All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่10



บทที่10



เฮ้อ! อะไรกันนักหนากับชีวิตเรากันเนี่ย ยัยนางร้ายรัญชิดานั่น ออกจะรวย สวย มีชื่อเสียง เชิดเริ่ดขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนิสัยคนขี้ตู่ แต่ก็ว่าไม่ได้หรอก คนเราสมัยนี้ รู้หน้าไม่รู้ใจนี่นะ ส่วนอีกคนก็ปฏิเสธอย่างมั่นคงว่าสิ่งที่เธอพูดออกมาทั้งหมดนั่น มันผิด มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหลงเชื่อคำยัยนางร้าย
ยัยแพรพี่ชายเธอเป็นยังไงกันแน่นะ ปวดหัวจริงๆเล๊ย


ใบหน้าหวานใสหันออกไปทางหน้าต่าง แขนขาวเท้ากับประตูรถ มือบางเกยคางไว้ คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ ท่าทางแบบนั้นสร้างความอึดอัดคับข้องให้ร่างสูงหลังพวงมาลัยโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ยังไม่บอกค่ะ” นี่คือคำปฏิเสธของนิศากร

เมื่อสอบสวนเรื่องราว สาเหตุของอาการนินจาของหญิงสาวแล้วยังไม่ได้ความกระจ่าง ซ้ำดวงตากลมที่เคยใสกลับเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อมองมา ริมฝีปากอิ่มเม้มนิดๆอมความสงสัยอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ ไม่ยอมเปิดปาก แม้เขาจะยอมทำตัวเป็นคนเซ้าซี้อย่างที่ไม่เคยทำกับคนนอกครอบครัวมาก่อนด้วยความอยากรู้ เพื่อหาทางปัดแววตาเคลือบแคลงของหญิงสาวให้หมดไปเสียที มองแล้วมันไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้

ใครจะเชื่อเรื่องใส่ไข่ ตั้งประเด็นชวนให้ตื่นเต้น กระตุ้นความอยากรู้เรื่องรักๆใคร่ๆของดาราสาวกับเขาก็ตาม ชายหนุ่มไม่เคยใส่ใจ แต่คราวนี้ คนที่ปักใจดันเป็นนิศากร ซึ่งใช้ความเข้าใจนี้กันตัวเองให้อยู่ห่างจนแทบจะหายไปจากเขาอีกเป็นครั้งที่สอง ภูดิสที่วุ่นวายใจ หงุดหงิด อึดอัด สุดท้ายตกใจก่อนปฏิเสธอย่างแน่วแน่ และเขาก็ได้โล่งใจไปนิดนึงเมื่อเห็นว่าสาวน้อยคล้อยตามคำปฏิเสธของเขา แต่มันไม่ทั้งหมด นี่สิ น่าหนักใจ


“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังลั่นรถ เรียกผู้ร่วมเดินทางให้หันกลับมามองอย่างแปลกใจได้อย่างดี รถโฟร์วิลหยุดตามสัญญาณไฟ มือใหญ่เท้าคางกับประตูรถคล้ายกับหญิงสาวอีกคน

เขาไม่ชอบแววตาสงสัยไม่ไว้ใจแบบนั้นของเธอเลยให้ตายสิ เขาถามเรื่องราวเพื่อจะได้แก้ข้อสงสัยให้ เธอก็ดันไม่ยอมปริปากบอกอีก แล้วอย่างนี้จะเข้าใจกันได้ยังไง

“เป็นอะไรคะ?” นิศากรอดถามไม่ได้ เพราะหน้าคมที่นิ่ว คิ้วเข้มก็ขมวดมุ่น คล้ายมีเรื่องคิดหนักนักหนา

ทีเขาถามก็ไม่ยอมตอบ แล้วตัวเองทำมาสงสัย อย่างนี้ต้องแกล้งให้อยากรู้เสียให้เข็ด

ดวงตาคมตวัดมองใบหน้าหวานอย่างพิจารณาและสงสัย ก่อนบอกหน้าตาเฉยว่า

“เปล่าครับ” ชายหนุ่มหันกลับบังคับรถให้เลี้ยวเข้าห้างสรรพสินค้าที่หมาย ดวงตาคมปรายมามองเป็นระยะ แล้วถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่าจนนิศากรชักสงสัยและขวางท่าทางประหลาดๆนั้นเข้าทุกที

เอ๊ะ อะไรเนี่ย ทำไมต้องมองอย่างนั้นแล้วก็ถอนหายใจเฮือกๆด้วยนะ น่าหงุดหงิดชะมัด

“มองนิทำไมคะพี่ภู” หญิงสาวถาม

“อืม เปล่าครับ” ชายหนุ่มเหล่คิดนิดนึงก่อนจะตอบ

“ไม่จริง บอกมาเดี๋ยวนี้นะคะ” มือเล็กกระตุกแขนเสื้อดึงให้เร่งเร้าจะเอาคำตอบ

“ไม่มีอะไรสักหน่อย” คำตอบนั้นส่งผลให้หญิงสาวกัดริมฝีปาก สูดลมหายใจเข้ายาวเพิ่มความอดทนที่จะไม่เขย่าแขนแข็งแรงให้สั่นคลอนด้วยความอยากรู้

“พี่ภู บอกมานะ พูดสิคะ ทำไมต้องมองนิแล้วถอนใจแบบนั้นด้วย” นิศากรกระตุกซ้ำหลายๆที จนเสียงทุ้มเอ่ยปราม

“พี่กำลังขับรถนะครับ” นิศากรปล่อยมือจากเสื้อที่เธอกระตุกจนแขนแข็งแรงข้างนั้นปล่อยจากพวงมาลัย มือขาวบางยกไปกอดอก กลัวว่าจะเผลอยกไปตีคนปรามนิ่งๆแต่กวนอารมณ์ยังไงไม่รู้ในความรู้สึก

จนกระทั่งเขาจอดรถเข้าที่นิ่งสนิทแล้ว ชายหนุ่มจ้องใบหน้าหวานใสก่อนถอนใจแรงๆแถมอีกทีแล้วลงมายืนรอนิศากรที่รี่ตามลงมาทันทีเหมือนกัน เขาสาวเท้าเดินนำไม่ให้เธอตามมาข้างเคียงทัน

“พี่ภูหยุดนะ หันมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลย” ร่างเล็กตะครุบแขนแข็งแรงไว้ทันหน้าร้านกาแฟรสชาดดี แต่ราคาแพงสักหน่อย

“อะไรครับ” เขาแอบยิ้มนิดหนึ่งก่อนหันมาตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ถาม

“ยังมาถามอีกนะ ทำไมต้องมองนิแปลกๆอย่างนั้นด้วยแล้วก็ถอนใจเฮือกๆอีกต่างหาก” เสียงใสว่าอย่างไม่ชอบใจ หงุดหงิดกับแววตาที่มองอย่างเคลือบแคลง

“พี่มองยังไงครับ” ภูดิสย้อนถาม

“พี่ภูจ้องเหมือนสงสัยอะไรสักอย่าง แต่ไม่ยอมพูดออกมา ข้องใจอะไรพูดมาเลยดีกว่า ทำอย่างนี้นิไม่ชอบนะคะ” ใบหน้าคมพยักรับทำท่าว่าเข้าใจ แล้วถามกลับอีกว่า

“ทีนี้เข้าใจรึยังว่าพี่รู้สึกยังไง ตอนที่พี่ถามแล้วนิไม่ยอมบอก แล้วยังมองพี่อย่างที่พี่ทำกับหนูนิเมื่อกี้”

หญิงสาวอ้าปากค้าง เธอโดนย้อนศรเข้าให้แล้ว โทษฐานที่เธออมเรื่องที่เขาอยากรู้นัก แต่เซ้าซี้ยังไงก็ไม่ได้คำตอบนั่นเอง จนเขายอมแพ้ด้วยอารมณ์หงุดหงิด เพราะไม่ได้ดังใจ มือเล็กสะบัดมือออกจากแขนแข็งแรงที่ดึงไว้เมื่อกี้แรงๆ

“หนอยแน่ะ เอาคืนใช่มั้ยเนี่ย”

“ก็ นิดหน่อย แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจอยากแกล้งหนูนินะ” ชายหนุ่มยอมรับก่อนแก้ต่างให้ตัวเมื่อดวงตาใสเริ่มมองอย่างเอาเรื่อง แล้วเสริมต่อไปว่า ”พี่แค่อยากให้หนูนิรู้บ้างว่าเวลาถูกทำแบบนั้นแล้ว พี่จะรู้สึกยังไง”

“พี่ภูอยากรู้ขนาดนั้นเชียวเหรอคะ”

“ไม่เท่าไหร่ ถ้าหนูนิไม่มองพี่แบบนั้น พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มบอกความรู้สึกในใจว่าไม่สบอารมณ์เหมือนกัน เมื่อได้รับสายตาเคลือบแคลง ไม่ไว้ใจเช่นนั้น

“ขอโทษค่ะ”

“มีอะไรก็พูดมาสิครับ คนเราควรจะพูดจะได้เข้าใจกัน พี่ไม่ชอบเวลาเราไม่เข้าใจกันอย่างนี้เลยนะ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถึงปัญหาที่ประสบอยู่

แววตาคมมองออดขอให้หญิงสาวบอกสิ่งที่เธอเก็บงำไว้ ต้นเหตุของความข้องใจของเธอ นิศากรมองสบตาคมเหมือนอ้อนขอนั้นแล้วต้องหลบ เพื่อยืนยันคำเดิมที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว

“ยังไม่บอกไงคะ”

“ทำไมล่ะครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความไม่เข้าใจ จะปิดบังเขาไปทำไม เพราะอะไรถึงไม่ยอมพูดให้เข้าใจกัน จะได้หลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้เสียที

“นิไม่ได้พูดว่าไม่บอกนะคะ แต่พูดว่า ยังไม่บอกค่ะ อีกไม่นานพี่ภูรู้แน่ แต่ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ เข้าใจมั้ยคะ” หญิงสาวอธิบาย เน้นคำให้เข้าใจ และบอกให้เขารอ

“เมื่อไหร่ครับ พรุ่งนี้บอกเลยได้มั้ย” ภูดิสซักไซ้ถึงกำหนดเวลาที่จะได้ทราบ ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้ใจร้อนอยากรู้นัก รู้เพียงแต่ว่า ไม่อยากให้เธอมีสิ่งใดเคลือบแคลงในตัวเขาสักอย่างเดียว อาจเป็นเพราะความผิดพลาด ปากเสียเมื่อครั้งก่อน จนทำให้เธอหนีหายไปเสียนาน

“นิเพิ่งรู้นะคะว่า พี่ภูเนี่ย เอาแต่ใจแล้วก็ขี้เซ้าซี้ไม่แพ้แพรเลย” นิศากรทอดถอนใจต่อว่าเข้าให้ เพราะชักเหนื่อยกับการอธิบายแล้ว

“เอ่อ จริงเหรอครับ” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ภูดิสทำหน้าแหยต่อข้อสังเกตของร่างเล็กตรงหน้า จนนิศากรอดขำไม่ได้

“เอาล่ะค่ะ ไปซื้อของกันได้แล้ว อ้อ ห้ามถามอีกนะคะ ไม่งั้นจนชาติหน้านิก็จะไม่เล่าให้ฟัง” นิศากรชวนแล้วตีกันเขาไว้ แล้วเดินนำไป คราวนี้เรียกเสียงถอนใจได้จากร่างสูง ไม่ใช่อย่างที่เคยแกล้งทำ

เอ้า รอก็รอ เฮ้อ!




ภูดิสปล่อยให้หญิงสาวเป็นผู้นำเลือกซื้อของ ส่วนคนตัวสูงทำหน้าที่เข็นรถตามและมีประโยชน์แค่ช่วยหยิบของที่อยู่สูงเพียงอย่างเดียว จะปรึกษาหารือว่าของที่ต้องการอยู่ที่ใดก็ไม่ได้คำตอบเลยสักอย่าง โดยเขาเหตุผลหน้าซื่อว่า

“ครั้งสุดท้ายที่พี่มาซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต ก็ตอนขนซื้อเสบียงไปออกค่ายตอนปีสี่ มันหลายปีมาแล้วนี่ครับ” นิศากรคำนวณเวลาดูคร่าวๆก็คิดได้ว่านานจริงๆ แล้วก็ส่ายหน้าปลงๆว่าได้แค่คนขับรถกิตติมาศักดิ์มาช่วยซื้อของอย่างที่แพรพรรณกับคุณลักษิกามอบตำแหน่งให้เท่านั้นเอง

“พี่ภูไปออกค่ายกับเขาด้วยเหรอคะ”

“ฮื่อ มันน่าสนุกดี เพื่อนมาชวนก็เลยยกขโยงไป เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีแถมได้ทำบุญด้วยอีกต่างหากนะ” ชายหนุ่มตอบยิ้มที่มุมปากนิดๆเมื่อคิดย้อนถึงเรื่องสมัยเรียน

“นิก็ว่าอย่างนั้นนะคะ แต่ไม่เคยได้ไปกับเขาสักที เดี๋ยวติดนู่นติดนี่ อดตลอดเลย” นิศากรทำหน้าเสียดาย

“มีอยู่ครั้งนึง แม่ขนซื้อทั้งข้าวสารอาหารแห้งอะไรเต็มไปหมด จะฝากไปทำบุญ ต้องยัดใส่รถกระบะไป พอจะขนขึ้นรถใส่ของบริจาคกลับเต็มเสียนี่ พี่เลยต้องขับตามไปเอง แถมทางก็คล้ายๆพื้นผิวดวงจันทร์ยังไงอย่างนั้น อยู่ริมเขาอีกต่างหาก อุตส่าห์คิดว่าจะได้นั่งสบายๆกินลมชมวิว เก็บแรงไปช่วยตอกตะปูตัดไม้ที่ไหนได้” ชายหนุ่มตีหน้าพิลึก ทั้งขำทั้งเซ็งปนเปกันไป

“อืม ได้ประสบการณ์ชีวิตที่ดีจริงๆด้วยนะคะ” เสียงหวานกลั้วหัวเราะใส

“พอกลับมา เพื่อนมันปั้นโล่ดินเผารูปรถมาให้พี่ด้วยนะ”

“จริงเหรอคะ” นิศากรถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ ชายหนุ่มจึงยืนยันซ้ำแถมท้าพิสูจน์ให้ไปดูที่ห้องเขาได้เลย


ทั้งสองมาถึงลานจอดรถ จัดการช่วยกันขนเสบียงใส่ท้ายรถซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล แล้วหญิงสาวก็ตาโตเมื่อเห็นอะไรบางอย่างเข้า

“กรี๊ดดดดดดดด ช่วยด้วย โจรกระชากกระเป๋า ช่วยด้วยๆๆๆๆ” เสียงหวีดร้องดังลั่นจากหญิงสาวแต่งตัวดี มีฐานะ หิ้วถุงสินค้าแบรนด์เนมหอบใหญ่

“พี่ภู โจรๆ” เสียงหวานตื่นตระหนกที่เห็นไอ้โจรสวมแว่นตาดำวิ่งลิ่วมาทางทั้งเขาและเธอ

มือไวกว่าใจคิด หญิงสาวผลักรถเข็นพุ่งไปชนโครมเข้ากับไอ้โจรกระชากกระเป๋าจนมันหกล้มหกลุกไม่เป็นท่า กระเป๋าที่ฉกมากระเด็นไปอีกทาง นิศากรรีบคว้ามันไว้

“เฮ้ยยยยยยยย” มันร้องด้วยความตกใจ เมื่อตั้งตัวได้มันกัดฟันกรอดจ้องนิศากรคับแค้นที่ขัดขวาง

“หนอย อีนังบ้า แกเอาคืนมาเดี๋ยวนี้” มันก้าวเข้ามาจะกระชากกระเป๋าถือในมือเธอ แต่หญิงสาวไม่ยอมปล่อย นิศากรผงะถอยหลังด้วยความกลัว มันย่างสามขุมเข้ามาหา แต่ก็ต้องชะงัก เพราะร่างสูงของภูดิสก้าวเข้ามาขวางไว้และดึงร่างเล็กให้หลบข้างหลังฉับพลัน

ปี๊ดๆๆๆๆ

เสียงนกหวีดดังถี่เร่งเร้า เป็นสัญญาณเรียกให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่เดียวกันตามมาช่วยกันจับไอ้โจรห้าร้อย มันเห็นยามสองคนวิ่งมาไกลๆ จึงรีบชักมีดขึ้นมา แล้วขู่เสียงต่ำ

“เอากระเป๋าคืนมา ไม่งั้นฉันจิ้มแกไส้ไหลแน่”

“แกนั่นแหละ จะโดนจับ ทางนี้ค่ะ โจรอยู่ทางนี้” เสียงหวานตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ดังลั่น กระโดดโบกมือเรียก

“เงียบนะโว้ย อีบ้า ฉันบอกให้ส่งกระเป๋ามา” มันตะคอกเสียงเหี้ยม ภูดิสอาศัยจังหวะที่มันล่อกแล่ก เตะเข้าที่ข้อมือมันอย่างแรงจนอาวุธมีคมนั้นหลุดจากมือ แล้วต่อยเข้าที่หน้ามันจนหงายไป มันตะเกียกตะกายจะหนี แต่ถูกชายหนุ่มล็อคคอไว้ นิศากรยืนระทึก คิดวุ่นวายจะทำอย่างไรดี

ตากลมใสหันมองมีดที่ตกอยู่ไปไม่ไกลจากตัว รีบเร่งจะไปคว้าไว้กันไม่ให้เจ้าโจรใช้เป็นเครื่องมือได้อีก ทว่าเจ้าโจรห้าร้อยตีศอกเข้าที่ท้องภูดิสและดิ้นหลุดมาได้ ถลันมาคว้าไปได้ก่อนและใช้มันจี้เธอ

“กูบอกให้เอามา” ใบหน้าหวานใสตระหนกซีด เมื่อมันกวัดแกว่งมีดในมือ

“เฮ้ย” ภูดิสตะโกนเรียกความสนใจกลับมาที่ตัว มันหันขวับตวัดคมมีดปาดเข้าที่มือหนาที่กางขึ้นบังป้องกันตัวโดยอัตโนมัติ

“โอ๊ย!” เสียงทุ้มครางด้วยความเจ็บ เลือดสีแดงสดไหลออกจากบาดแผลฉับพลัน เจ้าโจรร้ายก็ตกใจเช่นกัน มันทำท่าจะวิ่งหนี แต่โดนเจ้าหน้าที่ตะครุบตัวไว้ทันท่วงทีที่วิ่งมาถึง

“พี่ภูเป็นยังไงบ้างคะ” นิศากรรี่เข้ามาหาชายหนุ่มที่กุมมือข้างขวาไว้แน่น ระงับความเจ็บปวด ใบหน้าหวานยิ่งตื่นเข้าไปอีกเมื่อเห็นบาดแผลและเลือดที่ทะลักไหลออกไม่หยุดชัดเจน

“ไม่เป็นไรครับ นิดหน่อย หนูนิเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ชายหนุ่มถามอย่างห่วงใย มองสำรวจความเรียบร้อยของร่างเล็ก

“นิไม่เป็นไร ฮือ พี่ภูเลือดออกไม่หยุดเลย” นิศากรกระสับกระส่ายควานหาของในกระเป๋าวุ่นวาย หาผ้าเช็ดหน้าที่ยังไม่ได้ใช้ขึ้นมา พันมือหนาไว้ เพื่อห้ามเลือด

“คุณคะๆ ขอบคุณนะคะที่ช่วย ว้าย บาดเจ็บหรือคะ ตายแล้ว” ผู้หญิงวัยประมาณสามสิบกว่าร้องวี๊ดว้ายด้วยความตกใจที่เห็นเลือดไหลซึมจากผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเป็นรอย

“กุญแจรถล่ะคะพี่ภู ไปโรงพยาบาลกัน” ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าคว้ากุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง มอบหน้าที่คนขับรถให้หญิงสาว เพราะสภาพมือเช่นนี้คงไม่สามารถขับเองได้ นิศากรจับร่างสูงยัดเข้ารถ และตัวเองประจำที่คนขับ

“เอ่อคุณคะ โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ไหนคะ” หญิงสาวถามเจ้าของกระเป๋าอย่างเร่งรีบ กังวลกับบาดแผลที่คาดว่าจะแย่อยู่มาก สังเกตจากเลือดที่ไหลไม่หยุด

“ฉันบอกทางให้ค่ะ” เจ้าของกระเป๋าเสนอให้อย่างเต็มใจและร้อนรนเช่นเดียวกัน

“ขอบคุณค่ะ” นิศากรเอ่ยแล้วรีบพากันขึ้นรถมุ่งตรงไปโรงพยาบาล



ภูดิสออกจากห้องผ่าตัดเล็กแล้วก็ต้องถอนใจเมื่อเห็นร่างบางที่ถลันเข้ามาสอบถามอาการพร้อมเจ้าทุกข์อีกคนที่อาสานำทางมาให้

เฮ้อ ตัวเล็กแค่นี้กลับใจกล้าจะจับโจรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อนเลยสักนิด จนตัวเองเกือบแย่ นิสัยอย่างนี้ น่าตีจริงๆเลย โชคดีที่ไม่ได้รับอันตรายอะไร

“พี่ภูเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากรึเปล่า” นิศากรทำท่าซี๊ดปากหน้าเบ้ถามอย่างห่วงใย คว้ามือหนาที่พันผ้าพันแผลไว้มามองใกล้ แล้วช้อนตามองชายหนุ่มหน้าเสีย

“พี่ไม่เป็นไรแล้วครับ ก็แค่เย็บแผลนิดหน่อยเท่านั้นเอง” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยปลอบให้หญิงสาวคลายความกังวล

“พี่ภูเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่าคะ” เสียงใสเอ่ยซักถึงอาการเจ็บปวดนอกเหนือ ชายหนุ่มสั่นหน้าปฏิเสธ

“แค่มีดบาดมือแน่นะ” ภูดิสพยักหน้าแล้วยิ้มให้เธอ

“เฮ้อ นิตกใจแทบแย่แน่ะ” นิศากรผ่อนลมหายใจโล่งอก

“พี่ก็ตกใจแทบแย่เหมือนกันนั่นแหละ” ภูดิสถือโอกาสตีหน้าเคร่งดุเสียเลย ”ทำอย่างนี้ไม่ดีเลยนะหนูนิ ถ้าไอ้โจรนั่นทำร้ายหนูนิ แล้วช่วยไม่ทัน พี่จะทำยังไง”

“ขอโทษค่ะ มือมันไปก่อนแล้วนี่คะ” หญิงสาวเสียงอ่อยขอโทษ หน้าหวานใสม่อยลงถนัดตา

“พี่หัวใจจะวายตอนมันแกว่งมีดไปทางหนูนิ” ชายหนุ่มเผยถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญ น่าหวาดเสียวซึ่งสั่นคลอนจิตใจเขาอย่างแรง

“นิก็อึ้งเหมือนกัน นึกว่าจะโดนมีดแทงซะแล้วสิ คงเจ็บน่าดูเลย” หญิงสาวนึกแล้วยังหวาดเสียวไม่หาย

“ยังจะพูดอย่างนี้อีก พี่โกรธแล้วนะครับ” เสียงทุ้มเข้มขึ้น ชักโมโหที่หญิงสาวยังพูดเล่น ดวงตาคมก็เข้มขึ้นเช่นเดียวกับเสียงไม่มีผิด

“หนูนิรู้ตัวไหมว่ากล้าเกินไปแล้ว” ภูดิสเข่นเขี้ยว อยากจับมาร่างเล็กตีเสียให้เข็ด ข้อหาที่เสี่ยงอันตรายโดยไม่คิด

นิศากรหน้าจ๋อย ถูกดังที่เขาว่าทุกคำ หาญกล้าไปขวางทางโจรด้วยมือเปล่าจนเกือบถูกมีดจิ้มเข้าให้ วิญญาณพลเมืองดีมันเข้าสิงเธอตอนไหนก็ไม่รู้ จึงสั่งให้เธอผลักรถเข็นไปกระแทกมันจนล้มคว่ำไม่เป็นท่า มานึกกลัวได้อีกทีก็ตอนที่มันขู่ตะคอกนั่นแหละ

“อ่า ขอโทษนะคะ ขอขัดจังหวะนิดนึงนะคะ” ผู้หญิงที่ทั้งสองช่วยเหลือเอาปลายนิ้วโป้งแตะนิ้วชี้ประกอบคำพูด พลางพินิจใบหน้าคมของภูดิสซ้ายทีขวาที

“อ๋อ นึกออกแล้ว ใช่จริงๆด้วย คุณภูดิส คุณภูดิสใช่มั้ยคะ” น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างกับเจอดาราดัง สองคนที่เหลือมองหน้ากันงงๆกับท่าทางของหญิงวัยสามสิบกว่าผู้นี้

“ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มถาม

“คุณที่กำลังเป็นข่าวกับนางร้ายดัง รัญชิดาใช่มั้ยคะ” อ๋อ ที่แท้ไม่ใช่ตื่นเต้นเหมือนเจอดารา แต่เจอกิ๊กดาราต่างหาก ชายหนุ่มตีหน้าเบื่อหน่าย ส่วนหญิงสาวตวัดตามองค้อนนิดๆอย่างอดไม่ได้

“เอ่อ...เฮ้อ!” ภูดิสถอนใจเซ็งๆกึ่งไม่รู้จะตอบอะไรดี มือหนาข้างเจ็บเผลอยกขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากอย่างรำคาญ

“โอ๊ะ...โอย” ชายหนุ่มซี๊ดปากด้วยความเจ็บปวด แผลเพิ่งเย็บใหม่ๆแม้จะยังชาเพราะฤทธิ์ยา แต่เมื่อกระทบเทือนแบบนี้ก็ส่งผลให้เจ็บจี๊ดขึ้นมาได้

“พี่ภู เจ็บมากไหมคะ โธ่เอ๊ย อย่าเพิ่งโดนแผลสิคะ” เสียงใสถามอย่างตกใจและห่วงใยก่อนเอ็ดที่เขาไม่ระวัง มือบางดึงมือใหญ่มาสำรวจบาดแผล

“อ๋า...คุณน้องคนนี้ ลูกสาวไฮโซใช่มั้ยคะ” คราวนี้เธอหันความสนใจมาที่นิศากร “ยังไงกันแน่คะเนี่ย สรุปว่าคนไหนตัวจริงละคะ”

เจ้าของกระเป๋าตั้งคำถามสอดรู้ ดูท่าจะเป็นพวกกาะติดสถานการณ์วงการบันเทิงแน่นหนึบแน่ๆเชียว เชื่อได้เลยว่าต้องเป็นขาประจำอุดหนุนนิตยสารก็อตชิบดาราหลายฉบับแน่นอน นิศากรคิดในใจ

“พี่ว่าเราไปรอรับยากันดีกว่า” ภูดิสเปลี่ยนเรื่องเป็นชวนหญิงสาวเลี่ยงไปรอรับยาตามที่พยาบาลสั่งไว้เมื่อครู่ นิศากรพยักหน้าหงึกเห็นด้วย เพราะไม่อยากยุ่งกับเรื่องข่าวนี่อีก

“เดี๋ยวสิคะ คุณน้องทั้งสอง แหม...เดินเร็วจังเลย” หญิงเจ้าทุกข์ครวญเมื่อซอยเท้าตามมาจนทันที่บริเวณจ่ายยา เสียงเจ้าหน้าที่เรียกชื่อชายหนุ่มพอดี จึงจัดการรับยาและจะไปจัดการค่าใช้จ่าย แต่หญิงสาวเจ้าของกระเป๋ารีบกันไว้และบอกว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเป็นการตอบแทน

“ไม่ต้องค่ะคุณน้อง คุณพี่ขอจัดการเรื่องนี้เองนะคะ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่คุณน้องช่วยเหลือพี่จนเจ็บขนาดนี้” ภูดิสอาศัยช่วงที่เธอหันไปยุ่งเรื่องค่ารักษา สะกิดนิ้วเล็กเบาๆเรียก

“กลับบ้านกันเถอะ”

“คะ?”

“ไปเถอะ เร็วเข้า” เมื่อเธอยังไม่ขยับลุก เสียงทุ้มเร่งและเกี่ยวนิ้วเล็กดึงให้ตามมาจนถึงรถ หารู้ไม่ว่าคนตามหลังมาหน้าแดงซ่านน้อยๆ เพราะความอุ่นจากนิ้วแข็งแรงที่เกี่ยวนิ้วเล็กของเธอไว้ อีกทั้งสายตาของคนรอบข้างที่มองเหมือนเธอและเขากำลังเกี่ยวก้อยกันเดินยังไงอย่างนั้น

-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


*+..คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน..+*

โอย ไม่สบายอีกแล้วค่ะ ตื่นมาวันพฤหัสก็เจ็บคอ แสบคอสุดๆ กินน้ำยังไม่ค่อยลงเลย แล้วต่อมาก็เกิดอาการน้ำมูกไหล ทนไม่ไหวเลยไปหาหมอ กลัวเป็นนาเดีย เป็นไข้เลือดออกแบบนาเดีย ไม่ใช่ป่วยแล้วสวยแบบนาเดียนะคะ หมอบอกว่า "คอแดงแปร๊ดเลยนะ แดงสุดยอดไปเลย" แล้วกินข้าวดันกัดลิ้นตัวเอง ไม่ได้อยากฆ่าตัวตายนะคะ มันบาปหนา ฟ้ารินยังอยากเป็นนางฟ้าอยู่ แต่ในเผลอกัดเข้าไปเอง เจ็บ ปูดเลย มีเลือดออกนิดๆด้วย
ฮือออออ ยาลดน้ำมูก ทุกคนรู้ใช่มั้ยคะ มันมักจะมีฤทธิ์ทำให้เราง่วงนอ เพราะเมื่อเราง่วงแล้ว เราจะไม่รู้ว่าน้ำมูกไหลและทรมานแค่ไหน แวลาหายใจไม่ออก แต่ไม่คิดว่ามันจะมีฤทธิ์มากขนาดนี้ ฟ้ารินทานยานั่นเข้าไปก่อนจะอาบน้ำ วันนั้นใช้เวลาอาบน้ำอย่างเร็วเพราะหนาว ออกมาก็นั่งดูรักเธอทุกวันไปไม่ถึง3ตอน และตั้งใจว่าจะนั่งปั่นพี่ภูซะหน่อย ไม่ไหวค่ะ มึนหัว โงนเงน เขียนตัวห่างกันเป็นวา(ชอบร่างลงกระดาษก่อนน่ะค่ะ อยู่หน้าคอมนานๆปวดไมเกรน) ก็ต้องลุกมานอน โอยหัวจะทิ่ม แต่ยังไม่ทิ่มค่ะ เพราะเซไปชนกำแพงซะก่อน ตอนนั้นฟ้ารินเลยเข้าใจ ทำไมศรรามถึงขับรถชน ไม่ควรทานยาก่อนขับขี่เด็ดขาดนะคะ ฟ้ารินอาจจะมาส่งช้าหน่อย สำหรับตอนหน้า เพราะขอเพิ่มพลังวัฒน์ให้ตัวเองเสียก่อน จนบัดนี้ที่เอาบทนี้มาส่งก็ยังมึนๆ ต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยนะคะ เอาหล่ะค่ะ เม้าท์ยาวยืด มาตอบเม้นท์ดีกว่า

ninja - มีแต่คนรอแก้แค้น 555 ฟ้ารินก็ด้วย แต่รอเดี๋ยว ค่ะ ตอนหน้ามีเฮแน่ ขอไปพักฟื้นก่อน แล้วจะมาแผลงฤทธิ์แน่นอนค่ะ





Create Date : 24 มิถุนายน 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:18:34 น.
Counter : 331 Pageviews.

4 comments
  
แอบเข้ามาอ่านซักพักแล้วค่ะ น่ารักดีนะคะเรื่องนี้ รออ่านต่อค่ะ

ส่วนฟ้ารินก็ดูแลสุขภาพดีๆนะคะ ขอให้หายไวๆค่ะ
โดย: Ormmie IP: 68.252.235.74 วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:22:12:32 น.
  
ยังไม่ได้อ่านเลย แปะไว้ก่อนได้มั้ยอ่ะ (แฮ่...)
ยังไงก็รักษาสุขภาพเนอะ หลังจากหายท้องเสีย ตอนนี้ฟิวกำลังเป็นโรคปากนกกระจอก และตาก็ออกจะแดงๆ กลัวจะเป็นตาแดงอยู่เหมือนกัน (เศร้า)

ช่วงนี้ดูแลตัวเองดีๆ เป็นดีที่สุด เนอะๆๆๆ
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.36.14 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:19:49:08 น.
  
อุ๊ยยย มีนิยายอ่านด้วย หุหุ เด๊วติดทำไงคะเนี้ยยยย
โดย: Honey (Cute_Panisara ) วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:8:53:14 น.
  
มาแก้ข่าวค่ะ ข่าวที่ว่าฟิวยังไม่อ่านน่ะ ตอนนี้อ่านแล้วเน้อ อ่านจบก็เข้านอนเพื่อไปฝันถึงพี่ภูกับหนูนิ (ประชันกับสุทธนุชกะสุทธดา เหอะๆ)

กำลังสนุกทีเดียวเชียว รีบๆ แต่งต่อนะค้า...รออ่านค่ะ
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.32.14 วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:13:42:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik