All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่12



บทที่12


แพรพรรณซึ่งกลับมาจากทานอาหารรสเด็ดด้วยอารมณ์เบิกบานและสะใจเล็กน้อย เมื่อได้ฟังวีรกรรมทำร้ายตัวเองของนางร้ายชื่อดังจากปากนิศากร พอเปิดประตูเข้าบ้านมา ก็เจอภูดิสกลับจากที่ทำงานมีอาการตัวร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากชายหนุ่มฝืนสังขารให้มือข้างเจ็บพิมพ์ไม่บันยะบันยังอย่างที่เคยทำตอนยังดีๆอยู่ อาการอักเสบบวมจึงถามหาอีกครั้ง แถมตอนกลางวันยังลืมทานยา ไข้เลยกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มกำลังเอนตัวบนโซฟายาวพักสบายๆ

“อ้าว พี่ภู ไหงมานอนตรงนี้ล่ะ เป็นอะไรรึเปล่า” แพรพรรณทัก

ร่างสูงผงกหัวขึ้นมองน้องสาวที่ยืนเด่นอยู่กลางห้องอยู่แต่ผู้เดียว เขาได้ยินจากเลขาของเขาแว่วๆมาว่าแพรพรรณและนิศากร บอกว่าจะไปทานส้มตำรสเด็ดกันตอนเย็น ตอนที่เขาออกมาที่โต๊ะคุณเลขา คลาดกับหญิงสาวไม่กี่นาที นิศากรฝากข้าวต้มกุ้งฝีมือคุณกังสดาลไว้ให้แล้วจากไป เพราะไม่อยากรบกวนการทำงานของเขา นิศากรต้องเป็นคนมาส่งน้องเขาแน่นอน เพราะแพรพรรณขับรถไม่เป็น แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นร่างสมส่วนที่ควรจะมาพร้อมน้องสาวเขา

“หาอะไรเหรอ” แพรพรรณถามยิ้มๆ เมื่อเห็นพี่ชายสอดส่ายสายตาเหมือนหาอะไร ภูดิสไอแค่กๆ ไม่ตอบอะไร เพราะน้องสาวเจื้อยแจ้วมาเป็นคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้ว

“หนูนิ? ไปแล้ว ไปดูร้านเขานั่นแหละ” แพรพรรณชี้แจง

“เย็นป่านนี้แล้วยังจะไปอีกเหรอ” ภูดิสขมวดคิ้วมองดูนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนบนผนัง มันบอกเวลาว่าขณะนี้เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว แสงพระอาทิตย์ถูกลบไปจากท้องฟ้าแล้ว เขาไอแคกๆ ระบายลมหายใจร้อนๆออกมา วางศีรษะลงบนโซฟากว้างเช่นเดิม เพราะรู้สึกมึนนิดๆ

“อ้าว ตัวร้อนนี่นา” แพรพรรณแตะแขนแตะหน้าพี่ชายแล้วร้องออกมา

“เหรอ พี่มึนๆแล้วก็ง่วงด้วย“

“งั้นก็ต้องรีบกินข้าวกินยาแล้วนอนพัก” น้องสาวบอกด้วยความเป็นห่วง เอามืออังหน้าผากพี่ชายอีกรอบ เม้มริมฝีปากถาม “ตัวไม่ร้อนมากเท่าไหร่ พอจะทนฟังเรื่องน่าปวดหัวที่เพื่อนชื่อดังของพี่ก่อไว้กับหนูนิได้รึเปล่า”

ภูดิสผงกหัวขึ้นมองน้องสาวอีกครั้งอย่างสนใจ สะดุดหูกับเรื่องที่รัญชิดาทำไว้กับนิศากร ก่อนพยักหน้าตอบรับ แล้วกระถดตัวขึ้นนั่งรับฟัง อาจเป็นเรื่องที่เขาเคยขะยั้นคะยอถามจากนิศากรแล้วเธอไม่ยอมเฉลย แพรพรรณซึ่งเล่าทุกอย่างเหมือนกันเผชิญมาด้วยตัวเอง แอบใส่ไข่นิดหน่อยแบบที่ทำให้อีกฝ่ายวาดภาพว่ามีเขางอกออกจากศีรษะสวยของรัญชิดาและที่ปากก็มีเขี้ยวด้วยเช่นกัน

“อะไรกันเนี่ย” ภูดิสทั้งมึนงง ไม่เข้าใจ แปลกใจและตกใจกับสิ่งที่น้องสาวสาธยายให้ฟัง เหตุผลที่ทำให้นิศากรตัดเขาออกจากวงโคจรไประยะหนึ่ง “รันทำแบบนั้นทำไม”

“โอ๊ย ไวรัสมันเข้าไปกินเซลสมองรึไงเนี่ย ก็บอกอยู่หยกๆ ภูรักฉันมานานแล้ว” แพรพรรณทำเสียงสูงย้ำประโยคอย่างหมั่นไส้ ภูดิสทำหน้าเหยเก

“พูดอะไรแบบนั้น แล้วยังไปว่าหนูนิอย่างนั้นอีก” ชายหนุ่มนึกขุ่นเคืองเพื่อนสาวขึ้นมาทันที ที่ไปว่านิศากรอย่างรุนแรงอย่างนั้น ทั้งทีไม่เป็นความจริงเลยสักอย่างเดียว

“แหม...พวกผู้ชายนี่ยังไงกันนะ พูดโต้งๆขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีก คุณรัญชิดาคนดังตั้งใจจะกีดกันไม่ยอมให้หนูนิให้หนูนิใกล้พี่ภูอีกไงล่ะ”

“กันทำไม”

“ยังมีหน้ามาถามอีก คุณรันตัวอิจฉาหันกลับมามองพี่แล้ว ดีใจมั้ยล่ะ” แพรพรรณถามประชดประชัน จ้องมองหาความยินดีในแววตาพี่ชายเขม็ง หากพบแต่ความแปลกใจของเขาวาบขึ้นเท่านั้น

น้องสาวโล่งใจไปเปลาะหนึ่งไม่ได้ที่พี่ชายไม่มีความหวังในตัวนางร้ายสาวหลงเหลือตามที่เคยพูดไว้ แต่เธอจะแกล้งทำเป็นสงสัยเขาต่อไปอย่างนี้แหละ

“จะยังไงก็แล้วแต่ ถ้าพี่ภูไม่สนใจเขาแบบนั้นก็เคลียร์ให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีใครเข้าใจผิดกันอีก” แพรพรรณเสนอทางให้แล้วทำท่านึก ”รีบๆใช้อาการบาดเจ็บให้เป็นประโยชน์นะ เพราะพอหายแล้ว หนูนิก็จะไม่โผล่มาคอยเอาใจอย่างนี้แล้ว จะบอกให้”

“หมายความว่าไง” ภูดิสถามขึ้นทันทีหลังแพรพรรณพูดจบ

“หนูนิบอกไว้ว่า จะไม่มาที่นี่แล้วก็ที่บริษัทอีก ถ้าไม่จำเป็น เรียกว่าจะไม่ไปที่ที่มีพี่ภูอยู่แบบพร่ำเพรื่อน่ะ”

“ทำไมอีกล่ะ” น้ำเสียงทุ้มหงุดหงิด ไม่พอใจทันทีที่ได้ฟังคำชี้แจงของนิศากรผ่านแพรพรรณ ทั้งที่เขาอธิบายไปแล้ว เพราะอะไรยังต้องหลบเขาอีก

“เพื่อป้องกันการระรานของคุณรันเพื่อนสนิทของพี่ภูนั่นแหละ ช่วยไม่ได้นะพี่ภู เพื่อนของพี่เองก็จัดการเอาเองละกัน อาทิตย์หน้าหมอนัดตัดไหมแล้วใช่มะ แย่จังนะ เวลาแห่งความสุขของคนเรานี่ มันมักจะสั้นอย่างนี้เสมอหล่ะ เฮ้อ”

แพรพรรณตบบ่าพี่ชาย ทอดถอนใจแบบปลงๆ ก่อนเดินลับหายไปชั้นบน ภูดิสคลึงขมับปวดหัวตุบๆมองมือข้างที่เจ็บแล้วคิด

พอหายแล้ว หนูนิก็จะไม่โผล่มาคอยเอาใจอย่างนี้แล้ว จะบอกให้

ได้ไง ทำอย่างนี้ได้ยังไง เขาไม่ยอมกลายเป็นคนน่ารังเกียจทั้งที่หน้าตาไม่ได้เหมือนอสูรอีกหรอกนะ ไหนบอกว่าเข้าใจแล้วไงล่ะ ทำอย่างงี้ใช้ได้ที่ไหนกัน นี่แพรพรรณไม่ยอมบอก เขาคงงงเป็นไก่ตาแตกตอนที่เธอแปลงร่างเป็นนินจาอีกรอบแน่ๆ



ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเพื่อนสนิทมาปรากฏตัวตอนกลางวันแสกๆที่สปอร์ตคลับของเขาในวันทำงานอย่างนี้ ซ้ำยังทำหน้าตาไม่สบอารมณ์สุดตัวใส่เขาอีก

“ฝนตกในทะเลทรายแน่ๆ มาทำอะไรวะเนี่ยคุณวีรบุรษ” ธเนศถามกวนๆ เรียกเพื่อนแบบเยินยอวีรกรรมสุดแมนของเพื่อน

“มีเรื่องยุ่งๆวะ” ชายหนุ่มยกมือเสยผมหงุดหงิด

“เรื่องอะไรกันวะ ทำให้หน้าหล่อๆของแกมันกลายเป็นตูดได้ขนาดนี้” ธเนศวางมือจากอาหารอิตาเลี่ยนที่สั่งขึ้นมา เพราะเพื่อนส่ายหน้าปฏิเสธตอนเขาชวนลงไปชิมเมนูใหม่ข้างล่าง อยากมีที่ส่วนตัวมากกว่าจะไปเจอที่ที่มีคนจ๊อกแจ๊กจอแจอย่างร้านอาหาร

“มันประหลาดแล้วฉันก็ไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ เลยมาคุยกับแกนี่แหละ”

“อะไรของแกวะ จะกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นฉันไปถึงไหน”

“แพรบอกว่ารันไประรานหนูนิแถมว่าเสียๆหายๆกลางห้าง” ธเนศหูผึ่ง มองเพื่อนอย่าสนใจ ภูดิสเล่าตามคำพูดของแพรพรรณ โดยตัดส่วนที่คิดว่าน้องสาวน่าจะเพิ่มความอลังการณ์ให้กับเรื่องราวทิ้ง จนกระทั่งภัยล่าสุดที่นิศากรเผชิญหน้ากับนางร้ายสาวที่ห้องน้ำที่ร้านอาหาร

“แล้วไงต่อ น้องนิว่าไงบ้าง” ภูดิสสะดุดหู คิ้วขมวดนิดๆ ไม่ค่อยชอบใจกับคำเรียกขานนิศากรของเพื่อนที่ตีสนิทรวดเร็ว แต่ก็ยังพูดต่อไป

“แกจำได้มั้ย วันที่ฉันมาที่นี่แล้วเจอหนูนิ” ธเนศพยักหน้า ยิ้มมีเสน่ห์ผุดพรายที่ข้างแก้ม เมื่อนึกถึงเรื่องเปิ่นที่เคยทำไว้ต่อหน้าหญิงสาว “ยิ้มบ้าอะไรของแกวะ”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร เล่าต่อสิ”

“ก่อนหน้านั้นหนูนิหลบหน้าฉันมาเป็นอาทิตย์ เพราะรันสั่งห้าม”

“อืม ยัยรันก่อสงครามเร็วกว่าที่คิดแฮะ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบเสียด้วย”

“สงครามอะไรของแก” ภูดิสเอ่อ ไม่เข้าใจคำพูดเพื่อน ธเนศมองหน้าเพื่อนสนิทแล้วส่ายหน้า

“แกนี่มันโง่แล้วก็ซื่อบื้อเรื่องผู้หญิงชะมัด ไม่ได้รู้อะไรเลย” ภูดิสหน้าหงิกกับคำต่อว่าของเพื่อนที่ราวกับนัดกันมากับแพรพรรณ

“ใครจะไปฉลาดล้ำเหมือนแกเล่า” ภูดิสชมแบบประชด คนที่กลับมาถือมีดกับส้อมตัดชิ้นเนื้ออีกครั้ง

“ขอบใจที่ชม เพราะฉะนั้นคนฉลาดอย่างฉัน จะบอกอะไรคนซื่อบื้ออย่างแกสักอย่างนึงแล้วกัน ยัยรันกำลังเคว้งคว้าง แกคงรู้ ยัยนั่นเห็นว่าแกคอยเป็นห่วงเป็นใยเขามาตลอด คงคิดว่าแกยังรักเขาอยู่ คิดว่าแกเป็นของเขา”

“พูดเหมือนแพร” ชื่อแพรพรรณสะกิดใจธเนศให้นึกถึง แม่หนูตัวเปี๊ยกจอมเซี้ยวน้องสาวเพื่อน หายหน้าหายตาไปเลยแฮะ เขามัวแต่ยุ่งๆนิดหน่อย เลยลืมสังเกตไป

“ยัยเปี๊ยกด้วยเหรอ อืม ฉลาดเหมือนฉัน แล้วตกลงแกยังรู้สึกแบบเดิมอยู่อีกรึเปล่า” ประโยคท้ายธเนศทำเสียและหน้าจริงจัง

“ไม่หรอก นั่นมันนานมากแล้ว ฉันแค่ห่วงเขาในฐานะเพื่อน เหมือนแกนั่นแหละ”

“ก็ดี งั้นแกก็ควรบอกเขาให้เข้าใจ ไม่งั้นยัยนั่นก็เกาะแกอย่างนี้ไม่ปล่อยหรอก น้องนิก็จะพลอยซวยไปด้วยอย่างนี้ เออ ว่าแต่น้องนิยังว่างใช่มั้ยวะ”

หนุ่มผิวน้ำผึ้งทำตาวาวเมื่อถามถึงนิศากร จนภูดิสอยากเอาส้อมจิ้มให้ตาบอด ชายหนุ่มกระชากเสียงถามออกไป

“ทำไม แกจะทำอะไร” เขาถามทั้งๆที่รู้คำตอบ แต่ก็ยังถาม

“บ๊ะ ถามนิดเดียวทำเป็นโมโหโทโส ไม่เอาก็ได้ เห็นเป็นแกหรอกนะ ไม่งั้นล่ะก็...มีศึกชิงนางแน่” เสียงห้าวหัวเราะเบาๆตบท้ายแบบยั่วอารมณ์

“ชิงอะไรของแก หนูนิเป็นเพื่อนยัยแพรนะ ส่วนแกเป็นเพื่อนฉัน จะทำอะไรอย่าให้เสียมาถึงฉันแล้วฉันก็เป็นพี่ เพราะฉันนั้นแกห้ามจีบเล่นๆเด็ดขาด หนูนิเป็นเด็กดี เข้าใจรึเปล่า”

เสียงนุ่มทุ้มห้วนเด็ดขาด ชี้ส้อมไปที่เพื่อน ทำหน้าดุ จนธเนศที่คราวแรกแหย่เล่นหน้าตูมที่เพื่อนเห็นเขาเป็นหมาป่านิสัยเสีย คิดจะล่อลวงลูกแกะน่ารักขาวสะอาด

“แกเห็นฉันเป็นคนเลวขนาดนั้นเชียวเหรอเนี่ย ฉันมันเลว มันต้อยต่ำไม่คู่ควรกับน้องเขาขนาดนั้นเชียวเรอะ” ธเนศประท้วงหน้างอ ความจริงแค่อยากสะกิดลองใจเพื่อนดูสักหน่อย ไม่คิดว่าภูดิสจะกีดกันแบบย้อนกลับมาว่าแทงใจเขาแบบนี้

“เฮ้ย ไม่ได้พูดขนาดนั้นสักหน่อย แต่ช่วยไม่ได้ พฤติกรรมเรื่องผู้หญิงของแกไม่น่าไว้ใจนี่หว่า” ยังไงความหมายที่ภูดิสบอกมาก็ไม่บอกเลยว่าเขาเป็นคนดีขึ้นมาสักนิด ออกแนวปลอบส่งๆมากกว่า สุดท้ายก็แปลว่าเขามันพวกหมาป่า

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะสองหนุ่ม หน้าจอแสดงชื่อของรัญชิดา ธเนศถือวิสาสะดึงมาดู

“แหม...ตายยากจริงๆยัยนี่ นัดมาคุยกันเสียเลยสิวะ จะได้เคลียร์ให้เสร็จๆไป” เขาส่งมือถือเครื่องเล็กให้ภูดิสกดรับกรอกเสียงลงไป

“สวัสดีรัน พอดีเลย เรากำลังมีเรื่องจะพูดด้วย เจอกันหน่อยได้มั้ย หือ?...ว่าไงนะครับ” เสียงทุ้มแสดงอาการตื่นตระหนก เมื่อปลายสายที่แย้งมาว่าตัวไม่ใช่ดาราชื่อดังมีน้ำเสียงตื่นๆ เขากรอกเสียงลงไปอีกครั้ง แล้วลุกพรวดขึ้น

“ได้ๆ ที่ไหนครับ โอเค ผมจะรับไปเดี๋ยวนี้”

“อะไรวะภู มีเรื่องอะไร” ธเนศพลอยลุกพรวดขึ้นไปด้วย คงเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ เพื่อนเขาถึงได้พรวดพลาดรวดเร็วแบบนี้

“ผู้จัดการรันโทรมา บอกว่ารันไม่สบายมาก ตอนนี้นอนตัวร้อนจี๋อยู่ที่บ้าน อาละวาดไม่ยอมไปโรงพยาบาล เรียกให้ฉันไปหา”

“ฉันไปด้วย” ยังไงรัญขิดาก็เป็นเพื่อนเขาคนหนึ่ง หากว่าเธอป่วยจริงๆ เขาที่รับรู้เรื่องก็ควรจะไปช่วยเหลือด้วย สองเพื่อนสนิทบึ่งรถออกจากสปอร์ตคลับอย่างรวดเร็ว



“ฮัลโหล พี่ภูอยู่ไหนเนี่ย บ่ายแล้วยังไม่เข้ามาอีก ไปไหนฮะ” เสียงแพรพรรณห้วนดังแสบแก้วหูฝ่ายที่ยกโทรศัพท์ขึ้นรับแทนเพื่อนที่ทำหน้าที่ขับรถทั้งที่มือพันผ้าพันแผลไว้ซึ่งครางเสียงอ่อยเป็นชื่อน้องสาว เขาเลยสงสารรับแทนเสียเอง แล้วก็เจอกับเสียงแว๊ดดังก้องหู

“โอ๊ย แก้วหูเกือบทะลุแน่ะ ยัยเปี๊ยก ตอนกลางวันกินข้าวบูดมารึไง ถึงได้อารมณ์เสียขนาดนี้” แพรพรรณฟังเสียงห้าวๆที่โต้กลับมาแล้วอ้าปากหวอ เสียงห้าวๆกวนบาทาแบบนี้ไม่มีใครได้อีก นอกจากนายตัวดำนั่น หญิงสาวดึงโทรศัพท์ที่แนบหูเมื่อครู่มาดูหน้าจออีกครั้งว่าไมได้โทรผิด

“อี๊ย์ อีตาพี่ธเนศ มาชวนพี่ภูไปเถลไถลที่ไหนอีกฮะ งานการมีไม่ทำกันรึไง” แพรพรรณทำเสียงรังเกียจเดียดฉันท์ต่อว่าเพื่อนพี่ชายอย่างไม่เกรงใจ

“อ้าวๆ ใส่ความกันงี้ได้ไง ว่าแต่แม่หนูเปี๊ยกไม่มีงานรึไง ถึงได้ว่างมาแว๊ดๆจิกคนอื่นเขาแบบนี้” ประโยคแรกท้วงแต่ประโยคสองยอกย้อนกลับให้แม่หนูเปี๊ยกอยากยื่นมือทะลุโทรศัพท์มาต่อยให้ปากเจ่อ

“ตาบ้า! แล้วเลิกเรียกว่าหนูเปี๊ยกนะ นายตัวดำ!” แพรพรรณตวัดเสียงห้วนดังลั่นกะว่าให้เสียดเข้ารูหูไปกระแทกเยื่อแก้วหูให้ทะลุ หนุ่มผิวน้ำผึ้งสะดุ้งหน้าตึง ก้มลงมองสีผิวแบบชาวทะเลทรายของตัวเองที่สาวๆหลายคนชื่นชอบ บอกว่าดูแมนสมชาย หากแพรพรรณค่อนขอดเขาตลอดมาว่าดำเป็นอีกาจนเสียความมั่นใจไปหลายครั้ง

“นี่!ยัยเปี๊ยก ถึงจะดำๆก็ดำแบบสมาร์ท ดาร์ค ทอล แอนด์แฮนซั่ม สาวๆเขาชอบกันทั้งนั้น” เสียงห้าวกวนอารมณ์อ้างคำชมจากสาวๆ ปลายสายเบะปากค่อนกลับว่า

“แหม...สาวๆพวกนั้นคงใส่คอนแทคเลนส์กลับด้านกันทุกคน สายตาเลยฝ้าฟางแบบนั้น ไม่งั้นก็คงจะประชด แต่คนฟังกลับพาซื่อนึกว่าจริงไปเสียอีก” เสียงเล็กๆหัวเราะเยาะตามประโยคสุดท้าย ธเนศเข่นเขี้ยว คับแค้น แปลความหมายย่อๆว่า ยัยเปี๊ยกด่าเขาว่า โง่ แถมหลงตัวเอง

“ปากจัดจริงนะ มิน่าหนุ่มๆที่ไหนก็ไม่กล้าเข้ามาจีบสักคน มีปากเป็นสายสิญจน์ล้อมรอบตัวไว้อย่างนี้นี่เอง” คนฟังจี๊ดอารมณ์พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง หนอย ไม่รู้จริงยังมีหน้ามาพูด ที่เธอยังไม่มีคนรักเป็นเพราะยังไม่มีใครที่พอใจจริงๆต่างหาก

“ก็เอาไว้กันผีร้ายแบบนายยังไงล่ะ อีตาบ้า!รู้ไว้ซะด้วย” แพรพรรณกระแทกเสียงใส่แล้วกดวางสายทันทีด้วยแรงอารมณ์ ลืมความตั้งใจสืบหาพี่ชายไปเสียสนิท สูดหายใจเข้าลึกสุดโต่งระงับอาการอยากบีบคอผีร้าย จนนิศากรกลัวว่าอากาศในห้องจะถูกเพื่อนสูดเข้าไปหมดเสียก่อน

“ยัยเปี๊ยก ฮัลโหลๆ เฮ้ย!” หนุ่มผิวน้ำผึ้งสบถหัวเสีย มองหน้าจอที่ตัดสายไปสามวินาทีที่แล้วอย่างแค้นๆ “แกให้ยัยเปี๊ยกกินกรรไกรเข้าไปรึไงวะ” ธเนศหันไปถามเพื่อน

“พอกันนั่นแหละ ทั้งสองคนเลย” ภูดิสส่ายหัวให้บทสทนาดุเดือดที่ดังลอดทะลุโทรศัพท์มา สองคนนี้ไม่เคยยอมกันเสียที คนหนึ่งก็กวนบาทา อีกคนก็ไม่เคยยอมพ่ายแม้แต่น้อย ทิ้งระเบิดให้กันเสมอมา

“ยัยเปี๊ยกเริ่มก่อนนะโว้ย ฉันไม่ผิด” ชายหนุ่มโยนความบาปให้น้องสาวเพื่อนไปแทนข้อหาทำให้เขาแสบแก้วหู แถมใส่ความหาว่าเป็นคนเหลวไหลก่อน ภูดิสถอนใจเฮือกไม่อยากต่อความกับเพื่อนให้ยืดยาว ขี้เกียจฟังมันกวน

“ถอนใจอะไรวะ เรื่องฉันหรือเรื่องยัยรันตัวร้าย” ธเนศสะกิดถามเพื่อน ภูดิสหน้านิ่วทันทีที่โดนถาม



ก่อนหน้านี้เขาเร่งไปหารัญชิดาที่บ้าน เพราะคิดว่าหญิงสาวไม่สบายมากจริงๆตามคำบอกของผู้จัดการ แต่พอไปถึง...รัญชิดานอนปวดหัวเพราะโรคไมเกรนตามที่เป็นบ่อยๆเท่านั้น อาการตัวร้อนที่บอกก็ไม่ร้ายแรง แค่เป็นไข้นิดหน่อยเท่านั้น แต่หญิงสาวอาละวาดไม่ยอมกินยาและร้องไห้

‘ไม่กิน...ไม่มีใครต้องการเรา ก็ให้มันปวดให้ตายไปเลย เราจะได้ไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียวอีก ไม่ต้องผิดหวังซ้ำซากให้เจ็บอีก’ รัญชิดาครวญครางน้ำตาอาบแก้ม

‘ใครว่าเล่า รันมีเพื่อนอีกตั้งหลายคน ธเนศก็มานะ’ นางร้ายสาวผงกหัวมองหนุ่มผิวน้ำผึ้งอีกคนแล้วเบ้ปาก ธเนศที่ทำท่าชูสองนิ้วให้สู้ๆเป็นกำลังใจให้ หักนิ้วลงหน้าหงิก เดินออกไปจากห้องที่เปิดประตูทิ้งไว้ เรียกหาน้ำจากแม่บ้าน

‘พวกนั้นก็แค่เพื่อนกินเท่านั้นแหละ ไม่เคยห่วงเราจริงๆเลยสักคน ภูไม่มีเวลาให้เราเลย พอเราโทรไปภูก็ไม่รับสาย หรือถ้ารับก็พูดไม่ถึงนาทีแล้วก็วาง ไม่เห็นใส่ใจเราบ้างเลย เราคงไม่มีความสำคัญอะไรแล้ว’ น้ำเสียงของรัญชิดาตัดพ้อ น้ำตารื้นคลอตาสวย เรียกคะแนนความสงสารได้อย่างดี

‘เราไม่ว่างจริงๆ ตอนนั้นมันยุ่งมาก เราขอโทษละกัน’ ภูดิสขออภัยที่ละเลย ไม่คิดเลยว่าจะทำให้หญิงสาวรู้สึกโดดเดี่ยวได้ขนาดนี้

‘ภู เราไม่มีใครแล้วจริงๆนะ ภูอย่าทิ้งเรานะ ขอร้อง’ รัญชิดาเขย่าแขนชายหนุ่มขอร้องน้ำตาตก

‘ไม่ทิ้งหรอกรัน ไม่มีวันหรอกนะ’ ชายหนุ่มปลอบ มือใหญ่ปาดน้ำตาให้ เธอยิ้มหน้าชื่นขึ้นทันที ‘เราเพื่อนกันนะ’ หากมือบางมายึดไว้ นางร้ายสาวเอ่ยแผ่วเบา เหมือนจะหมดแรง

‘แค่นั้นเองเหรอภู แค่เพื่อนเท่านั้นเอง‘ คำว่าเพื่อนตอกย้ำใจ เสียงนิศากรที่บอกอย่างนี้เช่นกันดังมากระทบในห้วงความคิด

ภูดิสเงียบ เรื่องที่เขาอยากจะพูดให้หญิงสาวเข้าใจ เขานึกได้ แต่พูดตอนนี้จะดีหรือไม่ ดูท่ารัญชิดาอยู่ในภาวะอารมณ์ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่

‘ภูแน่ใจเหรอ ระหว่างเราเรียกว่าเพื่อน’ ภูดิสมองสบตาสวยเลิกคิ้ว ‘ภูรักเรา เรารู้นะ ภูรักเรามานานแล้ว’

‘ใช่รัน แต่...’ นางร้ายสาวแทรกขึ้น เมื่อมีคำว่าแต่ ข้อความหลังจากนั้นมักจะตรงข้ามกับประโยคแรกเสมอ

‘ตอนนี้เรารักภูแล้วนะ เรารู้แล้วว่าภูดีที่สุด น่ารักที่สุด เป็นห่วงเรามากที่สุด มากกว่าใครทั้งหมด’ ภูดิสอึ้งกับคำสารภาพของนางร้ายสาว รัญชิดาโผเข้ากอดชายหนุ่มซบหน้าลงกับไหล่กว้าง

‘ภูยังรักเราอยู่ใช่มั้ย เรารู้นะที่ภูเป็นห่วงเราขนาดนี้ก็เพราะรักเรา ขอบใจมากนะภู ภูคนดี คนสำคัญที่สุดของเรา ขอบคุณมากเลย”

‘เอ่อ...รัน คือ...‘

‘โอ๊ย...ภู ปวด ปวดหัว‘ มือเรียวกุมขมับ สีหน้าเจ็บปวด ผู้จัดการสาวประเภทสองรีบรี่เข้ามาส่งยาพร้อมแก้วน้ำให้ชายหนุ่มรับไปป้อนนางร้ายสาว

‘ทานยาก่อนนะรัน จะได้หายปวด‘ รัญชิดาพยักหน้ารับ ยอมทำตามอย่างว่าง่าย “นอนซะรัน ตื่นมาก็หาย” เขาคลี่ผ้าห่มคลุมตัวให้เธอทำท่าจะผละไป หากมือเรียวรีบดึงเขาไว้

‘ภูจะไปไหน‘

‘คือเรา ต้องกลับไปบริษัทแล้วล่ะ สายแล้วมีงานรออยู่‘ ข้ออ้างเกี่ยวกับงานถูกยกมาใช้เพื่อหลีกให้พ้นสถานะการณ์ที่เขายังตั้งตัวรับไม่ทันนี้ หากเป็นเมื่อหลายปีก่อนนั้น คำสารภาพนี้คงทำให้เขาดีใจและพอใจ หากแต่วันนี้ไม่ใช่เลยสักนิดเดียว

‘ขอโทษนะที่กวน รีบไปเถอะ’ นางร้ายสาวยิ้มเนือยๆมาให้ ชายหนุ่มจึงก้าวออกมาปิดประตูห้อง หน้าคมยุ่งเหยิง มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมวุ่นวายใจ ธเนศยืนกอดอกรออยู่ข้างประตู ได้ยินทุกอย่างโดยไม่ต้องสงสัย



“ถามจริงๆเถอะวะ แกคงไม่ได้ดีใจที่ยัยนั่นมาสารภาพรักแกหรอกใช่มั้ย ถ้าป็นอย่างนั้นฉันคงอยากฆ่าตัวตาย” ธเนศทำท่าปาดคอ ลิ้นห้อยลงมาตาเหลือกประกอบ

“เฮ้อ!” ภูดิสถอนใจหนักหน่วง ลำบากใจกับคำพูดของรัญชิดาแล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงหญิงสาวอีกคน ชายหนุ่มมองบาดแผลตัวเองแล้วก็นึกโกรธสาวหน้าใสขึ้นมาอีก

ทำไมตอนนี้มีแต่เรื่องยุ่งยากซ้อนกันไปหมดนะ โอ๊ย ปวดหัว


-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*

g - ดีใจจังที่ชอบค่ะ สำหรับตอนหวาน รอสักครู่ค่ะ มีให้แน่นอน แต่จะเป็นเมื่อไหร่ ตอนหน้าเลยดีมั้ยน้า ว่าไงคะ

kikkak_riwkiw - ข่าวร้ายอ่ะฟิว อาธันว์ลาพักร้อน ตอนนี้มาสงบศึกชิงอาธันว์กันก่อน แง้ คิดถึงอาธันว์ สกปรกได้ที่เลยใช่ม้า ตอนที่แล้ว แล้วตอนนี้ล่ะ เป็นไง น่าถีบให้ตกเตียงจริงๆว่ามั้ย บ่นไว้ว่าตาเเฉะ ตอนนี้เลยลดดีกรีความยาวลงมาเท่าเดิม กลัวฟิวตาบอดไปเสียก่อน หวังดีนะเนี่ย แฮะๆ

kookkookkai - เอ่อ จะให้จบแล้วเหรอคะ ยังก่อนได้มั้ยคะ ยังไม่จบภายในเร็วๆนี้หรอกค่ะ อยากป่วนมากกว่านี้ แฮะๆ

ทุกคนว่าไงคะ อยากให้จบเร็วๆรึเปล่า





Create Date : 08 กรกฎาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:16:24 น.
Counter : 296 Pageviews.

3 comments
  
รู้สึกว่าเราจะเฉียดกันนิดเดียวเองนะคะ แหะๆ พี่ฟ้าลงเมื่อตะกี้อ่ะดี๊ ฮี่ๆ

ยังไม่ได้อ่านอ่า แต่ขอเซฟและคอมเม้นท์ก่อน (ไม่ว่านะ) สงบศึกก่อนก็ได้ค่ะ ดีแล้วล่ะที่พี่กุ๊กยังไม่ลง (อีกนาน) เพราะช่วงนี้ใกล้สอบแว้ว มุ่งหน้าเรียนๆๆๆ เปิดศึกชังคะแนน ฮ่าๆๆๆ

พี่ฟ้าอ่ะ ใจร้าย ฟิวไม่ตาบอดง่ายๆ หรอกนะจะบอกให้ ถึงจะมีความรักแต่ยังไงก็ไม่ตาบอด (เกี่ยวกันไหม)

พิมพ์ซะยาว เหอะๆ ยังไงก็รักพี่ฟ้าเนอะ ถ้าก่อนสอบนี้มีความจำเป็นต้องเปิดอินเทอร์เน็ตก็จะแวะมาเยี่ยมค๊าบบบ...
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.32.14 วันที่: 8 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:31:09 น.
  
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ

พระเอกนี่เป็นสุภาพบุรุษเกินไปรึเปล่า

รู้สึกนางร้ายจะร้ายขึ้นเรื่อยๆนะ

รอตอนต่อไปอยู่นะค่า
โดย: g IP: 222.123.168.253 วันที่: 8 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:47:45 น.
  
พี่ภูนี่ไม่รู้ตัวเองเลยจริงๆนะนี่ น่าให้หนูนิหลบหน้าไปอีกนานๆ ทรมานพี่ภูเล่น
แต่ว่าจะทรมานหนูนิด้วยรึเปล่าน๊า
รออ่านต่อนะคะ
โดย: Ormmie IP: 68.252.235.74 วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:09:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik