All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่11



บทที่11



นิศากรหัวเราะคิก เมื่ออยู่บนรถเรียบร้อย มุ่งหน้ากลับบ้านอย่างที่คนเจ็บต้องการ ชายหนุ่มหน้านิ่วน้อยๆขณะใช้มือข้างดีนับซองยาในถุงกระดาษของโรงพยาบาลที่ประโคมให้มา แก้นั่นแก้นี่เยอะแยะเต็มไปหมดให้สมกับราคาที่จ่ายให้โรงพยาบาลเอกชนที่ไปใช้บริการมาเมื่อครู่

“กินยาเฉยๆก็คงอิ่มแล้ว ไม่ต้องกินข้าวหรอกเนอะ” เสียงทุ้มแกล้งพูดประชดขำๆ

“เยอะขนาดนั้นเชียวหรือคะ เว่อร์ไปรึเปล่าคะ”

“ก็ดูสิครับ” มือหนารวบซองยามาโชว์ให้เธอดู เป็นเครื่องยืนยันคำพูด

“สีสวยน่ากินดีออกค่ะ” ภูดิสหน้าเบ้น้อยๆ ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดการกินยาเหมือนน้องสาวที่ป่วยครั้งใด ทั้งแม่และพี่ชายอย่างเขาต้องนั่งคุมไม่คลาดสายตา ไม่ให้แพรพรรณเอายาไปทิ้ง ทั้งที่เป็นยาน้ำแบบที่เด็กทาน เพราะน้องสาวเขากลืนยาเม็ดไม่ได้ แต่ว่านี่รู้สึกจะมากเกินไป

“ฮื่อ ขาดไปไม่กี่สีก็เอามาเรียงเป็นรุ้งได้แล้วนะครับ” นิศากรหัวเราะเบาๆกับประโยคเปรียบเปรย แล้วก็รู้สึกร้อนน้อยๆที่แก้มเนียนใสเมื่อแว๊บหนึ่งเธอหันไปยังร่างสูงที่นั่งด้านข้าง พบว่าเขายิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำประจำส่งมาให้


“เดี๋ยวๆหนูนิ จะไปไหนครับ” เสียงทุ้มร้องเรียกเมื่อหญิงสาวเลี้ยวรถไปอีกทางหนึ่งที่ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านของเธอ

“กลับบ้านไงคะ” นิศากรตอบ

“บ้านไหนครับ”

“ก็บ้านพี่ภูสิคะ พี่ภูบอกว่าจะกลับบ้าน” หญิงสาวบอกทวนความต้องการของเขา แต่ชายหนุ่มส่ายหน้า

“ไม่ใช่บ้านพี่ ไปบ้านหนูนิสิครับ บ้านพี่ไม่มีใครอยู่เสียหน่อย คุณป้าบอกว่าจะทำอาหารไว้คอยด้วย พี่จะไปกิน” ภูดิสเฉลยเหตุที่ไม่อยากกลับบ้าน เพราะจะไปกินของอร่อยที่บ้านเธอนี่เอง

“ผิดสัญญากับผู้ใหญ่ไม่ดีนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเหตุผลเสริม

สองพี่น้องนี่ติดใจฝีมือทำอาหารของคุณกังสดาลเหลือเกิน จนครั้งหนึ่งคุณลักษิกาแกล้งอิจฉา นิศากรมองชายหนุ่มขำๆแล้วเลี้ยวกลับตรงไปยังบ้านเธอ

ทำอย่างกับเด็กๆเหมือนแพรไม่มีผิด ตะเกียกตะกายจะไปบ้านเธอทั้งที่เจ็บเพื่อจะกินของอร่อย


แพรพรรณร้องอย่างตกใจเมื่อสายตากราดไปเห็นผ้าแผลสีขาวสะอาดที่มือใหญ่ เพราะชายหนุ่มเผลอให้มือข้างนั้นอีก จึงกระเทือนจนร้องโอดโอยจนหญิงสาวต้องเตือนซ้ำว่าอย่ากระเทือนบาดแผล

“เอ๊า พี่ภู นิบอกแล้วว่าอย่างเพิ่งโดนแผลไงคะ เดี๋ยวแผลก็อักเสบ บวมกันพอดี” หญิงสาวเดินอ้อมรถมาดุ

“เฮ้ย พี่ภูไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมมือเป็นแบบนี้ล่ะ”

หลังผ่านการซักฟอกวีรกรรมปราบโจรระทึกขวัญที่ห้างดัง ผู้หญิงสามคนรับฟังไปร้องไปอย่างหวาดเสียวตาม สองแม่จับมือกับตบอกปุๆ แล้วบ่นยืดยาว ใจความเหมือนอย่างที่ผู้บาดเจ็บเคยดุเธอมาไม่มีผิด ชายหนุ่มส่งสายตาคมมาเหมือนจะบอกว่า

เห็นมั้ยล่ะ

นิศากรคอตก แถมยังโดนเพื่อนตีเข้าหนึ่งป๊าบด้วยข้อหาเดียวกันกับพี่ชายว่า ทำให้ทุกคนเป็นห่วงดีนัก ใจหายใจคว่ำกันหมด สุดท้ายเป็นคุณแม่ทั้งสองที่ดุและหยิกเข้าคนหมับสองหมับ

“แม่ฟังแล้วจะเป็นลม ถ้าขืนทำอย่างนี้อีกนะ แม่จะตีให้ตายเลย คอยดูสิ”

“ป้าก็จะเป็นลมด้วยคน โอ๊ย หัวใจจะวาย อย่าทำอย่างนี้อีกนะลูก ป้าเป็นห่วง”

“ขอโทษค่ะทุกๆคน” หญิงสาวขอโทษเสียงอ่อย

“ดูซิ พี่เขาเลยต้องมาเจ็บไปด้วย โถ...ตาภู” คุณกังสดาลหน้าเสียมองบาดแผลของชายหนุ่ม เช่นเดียวกับลูกสาว ภูดิสเห็นแล้วรีบปลอบให้สบายใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก

“แค่นิดเดียวเองครับ ผมไม่เป็นอะไร คุณป้าไม่ต้องกังวลนะครับ”

“นั่นสิ ตัวโตจะตาย โดนนิดๆหน่อยๆเท่านี้ ไม่เป็นไรหรอก”

“ใช่ค่ะคุณป้า พิการชั่วคราวแบบนี้ แพรจะได้ฉวยโอกาสเอาคืนที่เคยแกล้งแพรถนัดๆหน่อย สมน้ำหน้าแล้วพี่ภู ฟ้าดินคงลงโทษที่แกล้งน้องไว้ เลยให้ทะเร่อทะร่าไปโดนมีดเข้า” สามแม่ลูกช่วยกันคลายความกังวลและเปลี่ยนเป็นเรื่องขำขัน

ดวงตาคมมองอาหารตรงหน้าพราวเป็นประกาย ค่าตอบแทนและทำขวัญวีรบุรุษอย่างภูดิสเป็นเสต็คเนื้อหอมกรุ่น มันทอดและสลัดเคียงครบสูตรฝีมือคุณกังสดาลที่คุณลักษิกาและแพรพรรณเสนอไว้ว่าเป็นเมนูโปรดอีกหนึ่งอย่างของเขา

“ทานเลยจ๊ะ เต็มที่เลยนะ ป้าทำสุดฝีมือให้ภูเลยนะเนี่ย” คุณกังสดาลโฆษณา

“ขอบคุณครับ” ภูดิสตั้งท่าจับส้อมและมีดเตรียมพร้อม ชายหนุ่มเปลี่ยนมีดมาไว้ข้างซ้ายเพื่อจะใช้ออกแรงหั่นชิ้นเนื้อและจับส้อมข้างขวาแทน แต่ก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดี อุปกรณ์การกินหลุดจากมือข้างเจ็บของเขาลงโต๊ะและเขาหน้านิ่วนิดหนึ่งเพราะเจ็บแผล

“ตายจริง ลืมไปเลย มือเจ็บแบบนี้จะกินได้ยังไงล่ะเนี่ย” คุณลักษิกาเอ่ยพลางคิด แพรพรรณที่นั่งข้างมารดาสบตาแพรวพราว

“หนูนิ ช่วยพี่ภูหน่อยสิ รับผิดชอบดูแลหน่อย” แพรพรรณแกล้งทวงบุญคุณที่พี่ชายช่วยเพื่อนสาวไว้

นิศากรคว้าอุปกรณ์จากมือชายหนุ่มมาทำหน้าที่ตัดเป็นชิ้นพอดีคำ แสดงความรับผิดชอบเต็มที่ หญิงสาวชะงักมือเงยหน้าขึ้นเหมือนนึกอะไรได้ เธอหันไปถามภูดิสที่นั่งรอกินอย่างใจจดใจจ่อ

“พี่ภู ทานยารึยังคะ”

“เอ้อ ยังครับ” ภูดิสทำท่านึกได้เช่นกัน จึงบอกว่ายาอยู่บนรถ หญิงสาวหันไปสั่งคนให้ไปเอา และจัดการจัดยาใส่แก้วเล็กยื่นให้พร้อมน้ำ กลับไปจัดการกับอาหารของเขาต่อ

ชายหนุ่มยื่นยาหลากสีในมือให้น้องสาวดู จัดการเทใส่ปากแล้วยักคิ้วให้น้องก่อนดื่มน้ำตามอึกใหญ่ แพรพรรณทำท่าเกาคอหน้าแหย เรียกเสียงหัวเราะในลำคอภูดิส นิศากรมองสองพี่น้องยิ้มๆ บางทีเธอก็ชอบเวลาพี่น้องนี่แกล้งหยอกกัน แต่บางทีพอเห็นแล้วก็อดระอาไม่ได้

“เจ็บแล้วยังจะมีแก่ใจแกล้งน้องอีกนะภู” คุณลักษิกาอดดุขำๆไม่ได้ ชายหนุ่มดีหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“เฮ้อ มือขวาเสียด้วย ลำบากแย่เลย” คุณกังสดาลยังกังวล

“มือเจ็บแบบนี้ก็ไม่เลวนะครับ สบายดี” ภูดิสบอกข้อดีในการเจ็บครั้งนี้ว่าสบายดี เพราะทุกคนช่วยกันบริการเขา ประมาณว่ามีสิทธิพิเศษ สบายเหนือกว่าคนอื่นๆ

ชายหนุ่มจิ้มอาหารเข้าปากยิ้มให้คุณกังสดาลซึ่งชักจะเห็นด้วยกับสิ่งที่เขากล่าวมา ท่ามกลางความอิจฉาที่เริ่มก่อตัวของแพรพรรณซึ่งนั่งมองพี่ชายรับบริการจากเพื่อนสาวเจ้าบ้าน นิศากรกำลังเทซอสใส่ให้ในจานพี่ชายและมารดาของตัวขยับทิชชู่ส่งให้

“พอแล้วๆ เอาใจกันมากเกินไปแล้ว” น้ำเสียงอิจฉาดังจากร่างเล็กผอมบาง มือบางฉุดมือเพื่อนที่จะตักมันฝรั่งทอดส่งให้ภูดิสออก เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนบนโต๊ะได้ฮาใหญ่

นิศากรและภูดิส ขำนิสัยของแพรพรรณที่เกิดจะขี้อิจฉาแบบเด็กๆ เพราะพี่ชายได้รับการเอาใจใส่มากกว่า

ส่วนสองแม่หัวเราะกึ่งยิ้มอย่างสมใจ ที่เห็นลูกสาวและลูกชายเข้ากันดีและนิศากรที่คอยดูแลภูดิสอย่างเอาใจใส่จนแพรพรรณน้อยใจ งอนตุ๊บป่องไปเลย

“อย่างนี้ก็ดี เหมือนที่ตาภูบอกจริงๆนะ”

“นั่นสิ”

คุณลักษิกาแอบกระซิบกับคุณกังสดาลอมยิ้ม ขยิบตาให้กัน และส่ายหัวให้แพรพรรณที่อิจฉาจนลืมหน้าที่ที่ตัวเองเป็นตัวตั้งตัวตีเสียแล้ว



คุณลักษิกาจัดการลากภูดิสเข้าห้องนอนตั้งแต่หัวค่ำหลังกลับจากบ้านเพื่อน เพราะพ่อลูกชายตัวที่ไม่เจียมตัว ทำท่าจะตรงเข้าห้องหนังสือดูงานที่ทำค้างไว้เมื่อวาน ทั้งที่ตัวเองหาวหวอดๆตั้งแต่อยู่บนรถ ด้วยฤทธิ์ยาที่ทานเข้าไป

“ไปเลย ไปอาบน้ำจะได้เข้านอน เจ็บแล้วยังไม่เจียมอีก” คุณลักษิกาว่าเข้าให้

ภุดิสจัดการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นตามที่มารดาสั่ง ไม่อาบน้ำเย็นอย่างที่ตัวเองชอบทำ เพราะไม่อยากได้อาการไข้ขึ้นเพิ่มเข้าไปอีก เพราะตอนรู้ก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวพิกล

...อย่าให้แผลโดนน้ำเด็ดขาดนะคะ...

เสียงหวานใสของนิศากรกำชับไว้ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นรถ ชายหนุ่มมองมือที่มีผ้าพันแผลสีขาวพันๆไว้ เขายื่นออกให้พ้นรัศมีของน้ำที่อาจกระเซ็นโดน

พอจัดการอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ทำท่าจะล้มตัวลงนอน เขาก็นึกอะไรอย่างหนึ่งได้ ร่างสูงกระเด้งลุกจากเตียงนุ่มมาหันหาของที่ต้องการ

อย่าลืมทานยาแก้ไข้ก่อนนอนด้วยนะคะ คืนนี้พี่ภูอาจจะไข้ขึ้นก็ได้ มือเล็กๆขาวๆชูซองยาให้เขาดู ชี้ตรงคำว่าก่อนนอนให้เห็นเด่นชัด

ภูดิสล้มตัวลงนอนอีกครั้งหลังจัดการทานยาเสร็จเรียบร้อยอย่างที่หากคุณหมอได้รู้ คงดีใจไม่น้อย ที่คนไข้ทำตามที่สั่งทุกคำ ไม่ผิดเพี้ยนจากที่นิศากรกำชับกำชาไว้ตามคำแนะนำของแพทย์ทีเดียว

...ขอบคุณค่ะ...

ภาพใบหน้าหวาน ตากลมใสแป๋ว ประดับรอยยิ้ม มือน้อยพนมขึ้นไหว้ชายหนุ่มเรียบร้อย ขอบคุณและขอโทษที่ช่วยเธอจนต้องเจ็บตัว

เขาหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว หากแต่ที่รู้คือริมฝีปากของเขามีรอยหยักยกขึ้นน้อยๆและคิ้วเข้มไม่ขมวดมุ่นเหมือนที่เป็นมาตลอดหลายวัน


“อะไรนะ ยัยนั่นพูดขนาดนั้นเชียวเหรอ ฮึ่ย!อย่างนี้ยอมไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาดเลย มีเรื่องขนาดนี้ทำไมไม่ยอมเล่านะหนูนิ” เสียงเล็กๆดังด้วยอารมณ์พุ่งปรี๊ดเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่นิศากรเผยให้ฟัง

หลังนิศากรส่งส่วยเป็นข้าวต้มกุ้งร้อนๆให้คนเจ็บที่คุณเลขาบอกแกมบ่นว่ากำลังง่วนเตรียมเอกสาร เพื่อเข้าประชุมบ่ายนี้

‘เดี๋ยวจะต้องลืมทานอาหารอีกแน่เลยล่ะค่ะ’ นันทาส่ายหน้าหน่ายๆในพฤติกรรมของเจ้านายที่ชอบทำงานจนลืมทานอาหารอยู่เสมอ

นิศากรจึงไม่รบกวนเวลา แต่ฝากส่วยไว้ให้แทน ในใจนึกอยากสำรวจบาดแผลของเขาดูว่ายังเรียบร้อยดีอยู่ไหม อาการไข้ขึ้นจากแผลอักเสบซึ่งแพรพรรณแอบมารายงานกึ่งชื่นชมพี่ชายให้ฟังว่าเป็นคนไข้ที่ดีนั้นดีขึ้นบ้างหรือเปล่า

“ช่วยเตือนให้ทานยาด้วยนะคะ” นิศากรขอให้นันทาช่วยกำชับคนเจ็บก่อนจะออกมา คุณเลขารับคำยิ้มๆมองตามหลังร่างสมส่วนพลางคิดถึงเจ้านายที่ง่วนอยู่กับเอกสารในห้อง เมื่อเช้าภูดิสหายหน้านิ่ว



“โมเม ขี้ตู่ กุเรื่องชัดๆ หนูนิอย่าไปเชื่อยัยนั่นนะ” มือเล็กจับส้อมจิ้มไก่ย่างสูตรเด็ดของร้านส้มตำบรรยากาศหรูแบบเรือนไทยระบายอารมณ์ แพรพรรณเดือดดาลเสียยิ่งกว่าเจ้าตัวที่ประสบชะตากรรมนั้นเองซะอีก มีอย่างหรือ ขนาดไม่ได้รู้จักมักจี่กับเป็นการส่วนตัว เพียงแค่เห็นกันทางหน้าหนังสือพิมพ์ ยัยนางร้ายนั่นก็มาระรานกันซึ่งๆหน้าขนาดนี้

“แน่ใจเหรอ” นิศากรถามอย่าคลางแคลง แล้วก็รีบแก้เมื่อเห็นเพื่อนหน้าบึ้งขึ้นมาทันตา เพราะคิดว่าตัวถูกหาว่ากำลังโกหก “เราไม่ได้ว่าแพรนะ ก็ที่เขาพูดมาก็ถูกทุกคำนี่”

‘ภูเขารักฉันมานานแล้ว’ แพรพรรณเถียงไม่ออก แต่ยังไม่วายหาข้อโต้แย้ง แก้ตัวแทนพี่ชายจนได้

“เห็นมั้ยละ นานแล้ว นั่นมันนานแล้วนะ เรื่องเก่าน่ะหนูนิเข้าใจรึเปล่า” แขนขาวถูกแพรพรรณเขย่ายิกๆ ตะยั้ยคะยอให้เพื่อนเชื่อในสิ่งที่ตนพูด

“รู้แล้วๆ เรื่องเก่าก็เรื่องเก่า แต่ยังไง พอพี่ภูหายเจ็บเมื่อไหร่ แพรอย่าเรียกให้เราไปที่บริษัทหรือที่บ้านบ่อยๆอีกเลยนะ ขอร้อง”

“โธ่ หนูนิ ไม่เอานะ อย่าทำแบบนี้เลย พี่ภูเปล่ากิ๊กยัยนั่นจริงๆนะ เชื่อสิ” แพรพรรณโอดครวญ ไม่ยอมๆๆแผลแค่นั้นอีกไม่เกินสองอาทิตย์ก็ต้องหายสนิทแน่นอน ไม่ไปที่บ้าน ไม่ไปบริษัท แล้วจะเจอกันยังไงล่ะ โอ๊ยปวดเฮด พี่บ้า ก่อเรื่องอีกจนได้นะ

“อาจจะปิดไว้ก็ได้ ใครจะไปรู้” นิศากรตั้งสมมติฐาน

“พี่ภูไม่มีความลับหรอก” แพรพรรณเอ่ยอย่างมั่นใจ นั่นหมายถึง ผู้ชายคนเดียวในบ้านไม่มีทางเก็บสิ่งใดเป็นความลับรอดพ้นจากเธอได้ต่างหาก

แต่ไหนแต่ไรมา ความลับของพี่ชาย เจ้าตัวไม่เคยได้มีโอกาสเก็บไว้นาน น้องสาวอย่างเธอกับคุณลักษิกา คุ้ยแคะแกะเกาออกมาจนได้เสมอ หากไม่ได้จริงๆ ก็จัดการง้างปากผู้ชายคนเดียวคนบ้าน งัดเอาความลับที่หนีบไว้ในซอกฟันออกมาจนได้

นิศากรรู้นิสัยขี้งัดขี้ล้วงของเพื่อนเป็นอย่างดี เพราะโดนกับตัวมาแล้วหลายที สิ่งที่แพรพรรณยืนยัน เชื่อได้ว่ามีเปอร์เซนต์เป็นจริงสูง แต่ก็ยังไม่อาจสนิทใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอยให้แปลบใจอีก

“นี่!หนูนิ” แพรพรรณสะกิดเพื่อนแรงๆ “ไม่ไว้ใจเราแล้วรึไง เราไม่หน้ามืดจนต้องทำให้หนูนิเสียใจอีกหรอกน่า แล้วถ้าพี่ภูหัวใจไม่ว่างจริงๆ ก็ไม่มีทางเชียร์ให้หรอก”

“พูดอะไรน่ะแพร เชียร์อะไรอีก นี่ยังไม่เลิกคิดอะไรบ้าๆอีกเหรอ” นิศากรชักจับอะไรอย่างหนึ่งได้ เพราะเพื่อนสาวหลุดหลายประโยคที่ส่อเค้าลางถึงเรื่องจับคู่เก่าๆออกมา

“อุ๊ย” แพรพรรณอุทานตาโต

“นั่นไง เราบอกแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าไม่เอาแล้ว แล้วยังคิดเล่นเกมอะไรกับเราอีกฮะ” ดวงตากลมเบิกขึ้น ส่งกระแสดุๆเขียวๆให้คนที่ตกใจเพราะหลุดปาก คอตก

“ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” เสียงเล็กๆแก้ตัวอุบอิบ

“ถ้างั้นก็เลิกคิดจะทำไปได้เลย ไม่มีประโยชน์หรอกรู้ไว้ด้วย เพราะเราจะไม่เล่นตามเกมของแพร มันไม่มีทางสำเร็จ” แพรพรรณทำเสียงในลำคออย่างหงุดหงิด ขัดใจ

“แต่พี่ภูไม่ได้มีกิ๊กมีกีกที่ไหนแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์จริงๆนะ” ไม่วายยืนยันเสริมคำบอกของพี่ชายตามที่เพื่อนเล่าให้ฟัง จึงโดนตากลมๆดุใส่เข้าให้อีกรอบ เลยแก้ตัวว่า “อันนี้ไม่ได้อยู่ในแผนสักหน่อย เรื่องจริงๆล้วนๆนะ”

นิศากรค้อนขวับเล็กๆให้เพื่อนอย่างอดไม่ได้ อ่อนใจและเชื่อเลยว่าแพรพรรณคงไม่เลิกคิดวางแผนง่ายๆ คงต้องคอยระวังตัวเสียแล้ว

“อ๊ะ รัญชิดานี่” เสียงแพรพรรณโพล่งขึ้น พลางทำท่าเข่นเขี้ยว ข้อหาทำร้ายจิตใจและร่างกายอีกนิดหน่อย แต่รวมกันแล้วทั้งหมดที่ดาราสาวทำ สร้างความกรุ่นโกรธเจ็บใจให้เธอได้ไม่แพ้เจ้าของเรื่องเลยแม้แต่น้อย

นิศากรมองตามพลันพบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องเป๋งตรงมาที่เธออย่างยโสเช่นกัน มุมปากแดงสวยด้วยสีเครื่องสำอางค์มีชื่อเหยียดยิ้มอย่างที่หญิงสาวคิดว่าไม่เป็นมิตรและเยาะยังไงชอบกล

“ฮึ้ย น่าเกลียดชะมัด คนอะไร สวยแต่หน้าตา” แพรพรรณออกปากว่า นิศากรเบือนหน้ากลับ ยกแก้วน้ำสีสวยขึ้นดื่ม ดับความร้อนในใจที่เริ่มคุกรุ่นด้วยความเจ็บใจที่ถูกกระทำเมื่อครั้งก่อน

“สวัสดีจ๊ะ น้องแพร” นางร้ายสาวเดินเข้ามาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“สวัสดีค่ะ มาทานข้าวเหรอคะ” แพรพรรณยกมือไหว้และทักอย่างเสียไม่ได้เพราะความจำเป็นด้านความอาวุโสและรู้จักกันมาก็หลายปีอยู่ ถึงแม้ไม่สนิทสนมแต่ก็เป็นเพื่อนพี่ชาย เธอไม่ใช่คนไร้มารยาทสักหน่อย ดาราสาวรับไหว้

“นี่หนูนิ นิศากร เพื่อนสนิทคนดีและน่ารักที่สุดของแพรค่ะ พี่ภูการันตีได้” แพรพรรณแนะนำทั้งที่รู้ว่าสองสาวพบกันจังๆไปแล้ว พร้อมทั้งเสริมคำให้นางร้ายสาวยอกแสยงไปด้วย

ประโยคหลังของแพรพรรณทำรัญชิดาสะอึกไป ทำตาโตมองคนที่ถูกแนะนำเขม็ง คล้ายกับคนถูกแนะนำที่ตาโตเช่นกัน แต่คนละอารมณ์ ตากลมเบิกกว้างแว๊บนึงเพราะคำพูดประหลาดของเพื่อน

การันตีกันตอนไหนยะ ยัยแพร พูดอะไรมั่วซั่ว

“เคยเจอกันแล้ว ครั้งนึง” นิศากรสบสายตามาดร้ายที่จ้องมาแข็งเป๋งเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ปล่อยให้คำพูดของแพรพรรณสร้างความเจ็บแสบให้รัญชิดาโดยไม่แก้ไข อยากเอาคืนบ้าง

ช่วยไม่ได้ อยากเดินมาหาเรื่องใส่ตัวเองนี่นะ

นิศากรเหลือบมองตาวิบวับเป็นประกายของเพื่อนก็รู้ได้ทันทีว่า เธอไม่ต้องออกแรงคิดหาทางแก้แค้นเองให้เหนื่อย เมื่อแพรพรรณมองนางร้ายสาวอย่างมาดมั่นจ้องเล่นงานอยู่ทุกวินาที อย่างน้อยก็โดนธนูอาบยาพิษของแพรพรรณไปแล้วดอกหนึ่ง ส่วนเธอแค่ส่งเสริมให้มันออกฤทธิ์เร็วๆเท่านั้นเอง

“เค้กฝอยทองที่สั่งได้แล้วครับ” กล่องขนดเล็กมีตราของร้านอาหารติดด้านบนในถุงที่มีโลโก้เดียวกับกล่องถูกนำมาวางบนโต๊ะ

“แหม...อร่อยสู้ฝีมือคุณป้าไม่ค่อยได้ แต่ยังไงก็แก้ขัดไปได้ก่อนแล้วกัน พี่ภูบ่นอยากกินวันละสามรอบแต่ไม่ว่างจะไปบุกบ้านหนูนิอีกสักที”

รัญชิดาหูผึ่ง คำว่าอีกสักที แสดงว่าเคยไปมาแล้วและอยากไปอีกแต่ไม่ว่างเสียที หมายความว่าไง ภูไปบ้านยัยนี่มาแล้วงั้นเหรอ แถมยังจะพากันไปอีกด้วย

“เหรอจ๊ะ งานยุ่งมากเหรอเนี่ย แหม...โทรคุยกันทุกวันเช้าเย็นไม่เห็นบอกพี่เลย เมื่อกี้ก็เพิ่งวางสายไป”

นางร้ายสาวแสร้งบ่นยิ้มๆมองนิศากรเชิดๆ บอกประมาณว่างานยุ่งไปหานิศากรไม่ได้ แต่ว่างคุยกับนางร้ายสาววันละสองรอบ และเลือกอมความจริงบางอย่างที่ว่าภูดิสเพิ่งวางสายไปเมื่อครู่ เพราะชายหนุ่มขอตัวทั้งที่เพิ่งรับสายได้ไม่ถึงนาที เธอเลยยังไม่ทันได้พูดอะไรกับเขาเลยสักนิด

สองสาวเพื่อนสนิทเงียบไปครู่ แล้วส่งสายตาหากัน ฝ่ายหนึ่งบอกว่า

‘ไหนว่าไม่กิ๊ก’

‘อย่าไปเชื่อๆๆๆๆ’ แพรพรรณไม่ยอม จิกสายตาตอบเพื่อนทันที

“ไม่เห็นพี่ภูเล่าเรื่องพี่รันให้แพรฟังนานแล้วนะคะ รู้สึกจะตั้งแต่หนูนิกลับมาละมั้ง ฮิๆ แพรคิดว่าพี่ภูคงลืมพี่รันไปเสียสนิทซะแล้วสิคะ” แพรพรรณยิงอีกหนึ่งดอก ตรงเข้ากลางใจนางร้ายสาวอย่างจัง

รัญชิดาสะอึก หน้าแดงด้วยอารมณ์ มือเรียวกำแน่น คอเกร็งขึ้นเพราะถ้อยคำจากปากแพรพรรณราวกับไฟเผาหัวใจให้ร้อนรน เพราะไม่ต่างจากที่น้องสาวภูดิสพูดสักนิด ตั้งแต่แม่นี่กลับมา ภูดิสดูจะลืมเธอไปจริงๆ ไม่มีโทรศัพท์ติดต่อจากชายหนุ่ม ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ เธอเองต่างหากที่ต่อสายถึงเขาเสมอ พูดคุยกันไม่เท่าไหร่ก็ต้องวางสาย เพราะเขาติดงานทุกที แถมบางครั้งยังเหม่อลอย ไม่ค่อยใส่ใจฟังที่เธอพูดสักเท่าไหร่ ก่อความรู้สึกอ้างว้างและปวดร้าวในใจ

“พี่ขอตัวนะคะ เพื่อนรอนานแล้ว” เสียงของนางร้ายสาวแข็งอย่างปิดไม่มิด ตอนแรกคิดว่าจะมาตอกย้ำเรื่องเก่าเสียหน่อย แต่ตอนนี้กลับโดนตอกเสียเอง ใจอยากตะโกนด่าตอบโต้กลับไปแต่ไม่มีคำพูดใดจะโต้ได้เลย รัญชิดาเดินคอแข็งออกไปทันที กระแทกส้นรองเท้าจะดูเหมือนว่ามันจะสึกลงหลายเซนต์กว่าจะถึงโต๊ะเพราะแรงบดขยี้ของเจ้าของ

“ท่าทางจะแทงใจอย่างแรง ดูสิ พูดไม่ออก ถอยไปโน่นเลย” แพรพรรณหัวเราะแถมท้ายอย่างสาแก่ใจ นิศากรมองไปทางรัญขิดา เจ้าหล่อนกนะแทกตัวนั่งจนเก้าอี้แทบพังก็หัวเราะพรืดออกมา

“ไปอำเขาแบบนั้น เกิดไปเม้งเอากับพี่ภูจะทำยังไง” นิศากรถามกลั้วหัวเราะ นิ้วเล็กกรีดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะขำ ก่อนสะดุดในเวลาต่อมา เมื่อแพรพรรณหยอดเสียงตอบ แววตาระริกชอบกล

“เปล่าอำซะหน่อย พูดจริงๆตามที่ตามข้อมูลในมือถือพี่ภูทุกคำเลย”

“ไปห้องน้ำก่อน เดี๋ยวมา”

นิศากรบอกแพรพรรณก่อนเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่าอาหาร เตรียมตัวกลับ เพราะอาหารรสแซ่บเริ่มจืดเจื่อนไปบวกกับใกล้หมดและหากทานมากกว่านี้ มีหวังจู๊ดๆ กระเพาะเธอไม่ได้สามารภปรับรับอาหารรสจัดขนาดนี้ได้สักเท่าไหร่ แต่ด้วยความอยากสุดๆ เลยจัดการสั่งรสจัดพิเศษ ทานไปก็ซี๊ดๆซ๊าดๆกันไป

ถ้อยคำกระแทกใจของแพรพรรณเมื่อครู่อาจมาจากฤทธิ์เดชของพริกที่ผสมในส้มตำ น้ำตก ตรงหน้านี่ก็ได้ ใครจะไปรู้

เสี้ยวหนึ่งในใจ เธอออกจะสงสารที่โดนแพรพรรณใช้คำพูดทำร้าย แต่อีกครึ่งหนึ่ง นิศากรก็สมใจที่ดาราสาวโดนตอกหน้าเย้ยหยันอย่างที่เคยทำไว้กับเธอ



“ยัยเด็กบ้า” ร่างเพรียวในชุดกระโปรงแค่เข้าปราดเข้ามาขวางทางออกหน้าห้องน้ำ ใบหน้าสวยถมึงทึง เสียงหัวเราะขำขันของทั้งสองคน เหมือนน้ำมันราดลงเตาไฟที่จุดทิ้งไว้โดยแพรพรรณ นางร้ายสาวสืบเท้าคุกคามร่างกลมกลึงของนิศากรด้วยแววตาพิโรธ

“อะไรอีกล่ะเนี่ย” นิศากรถอยหลัง ถอนหายใจเบื่อแรงๆ ยัยนางร้ายตามมาราวีเธอโดยเฉพาะถึงในห้องน้ำ นิศากรโดนมือเรียวของรัญชิดาผลักไหล่อย่างหาเรื่องจนเซ

“เธอยังไม่เลิกไปให้ท่าเขาถึงที่อีกหรือไง หน้าไม่อายอย่างเหลือเชื่อจริงๆ”

อีกแล้ว ยัยตัวร้ายนี่กล่าวหาเธออีกแล้ว นิศากรเดือดปุดขึ้นมาทันควันเหมือนมีคนมาเร่งเตาไฟให้แรงขึ้นอย่างรวดเร็ว

“คนหน้าไม่อายน่ะ น่าจะเป็นคุณมากกว่านะคะ คุณรัญชิดา ดาราชื่อดัง แต่ขี้ตู่ว่าเขาเป็นแฟนตัว โดยที่เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วยสักนิด!” นิศากรกระแทกประโยคท้ายใส่หน้านางร้ายสาวดังๆ หน้าสวยเหวอไปนิดก่อนปรับสีหน้ายิ้มเยาะกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน

“น้องแพรบอกเธอว่าอย่างนั้นน่ะสินะ แล้วเธอก็เชื่อ” รัญขิดาแค่นหัวเราะแต่ก็ได้ไม่นาน เพราะประโยคต่อมาเหมือนน้ำสาดเข้าหน้าเธออย่างจัง

“พี่ภูต่างหากที่บอก เขาบอกว่า ฉันเข้าใจผิดทุกอย่าง คุณสองคนเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินไปกว่านั้น!” รัญชิดาหน้าชา ไม่นึกว่าภูดิสจะพูดอย่างนั้นกับเด็กนี่ทั้งไม่นึกว่าเด็กนี่จะกล้าแล่นไปถามเขาตรงๆ หน้าอ่อนๆใสๆอย่างนี้ เธอเห็นเขาห่วง จึงคิดว่าเขายังรัก แต่ไม่เคยกล้าถามอะไรออกไป แม้แต่คำเดียว

“ไม่จริง!!ฉันไม่เชื่อ เธอโกหก” นางร้ายสาวพุ่งเข้ามา หมายจะผลักหญิงสาวให้ล้มคว่ำด้วยความโกรธ นิศากรหลบทันหวุดหวิด รัญชิดาจึงพุ่งหวือไปในอากาศเข้าหาต้นไม้ประดับบนโต๊ะหินข้างกระจกบานยาวที่ใช้สำหรับแต่งตัว

“โอ๊ย!” ดาราสาวร้องด้วยความเจ็บ ขอบโต๊ะตัวนั้นกระแทกเข้าที่ท้องนางร้ายสาวอย่างจังจนทรุดลงกอง

“อีเด็กบ้า โอ๊ย!” รัญชิดาคำรามเสียงรอดไรฟัน นิศากรตกใจยกมือปิดปากตาโต ทั้งตกใจและสงสารกับสภาพของนางร้าย จึงคิดจะเอื้อมมือไปช่วยฉุดให้ลึกขึ้นแบบพลเมืองดี แต่สายตาวับวาวด้วยความแค้นเคือง หญิงสาวจึงชะงักอยู่กับที่

การเป็นพลเมืองดีก็ต้องเลือกด้วยว่า ช่วยคนๆนั้นแล้ว จะเป็นภัยแก่ตัวทีหลังรึเปล่า ช่วยสุ่มสี่สุ่มห้า อาจซวยได้นะคะ ทุกๆคน

“ยัยเด็กบ้า ฮึ่ย!” นางร้ายพยุงตัวลุกขึ้นเอง รัญชิดาไม่ปล่อยให้เหยื่อมีเวลาเตรียมตัวหลบหลีกได้อีก เธอปราดเข้าหานิศากรอีก หมายจะทำร้ายให้สาแก่ใจ

แต่ฟ้าคงมีตาหรือยัยตัวร้ายอย่างเธอซวย ต้องแพ้ภัยตัวอย่างในละครก็ไม่ทราบได้ รัญชิดาลื่นพรืดเพราะน้ำที่ไหลนองจากอ่างล้างหน้า มือเรียวคว้าถังขยะสีเงินทรงกระบอกยึดเหนี่ยวตัว หากแต่มันเบาเกินไปจนล้มคว่ำไปอีกรอบ

“กรี๊ด!!!” เสียงนางร้ายหวีดร้อง ซ้ำร้าย เศษขยะต่างๆนานาในถังยังกรเด็นออกมาบนตัวเธอที่หน้าคว่ำไปกับพื้นอีก

“อี๋ย์แหยะ” นิศากรเบ้หน้าให้กับภาพที่เห็น

ดาราคนสวยนอนจมกองขยะอยู่ในห้องน้ำ จริงๆแล้วที่พื้นยังดูสะอาดดีอยู่ ถ้าไม่นับรวมบริเวณน้ำเจิ่งนองที่รัญชิดาเอาชุดสวยซับให้แล้ว แต่ก็นะ พื้นรองเท้าใครต่อใครบ้างก็ไม่รู้ที่เหยียบย่ำเข้ามา แถมยังขยะนานาชนิดนั่นอีก นิศากรมองดาราสาวที่คลับคล้ายจะเหมือนสุนัขสุนัขพันธ์ดีถูกเนรเทศ เลยต้องมาคุ้ยขยะยังไงชอบกลตอนนี้แล้วก็ออกจะสงสาร แล้วก็หญิงสาวต้องสะดุ้ง

“กรี๊ด!!!” เสียงหวีดแหลมดังขึ้นอีกรอบ เมื่อรัญชิดากระดกตัวขึ้นมองดูสภาพตนพลางครางโอดโอย “อ๊าย!! อะไรกันเนี่ย เอาออกไปจากตัวฉันนะ อี๋ย์ สกปรก โสโครกที่สุดเลย กรี๊ด!!! แหวะ...ฯลฯ”

นิศากรไม่อยู่ฟังคำบริภาษต่างๆนานาอีกมากมายที่ออกจากปากสีแดงสดของนางร้ายสาว เพราะหูเล็กๆของเธอตอนนี้ได้ยินแต่เสียงวิ้งๆ ผลมาจากเสียงหวีดแหลมยาวยืดเกินร้อยยี่สิบเดซิเบลของนางร้ายสาวนั่นแหละ จริงๆอยากเป็นพลเมืองดีอีกรอบ แต่ก็จนใจจริงๆ ไม่ไหวๆ

ช่วยไม่ได้นะ เธอทำตัวเองทั้งนั้นนะเนี่ย แล้วอีกอย่าง พลเมืองดีอย่างฉัน ก็เลือกสถานการณ์เหมือนกัน


-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------

//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*

มาต่อแล้วค่ะ ฟื้นฟูกำลังภายในได้80% แล้วค่ะ ตอนนี้ยาวปรื๊ดเลย ถือว่าชดใช้ให้สำหรับการหายตัวไปฟื้นฟูพลังวัฒน์ สะใจมั้ยค่ะ สำหรับการแก้แค้นยัยรัน( เรียกอย่างนี้เพราะหมั่นไส้ยัยนี่ชะมัด) โดนไปหลายหมัดเลยทีเดียว เฮอะๆ สกปรกไปหน่อยรึเปล่า แฮะๆ ทุกคนจะว่าฟ้ารินเป็นคนโส(โครก)รึเปล่าคะ

Ormmie - นั่นแน่ จับได้แล้ว เผยตัวออกมาแล้วเหรอคะ ไม่ต้องแอบก็ได้ค่ะ ออกมาคุยกันเลยดีกว่า (อันนี้ออกแนวหาเรื่องไปเปล่า) เอาเป็นว่า สวัสดีค่ะ ฟ้ารินยินดีต้อนรับและอยากคุยกับทุกคนเลยค่ะ

kikkak_riwkiw - อ้าว อุตส่าห์ชิ่งได้หนึ่งตอน ตามมาติดๆอีกแล้ว แง้ว แล้วฝันถึงพี่ภูกะอาธันว์เป็นไงบ้าง มาเล่าหน่อยนะ พี่เป็นแฟนพันธ์แท้อาธันว์ ฮ่าๆๆๆ

Honey - ติดเลยค่ะ ติดเลย แฮะๆ





Create Date : 02 กรกฎาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:17:24 น.
Counter : 259 Pageviews.

3 comments
  
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ

น่ารักดี

อยากให้มีตอนพระเอกกะนางเอกหวานๆกันอ่ะค่ะ
โดย: g IP: 222.123.169.189 วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:22:04 น.
  
งั้นเราคงต้องเปิดศึกชิงอาธันว์กันแล้วล่ะค่ะ คงจะเป็นพันธมิตรก็ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เรื่องหน้าตาฟิวอาจสู้พี่ฟ้าไม่ได้ แต่ฟิวคนนี้สู้ตายยย...

ฮี่ๆ เข้าเรื่องดีก่า... อยากบอกว่าตอนนี้มันส์มั่กมากกก สะใจดี เหอะๆ แถมยาวอีกต่างหาก กว่าจะจบเล่นเอาข้าพเจ้าตาแฉะ

เห็นด้วยกับความเห็น 1 เมื่อไหร่จะหวานกันสักทีน้า...
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.36.14 วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:54:11 น.
  
เรื่องนี้เมื่อไหร่จะจบค่ะอยากอ่านตอนจบจะแย่แล้วค่ะรีบ ๆ หน่อยนะค่ะขอบคุณค่ะ
โดย: kookkookkai IP: 125.27.78.133 วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:24:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik