมแฟนหนุ่มของตัวต่อหน้าประชาชีจนหลายคนตาร้อนผ่าว บ่นอุบอย่างอิจฉาแกมเสียดายร่างกายกำยำสมชาย หากจิตใจกลับฝักใฝ่ทางเพศที่สาม

เครื่องดื่มบนโต๊ะเล็กพร่องไปอย่างรวดเร็ว เพราะต่างยกขึ้นจิบแก้เจ็บคอเวลาตะโกนคุยกัน ลืมคำนึงถึงฤทธิ์แอลกอฮอล์ของมันไปชั่วขณะ โชคดีที่มันเป็นส่วนผสมเพียงน้อยนิด ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนเมากลิ้งกันไปอย่างไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างร่างเล็กที่เริ่มโงนเงนน้อยๆอย่างแพรพรรณ หญิงสาวพูดไม่หยุดปาก ถามโต้งๆใส่หนึ่งสาวในกลุ่มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“หนูนิกลัวล่ะสิ ใช่ไหมละ พี่ภูบุกไปหาเรื่องใส่ตัวถึงรังยัยตัวร้ายรัญชิดาถึงที่เลย ไม่รู้จะยัยนั่นจะมีแผนอะไรอีกหรือเปล่า”

แพรพรรณชี้นิ้วไปที่หน้าของนิศากร หญิงสาวอดอึ้งไม่ได้เพราะแทงใจเข้าเต็มเปา อดปริวิตกในใจไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างที่แพรพรรณพูดออกมา เพื่อนเธอคนนี้ไม่ค่อยคาดเดาอะไรผิดพลาดเสียด้วยสิ

นิศากรถอนใจ ทั้งที่พยายามแล้วที่จะไม่สนใจ แต่ก็ยังคงว้าวุ่น เมื่อชายหนุ่มโทรศัพท์มาเผยว่าได้รับคำเชิญจากรัญชิดาให้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดที่จัดขึ้นที่บ้านของนางร้ายสาวเองและลากเธอไปร่วมใช้ความคิดเลือกของขวัญให้ศัตรู ดูทำเข้า

‘พี่ภูคิดอะไรอยู่คะ ให้นิเลือกของขวัญให้ยัยนาง...เอ๊ย! คุณรัน’ นิศากรตะครุบคำพูดตัวไว้ทัน แต่ภูดิสก็พอเดาได้ว่าเธอจะเรียกรัญชิดาว่าอะไร คงเป็นคำเดียวกันกับที่น้องสาวเค้าเรียกนั่นแหละ ยัยนางร้าย

‘คิดว่าหนูนิเป็นคนใจดี น่ารัก’ ภูดิสโปรยคำหวานอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน หญิงสาวไม่อยากหันไปมองสบตาเขา แค่นี้เธอก็หวั่นไหวจะแย่

‘ถ้านิเลือกหมามุ่ยยัดใส่กล่องไปให้ ยังจะพูดแบบเดิมอีกหรือเปล่าคะ’

‘จะทำจริงเหรอครับ’ เขาแค่ลองถามดู ไม่นึกว่าคำตอบที่ได้ยินต่อไปจะทำให้รู้สึกเสียวแทนเพื่อนสาวไม่ได้ เพราะดวงตาของเธอช่างเต็มไปด้วยความมาดหมายจริงๆ

‘ก็น่าลองดู เขาเคยกรี๊ดใส่นิจนหูแทบแตก หลอกอีกตั้งหลายครั้ง มันก็น่าแก้แค้นอยู่เหมือนกัน ว่าไหมคะ’

‘เราควรระงับเวรด้วยการไม่จองเวรนะครับ’ ภูดิสยกคำพระเข้ามาเตือนสติ นิศากรเลยค้อนเข้าให้ นี่เขาคิดว่าเธอจะทำจริงๆหรือไงกัน บ้าจริงๆเลย

สุดท้าย น้ำหอมก็คือของขวัญแบบเบสิคสุดๆเลยมาอยู่ในมือเธอ แอบแก้แค้นเล็กน้อย ด้วยการเลือกกลิ่นที่ฉุนที่สุดให้นางร้ายสาว อำพรางเจตนาร้ายนิดๆด้วยขวดสวยงามและจัดการให้พนักงานใส่กล่องห่อเสร็จสรรพแบบไม่ยอมให้แกะก่อนถึงมือผู้รับได้เด็ดขาด

ขอโทษนะคะพี่ภู บางครั้งการจองเวรบ้างเล็กๆน้อยๆก็ทำให้เราสบายใจได้ โดยเฉพาะคนถูกจองเวรไม่รู้ว่าคนจองเวรเป็นใคร ฮิๆ

‘จริงๆแล้วมันก็เหมือนงานรวมเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนี่เองแหละ นานๆเจอกันทีคงคุยกันยาว กลับดึกแหงๆ’

‘มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ อย่างพวกเพื่อนนิ ต้องหาที่รวมกันนอนค้างบ้านใครสักคน’

‘มีหวังได้ตื่นสายไม่ทำงานช้ากันพอดี พี่ว่าสักสี่ทุ่มคงต้องขอลา ดีไหมครับ’ ชายหนุ่มหันมาถามเป็นเชิงขอคำปรึกษา

‘ก็ดีค่ะ ไม่เร็วไปจนน่าเกลียด’

‘พี่ไปตอนหนึ่งทุ่ม กลับสี่ทุ่ม ถึงบ้านคงราวๆห้าทุ่มนะครับ’ เขากระตุกยิ้มมุมปาก รายงานแผนความเคลื่อนไหวคร่าวๆของตัวเองให้เธอรับทราบ ราวกับรายงานความประพฤติที่บิดาเธอเคยทำกับมารดาเธอยังไงอย่างงั้น ลึกๆเธอพอใจที่ได้ยิน แต่กลับทำเสียงเฉยบอกเขาหน้าตายกลับไป

‘เรื่องของพี่ภู ไม่เกี่ยวกับนิเสียหน่อย’



ทั้งที่นิศากรบอกไปอย่างนั้นว่าไม่สนใจ แต่ใจกลับทรยศปาก ไม่เป็นไปอย่างที่บอกเลยสักนิด ต้องโดดออกจากบ้านมาหาเรื่องทำ อยู่กับอย่างอื่นไม่ให้จิตใจต้องว้าวุ่น แต่ก็ไม่พ้นเรื่องนี้ไปได้ แม่เพื่อนจอมเจื้อยแจ้ว ทำท่าเมา เมาแล้วก็ยิ่งพูด แถมพูดแบบจี้ใจเสียด้วย เสียงเพลงนั่นก็อีก เหมือนกำลังว่าเธอกลายๆยังไงก็ไม่รู้ โดยเฉพาะประโยคเด็ด ประโยคเดียวกับชื่อเพลง

ปากฉัน...ไม่ตรงกับใจ

“ไม่ต้องห่วงมากนะ เราสั่งนายดำให้เกาะพี่ภูไว้แล้ว ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวหน้าแก่นะเออ” น้ำเสียงปลอบออกจะป้อแป้เล็กน้อย และยังมีกะใจห่วงสวยแทนเพื่อนอีกต่างหาก แล้วก็ตามต่อมาด้วยคำปลอบใจอีกมากมายจากเพื่อนสาวทั้งหลาย



ถึงเวลาตัดเค้ก รัญชิดาคว้าภูดิสไปยืนข้างตัวตามติดด้วยธเนศซึ่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ งานนี้อาจมีปาปารัสซี่แปลกหน้ามาสอดส่อง แต่นั่นแหละ เขาจะรู้ได้ยังไง เขาไม่ใช่คนวงในนี่นา คงทำได้แต่เกาะติดจนแทบจะแนบชิดไปกับเพื่อนจนน่าขนลุกในความรู้สึกเล็กน้อย แบบว่าไม่มีทางเก็บเอาไปลือได้เลยว่าสองคนนี่แอบไปจู๋จี๋กันสองต่อสองได้ เพราะยังมีเขาคอยแทรกบทสนทนาอยู่เรื่อยๆแทบจะเป็นประโยคต่อประโยค แอบกัดบ้าง กระแทกบ้างอย่างสนุกสนาน

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู....เย้!” เสียงร้องประสานกันในท่อนสุดท้าย เจ้าของวันเกิดเป่าเทียนก้อนโตน่าทาน ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ออกกว้าง ทำให้ใบหน้าสวยใต้แสงสลัวนั้นน่าจับตามองยิ่งขึ้น แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ชะงักค้าง เมื่อพบอีกคนแทรกตัวเข้ามาหาพร้อมช่อดอกไม้สวยและกล่องของขวัญ

“สุขสันต์วันเกิดจ๊ะรัน” ประภพก้าวเข้ามาแทรกกลางระหว่างนางร้ายสาวและภูดิส ซึ่งภูดิสก็ฉากตัวหลบให้อย่างเต็มใจ ผู้ร่วมงานมองมาเป็นตาเดียว อยากรู้ว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อคนรักเก่ามาหาถึงที่

“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวเสียงสั่นน้อยๆ รับมาแต่ไม่มองหน้าคนให้เลยสักนิดเดียว ปรับอารมณ์อ่อนไหวในใจเป็นแข็งกร้าว หันไปจัดการตัดเค้กชิ้นแรก เลี่ยงไปส่งให้ภูดิส ยิ้มหน้าชื่นให้เขา เขารับและขอบใจเบาๆ เหลือบมองคนรักเก่าของหญิงสาวแล้วอยากถอนหายใจดังๆ ประภพมองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“สำหรับภู คนดีที่สุดของเรา ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันเสมอ ยามที่เราทุกข์ใจ ขอบคุณมากๆนะ” รัญชิดาขยับเข้าไป สอดแขนเข้ากับเอวชายหนุ่ม ซบหน้าลงกับอกกว้างนิ่งนาน เรียกเสียงฮือฮาจากทุกสายตา บ้างมองอย่างอิจฉา บ้างซุบซิบกันไปต่างๆนานา

และหนึ่งคนที่มองอย่างเจ็บปวด ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากประภพ เขาสะบัดหน้า ผละจากไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว รัญชิดามองเขาจากไปทางหางตา วูบในอกลึกๆ หากแต่ทำคอแข็งเชิดหน้าไว้อย่างทระนง คนที่ทรยศเธอ ทำให้เธอเจ็บ เขาก็ต้องได้รับความเจ็บปวดนั้นบ้าง

“ว้าย ยัยนางร้าย ปล่อยเดี๋ยวนี้นะยะ มาเกาะแกะของเค้าได้ยังไง ภูเขามีเจ้าของแล้วนะฮ้า จะบอกให้” ธเนศแกล้งทำเสียงเล็กแหลม ท่าทางกระตุ้งกระติ้ง แกะมือรัญชิดาและดันร่างเพรียวให้ออกห่างจากภูดิส แล้วว่าติดตลกอย่างที่จำมาจากลูกค้าสาวประเภทสองคุยกันระหว่างออกกำลังกายที่สปอร์ตคลับของเขา

“ยัยตุ๊กแก เผลอเป็นไม่ได้เชียว กระโดดเกาะอยู่เรื่อย” ฟังดูน่าขำแต่คนถูกตำหนิไม่ตลกไปด้วยสักเท่าไร ภูดิสทำหน้าเหยถามหนุ่มผิวน้ำผึ้งอย่างไม่แน่ใจ

“แกเป็นตุ๊ดตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ไม่รู้ ตอนเป็นไม่ได้ใส่นาฬิกา ไอ้บ้า!ฉันล้อเล่น” เสียงห้าวตะโกนเฉลย ทิ้งท่ากรีดกรายเพื่อนๆอึ้งไปหลายวินาทีปล่อยขำฮาครืนออกมา ภูดิสถอนใจโล่งอกยิ่งทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกระลอก ภูดิสถอนใจโล่งอกยิ่งทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกระลอก โจ๊กเด็ดของธเนศทำให้เขาสามารถแยกตัวออกจากรัญชิดาได้ เนื่องจากถูกดึงเข้าไปในกลุ่มผู้ชายซึ่งเอาแต่แซวแกมหยอกเรื่องเมื่อครู่ไม่หยุด

ในขณะที่ธเนศโล่งใจที่เปลี่ยนช็อตเด็ดน่าเก็บไปลือเป็นฉากตลกไปได้ เขาไม่รู้ว่าในอีกมุมหนึ่ง ผู้จัดการส่วนตัวของรัญชิดากำลังยิ้มอย่างสมใจกับผลงานของตัว ตรงรี่ขึ้นไปชั้นบน ห้องของนางร้ายสาว คว้าเอาคอมพิวเตอร์พกพาของตัวเองขึ้นมา จัดการต่อเข้ากับกล้องวีดีโอในมือ ถ่ายข้อมูลลงไป

อิมมี่เปิดเข้าโปรแกรมตัดต่อ เลือกตัดภาพเฉพาะมุมที่มองแล้วดูเหมือนรัญชิดาและภูดิสนั่งคลอเคลียแบบคู่รัก กระเทยสาวร่อนไปทั่วงานพร้อมกล้องวีดีโอในมือ ไม่มีใครรู้ว่ากำลังทำตามแผนร้ายกาจ สอดส่องตามมุมต่างๆเล็งไปที่สองหนุ่มสาว เพื่อหามุมกล้องเหมาะเหม็งชวนให้เข้าใจผิดแบบปาปารัสซี่ เปิดเวปเพจขึ้นมาเตรียมพร้อม เข้าเวปไซต์ชื่อดัง เตรียมตั้งกระทู้เด็ด

“วันหลังรับจ๊อบแอบถ่ายบ้างดีกว่า ฝีมือใช้ได้เลยนะเราเนี่ย คงหาเงินได้อื้อเลย” เสียงใหญ่ดัดให้เล็กชมตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ไม่ทันได้ดูว่าที่ประตูซึ่งเปิดแง้มไว้ มีสายตาอีกสามคู่กำลังจดๆจ้องๆไปที่หน้าจอ คิ้วเล็กๆสามคู่ขมวดพร้อมกัน เมื่อร่างของกระเทยสาวปิดไปมาบนเก้าอี้

“อุ๊ย!ว้าย! ตายๆๆๆ ประตูเขื่อนอย่าเพิ่งเปิดนะ รอเดี๋ยวๆๆๆ” อิมมี่ร้องปรามอวัยวะบางส่วนของตัวเองแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำไป

สามร่างเล็กๆจึงวิ่งกรูกันเข้ามาที่คอมพิวเตอร์ ภาพบนจอทำให้ทั้งสามตาโตกระซิบกระซาบกันกันเสียงเบา

“โอ๊ะ ดูนี่สิ ปีศาจเกาะอาภูด้วย จะเข้าไปสิงในร่างของอาภูแน่ๆ” นิ้วเล็กๆเคาะไปบนแป้นลูกศร เลื่อนไปภาพต่อไป ตามที่ครูเคยสอนให้ในวิชาคอมพิวเตอร์

“จุ๊บแก้มกันด้วย”

“อ๋า ปีศาจกอดอาภู” สามฝาแฝดร้องเอะอะแบบที่พยายามให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือน้อยของแม่หนูฟ้าตีไปบนแป้นพิม ไปโดนเข้ากับปุ่มหนึ่ง เกิดหน้าต่างขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษที่ทั้งสามฝาแฝดแปลไม่ออก แต่มีให้เลือกสองอย่าง

“ซี เอ เอ็น ซี อี แอล” แม่หนูมารีนสะกดทีละตัวแล้วเกาหัว

“ซี เอ เอ็น แคน แปลว่ากระป๋อง” แม่หนูบลูตอบมาครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกสามตัวที่เหลือแม่หนูน้อยสั่นหัวด๊อกแด๊ก แปลไม่ออก

“โอ เค แปลว่าตกลง” แม่หนูฟ้าบอกแล้วจิ้มไปปุ่มนั้นทันที ภาพบนหน้าจอหายไปหนึ่งภาพ ทั้งสามร้องอู้ว์

“หายไปแล้ว ฟ้าทำไง เอาใหม่ซิ” แม่หนูบลูถามอย่างตื่นเต้น

“ไม่รู้ ก็ทำแบบนี้” มือน้อยตีไปบนแป้นพิมอีกครั้ง เกิดหน้าต่างเดิมขึ้นมา แม่หนูบลูจิ้มไปบนปุ่มโอเคเลียนแบบแม่หนูฟ้า ภาพอีกภาพหนึ่งหายไปอีก

“โอ้ อย่างนี้เอง” สามฝาแฝดทำต่อไปอีกเรื่อยๆ จนถึงสามภาพสุดท้าย แม่หนูมารีนคว้ากล้องวีดีโอเครื่องเล็กมาดู จิ้มมั่วๆไปบนหน้าจอสัมผัส หน้าจอที่นิ่งอยู่กลับเปลี่ยนเป็นภาพอีกสองแฝด ประตูห้องเปิดผางออก ร่างเพรียวก้าวเข้ามาตวาดเสียงดังเมื่อเห็นผู้แปลกปลอมทั้งสาม

“ทำอะไรน่ะ เด็กบ้า!” รัญชิดาตวาดลั่น รี่เข้าไปหากลุ่มเด็กที่กลุ้มรุมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พกพา สามฝาแฝดผงะ ทิ้งของในมือลงที่เดิม ร้องกรี๊ดไปรวมกันอยู่อีกมุมห้อง นางร้ายสาวร้องหาผู้จัดการส่วนตัวลั่น ฝ่ายหลังเปิดประตูห้องน้ำกุมท้องออกมา ร้องบ่น

“อะไรกันคะคุณน้อง ร้องเสียงดังลั่นไปหมด อ้าว แล้วนั่นเด็กที่ไหนคะเนี่ย”

“ทำอะไรอยู่ ไม่รู้จักดู ปล่อยให้เด็กบ้าพวกนี้มายุ่งกับคอมพิวเตอร์ได้” หญิงสาวชี้กราดไปที่สามฝาแฝด

“คุณพี่เขื่อนแตกค่ะ สงสัยเพราะซูชิปลาดิบแน่ๆเลย”

“ไปเช็คดูซิ ว่ามีอะไรเสียหายบ้างรึเปล่า” รัญชิดาสั่ง อิมมี่ทำปากขมุบขมิบไปตรวจดูแล้วร้องเสียงดัง หน้าตาเลิ่กลั่ก

“รูปๆๆ ไปไหนหมดล่ะ ว้าย! แม่เจ้า ในกล้องนี่ก็ไม่มี” ภาพในหล้องวีดีโอที่ถ่ายไว้ทั้งหมดถูกอัดทับด้วยฝีมือแม่หนูน้อยมารีนไปแล้ว

“ต้องเป็นไอ้เด็กบ้าพวกนี้แน่ ฮึ้ย!” นางร้ายสาวตวัดสายตาโกรธเกรี้ยวไปทางทั้งสามซึ่งตัวสั่นลนลาน

“กรี๊ด!!! ปีศาจมาแล้ว ช่วยหนูด้วย” สามฝาแฝดพล่านวิ่งไปทั่วห้อง ปีนป่ายขึ้นตามที่สูง ทั้งตู้ โต๊ะ เตียง ปัดของตามชั้นลงมาใส่นางร้ายสาว ป้องกันตัวจากมือปีศาจที่ไล่ตะครุบ รัญชิดาหัวหมุนไม่รู้จะจับใครก่อนดีวิ่งตามคว้าตัวมั่วไปหมดเช่นกัน

“กรี๊ด!!! ป๊ะป๋าจ๋า ช่วยหนูด้วย” หนูน้อยทั้งสามวิ่งกรูกันออกมาจากห้องร้องลั่นๆไปทั่ว เสียงเอะอะดังลอดลงมาถึงห้องข้างล่าง รัญชิดาคว้าตัวแม่หนูบลูที่วิ่งช้าที่สุดได้ มือเรียวฟาดไปที่ก้นดังป้าบ หนูน้อยร้องไห้จ้า น้ำตาร่วงพรู เรียกหาพ่อและฝาแฝดอีกสองคนที่วิ่งนำหน้า

“แงๆๆๆ ป๊ะป๋า ฟ้า มารีน ช่วยด้วย ฮือๆๆ”

“ร้องทำไม เงียบเดี๋ยวนี้นะเด็กบ้า” สิ้นเสียงตวาดแว้ด สองฝาแฝดก็วิ่งกรูกันเข้ามาทั้งเตะทั้งตีนางร้ายสาวชุลมุนไปหมด

“ปล่อยนะ ปีศาจใจร้าย ปล่อยบลูนะ”

“ป๊ะป๋าๆๆๆ ปีศาจจะตีบลู ป๊ะป๋าช่วยด้วย”

รัญชิดาร้องโอยด้วยความเจ็บปวด ถึงแม้จะเป็นแรงเด็ก แต่หากโดนเข้าหลายครั้งเข้าก็เจ็บได้เหมือนกัน นางร้ายสาวผลักร่างป้อมทั้งสามให้ออกห่าง แต่ออกแรงมากไปสามฝาแฝดเลยล้มกลิ้ง แผดเสียงร้องระงม เรียกความสนใจให้ผู้ที่ขึ้นมาตามเสียงให้รีบเร่งเข้าใกล้ที่เกิดเหตุมากขึ้น

“อะไรกันน่ะ รัน” ภูดิสร้องถามเป็นคนแรก เมื่อเห็นหลานร้องไห้จ้าล้มกลิ้งอยู่กับพื้นรอบกายของรัญชิดา ตรงเข้าประคองร่างหลานทั้งสามพร้อมกับธเนศและคนอื่นๆที่ตามมาด้วยกัน ต่างอุ้มขึ้นมาปลอบกันเป็นการใหญ่

“ฮือ เจ็บ” แม่หนูน้อยร้องครวญ

“ฟ้า บลู มารีน ใครทำอะไรครับ บอกอาสิ” ภูดิสถามอ่อนโยน ลูบหลังไหล่หนูน้อยไปมาอย่างปลอบประโลม

“ปีศาจ ตี เจ็บ” แม่หนูมารีนสะอึกสะอื้น ชี้ไปที่หญิงสาวเจ้าของบ้าน ทุกสายตาเลื่อนไปมอง

“รัน ตีหลานทำไม” ธเนศถามเสียงดุ ไม่ว่าเด็กทั้งสามจะทำอะไร เขาก็เห็นว่าการลงโทษด้วยการตีไม่ทำให้เด็กสำนึกผิดได้ ซ้ำยังเป็นการทำรุนแรงอีกด้วย

“สามคนนี่ มาเล่นคอมฯฉัน ลบข้อมูลจนเสียหายหมด”

“อะไรเสียหายบ้าง” คำถามนี้เล่นเอานางร้ายสาวนิ่งงัน อยากบอกแต่ก็พูดไม่ได้

“รูป สมุนปีศาจ...ฮือ...บอกว่ารูปหาย” แม่หนูฟ้าเฉลย

“รูปอะไรครับ ฟ้า”

“รูปในนั้น อาภูจุ๊บแก้มปีศาจ มีเต็มไปหมดเลย”

“อะไรนะ! อยู่ไหน พาอาภูไปดูหน่อยซิ” ภูดิสขมวดคิ้วมุ่น ถามอย่างตกใจ อุ้มแม่หนูน้อยขึ้น เดินลิ่วไปทางห้องนอนหญิงสาวตามที่แม่หนูฟ้าบอก ทุกคนรี่ตามมา รัญชิดาร้องห้ามแต่ไม่มีใครฟัง

“อันนี้ๆ” หนูน้อยทั้งสามชี้ไปยังคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างอยู่เป็นทางเดียวกัน รูปที่เหลืออยู่ค้างบนหน้าจอ สามรูปสุดท้ายที่ยังไม่ถูกลบไป กล้องวีดีโอยังต่ออยู่กับเครื่อง ที่สำคัญคือหน้าเวปไซด์ที่เปิดค้างไว้ ฟ้องการกระทำได้ชัดเจน

นางร้ายชื่อดังสวีทหวานจ๋อยในงานเลี้ยงวันเกิดกับนักธุรกิจ

“บ้าเอ๊ย!คิดได้ไงเนี่ย น่าเกลียดสุดๆ” ธเนศสบถเสียงดัง เสียงซุบซิบดังขรม

ภูดิสพูดไม่ออก รูปเหล่านั้นชวนให้เข้าใจผิดด้วยมุมกล้อง ทั้งๆที่ไม่มีอะไรแบบนั้นเลยสักนิด เพื่อนร่วมกลุ่มในงานต่างเป็นพยานได้ เขาหน้าเครียด ผิดหวังในการกระทำของหญิงสาวมาก ลบรูปเหล่านั้นออกด้วยตัวเองแล้วพับคอมพิวเตอร์ปิดอย่างแรงด้วยอารมณ์โกรธ เขาผลุนผลันออกจากห้องผ่านหน้ารัญชิดาซึ่งยืนตัวสั่นอยู่หน้าประตู

“ภู เรา...” เธอคว้าแขนเขาไว้ เขาปลดมือเธออกแล้วตรงดิ่งออกไปแต่เธอไม่ยอมปล่อย ยังคงคว้าไว้อีก

“ภู คือว่า…”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วรัน” เขาแทรกขึ้น “เราผิดหวังมาก ไม่คิดว่ารันจะทำอีก เราคิดว่ารันจะเข้าใจแล้ว เราไม่คิดอะไรกับรันอีก”

“แต่คิดกับยัยเด็กนั่น ทำไม” ทั้งที่เธอกลับมาหาเขาแล้ว ยอมเป็นฝ่ายถูกเลือก ลงสนามแย่งชิง แต่ผลลัพท์กลับไม่ได้ดังใจ

“ใช่ แต่มันไม่มีเหตุผลที่ทำให้เราคิด รู้อย่างเดียวคือเขาทำให้เรายิ้มได้เพียงแค่ได้ยินเสียง ทำให้เราปล่อยวางมาดทุกอย่างที่เคยทำกับคนนอกครอบครัว เวลาอยู่กับหนูนิเราสบายใจที่สุดอย่างไม่เคยเป็น แม้แต่ตอนที่เราเคยชอบรัน” ภูดิสบอกตามที่ใจรู้สึก

“เลิกทำอย่างนี้เสียทีนะรัน เราขอร้อง ถ้ารันไม่หยุด เราจะไม่ยอมอีกต่อไป” พูดจบแล้วเขาก็จากไป ไม่ฟังคำตอบจากเธออีก รัญชิดาน้ำตาเอ่อ ตอนนี้เธอหมดหวังแล้วจะได้เขามาเคียงข้างคอยปลอบใจ เธอคงต้องอยู่เพียงคนเดียว มองเพื่อนมากหน้าหลายตาที่จับจ้องมาที่เธอ หลากหลายความรู้สึก แต่แน่ใจได้เลย ไม่มีใครเห็นใจและสงสารสักคน

รัญชิดาวิ่งไปอีกห้องหนึ่ง ปิดประตูทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง น้ำตาไหลเป็นทางในความมืดมิด เสียงเพลงจากด้านล่างยังคงดังแว่วมาให้ได้ยิน เธอลุกเดินไปเปิดม่าน มองลงไปด้านล่าง แขกเหรื่อทยอยกันกลับ ต่างโบกมือลากันยิ้มแย้ม บ้างกลับด้วยกัน อีกหลายคนจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างออกรส แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องของเธอ รถคันแล้วคันเล่าทยอยกันออกไปจากบริเวณบ้านเธอ สุดท้ายก็ไม่เหลือสักคัน มีเพียงเธอในความมืดมิด เงียบงัน เพียงคนเดียวในบ้านหลังใหญ่



-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*
โอย เขียนไปเขียนมา ยาวปรื้ดอีกแล้ว หวังว่าทุกคนคงไม่จ้องตคอมกันจนตาบอดไปซะก่อนนะคะ หากทำใครปวดตา ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย แฮะๆ

kikkak_riwkiw - เอาเลยจ๊ะ ตามสบาย เขียนคอมเม้นละตัวก็ไม่ว่า

g - ใจดีจังเลย สงสารพี่ภูด้วย แล้วคราวนี้จะสงสารนางร้ายด้วยรึเปล่าคะ

Smillzz - ทายผิดอีกแล้ว คราวนี้ส่งมาซะดีๆ เก็บตังค์ค่ะเก็บตังค์

une playful pizzicato- รอนานเหงือกแห้ง แต่ฟ้ารินว่าตอนนี้คงอ่านกันตาโบ๋แน่เลยค่ะ

ยารีส - เอามาส่งแล้วนะคะ ตามคำทวงเลยค่ะ ยาวปรื้ดเลย สะใจเลยนะคะ




Create Date : 31 สิงหาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 17:59:25 น.
Counter : 321 Pageviews.

4 comments
  
โหห..คุณฟ้ารินเล่นกันงี้เลยนะคะ
ยังไงก็ขอใช้มุขเดิมละกัน
ถ้าพรุ่งนี้ไม่อัพ อดค่ะอด อิอิ..

เห้อ..ค่อยยังชั่วหน่อย
เเต่ยังไงก็เเล้วเเต่
ให้พี่ภูหึงหนูนิเย้อๆเล้ยย

เเต่อีก
คืองงอ่ะค่ะ เด็ก3คนนี่มาจากไหนอ่ะคะ
เค้าเป็นผู้ได๋

คุณฟ้ารินอัพอีกเร็วๆเย้อๆเลยน้า
5555555+
เร่งๆ
โดย: Smillzz IP: 202.28.12.50 วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:0:00:05 น.
  
รู้สึกสะใจในตอนนี้มากๆเลยค่ะ

สมใจคนอ่านสุดๆ

ทำให้พระเอกตาสว่างสักที
โดย: g IP: 222.123.174.208 วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:0:19:56 น.
  
ตายังไม่โบ๋เลย คุณฟ้ารินต้องเขียนเยอะกว่านี้นะคะ
ไม่งั้นคุณฟ้ารินแพ้นะ อิ อิ อิ
รออ่านจ้า
โดย: une playful pizzicato IP: 82.247.214.230 วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:1:43:34 น.
  
สะใจมากๆ ค่ะอยากให้พี่รีบเอาตอนต่ไปมาลงเร็วๆจัง
โดย: ยูกิ IP: 61.7.224.30 วันที่: 5 กันยายน 2550 เวลา:16:42:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik