All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่15



บทที่ 15


“หนูนิ” แพรพรรณร้องเรียก เธอหันหนีภาพบ้าๆที่ไม่ได้ดังใจอย่างอารมณ์เสีย อยากพุ่งเข้าไปบีบคอพี่ชายให้ตายคามือนัก พูดอย่างนั้นไปได้ยังไง คนฟังไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากพี่ชายตอบรับรักและสัญญาจะดูแลปกป้องรัญชิดา มีหวังยัยนั่นยิ่งได้ใจยึดเอาพี่ชายเธอเป็นโล่กำบังภัยไปตลอดกาลแน่ แต่จะคัดค้านอะไรคงไม่ได้ ครอบครัวนี้เคารพการตัดสินใจของทุกคนเสมอ ไม่ว่าอย่างไร เจ้าตัวได้เลือกแล้ว

“หนูนิ เดี๋ยวจะไปไหนน่ะ รอแพรด้วย” แพรพรรณรี่ตามไปอย่างเร็วรี่ ถ้าตาไม่ฝาด เธอคิดว่าเห็นหยดน้ำใสๆบนแก้มนวลของเพื่อนตอนที่กำลังหันหนีจากมาอย่างเงียบๆ

มือเล็กๆคว้าตัวเพื่อนสาวไว้ได้ทันที่หน้าบ้าน สถานที่เดียวกันกับที่เกิดเหตุเมื่อครู่พอดี บนแก้มนวลไร้ร่องรอยคราบน้ำตา เพราะเจ้าตัวปาดออกจนแห้งสนิทและกดเก็บมันไว้ไม่ยอมให้ไหลออกมาให้ใครเห็น ฝืนใจกลืนก้อนแข็งๆที่จุกคออยู่ให้ไหลกลับเข้าไปอย่างยากเย็น

“หนูนิ จะไปไหน เห็นเมื่อกี้ใช่ไหม” แพรพรรณถาม ถึงจะไร้รอยน้ำตา แต่ดวงตากลมมีร่องรอยความเจ็บปวดแดงเรื่อ ตาโตๆจับพิรุธเพื่อนสนิทตนได้รวดเร็ว

“เห็นใช่ไหม” เธอถามย้ำ นิศากรจำใจพยักหน้า ปฎิเสธไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เธอรู้แพรพรรณไม่มีวันปล่อยให้เธอโกหกได้สำเร็จ รอยชื้นย้อนกลับมาเกาะดวงตากลมอีกครั้ง แพรพรรณดึงเพื่อนมากอดไว้ บ่นว่าพี่ชายที่ไม่ได้อย่างใจ นอกลู่นอกแผนที่จัดไว้เสียหมดทุกทีไป

“บ้าชะมัด คิดว่าตัวเป็นพระเอกละครรึไง น้ำเน่าซะไม่มีพี่บ้า” แพรพรรณว่าอย่างเจ็บใจ อยากหาวิธีแก้เผ็ดแทนเพื่อนให้สาสม

“แพรเห็นแล้วใช่ไหม มันไม่มีประโยขน์อะไรถ้าแพรจะดึงดันทำตามแผนของแพรต่อไป” ไม่ต้องบอกว่าทำไม แพรพรรณลูบหลังเพื่อนปลอบโยน ส่วนหนึ่งเธอผิดเช่นกัน ที่ต้องการเชื่อมสัมพันธ์ของสองคนไว้ให้ได้ มันเหมือนเธอเป็นคนทำร้ายให้เพื่อนเธอเสียใจเสียเองแทนที่จะเป็นความผิดของพี่ชายที่ดันมีนิสัยฮี่โร่ติดหนึบในตัวไม่เคยเปลี่ยน

“ขอโทษนะหนูนิ ขอโทษ เราไม่ทำแล้ว ขอโทษจริงๆ ถ้าเราไม่บ้าถึงสองครั้ง หนูนิก็ไม่ต้องร้องไห้อย่างนี้” แพรพรรณร้องไห้ตามนิศากร ความเปียกชื้นที่หัวไหลทำให้เธอรู้ว่าน้ำตาของเพื่อนไหลออกมามากขึ้นทุกที

“ช่างเถอะ” นิศากรยืดตัวขึ้น ปาดน้ำตาทิ้ง สูดหายใจเข้าลึกๆ “เราจะไม่หลอกตัวเองอีกว่าไม่เคยชื่นชอบเขา และเราก็จะเริ่มตัดใจจริงๆเลียที เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป”

“จริงเหรอ” แพรพรรณอดอึ้งเล็กๆไม่ได้ ชั่ววินาทีที่ตัดสินใจ เพื่อนเลือกแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป นี่แหละนิศากร ถ้าคิดจะตัดแล้วทำได้อย่างใจเสมอ เสียดายผู้หญิงน่ารักอย่างนิศากรแทนภูดิสจริงๆ แต่ช่วยไม่ได้นี่นะ ทำตัวเองแท้ๆ



เสียงสตาร์ทรถยนตร์ทำให้ภูดิสเร่งฝีเท้าออกมาหน้าบ้านเร็วขึ้น เห็นไฟท้ายรถของหญิงสาวไวๆออกประตูรั้วลับไป คิ้วเข้มขมวดสงสัย เหตุใดนิศากรกลับไปไม่ลาสักคำ เขาให้รัญชิดาไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกมาตามหานิศากร นึกได้ว่ามีเรื่องต้องถามต้องพูดให้เข้าใจ

“เฮ้อ!” ภูดิสมองน้องสาวถอนใจแล้วหันมาสบตาเขาอย่างเคืองขุ่นบวกกับดวงตาแดงๆทำให้เขาแปลกใจ

“ไม่มีวาสนาจริงๆ สมน้ำหน้า” แพรพรรณว่าพี่ชายแล้วหมุนตัวเดินดุ่ยๆเข้าบ้านไป ภูดิสทำหน้างง คิ้วขมวดพร้อมกับใจที่วูบหวิวประหลาดตามระยะทางที่รถคันสวยไกลออกไป



“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถคิดต่อได้ขณะนี้ กรุณาฝากข้อความหลังเสียงสัญญาณ” รอบที่สิบสามแล้วมั้งที่เขาได้ยินเสียงสวยของบริการตอบกลับแบบนี้

สามวันแล้วที่เขาติดต่อเธอไม่ได้ ทั้งที่บ้านและที่โทรศัพท์มือถึอของเธอ ใจกระวนกระวายประหลาดกลัวว่าเธอจะหายไปไม่กลับมาอย่างที่น้องสาวเคยขู่เขาไว้

‘หลังจากพี่ภูหาย หนูนิจะไม่โผล่มาคอยเอาใจอย่างนี้แล้วนะ’

หลังที่แผลเขาหาย แต่นี่เขายังไม่หายเลย ทำไมถึงได้หายเข้ากลีบเมฆไปแบบนี้ล่ะ เด็กอะไรแย่จริงๆ ทิ้งความรับผิดชอบแบบนี้ไปได้ยังไง อีกนิสัยหนึ่งที่เขาไม่ชอบมากๆคือ นิศากรชอบหลบหนีหายไปเฉยๆ แบบหาไม่เจอด้วย เวลาที่มีปัญหา ก็เก็บเงียบไม่ยอมพูด เขาตำหนิ อีกใจหนึ่งก็กังวลว่านิศากรเจ็บไข้อะไรหรือเปล่า คิดได้อย่างนั้นก็เร่งรีบไปถามน้องสาว แต่กลับได้สีหน้าเฉยเมยตอบกลับเขามาว่า

“ก็...เจ็บ...นิดหน่อย” ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ถามอย่างร้อนรนว่าเป็นอะไร แต่แพรพรรณกลับชักสีหน้าใส่

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ กลับไปใส่ใจคนที่อ่อนแอ้อ่อนแอของพี่ภูเถอะค่ะ เพื่อนแพร แพรดูแลเองได้” เขาเกาหัวแกรกๆ แพรพรรณเอาแต่ว่าค่อนขอดเขาซ้ำๆอย่างนี้มาหลายวันแล้ว

“สัญญากับเขาไว้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าจะคอยเป็นบอดี้การ์ดพิทักษ์นางร้าย คงไม่ว่างมาใส่ใจหนูนิอีกต่อไป จะไปไหนก็ไปเถอะค่ะ เบื่อหน้าคุณพระเอกเต็มที”

“ก็ใช่ รันเป็นเพื่อน พี่ก็ต้องช่วยเขาสิ” ประโยคนี้อีกแล้ว พี่ชายเธอใช้มันมาหลายปี

“เฮอะ เพื่อน ได้ยินอยู่เต็มสองรูหูว่าจะอยู่ด้วยกันกับเขาตลอดไป ไม่ห่างไปไหน ยังจะมีหน้ามาบอกว่าแค่เพื่อนอีกเหรอพี่ภู” แพรพรรณแค่นเสียงต่อว่า

“แอบฟังงั้นเหรอ” แพรพรรณเชิดหน้าทั้งที่โดนจับได้ว่าแอบฟังชาวบ้านเขา มองเป็นเชิงว่า แล้วไง “แล้วทำไมไม่รู้จักฟังต่อให้จบ” เขาพูดต่อ แพรพรรณเลิกคิ้ว มีต่อจากนั้นด้วยเหรอ




‘รันจะมีเราเป็นเพื่อนเสมอ จำไว้นะ เพื่อนกันไม่ทิ้งกันหรอก’ ภูดิสปลอบ รัญชิดาเงยหน้าจากอ้อมอกชายหนุ่มมองผ่านม่านน้ำตาไปยังหน้าคม

‘เพื่อน แค่เพื่อนเหรอภู ทำไมล่ะ เรารักภูนะ’ เธอยังเชื่อ ยังหมายว่าจะได้เขามาเคียงข้างดูแลเธอแทนอีกคนหนึ่งที่ทำร้ายเธอ

‘รัน เรายอมรับว่าเคยชอบรัน แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว’ เขาสารภาพ ถือโอกาสนี้ เคลียร์ให้เข้าใจ ในความสัมพันธ์ ไม่อยากให้ใครคนใดเข้าใจผิดๆอีก โดยเฉพาะคนตากลมที่ถึงกับหลีกลี้หนีหน้าเขาจนเขากลุ้มใจ หน้าหงิกจนพนักงานพาลกลัวกันไปหมด

‘ไม่จริงหรอก ถ้าภูไม่รักเราแล้ว ทำไมยังเป็นห่วงเรามากขนาดนี้ล่ะ’ เธอไม่อยากเชื่อว่าเขาไม่รักเธอแล้ว ความห่วงใยที่เขาแสดงออก ทำให้เธอคิดอย่างนั้น

‘ขอโทษ ถ้ามันทำให้รันเข้าใจผิด’ ภูดิสถอนใจ เขาผิดเอง เขาเพียงแค่อยากดูแลคนทุกคนที่เป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมอย่างดี หากคนใดได้พบกับความลำบากให้ไม่สบายกายไม่สบายใจ เขายินดีช่วยเหลืออย่างดีที่สุด ไม่คาดคิดว่ามันจะถูกมองเป็นอย่างอื่น อาจเพราะว่าคนใกล้ชิดสนิทสนมทุกคนที่ผ่านมาล้วนเป็นเครือญาติ บุคคลที่นับถือ เป็นเพื่อนผู้ชาย จะมีที่แปลกกว่านั้นคงมีแค่รัญชิดาคนนี้เท่านั้น ที่เป็นเพื่อนหญิง

‘ภูจะรักเราอย่างคนรักได้ไหม’ เธอถาม ยังคงพยายามเหนี่ยวรั้ง ภูดิสส่ายหน้าหากเป็นกรณีนี้ เขารู้ว่ามันไม่สามารถเป็นไปได้อีก รัญชิดาน้ำตาร่วงอีก คราวนี้เธอพยักหน้าว่าเข้าใจ

‘แต่เป็นเพื่อนรักได้ใช่ไหม’ เขายิ้มตอบเป็นความหมายว่าได้ ภูดิสโล่งใจคิดว่าคงจบปัญญานี้ได้แล้ว แต่แน่ใจหรือว่ามันจะจบได้จริง เมื่อเขาไม่ได้เห็นแววตาบางอย่างของรัญชิดาที่ก้มหน้าซ่อนไว้



“หา! มีเรื่องแบบนี้ต่อด้วยเหรอ แย่ล่ะสิ” แพรพรรณอุทานลั่น “โธ่เอ๊ย พี่บ้า ไม่รู้จักพูดเร็วๆ มัวแต่กอดปลอบกันอยู่ได้ บ้าจริงๆเลย”

“อ้าว แล้วทำไมไม่รู้จักรอเล่า” คราวนี้คนเป็นพี่ว่ากลับบ้าง อุตส่าห์แอบฟังมาได้ตั้งนาน ไม่รู้จักรอต่ออีกนิดนึง

“ใครจะไปรอเล่า หนูนิวิ่งแจ้นออกจากบ้านจนเกือบตามไม่ทัน” ภูดิสตาโตเมื่อแพรพรรณบอกถึงสาเหตุที่ไม่สามารถรอได้

“ว่าไงนะ”

“บอกว่าจะตัดใจ ไม่สนพี่ภูแล้วด้วย” นี่เองเหตุผลที่หญิงสาวหายเข้ากลีบเมฆไปสามวันเต็มแล้ว แถมยังติดต่อไม่ได้

“ทำไงดีล่ะ สามวันแล้วด้วย” แพรพรรณคราง

“สามวันแล้วทำไม” ภูดิสแปลกใจกับสามวันที่น้องสาวบอกด้วยหน้าเหยเก

“ลิมิตการเสียใจของหนูนิน่ะ อยู่ภายในสามวันน่ะสิ หนูนิถือคติ ขอแค่สามวันให้ฉันได้เสียใจ หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เคยบอก ตัดเป็นตัด” ภูดิสใจหายวาบตามกระดาษที่ถูกตัดครึ่งและร่วงผล่อยลงบนพื้นที่น้องสาวตัดให้ดูประกอบคำพูด

“โทรหาหนูนิให้พี่หน่อย เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์พี่เลย” เขาคิดว่าคงเพราะสาเหตุนี้จึงทำให้ติดต่อหญิงสาวไม่ได้ แพรพรรณรีบคว้าโทรศัพท์มากดควานหาชื่อเพื่อนที่บันทึกไว้

“เดี๋ยว พี่ภูกลัวด้วยเหรอว่าหนูนิจะไม่สนใจ” ภูดิสชะงักเมื่อโดนคำถามน้องสาว “บอกมาก่อนว่ารู้สึกยังไงกับหนูนิกันแน่”

“เอ่อ...ไม่รู้” นั่นสิ เขาไม่เคยถามตัวเองมาก่อนเลย รู้แต่ว่าน้อยใจที่เธอไม่เชื่อคำพูดของเขา เสียใจ หงุดหงิดที่เธอหายหน้าและหลบลี้ โกรธที่เธอไม่ยอมพูดกับเขาตรงๆเอาแต่นิ่งเงียบปล่อยให้ความไม่เข้าใจครอบคลุมหัวใจจนทุรนทุราย เป็นห่วงจนใจกระวนกระวายไม่หายเมื่อคิดว่าเธอมีอันตรายหรือเจ็บไข้ไป

“เหรอ งั้นถ้าบอกว่าเมื่อวานนี้ แพรเพิ่งจะเชียร์ให้นายนัดมันไปเยียวยาหัวใจหนูนิล่ะ มันเลยรีบวิ่งไปหาหนูนิตั้งแต่เมื่อเช้า พี่ภูจะว่าไง”

ปัง!!! แพรพรรณสะดุ้งโหยง

“ว่าไงนะ!!!” ภูดิสถามเสียงดัง

“ขอบคุณสำหรับคำตอบ” น้องสาวลูบอกให้หัวใจเต้นเบาลงกว่าเมื่อครู่ ยิ้มกับหน้าถมึงทึงด้วยความโกรธของพี่ชาย แล้วบอกว่า “แพรล้อเล่น”

ตอนนี้เธอได้คำตอบแล้ว ส่วนภูดิสที่ทำหน้าเก้อๆเพราะเผลอโมโหเปล่าๆปลี้ๆเนื่องจากคำลวงของน้องสาวก็คงได้คำตอบของตัวเองแล้วเช่นกัน



เมื่อได้คำตอบทั้งหมด แพรพรรณเริ่มปฏิบัติการแก้ไขข้อผิดพลาด จากหนึ่งโทรหานิศากรนัดให้ออกมาพบกันที่ร้านอาหารเดิม แต่เพื่อนสาวกลับบอกว่าไม่ว่าง เธอจึงตะแง้วๆขอร้องจนยอมออกมา แต่บอกว่าคงเป็นช่วงหลังหกโมงเย็น

สองคิดหาทางล้อมสายสิญจน์นิศากรกับภูดิสไว้ กันผีนางร้ายมากล้ำกลาย เธอไม่เชื่อหรอกว่ารัญชิดาจะถอดใจไปง่ายดายเพียงนี้

สามกำจัดนายตอตะโกที่มานอนบนโซฟานุ่มสไตล์โมเดิร์นของเธออีกแล้ว! ธเนศเคาะประตูเดินดุ่มๆมานอนแอ้งแม้งที่ห้องเธอหลังภูดิสออกไปไม่นาน ด้วยเหตุผลที่ว่า

“วันฉันว่าง ไม่อยากออกไปตะลอนๆข้างนอก เหนื่อย”

“แล้วมาทำอะไรที่ห้องทำงานฉันไม่ทราบ”

“มาติดตามสถานการณ์ไอ้ภูมัน คืบหน้าแล้วล่ะสิ เห็นมันวุ่นวายรีบเลื่อนประชุมขึ้นมาเร็วกว่าเดิมหนึ่งชั่วโมง กลัวยืดเยื้อไปไม่ทันนัดตอนหกโมงอะไรไม่รู้ ท่าทางจะนัดสาว” ตาคมหวานระยิบด้วยความอยากรู้อยากเห็น จริงๆอยากถามเอากับภูดิส แต่เขาไม่สนใจกดมือถือดูรูปอะไรไม่รู้แล้วสูดหายใจ ออกไปประชุมทิ้งเขาเคว้งคว้างอยู่ในห้องคนเดียว

“ช่วยอะไรคนอื่นเค้าไม่ได้สักอย่างแล้วยังจะมาสอดรู้สอดเห็นอีกเหรอ” แพรพรรณค่อนว่า ตั้งแต่คราวก่อนอีตาบ้านี่ก็มานอนคิดแผนแล้วก็นอนจริงๆ หลับกรนคร่อกๆ ไม่ได้ประโยชน์เลยสักนิด

“ชิชะ ยัยเปี๊ยก ฉันอยากรู้ความเป็นไปของเพื่อนนี่มันผิดตรงไหน” แพรพรรณยักไหล่เบ้ปากใส่

“เล่ามาเร็วๆ” แพรพรรณจำใจเล่าเรื่องต่อจากนั้น พร้อมทั้งหารือเรื่องที่ตนปักใจ ไม่คิดว่ารัญชิดาจะยอมล่าถอย อาจจะกลับมาอีกเร็วๆนี้ ซึ่งธเนศก็เห็นด้วย รับปากว่าจะเป็นสปายคอยรายงานความเคลื่นไหวนางร้ายสาวทุกคราวเมื่อรู้เห็น เขาเองก็ไม่อยากให้ภูดิสโดนผูกติดด้วยรัญชิดาตลอดไปเช่นกัน



นิศากรวางโทรศัพท์เครื่องจิ๋วลงข้างกระเป๋า ละทิ้งความสงสัยในเรื่องที่แพรพรรณออดอ้อนนักหนาให้ไปทานข้าวด้วยให้ได้ บอกตัวเองในใจว่าเดี๋ยวต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แต่เอาไว้ก่อน รวมถึงเรื่องที่เธอต้องเจ็บจี๊ดในหัวใจทุกคนที่นึกถึงนั่นด้วย หญิงสาวสูดลมหายใจเข้า บอกตัวเองว่าตอนนี้ที่เธอต้องสนใจคือ เรื่องของร้านของเธอ ตึกแถวสองคูหาตั้งอยู่ข้างห้างมีชื่อ ที่มีคนเดินจับจ่ายซื้อของตั้งแต่ชั้นคุณนายไฮโซกระเป๋าหนักจนกระทั่งคนธรรมดากระเป๋าค่อนข้างแบนตามสภาพเศรษฐกิจ

เสื้อผ้าทั้งชายหญิงที่กำลังจะนำมาแขวนขึ้นราวขายของเธอก็เช่นกัน มีตั้งแต่ระดับราคาสูงจนถึงราคาเสื้อเนื้อผ้าชั้นดีตามห้างที่มีแบรนด์ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักของวัยรุ่น นิศากรนึกดีใจและตื่นเต้นขึ้นเป็นลำดับที่จำนวนวันลดน้อยลงทุกที ใกล้ถึงวันเปิดร้านที่เป็นแบรนด์ของเธอเอง เสื้อทุกตัวเธอเป็นคนออกแบบเอง ทั้งเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิง

ครั้งหนึ่งเมื่อเธอยังเรียนอยู่ที่เมืองนอก เธอร่วมกันกับเพื่อน เอาผลงานที่เธอออกแบบและตัดเย็บเอง บางครั้งก็เป็นผลงานที่ทำส่งในวิชานั่นแหละ เอามาวางแบกะดินขายตามข้างถนน ผลที่ได้นั้นดีเกินคาด เธอสามารถขายได้ในราคาสูงกว่าที่คิด เพราะลูกค้าเสนอมาเองแท้ๆ นิศากรเลยตาวาวพยักหน้าตกลงตามราคานั้น ไม่วายแกล้งทำกระซิบบอกลดราคาให้จากที่ลูกค้าบอกสิบเปอร์เซนต์ แผนการตลาดเล็กๆน้อยๆ ที่เธอคิดได้ในตอนนั้น ส่งผลให้ลูกค้าคนนั้นกลับมาอีกครั้งพร้อมเพื่อนอีกหลายคน เรียกว่าได้กำไรเหนาะๆจนนิศากรและเพื่อนๆยิ้มกันตาพราวกลับหอพักพร้อมเงินในกระเป๋าเอาไปกินขนมกันสบายแฮไป

นิศากรไม่ได้คิดว่ามีเงินแล้วสักแต่ว่าจะทำตามใจ นึกจะเปิดร้านอะไรก็ขอเงินแม่แล้วไปเปิด จะเจ๊งหรือจะรุ่งก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เธอศึกษามาเป็นอย่างดีแล้ว จึงได้ลงมือทำ เธอยินดีคืนเงินต้นทุนที่ลงไปทั้งหมดแก่คุณกังสดาล ซึ่งคุณแม่ก็ยิ้มรับด้วยความเต็มใจและยินดีที่มีส่วนช่วยให้ฝันของลูกสาวได้เป็นจริงขึ้นมา

นิศากรหยิบแจกันแก้วสีขาวขุ่นใบสวยขึ้นมาในมือ เล็งหาที่ตั้งของมันอย่างที่เคยได้คิดวาดภาพเอาไว้ก่อนหน้านี้ นั่นไง บนชั้นนั้น เป็นกรอบสี่เหลี่ยมทำด้วยไม้ทาสีขาวยึดติดไว้กับกำแพงลอยๆ ไม่มีขาตั้งใดๆรองรับ

หญิงสาวเขย่งขาส่งเจ้าแจกันใบสวยขึ้นไปวางอย่างใจนึก แต่ดูเหมือนเธอจะเตี้ยไปสักหน่อย ก้นแจกันจึงไม่พ้นขอบ มือหนาของใครบางคนที่สูงกว่า ช่วยจับและยกขึ้นไปวางให้อย่างเรียบร้อย แถมจัดตำแหน่งให้อยู่กึ่งกลางเสร็จสรรพ

“โอเครึยึง” หนุ่มผิวขาว ตายาวรี ผมตัดสั้นสะอาดสะอ้านในเส้นชุดเชิ๊ตพับแขนกับกางเกงแสล็คสีเทา ปลดกระดัมและเนทไทต่ำลงมาดูลำลองถามความเห็น

“Oui, merci Monsieur Nut” นิศากรตอบเป็นภาษาฝรั่งเศสที่คนฟังๆแล้วนิ่วหน้าน้อยๆ เพราะไม่รู้ภาษานี้ แต่สุดท้ายก็ยิ้มแล้วตอบกลับมาว่า

“แปลว่า ขอบคุณคุณนัด ประมาณนี้สินะ แล้วก็ขอร้อง อย่าใช้ภาษานี้บ่อยนักสิ หนูนิก็รู้เราฟังไม่รู้เรื่อง แล้วฟังทีไรก็นึกถึงตอนที่โดนพวกหนูนินินทาเอาทุกที”

นิศากรหัวเราะตาพราว ย้อนความหลังตามนัฐกรแล้วก็นึกท่าเหมือนรู้ทันตอนเธอกับเพื่อนพูดกันเป็นภาษาไพเราะนี้นินทาหมอหนุ่มกันซึ่งๆหน้า เจ้าตัวฮึดฮัดแกล้งทำเป็นโกรธ จนต้องตามง้อด้วยพิซซ่าถาดใหญ่ ครั้นพอถามเอาจริงๆ นัฐกรกลับบอกไม่รู้อะไรเลยว่านินทาว่าอะไร บอกว่ารู้สึกแค่เหมือนว่าโดนนินทา ซ้ำน้อยใจที่เพื่อนๆเอาแต่ชอบแกล้งเขาที่เรียนหมอแต่ดันมาเกาะอยู่กลุ่มเธอบ่อยๆ หน้าตาซื่อๆใจดีเหวอทุกทีที่ถูกพวกเธออำ ดูน่ารักดี(อันนี้สาวเทียมชม แกล้งทำอ่อยจนเขาขนลุก) ผิดกับตอนเรียนดูจริงจังและเฉลียวฉลาดจนพวกเธองง ตอนยกพวกไปแอบดูและดักแกล้งจนถึงคณะ



ภูดิสนั่งเงียบสุขุมฟังการประชุมที่เนื้อหาตึงเครียดขึ้นเรื่องๆ หลายเสียงถกถียงกันถึงข้อดีและข้อเสียต่างๆในการทำโปรเจคนี้ เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ทั้งที่เขาสั่งเลื่อนการประชุมขึ้นมาหนึ่งชั่งโมงแล้วก็ตาม การประชุมมักจะยืดเยื้อเช่นนี้เสมอ เพื่อให้ได้บทสรุปที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้มันขักจะยืดเยื้อมากเกินไปแล้ว อีกห้านาทีจะห้าโมงครึ่ง เลยเวลางานปกติมานานแล้ว ใจอยากขอบคุณที่ทุกคนทุ่มเทให้กับงานอย่างดี ไม่มีใครบ่นสักคำ แต่วันนี้เขาไม่นึกชอบใจเลยจริงๆ

เขาสั่งพักการประชุมห้านาที เพราะเห็นว่าทุกคนสมควรได้พักสมองบ้าง หลังจากเคร่งเครียดกับการคิดอยู่สองชั่วโมงกว่าแล้ว ตัวเขาเองก็เช่นเดียวกัน มือหนึ่งถือกาแฟที่เพิ่งถูกเปลี่ยนใหม่ติดมือออกมาจากห้องประชุม หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเรียกดูเบอร์ที่โทรล่าสุด ไม่ใช่เบอร์ใครอื่นนอกจากสาวตากลมใส ผิวขาวนวลกับผมสีน้ำตาลเข้มคนนั้น นิศากร เสียงต่อสายที่เขารออย่างใจจดใจจ่อว่าจะได้ยินเสียงหวานใสตอบรับมารึเปล่า

“สวัสดีครับ รอสักครู่นะครับ” ปลายสายเป็นผู้ชายที่ตอบมา ภูดิสได้ยินเขาส่งเสียงเรียกหญิงสาว ‘หนูนิจ๋า โทรศัพท์’ ใครกัน ผู้ชายที่ไหน เรียกเธอแบบนั้น “หนูนิยังไม่ว่างรับสายครับ มีอะไรฝากไว้ได้ครับ” ปลายสายถามเขา

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ” เขาตอบไปแบบนั้น แต่ในใจอยากซักให้รู้ว่านายเป็นใคร ทำไมถึงเรียนนิศากรอย่างสนิมสนมแบบนั้น แล้วก็ตะโกนดังๆในความคิด

เมื่อไหร่จะประชุมเสร็จเสียทีเนี่ย!!!




-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*
เฮ้อ ทุกคนคะ อย่าเพิ่งเกลียดพี่ภูนะ พี่เขาก็พยายามแงะตัวเองออกมาอยู่เหมือนกันค่ะ สงสารพี่ภูกันหน่อยเถิดค่ะนะคะ กระซิกๆ

ninja - Smillzz - nekojung - g


ทุกๆคนคะ ฟ้ารินพาพี่ภูมาเกาะแขนขอโทษและขอร้องว่า "อย่าเพิ่งเกลียดผมเลยนะครับ ninja ผมพยายามเคลียร์แล้วนะครับ กระซิกๆ ต่อไปนี้ผมจะตามเกาะติดหนูนิให้เหมือนชัตเตอร์เลยครับ"
ตอนนี้พี่ภูหน้าดำเพราะโดนแช่งไปหมดแล้วค่ะ น่าสงสารจริงๆ

ปล.ฟ้ารินเปลี่ยนหน้าblogใหม่ สดใสกว่าเดิม ชอบกันไหมคะ อ่านนิยายท่ามกลางท้องฟ้า ผืนหญ้าและดอกไม้นะคะ








Create Date : 07 สิงหาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:05:11 น.
Counter : 317 Pageviews.

4 comments
  
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ตอนนี้ให้อภัยพี่ภูค่า

รีบมาง้อหนูนิเร็วๆนะ
โดย: g IP: 222.123.172.43 วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:21:34:59 น.
  
ไม่หรอก ...
เราไม่ยกโทษให้พี่ภูง่ายๆเเน่
55555555..

ขอให้คุณฟ้าริน เห็นใจ หัวใจนู๋นิ ที่ช้ำใจอยุ่ฝ่ายเดียว
มานานนมม - -"
เอาพี่ภูให้เข็ดเลยยยย

เปนประเภท เเค้นฝังหุ่นล่ะค่ะ
55555
มาอัพอีกเร็วเร้ว นะคะ ^^
โดย: Smillzz IP: 202.28.12.48 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:0:23:34 น.
  
เขียนอีกๆ ลุ้นแล้วค่ะ
โดย: une playful pizzicato IP: 82.247.214.230 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:20:01:16 น.
  
เพิ่งเข้ามาอ่านวันนี้ค่ะแต่อ่านจบหมดทุกตอนแล้วค่ะ สนุกจังจะคอยตอนต่อไปน่ะค่ะ
โดย: ยารีส IP: 203.113.77.41 วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:19:27:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik