All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่3



บทที่3


นิศากรอ้าปากค้าง หน้าเหวออย่างเก็บไม่อยู่

พระเจ้ายอด มันจอร์จมาก อะไรมันจะแจ๊กพอตแตกขนาดนี้ เธอกลับมาไม่ได้บอกใครซักคน เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนเวลาที่คาดไว้ กำหนดกลับจึงถูกเลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้นด้วยความคิดถึงบ้านและหวังจะสร้างความประหลาดใจให้ทุกคน แต่ตอนนี้อาการนั้นกำลังปรากฎกับเธอก่อนจะสร้างให้ใคร ภูดิส คนที่อยากเผชิญหน้าเป็นคนสุดท้าย กลับโผล่มาตรงหน้าเป็นคนแรก

“พี่ภู!” เสียงหวานใสเอ่ยเสียงแทบเป็นกระซิบ แต่ไม่เบาจนเกินกว่าเขาจะรับรู้ไม่ได้ สรรพนามที่หลุดออกจากเรียวปากอิ่มเรียกรอยยิ้มมุมปากจากใบหน้าคมได้ และมันยืนยันให้รับรู้ว่าเธอคนนี้คือนิศากรแน่แล้ว

สองปีที่เขาไม่ได้พบเจอตัวหญิงสาวโดยตรง มีเพียงรูปภาพกับเสียงหวานใสดังมาตามสายน้อยครั้งมากที่เขาได้ยินด้วยความบังเอิญ ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ตรงหน้า

นิศากรกระพริบตาปริบๆ อยากให้ภาพตรงหน้าหายไปเมื่อเธอกระพริบไล่ แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ร่างสูงยังคงนิ่งอยู่ตรงหน้าไม่หายไปไหนซักที

มือใหญ่ยังคงกำรอบข้อมือน้อยไว้จนกระทั่งหญิงสาวแก้มร้อนขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสัมผัส ก้มมองและบิดออกจากการเกาะกุม ซึ่งภูดิสก็คลายออกเมื่อรู้ตัวและเอ่ยขอโทษ

“สวัสดีค่ะ” นิศากรยกกระพุ่มมือไหว้ตามมารยาท ถือโอกาสหลบจากสายตาคมที่มองจ้องมา ไม่พูดอะไรต่อ ภูดิสรับไหว้

“ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”

อ้าว ตัวเองมาได้คนเดียวหรือไงกัน นิศากรคิดพาลอย่างหงุดหงิดในใจ ไม่พอใจที่ได้พบตอนที่ยังไม่ได้เตรียมใจเตรียมเก๊กหน้าตาย จึงแสดงอาการเหวอและหน้าร้อนไปอย่างเมื่อครู่

“แพรบอกว่าอาทิตย์หน้าถึงจะกลับไม่ใช่เหรอ”

อ้อ รู้ด้วยเหรอว่า เธอจะไปจะกลับเมื่อไหร่ สนใจไปทำไมกัน

ภูดิสงุนงงเมื่อดวงตากลมตวัดมองสายตาขุ่น

“เลื่อนค่ะ อยากกลับบ้านเร็วๆ” ภูดิสพยักหน้าเข้าใจ มองไปรอบๆค้นหาคุณกังสดาลที่ควรจะมารับรอรับลูกสาวหรือคนอื่นๆ

“ใครมารับล่ะ ยังไม่มาเหรอ ให้พี่รอเป็นเพื่อนมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยแสดงน้ำใจ

นิศากรนิ่งเงียบ ก็ไม่ได้บอก ใครจะมารับล่ะ

สายตาคมมองหน้าหวานมีพิรุธไม่ยอมสบตาและเสเอามือเกี่ยวปอยผมเล่น เป็นท่าทางยามใช้ความคิด

จะตอบว่าอะไรดี การจะโกหกเราควรวางแผนมาก่อนหน้านี้ เธอไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎที่จะได้แต่งเรื่องได้รวดเร็ว

กำลังจะคิดออกแล้วเชียว แต่เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่มีสินะ คงไม่ได้บอกใครที่เลื่อนกำหนดขึ้นมาใช่มั้ยหนูนิ” ตากลมโตฉายแววขัดใจเมื่อถูกจับได้ คิ้วเรียวจึงขมวดมุ่นหน้าบึ้ง

นี่เขาคงมาทำให้เสียแผนสินะ เฮ้อ!

“งั้นไปด้วยกัน พี่ไปส่งเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เสียงหวานสวนตอบไปทันที”นิไปแท๊กซี่เองได้ เชิญพี่ภูเถอะค่ะ นิไม่รบกวนค่ะ ขอบคุณ”

เฮ้อ!ตอบไม่ต้องคิดเลย เธอยังคงหลีกเลี่ยง ไม่อยากข้องเกี่ยวเขาเหมือนเดิม

“ไปแท๊กซี่คงต้องรอคิวอีกนานเชียวหล่ะ แล้วก็ไม่ได้รบกวนอะไรพี่เลยด้วย ยังไงก็ต้องผ่านบ้านนิอยู่ดี ให้พี่ไปส่งเถอะ” ภูดิสจัดการรวบรัดเข็นกระเป๋าเธอเดินตรงลิ่วกลับมาตามทางที่คนของเขารออยู่ ไม่รอให้เธอปฏิเสธอีก

“เฮ้ย!” นิศากรอุทานหน้าเหวออีกครั้ง
อะไรกันเนี่ย จะเอาของเธอไปไหน แล้วนั่นก็ไม่ใช่ทางไปคิวแท๊กซี่นะ

“พี่ภู! พี่ภู!นิบอกว่าจะไปแท๊กซี่พี่ภูไม่ได้ยินรึไงคะ” เธอสาวเท้าตามมาแหวเสียงเขียว ท่าทางไม่ใส่ใจแถมยังเร่งฝีเท้าขึ้นอีกยิ่งทำให้หญิงสาวหงุดหงิดและเหนื่อย ก็ขายาวขนาดนั้น แถมยังเดินยังกับตามหาสัตว์สองเขา ถึงจะอยู่เมืองนอกที่ชาวเมืองส่วนใหญ่นิยมเดินกัน แถมเดินเร็วซะด้วยเพื่อออกกำลังให้ร่างกายอบอุ่น แต่เธอก็เลือกใช้จักรยานเป็นพาหนะซะมากกว่าการเดิน หนาวหน่อยแต่ก็เร็วกว่า เธอร้องเรียกหลายครั้งก็ไม่ยอมหยุด

โอ๊ย อะไรกันเนี่ย ไม่เข้าใจเลยจริงๆจะมาบังคับเธอทำไมกัน

จนกระทั่งครั้งสุดท้ายนิศากรถึงกับต้องเร่งสปีดให้ทันไปดึงเสื้อนอกไว้เรียกเสียงเขียวหนักกว่าเดิม

“พี่ภู!!!”

“ครับ” ภูดิสหยุดนิดหนึ่งหันมาหาเธอรับคำ พร้อมกระตุกยิ้มมุมปากที่สาวๆเห็นต้องบาดใจเลือดซิบแน่ๆ แต่สำหรับนิศากรขณะนี้ มันดูกวนอารมณ์ชะมัดยาดเลย

“นิ! ไม่ไป! กับพี่ภู! เข้าใจรึเปล่าคะ” นิศากรเน้นย้ำแต่ละคำชัดเจนพร้อมอาการหอบนิดๆหน้ายุ่ง แก้มป่องหน่อยๆอย่างขัดใจ ภูดิสเห็นท่าทางของเธอก็นึกขำ เหมือนเด็กขี้งอนที่ถูกขัดใจ ดวงตาคมจึงพราวระยับขึ้น

ถึงจะโกรธหน้ายุ่ง ดุเสียงเขียว ตาวาววับ ก็ยังดีกว่าสีหน้าเรียบเฉย ตากลมใสติดแววเย็นชาอย่างที่เธอเคยมีให้เมื่อก่อน

“ไหนๆก็มาถึงรถแล้วก็ขึ้นเถอะ พี่ไปส่ง” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ตากลมใสมองดูรถโฟร์วิลสีดำจอดอยู่ พร้อมกับชายคนหนึ่งในเครื่องแบบพนักงานมีตราชื่อบริษัทของชายหนุ่มติดอยู่ที่แขนเสื้อกำลังยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถ และขณะนี้ภูดิสกำลังส่งกระเป๋าของเธอให้เขาด้วย หญิงสาวอีกคนยืนยิ้มอยู่ข้างๆดูท่าจะอายุมากกว่าเธอ

นี่เธอมาถึงนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย

“นี่คุณนันทา เลขาของพี่” เสียงภูดิสแนะนำหญิงสาวอีกคนอยู่ข้างๆเธอ นิศากรยกมือไหว้ อีกฝ่ายรับไหว้ยังคงแย้มยิ้มให้เธออย่างใจดี

“หนูนิ นิศากร เพื่อนยัยแพร เพิ่งแอบกลับมาจากฝรั่งเศส” นิศากรยิ้มตอบก่อนตวัดตาขุ่นใส่ร่างสูงข้างตัว

ทำไมต้องพูดว่า แอบ ด้วย มันเหมือนกับเธอเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆเล่นซนไม่ได้เรื่องราว

“เชิญค่ะ คุณนิศากร”เลขาสาวจัดการเปิดประตูรถตอนหลังให้หญิงสาวนั่งคู่กับเจ้านาย แรงดันเบาๆที่ข้อศอกจากภูดิสให้เธอก้าวขึ้นไป นิศากรยังคงไม่เต็มใจแต่ก็ต้องยอมเพราะหากช้ากว่านี้กลัวจะโดนรุมประชาทัญจากผู้ที่รอต่อคิวเข้ามารับคนของตนบ้างซึ่งส่งตาเขียวๆมาให้แล้ว


รถโฟร์วิลสีดำเลี้ยวเข้าสู่ที่ตั้งของบริษัทใหญ่กลางกรุง ตึกใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นแท่งกระจกสีฟ้า รถจอดสนิทพนักงานขับรถคนเดิมวิ่งมาเปิดประตูให้ผู้เป็นนายและวิ่งอ้อมมาเปิดฝั่งของเธอ ส่วนคุณเลขาสาวเปิดประตูเดินตัวปลิวเข้าบริษัทไปแล้ว ทิ้งเธอไว้ให้งุนงงสงสัยกับคนที่บอกเธอว่าบ้านเธอเป็นทางผ่านและจะไปส่งเธอ แต่ไหงดันเลี้ยวเข้ามาที่นี่

“นี่ไม่ใช่บ้านนิ” เสียงหวานใสรวนๆจากคนตัวเล็กดังขึ้นทันทีที่ภูดิสเดินมาใกล้

“พี่ยังไม่ได้บอกสักคำว่านี่บ้านนิ” ร่างสูงตอบ เรียกหน้ายุ่งๆจากคนข้างกายได้อีกครา

“นิจะกลับบ้านค่ะ พี่ภูไม่ว่างแล้ว นิกลับเองค่ะ” โทรศัพท์สายเมื่อครู่ที่ภูดิสรับต่อจากเลขาสาวคงเรียกตัวเขา เขานิ่งฟังเสียงที่ดังผ่านมายาวและตอบกลับคำเดียวแล้ววางสาย ระหว่างนั้นนันทาบอกคนขับรถเสียงเบา เขาส่งคืนพลางถอนหายใจท่าทางเหนื่อยหน่าย

“พี่ก็อยากกลับเหมือนกัน แต่ต้องหลังจากนี้สามสิบนาที” ประโยคแรกคล้ายบ่น ใบหน้าคมมีรอยเหนื่อยล้า

ตามที่ภูดิสบอกเขาเร่ร่อนไปแค่สองประเทศ แต่ต้องบินกลับไปบินกลับมาเพื่อเจรจาติดต่อธุรกิจน่าเคร่งเครียดในความรู้สึกเธอ ฟังแล้วดูน่าเหนื่อยจริงๆ

“แต่นิอยากกลับ” นิศากรนึกสงสารอยู่เหมือนกันเลยค้านไม่เต็มเสียงเท่าไหร่

“รอพี่หน่อยเถอะ แล้วเรากลับบ้านกัน” เสียงทุ้มและดวงตาคมเอ่ยขอ

“แค่สามสิบนาที”

“ครับ สามสิบ ไม่ขาดไม่เกิน จับเวลาได้เลย” ภูดิสเอ่ยท้า ดวงหน้าหวานน่ารักพยักหน้ารับคำท้า คว้านาฬิกาที่ห้อยคอไว้มาเริ่มจับเวลาทันที

“เดี๋ยว!” ตากลมใสมองไปทางต้นเสียงเป็นเชิงสงสัย

“เริ่มตั้งแต่หน้าห้องทำงานพี่สิ นับตรงเดี๋ยวเกิน” ใบหน้าคมสดชื่นขึ้นมีรอยยิ้มติดมุมปาก นิศากรเลยทำไม่สนใจ

“เริ่มที่นี่แหละค่ะ ตอนนี้บ่ายสามโมงสี่สิบห้านาที” ภูดิสรีบดันศอกเธอให้ออกเดิน และก้าวเท้าเร็วไปยังลิฟท์ผู้บริหารที่เปิดรออยู่ทำให้เธอต้องรีบตามไปด้วย เขาหยิบมือถือออกมาต่อสายบอกเลขาให้เปิดคอมพิวเตอร์และเตรียมเอกสารไว้รอให้ครบก่อนวางสาย แล้วหันมากระตุกยิ้มมุมปากให้เธออีก ดวงตาคมฉายแววสนุกรื่นเริง

“เดี๋ยวไม่ทัน”


ภายในห้องนอนที่คุณลักษิกา เจ้านายใหญ่ประจำบ้านบัดนี้ครอบครองอยู่เพียงผู้เดียว สามีของเธอเสียไปด้วยโรคประจำตัวเมื่อนานหลายปีมาแล้ว ภูดิสจึงก้าวเข้าทำหน้าที่รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการแทนผู้เป็นบิดาด้วยหุ้นส่วนที่มีครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นของผู้เป็นลุงซึ่งไม่มีผู้สืบทอด ภูดิสจึงเป็นคนเดียวที่เป็นผู้บริหารบริษัทนี้ต่อไปภายภาคหน้า และเขาก็มีคุณสมบัติจะทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีเยี่ยม

คุณลักษิกากำลังแต่งตัวอย่างพิถีพิถันสำหรับงานแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนร่างเล็กของแพรพรรณจะก้าวเข้ามาในชุดราตรีสั้นสีเขียวแมลงทับ พร้อมกล่องเครื่องประดับ

“แม่ขา แพรใส่ต่างหูคู่นี้ดี หรือว่าคู่นี้ดีคะ” แพรพรรณทาบให้ดูเทียบกันสองข้าง คุณลักษิกามองแล้วชี้ไปที่ข้างซ้ายที่เป็นพลอยสีเขียวเข้มรูปหยดน้ำ

“คืนนี้รัญชิดามาเดินแฟชั่นโชว์ด้วยสินะ” คุณลักษิกาถามลูกสาวจากหน้ากระจกบานยาวเต็มตัว

“ค่ะ มีหวังเราโดนรุมสัมภาษณ์ข่าวนั้นแน่ๆ แพรปล่อยข่าวใหม่ไปกลบแล้วนะคะ แต่ดูไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่เลย”

แพรพรรณเอ่ยถึงเมื่อครั้งที่ไปเป็นก้างที่ร้านอาหาร แล้วจงใจแต่งเรื่องใหม่เป่าหูเหยี่ยวข่าว

“นั่นสินะ”

“ถ้านักข่าวมาสัมภาษณ์เรื่องนี้อีก เราคงต้องช่วยกัน จะได้หนักแน่นขึ้นดีมั้ยคะ”

“จะดีเหรอ แม่ว่าเราเงียบๆไปดีกว่านะ เกรงใจกังสดาล ดึงลูกสาวเขามาเป็นข่าวทั้งที่ไปทำเรื่องไว้ยังไม่หายโกรธ” คุณลักษิกาถอนใจ นึกโกรธลูกชายที่ไปปากเสียว่าลูกสาวเพื่อนจนหนีไปอีกประเทศ

“หนูนิไม่ผูกใจเจ็บพี่ภูนานเกินไปขนาดนั้นหรอกค่ะ” แพรพรรณบอกความจริงที่ยังๆไม่มีใครรู้นอกจากเธอและนิศากร

เธอเคยพูดคุยกับนิศากรอย่างเปิดอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ นิศากรบอกว่าพี่ชายเธอน่าคบหา แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว แพรพรรณได้แต่เสียดาย คนของเธอทั้งสองคนไม่ต้องการ ถึงอย่างนั้นหลายครั้งเธอก็ยังคงปฏิบัติการณ์เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างคนทั้งสองอย่างอดไม่ได้

“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นเราก็ยังมีหวังน่ะสิ” คุณลักษิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่แพรพรรณกลับทำหน้ายุ่ง

“ท่าจะยากค่ะ หนูนิไม่ยอมเล่นด้วยแล้ว แถมหลบพี่ภูไปมาอย่างกับนินจาล่องหน หายแว๊บๆทุกที หนูนิไม่ยอมโคจรไปเจอพี่ภู ก็เพราะว่าไม่อยากอยู่ตกอยู่ในสถานการณ์เกมจับคู่อีกน่ะสิคะ ผู้ชายเขาไม่เล่นด้วย ผู้หญิงดีๆที่ไหนเค้าจะไล่ตามเป็นนางอิจฉากันล่ะคะ น่าเกลียดจะตาย”

“งั้นเราก็ให้ผู้ชายไล่ตามผู้หญิงสิ จะได้ไม่น่าเกลียด” คุณลักษิกาหันกลับมามองสบตากับลูกสาวคนเล็กยิ้มๆ

“หือ” แพรพรรณยังงง ภูดิสน่ะหรือ จะทำเรื่องแบบนั้น

“เรื่องที่ภูอยากขอโทษหนูนิเรื่องเมื่อก่อนนั้น คงใช้เป็นข้ออ้างดึงหนูนิให้มาพบได้ไม่ยาก แม่จะออกโรงเอง หนูนิคงไม่กล้าปฏิเสธผู้ใหญ่หรอก จริงมั้ย”

แล้วสองแม่ลูกก็ยิ้มให้กันกับแผนการที่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า


หลังจากเข้ามาในห้องทำงานแล้ว นิศากรก็ได้แต่นั่งเท้าคางดูวิวผ่านกระจกห้องทำงานของภูดิสพลางทานขนมชั้นจับเป็นรูปดอกกุหลาบหลากสีกับจิบชามะนาวเย็นๆที่นันทาเดินนำแม่บ้านเข้ามาเสริฟให้ภูดิสชุดหนึ่งและเธออีกชุดหนึ่งที่ชุดโซฟามุมหนึ่งที่เธอกำลังนั่งอยู่ขณะนี้

ตั้งแต่เข้ามาภูดิสก็ตรงเข้าจัดการกับคอมพิวเตอร์ง่วน ไม่เงยหน้าขึ้นมาอีก พอเรียบร้อยก็ปิดคอมพิวเตอร์พอดีกับที่นันทา เลขาหอบแฟ้มผ่านประตูเข้ามา ครั้งแรกสามแฟ้ม และเดินหอบเข้ามาอีกห้าแฟ้มในครั้งที่สอง

“เฮ้อ! วันหลังอย่าแกล้งให้ดีใจว่างานจะลดลงได้มั้ย คุณนัน” เขาต่อว่าเลขาสาวน้ำเสียงไม่จริงจังอะไรเมื่อเห็นนันทาหอบแฟ้มเข้ามาเป็นครั้งที่สอง เลขาสาวหัวเราะกับคำพูดเจ้านาย

“ขอโทษทีค่ะเจ้านาย”

“เอาเถอะ ยังไงก็ต้องทำอยู่ดี” ภูดิสลุกขึ้นคว้าแฟ้มกองแรกเดินตรงไปนั่งที่โซฟาตัวตรงข้ามกับนิศากร เขายิ้มให้เมื่อเธอหันหน้ามามองเขา

“ขอพี่นั่งด้วยคนนะครับ” นิศากรพยักหน้าเป็นงงๆเชิงอนุญาต

ก็นั่งไปสิ นี่มันก็ห้องของเขา โซฟาของเขา จะทำอะไรทำไมต้องมาขอด้วย

เลขาสาวเอาแฟ้มอีกกองตามมาวางให้อย่างรู้หน้าที่ และย้ายของว่างจากโต๊ะตัวเดิมตามมาด้วย ภูดิสนั่งอ่านเอกสารในมือไปเงียบๆ ท่าทางสบายๆเพราะเขากินไปอ่านไปแล้วเซ็นแกร๊กลงไปอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน บางแฟ้มอ่านแล้วขมวดคิ้วไม่เซ็นแถมเขียนอะไรยืดยาวลงไป

คงไม่ผ่าน นิศากรคิดในใจ นิศากรคว้านาฬิกาที่ห้อยคอมาดูเวลา ไม่ได้คิดถึงเรื่องจับเวลาที่เขาท้าไว้แต่แรก แต่สายตาคมละจากเอกสารตรงหน้ามาถาม

“เหลือเวลาเท่าไหร่ครับ” ตอนแรกเธอไม่เข้าใจเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้

“ตอนนี้ บ่ายสามโมงห้าสิบแปดนาที”

“เหลืออีกสิบเจ็ดนาที” สายตาคมมองกองแฟ้มอีกสี่แฟ้มก่อนจิ้มขนมเข้าปากแล้วก้มลงอ่านแฟ้มต่อไป

เออหนอ นักธุรกิจดาวรุ่งเวลาทำงานไม่ยักหน้าดำคร่ำเครียดอย่างที่เคยเห็นเลยแฮะ แปลกจริง นี่อาจจะเป็นนักธุรกิจสายพันธุ์ใหม่ก็ได้ เหมือนไวรัสที่สามารถกลายพันธุ์ได้

หน้าหวานใสปรากฎรอยยิ้มขำกับความคิดของตัวเองที่เจ้าตัวพยายามกลั้นเอาไว้ แต่ดวงตาคมก็สังเกตเห็นจนได้ เขาไม่ได้ถามอะไรออกไป ไม่อยากให้รอยยิ้มนั้นเลือนหายจากดวงหน้าหวานของเธอ เวลาผ่านไปสิบนาที ภูดิสเซ็นชื่อลงบนเอกสารแฟ้มสุดท้ายแล้ววางลง เสียบปากกาสีทองลงกระเป๋าเสื้อ

“เสร็จแล้วครับ หยุดเวลา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกความสนใจจากหญิงสาวให้ละจากการชมวิว นิศากรยกนาฬิกาขึ้นดู

“เหลืออีกเจ็ดนาที”

“งั้นพี่ขอใช้เวลาที่เหลือ คุยกันหน่อยได้มั้ย” สายตาคมมองดวงหน้าหวานใสของเธอขออนุญาต

“พี่ภูมีเรื่องอะไรคะ”

“พี่อยากคุยเรื่องวันนั้น” ดวงตากลมหลุบต่ำนิดหนึ่งก่อนเปิดกว้างมองหน้าคม นั่งตัวตรงขึ้น แขนขาวละมุนยกขึ้นกอดอก ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากเรียวปากแดงอิ่ม

“พี่ขอโทษที่เคยพูดไม่ดี” ภูดิสมองสบดวงตากลมสีน้ำตาลเข้ม ค้นหาความขุ่นเคือง ไม่พอใจ แต่ไม่พบอะไรนอกจากความนิ่งสงบ

“วันนั้นพี่หงุดหงิดไปหน่อย พี่แค่อยากไล่แพรออกไป เลยตั้งใจจะให้แพรโกรธ จะได้ไม่อยากคุยอีก ไม่คิดว่าหนูนิจะมาแอบได้ยิน” นิศากรพยักหน้ารับรู้

อ้อ ใช้เธอเป็นเครื่องมือตัดรำคาญนี่เอง

“ยกโทษให้พี่ได้มั้ยครับ” ภูดิสส่งสายตาขอลุแก่โทษ นิศากรเอาลดแขนลงจากท่ากอดอกมาวางไว้ที่ตัก กำลังจะบอกว่าเธอไม่ได้โกรธอะไรอีกแล้วแต่เขาพูดต่อขึ้นมาซะก่อน

“เพื่อความสบายใจของครอบครัวเราทั้งสองคน”

เพื่อครอบครัวเรา เธอไม่เห็นจะเห็นความบาดหมางไม่ลงรอยกันตรงไหนระหว่างสองครอบครัว คุณป้าลักษิกาและแม่ของเธอยังคงติดต่อสนิทสนมกันเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ครั้งสุดท้ายแม่ของเธอยังเล่าให้ฟังว่าไปทำบุญด้วยกันมา คิ้วสีน้ำตาลเข้มจึงขมวดเล็กน้อย

นิศากรไม่รู้ คุณกังสดาลเองร่วมมือกับคุณลักษิกาที่อยากแกล้งภูดิสเล็กๆน้อยๆ เช่นเดียวกับแพรพรรณจึงไม่ไปหาคุณลักษิกาที่บ้าน แต่เปลี่ยนเป็นคุณลักษิกาไปหาคุณกังสดาลที่บ้านแทน พอกลับมาก็แกล้งบ่นว่าคุณกังสดาลไม่อยากมาหาอีก เพราะไม่อยากตะขิดตะขวงใจหากต้องพบหน้าภูดิส

“ช่างเถอะค่ะ นิไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้ว พี่ภูไม่ต้องกังวลอะไรอีก” นิศากรพูดมาเป็นความจริง เธอไม่คิดจะใส่ใจอะไรอีก รวมถึงคนตรงหน้าด้วย ถึงจะเป็นถึงนักธุรกิจดาวรุ่ง นิสัยดีน่าคบหาเป็นแบบอย่างที่สาวๆหลายคนต้องการ แต่มันคงไม่มีอิทธิพลอะไรกับเธออีกแล้ว

“ขอบคุณครับ” รอยยิ้มกว้างติดใบหน้าคมอย่างโล่งอก

เขาได้ทำในสิ่งติดค้างในใจมากนานแล้ว ต่อจากนี้เธอคงจะไม่หลบลี้หนีหน้าไปอีก

“นิกลับบ้านได้รึยังคะ” นิศากรทวงถาม ภูดิสพยักหน้าลุกขึ้นเดินนำ อินเตอร์โฟนดังขึ้นพร้อมเสียงเลขาสาวรายงานขึ้นมาว่า

“คุณรัญชิดาจะเรียนสายด้วยค่ะเจ้านาย”

รัญชิดา ชื่อนี้คุ้นในความรู้สึกนิศากร ภูดิสเดินไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่หลังจากบอกขอเวลาสักครู่กับนิศากร

“โอนเข้ามาเลย” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหนึ่งครั้งก่อนเขาจะยกหูขึ้นกรอกเสียงลงไป

“ว่าไงรัน เรากำลังจะออกไปข้างนอก” อีกฝ่ายจะว่ายังไงนิศากรไม่อาจจะทราบได้ แต่คงเป็นเรื่องที่น่าขบขัน เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอแสดงให้เห็นว่าเป็นเช่นนั้น สรรพนามที่เรียกขานบอกถึงความสนิทสนม

“อย่าลืมทานยาแล้วก็นอนพักมากๆละ ถ้ารู้ว่าไม่ทำตามละก็ เราจะไม่ไปซื้อของโปรดไปเยี่ยม”

ความห่วงใยและประโยคหยอกล้อ ทำให้นิศากรฉุกคิดถึงข่าวสุดท้ายที่เพื่อนสาวรายงานด่วนตรงถึงฝรั่งเศส

นี่ละมัง รัญชิดา เพื่อนรักที่อิงแอบซับน้ำตากันกลางผับชื่อดัง ฮึ!

นิศากรเบ้ปากเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แล้วก็ต้องสะดุดใจตัวเอง นี่เธอแอบฉุนนิดๆทำไม นิศากร อากาศเปลี่ยนแปลงเร็วไป คงทำให้เธอสมองแปรปรวนไปด้วยแน่ๆ หญิงสาวหลับตาสลัดศรีษะ ไล่ความรู้สึกและความคิดนั้นออกไป

ภูดิสวางสายเมื่อไหร่ นิศากรไม่ทันได้สังเกต รู้แต่ว่าพอลืมตาขึ้นมาก็พบเขายืนมองเธออยู่แล้ว อารมณ์ฉุนนิดๆเมื่อกี้ยังคงติดค้างอยู่หน่อยๆ พอเห็นหน้าคมของชายหนุ่ม ดวงตาใสจึงมีรอยขุ่น

“กลับได้รึยังคะ หรือพี่ภูมีอะไรต้องทำอีกคะ” เสียงหวานใสติดจะห้วนน้อยๆ

“ไม่มีแล้วครับ กลับได้แล้ว” ชายหนุ่มทำหน้างงๆกับน้ำเสียงที่กลับมาแข็งนิดอีกแล้ว โกรธอะไร

“ก็ไปซิคะ” ว่าแล้วนิศากรก็ตรงไปที่ประตู เปิดออกไป ไม่รอเจ้าของห้องที่ยังงงไม่หาย
หรือว่าจะคุยนานเกินไป ก็ไม่นี่นา ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ

พอพ้นออกมาประตูออกมาพบนันทา เลขาหน้าห้องของภูดิส ที่ลุกขึ้นยืนยิ้มรอส่งแขก นิศากรยกมือไหว้และยิ้มนิดๆตอบให้

“ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ” นันทารู้สึกยินดีและต้องชะตากับหญิงสาวรุ่นน้องตรงหน้า ทั้งหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูและการพูดจาจากที่ได้คุยกันบ้างระหว่างทางที่มา

“ขอบคุณค่ะ ยินดีเช่นกันค่ะ แล้วนิจะแวะมาเยี่ยมนะคะ ถ้ามีโอกาสมาหาแพรที่นี่” นิศากรตอบ

นันทายืนมองตาม ผู้หญิงคนแรกที่เจ้านายพามาถึงห้องด้วยตัวเอง แอบแลบลิ้นใส่ร่างสูงของภูดิสที่เดินนำหน้าขำๆ

----------------------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------------


คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน

nekojung - สวัสดีค่ะ เคยอ่านจากเวป love-storiesหรือเปล่าคะ ที่นี่มีเพื่อนชาวlove เยอะเหมือนกันนะคะ ยังไงก็ไม่ลืมอัพทุกที่เลยค่ะ





Create Date : 18 พฤษภาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:35:22 น.
Counter : 232 Pageviews.

3 comments
  
คุณฟ้าริน ตอน 4 คะ รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โดย: ชาจัง IP: 203.118.80.137 วันที่: 21 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:13:59 น.
  
โดย: natee IP: 209.6.167.75 วันที่: 22 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:26:06 น.
  
ใช่แล้ว เราอ่านในเว๊ปเลิฟ จ๊ะ ตอนที่ 4 อัพไวๆน้า
โดย: nekojung IP: 58.9.76.213 วันที่: 22 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:55:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik