All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่ 5






บทที่ 5


นาฬิกาสายหนังเส้นเล็กบางสีขาว เจ้าของเลือกปรับให้หลวม ทำให้เลื่อนขึ้นลงได้คล้ายกำไลข้อมือ หน้าปัดเล็กล้อมด้วยพลอยสีฟ้าอ่อน ส่องแสงสะท้อนเป็นประกายล้อแสงแดด ยามเมื่อลำแขนขาวนวลบังคับพวงมาลัยให้ไปในทิศทางที่ต้องการ รถเก๋งสีเดียวกับสายนาฬิกาแล่นมาตามท้องถนนในเวลาบ่ายคล้อย แดดยังค่อนข้างแรงอยู่ หากแต่แอร์คอนดิชั่นภายในรถเย็นฉ่ำ

นิศากรหักพวงมาลัย เบนเข้าสู่ทางเข้าตึกใหญ่ของบริษัทที่เธอเพิ่งมาเยือนเมื่อวานนี้ รถสีขาวถอยเข้าสู่ที่จอดรถข้างตึกนั้นเอง คว้าถุงที่เบาะหลังมาถือในมือ ปิดประตูล็อคเรียบร้อย หญิงสาวยิ้มพรายเมื่อจินตนาการภาพว่าเพื่อนสาวจะทำหน้าเหวอเพียงไร หากเห็นเธอปรากฎตัวต่อหน้าอย่างไม่คาดฝัน

ก่อนหน้านี้นิศากรแวะไปเยี่ยมคุณลักษิกาพร้อมกับมารดาที่บอกว่าจะคุยกันกับเพื่อนสนิทอยู่ที่นั่นไม่ไปไหน คุณลักษิกาซึ่งออกอาการตื่นเต้นดีใจที่ได้พบลูกสาวเพื่อนอีกครั้งและร่วมขบวนการโดยการโทรไปเช็คและนัดแนะว่าลูกสาวจะอยู่ที่บริษัทไม่ไปไหนกับผู้ช่วยของแพรพรรณ

ตอนนี้นิศากรในชุดเสื้อยืดตัวหลวมสีฟ้าดีไซน์เก๋ตามแบบฉบับ เปิดไหล่อวดผิวขาวผ่องแก่สายตาผู้ที่เธอเดินผ่านมาคู่กับกางเกงผ้าขาวสะอาดสามส่วน มีเชือกหลายเส้นผูกเอว เข้ากับรองเท้าสานรัดข้อมีส้นเพิ่มความสูงเล็กน้อย ผมสีน้ำตาลเข้มสวยปล่อยเคลียไหล่ ล้อมกรอบใบหน้าที่ตกแต่งบางเบาเป็นธรรมชาติร่าเริงยิ้มแย้มแนะนำตัวกับผู้ช่วยของแพรพรรณที่แย้มรับตอบเช่นกัน ก่อนจัดการเค้าประตูเจ้านาย ส่งเสียงขออนุญาต

นิศากรเดินผ่านประตูเข้าไปหยุดหน้าโต๊ะเพื่อนสาว ซึ่งหันข้างที่ทางโต๊ะร่างแบบตัวใหญ่ เสียงใสเอ่ยทักทายเรียกเจ้าของห้องให้หันมาตาโตกับเสียงที่คิดว่าคุ้นเคยแต่ไม่อยากเชื่อหู

“อะแฮ่ม สวัสดีค่ะคุณหนูแพรพรรณ”

“ว้าย!หนูนิ”

นิศากรอุดหูแทบไม่ทัน เสียงตะโกนแหลมดังคับห้องไม่เล็กไม่ใหญ่ ค่อนข้างรกตาสักหน่อย เพราะกระดาษเขียนแบบเต็มห้องและโต๊ะทำงาน แล้วก็หลุดหัวเราะพรืด เมื่อแม่เพื่อนสาวคนสนิททำท่าถลาจะปีนข้ามโต๊ะมาคว้าตัวเธอยึดไว้เพื่อมองให้ชัดตา ก่อนเขย่าตัวนิศากรหัวโยกหัวคลอน

“หนูนิจริงๆด้วย มาได้ยังไงเนี่ย หา มาได้ยังไง”

“นั่งเครื่องบินมาน่ะสิ” เสียงใสตอบรวน กวนอารมณ์เหมือนที่ตอบมารดา และเรียกค้อนวงใหญ่จากเพื่อนได้รวดเร็วไม่แพ้มารดา

“บ้า! หนูนิบ้า เราถามว่ามาโผล่ที่นี่ได้ไงต่างหาก ยังไม่ถึงกำหนดที่บอกไว้เสียหน่อย” แพรพรรณแหวใส่คำตอบเพื่อนแล้วเดินอ้อมโต๊ะมากระโดดกอดนิศากรไว้ด้วยความคิดถึง แทบทำนิศากรเซล้ม

“โอย...ตัวหนักจะตาย กระโดดมาได้”

“อย่ามาใส่ร้ายนะ ตัวเองต่างหาก ที่อ้วนขึ้น”

แพรพรรณจิ้มแก้มเพื่อนสนิท ซึ่งดูอิ่มขึ้น ไม่ได้อวบจนอ้วน หากแต่ดูสุขภาพดีสมส่วน ผิวพรรณขาวผ่องนุ่มนิ่มอมชมพูสวยน่าสัมผัส

“แหม...ก็นะ อาหารแต่ละอย่าง ครบเครื่องขนาดนั้น ทั้งชีสเอย เนยเอย คุมน้ำหนักสุดๆแล้วนะเนี่ย” นิศากรสารภาพเสียงอ่อย

ถึงเธอจะไม่ใช่พวกประเภทรักสวยรักงามสุดตัว แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิง อีกทั้งยังเรียนแฟชั่นดีไซด์ ก็ควรจะแต่งตัวดูแลตัวเองให้สมเป็นดีไซน์เนอร์สักหน่อย เดี๋ยวเสื้อผ้าที่ออกแบบมาเองอย่างดีสุดฝีมือจะหมองลง ถ้าเป็นแบบนั้น ดูท่าว่าแบรนด์ที่คิดจะตั้งเป็นของตัวเองคนล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะดีไซน์เนอร์เองออกแบบให้ตัวเองใส่แล้วยังไม่ได้เรื่อง

แพรพรรณจับเพื่อนหมุนรอบตัว พินิจพิเคราะห์ ก่อนเอ่ยปากชมการแต่งตัวที่ดูดีมีสไตล์สมเป็นนักออกแบบจากฝรั่งเศส

“หนูนิ น่ารักจังเลย สวยแซงหน้าแพรไปเป็นกิโลแล้วนะเนี่ย โอ๊ย...อย่างนี้ก็มาแย่งหนุ่มๆของแพรไปหมดน่ะสิ”

“อือ ท่าทางจะเป็นไปได้ อย่างนี้แพรอาจจะขึ้นคานเพราะเราก็นะ” เสียงใสพูดเจือเสียงหัวเราะแพรพรรณที่หน้ามุ่ยลงฉับพลัน เมื่อได้ยินคำว่า ขึ้นคาน

“ไม่เอานะ หนูนิบ้า พูดไม่ดีอย่างนี้ต้องหยิกให้แก้มเบี้ยวไปเลย” นิศากรเบี่ยงหลบมือแพรพรรณเป็นพัลวัน เสียงหัวเราะคิกคักดังแว่วผ่านออกมานอกห้อง


“นี่...แน่ใจนะ ว่าเป็นคุณนิศากรที่คุณภูดิสเมื่อวานนี้น่ะ อย่ามั่วเชียวนะ” ผู้ช่วยของซึ่งแพรพรรณแอบเม้าท์กับเพื่อนร่วมงานได้ยินเรื่องที่เพื่อนเล่าแล้วก็ยิ้ม

“ชัวร์!ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม หน้าใสปิ๊งอย่างนี้ ฉันจำได้ไม่มีผิดตัวแน่” หญิงสาวคู่เม้าท์เอานิ้วชี้ติดกับนิ้วโป้งเป็นวงกลมประกอบคำพูด

“ถ้าอย่างนั้น ข่าวที่ว่าคุณภูดิสกิ๊กกับแม่นางร้ายไฮโซนั่นก็ตกไปได้เลย เพราะรายนี้น่ะ เส้นใหญ่ตัวจริงเลยหล่ะ” ผู้ช่วยหญิงกอดอกยืดขึ้น ทำท่ามั่นอกมั่นใจ

“หือ...หมายความว่ายังไง เส้นใหญ่ตัวจริงน่ะ”

“เมื่อกี้นะ คุณลักษิกาโทรมานัดแนะทำเซอร์ไพรซ์คุณแพรด้วยตัวเองเลยนะ เรียกคุณนิศากรว่าหนูนิอย่างสนิทสนมอีกต่างหาก” ผู้ช่วยหญิงเอ่ยนามเจ้านายหญิงเจ้าของ
บริษัทอีกหนึ่งคน คนฟังตาโตกับข่าวใหม่ที่ได้รับทราบ

“ว้าว...สุดยอดไปเลย”

“นั่นสิ ถ้าคุณนิศากรคนนี้เป็นตัวจริงล่ะก็ ฉันสนับสนุนเต็มที่เลย” ผู้ช่วยสาวยิ้มกริ่ม แสดงท่าทางชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด

“นี่ ทำไมรีบเชียร์นักล่ะ ยังไม่รู้เลยว่าจะน่ารักจริงเหมือนหน้าตารึเปล่า เกิดไปเหมือนแม่คุณรัญชิดานั่นเข้าอีกคนล่ะ ดาราหน้าตาสวยแต่หยิ่งชะมัด” คู่เม้าท์ทำหน้าเบ้ ไม่ชอบใจชัดเจน

“ไม่หรอก เท่าที่สายตาอันเฉียบขาดของฉัน ประเมินดูแล้ว ผ่าน!” ผู้ช่วยสาวทำมือเป็นสัญลักษณ์เลขเจ็ดชี้ไปข้างหน้า

เมื่อแรกที่นิศากรเดินตรงดิ่งเข้ามา หน้าตาหวานใสยิ้มแย้มผูกไมตรีแจ่มชัด สองแขนยาวยกขึ้นไหว้เรียบร้อย ก่อนแนะนำตัวอย่างสุภาพ ดวงตากลมฉายแววเคารพผู้ช่วยที่อายุมากกว่าอย่างจริงใจไม่ถือว่าตัวมีเส้นเลยสักนิด เพราะการจะเข้ามาในบริษัทนี้ได้ จะต้องแลกบัตรติดต่อวุ่นวายหากเป็นบุคคลนอก แต่จากการที่คุณลักษิกาประกาสิตให้อำนวยความสะดวกให้หญิงสาวหน้าใสตรงหน้า ทำให้เธอเดินทะลุผ่านเข้ามาได้โดยง่าย เช่นเดียวกับเมื่อวาน


“ถ้าพี่ภูเห็นหนูนิน่ารักขึ้นเป็นกองอย่างนี้ คงสำนึกได้ว่าปล่อยนกน้อยแสนสวยหลุดออกจากกรงไปแล้ว ต้องสุดแสนเสียดายแน่ๆ” แพรพรรณพานิศากรมานั่งที่โซฟามุมหนึ่ง ไม่วายพูดถึงพี่ชายตัวเองอีกจนได้ นิศากรแกล้งถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ชักไม่ค่อยอยากฟังแพรพูดซะแล้วสิ” แพรพรรณตวัดค้อนใส่เพื่อนสาวที่นั่งข้างเคียง ทำหน้างอนใส่

“หนูนิก็ เราพูดจริงๆนี่นา คิดๆไปก็สมน้ำหน้าพี่ภูชะมัด มีตาหามีแววไม่ หนูนิแนวใหม่ ไฉไลกว่าเดิม”

“พูดอย่างนี้แสดงว่า แต่ก่อนเราไม่ได้เรื่องเลยน่ะสิ” นิศากรชักหน้ายุ่ง ทบทวนคำวิจารณ์รูปลักษณ์ใหม่ของตัว
รู้ตัวว่าแต่ก่อนเธอไม่ค่อยแต่งตัวโดดเด่นเช่นตอนนี้ แต่ไม่น่าจะเขาข่ายเฉิ่มเบ๊อะนี่นา

“ไม่ได้ว่าอย่างนั้น บอกว่าแต่ก่อนน่ะ ดูดีแต่ไม่ดึงดูดซักเท่าไหร่ ตอนนี้ไฉไลกว่าเดิม น่าดูน่ามอง หนุ่มๆเหลียวตามแน่ๆ” แพรพรรณแก้ความเข้าใจให้เพื่อนซะใหม่ ดวงหน้าเล็กเรียวซึ่งตบแต่งไว้ในสไตล์สาวปราดเปรียวฉายแววซุกซน

“ไปกันหนูนิ” แขนเล็กฉุดมือนิศากรให้ลุกขึ้นและลากออกไปนอกห้อง ตรงไปอีกชั้นของตึก

“อะไรกันแพร อยู่ดีๆก็ลากออกมา จะไปไหนเนี่ย” นิศากรส่งเสียงถาม ข้องใจที่อยู่ๆเพื่อนสาวดันลากออกมาไม่ปรานีปราศัย ตรงดิ่งมาตามทางที่นิศากรเริ้มคุ้นขึ้นเรื่อยๆ และแน่ใจในเวลาต่อมาเมื่อมาหยุดหน้าห้องที่มีเลขาสาวผู้ที่นิศากรจำได้ทันทีนั่งทำงานอยู่ จึงได้แน่ใจว่าแพรพรรณตั้งใจพามาทำอะไร

นิศากรออกแรงยื้อ เบรกเพื่อนสาวซึ่งตัวเล็กกว่าให้หยุดได้ไม่ยากเท่าไหร่ อีกทั้งยังดักทางอย่างรู้ทันความคิดแพรพรรณ

“รู้นะคิดอะไรอยู่” นิ้วเรียวขาวยกขึ้นชี้ไปที่หน้าซุกซน ถลึงตาดุและรู้ทันใส่

“คิดอะไรล่ะ” แพรพรรณตีหน้าใสซื่อไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่แอบสะดุ้งที่โดนจับได้ไวนัก ทั้งๆยังไม่ได้แพรมอะไรออกมาให้คนถูกลากรู้ตัวซักนิด

“เลิกคิดได้แล้วแพร เราไม่เอาด้วยแล้ว เข้าใจมั้ย มันไม่สำเร็จหรอก” นิศากรพูดชัดถ้อยชัดคำ ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงทำท่าไม่รู้ ไม่คิดตามเดิม

“คิดอะไร แล้วรู้เหรอว่าเราพามาหาใคร” แพรพรรณแอบหยอด ชักตะหงิดนิดๆว่าทำไมนิศากรจึงดักทางได้อย่างรวดเร็ว

“รู้สิ นี่มันห้องพี่ภูชัดๆ” คำตอบของนิศากรทำให้แพรพรรณยิ่งฉงนเข้าไปอีก ทั้งที่เพื่อนสาวไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่เลยสักครั้ง เหตุใดจึงรู้ว่าห้องของพี่ชายเธออยู่ตรงหน้าได้

“หนูนิรู้ได้ไงว่านี่ห้องพี่ภู” แพรพรรณหรี่ตาถาม เตรียมคั้นเอาความจริงจากเพื่อนเต็มที่ หากแต่เสียงหนึ่งมาขัดจังหวะไว้ซะก่อน

“คุณแพรพรรณ คุณนิศากร สวัสดีค่ะ พบกันอีกแล้วนะคะ มาพบเจ้านายหรือคะ” คนส่งเสียงทักทายยกมือรับไหว้นิศากรแล้วยิ้มเยือนอย่างยินดีเช่นเดิม ไม่ใช่ใครอื่นไกล หากแต่เป็นนันทา เลขาหน้าห้องภูดิสนั่นเอง

หลังจากเธอเงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้า เนื่องเพราะได้ยินเสียงถกเถียงแว่วมาไม่ไกล พลันพบสองสาวเจ้าของเสียงแว่วนั้น หนึ่งคือน้องสาวเจ้านายเธอเอง อีกหนึ่งสาวคือนิศากรนั่นเอง หญิงสาวที่เจ้านายรั้งตัวเธอไว้ยืนยันจะไปส่งให้ถึงบ้านด้วยตัวเอง

“สวัสดีค่ะ พบกันอีกแล้ว” นิศากรยิ้มตอบเลขาสาวเช่นกัน ในขณะที่อีกหนึ่งหน่อออกอาการเอ๋อเหรออยู่เพียงลำพัง

“อะไรกันเนี่ย สองคนนี้รู้จักกันด้วยเหรอ ยังไงกันเนี่ย”

แพรพรรณเขย่าแขนเพื่อนสาวที่ทำหน้าเซ็งทันที คาดคั้นทางสายตา แต่ผู้เฉลยกลับเป็นเลขาสาวแทน

“เมื่อวานพบกันที่สนามบินน่ะค่ะ” แพรพรรณกระจ่างขึ้นมาทันตา

“อ้าว งั้น งั้นหนูนิก็จ๊ะเอ๋กับ…”

“ใช่ อย่างจัง จนถึงตอนนี้เรายังไม่อยากเชื่อเลย สงสัยโลกมันแคบลงจริงๆอย่างเค้าว่ากัน” นิศากรพยักหน้าเหนื่อยหน่าย ยกคำอ้างว่าสมัยนี้โลกเรามันแคบลงด้วยสายใยไซเบอร์ มาจากมุมไหนในโลกก็สามารถพบกันได้
แคบจริงๆนั่นแหละ ขนาดสนามบินกว้างตั้งหลายร้อยหลายพันไร่รวมกัน ยังอุตส่าห์ตะเกียกตะกายเดินมาหยุดที่จุดๆเดียวกันอีก

“พี่ภูนะ ปิดปากเงียบไม่บอกซักแอะเลย” แพรพรรณเข่นเขี้ยวเอากับพี่ชายที่ไม่ยอมแย้มว่าพบเพื่อนสาวของเธอก่อนใครทั้งหมด แถมยังทำตายิ้มๆให้ติดใจสงสัยมาตั้งแต่เช้าอีก

เพราะเหตุใดที่อยู่ๆ นันทา เลขาสาวก้าวถอยกลับไปที่โต๊ะตามเดิม นิศากรไม่ทราบได้ แต่ความรู้สึกเหมือนมีใครมายืนซ้อนเบื้องหลังไม่ห่างนัก

“สวัสดีหนูนิ เป็นไง สำเร็จเรียบร้อยดีมั้ย” เสียงนุ่มทุ้มดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

จริงอย่างที่คิด นิศากรเอี้ยวมองไปเบื้องหลัง พบร่างสูงของภูดิสหยุดอยู่ข้างหลังไม่ห่างมากนัก รอยยิ้มบนริมฝีปากเขาและสายตาคมที่จับจ้องในระยะใกล้ ทำให้ความร้อนจากที่ใดไม่รู้ พุ่งขึ้นมายังหน้าใสจนออกจะแดงเรื่อน้อยๆ หัวใจเต้นถี่อีกแล้ว

ระลึกถึงความฝันที่ทำให้เธอตาแข็งค้างไปสามชั่วโมง จนต้องออกแรงรื้อกระเป๋ากลางดึก จัดแยกของฝากทั้งหลาย รวมทั้งซิทอัพไปหลายยกจนหอบแฮ่ก จึงทิ้งตัวลงนอนได้เช่นเดิม

ภาพในห้วงฝันกับความจริงตรงหน้าเหมือนกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ใบหน้าคมกับดวงตาพราวระยับมองลงมาสบตาเธอในองศาเดียวกันไม่คลาดเคลื่อน ต่างกันก็ตรงที่ในความฝันนั้น อ้อมแขนแข็งแรงของเขาโอบเอวเธอไว้มั่นคงและเธอแย้มยิ้มรับรอคอยหน้าคมตรงหน้า ซึ่งค่อยๆโน้มลงมาหา

“พี่ภู!!!” แพรพรรณตวัดเสียงเขียวเรียกพี่ชาย และส่งผลเรียกนิศากรออกจากภวังค์ความคิดนั้นด้วย หญิงสาวหันขวับกลับไปทางเดิมทันที สลัดหน้าน้อยๆไล่อารมณ์ประหลาดออกไป

บ้าๆๆๆ หนูนิ นั่นมันก็แค่ความฝัน ไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อย เธอจะหน้าแดงทำไมกันเล่า

“ร้ายมากนะ เจอหนูนิไม่บอกแพรสักคำ เงียบเป็นเป่าสากเลย” ภูดิสไม่ตอบอะไร แต่ยักคิ้วเข้มให้น้องสาวนิดนึง

“ฮึ่ย! พี่ภูบ้า ยังมายักคิ้วใส่อีก” แพรพรรณเข่นเขี้ยวอยากจะถลาเข้าหาพี่ชาย ซึ่งยืนยิ้มกริ่มยั่วเย้าอยู่ข้างหลังนิศากร
ไม่ยอมขยับออกมาห่างเหมือนจงใจใช้เธอเป็นกำบัง

เฮ้อ ไม่เคยเปลี่ยนเลยเชียว คนนึงขี้โมโห อีกคนก็ช่างยั่วด้วยท่าทางนิ่งๆ แต่ดูน่าโมโหเหลือเกิน

ทั้งอ่อนใจทั้งขำสองพี่น้อง เสียงหัวเราะหึๆในลำคอ เรียกหน้างอกับมือเล็กๆอ้อมตัวเพื่อนมาถึงพี่ชาย แต่ไขว่คว้าแค่เพียงอากาศ เพราะภูดิสขยับหลบไปมา

นิศากรชักรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเสาหลักปักอยู่กลางศึกเล็กๆของสองพี่น้องดีแท้ จะหาจังหวะหลบไปทางไหนก็ไม่ได้เพราะฝ่ายน้องที่ตัวเล็กกว่าวิ่งเปะป่ายซ้ายขวารอบตัวเธอ ส่วนฝ่ายพี่ชายก็เบี่ยงตัวหลบไปมาไม่ไกลเช่นกัน

“ไม่เอาน่าแพร คนมองใหญ่แล้วนะ ไม่อายเขาเหรอไง”
พนักงานที่ผ่านไปมามองกันมาที่กลุ่มเธอจริงๆ ไม่ได้ขู่ แต่ดูท่าสองพี่น้องจะไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก เช่นเดียวกับที่คนผ่านไปมาเหล่านั้น เพียงแค่มองผ่านยิ้มน้อยๆแล้วก็เลยไป นันทา เลขาสาวก็เหมือนกัน มองดูแล้วไม่สนใจ ยังคงทำงานของตนต่อไป

ดูท่าสองพี่น้องนี่ คงยั่วเย้ากันอย่างนี้บ่อยๆต่อหน้าธารกำนัลซะละมั้ง คนน้องน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คนพี่นี่สิ ชักสงสัยซะแล้วว่าเป็นผู้ใหญ่จริงรึเปล่า

หญิงสาวกำลังคิดอยู่เพลินๆ ก็รู้สึกถึงแรงกระแทกที่ไหล่และมือที่เกาะเอวตัวเองโถมน้ำหนักตัวใส่เธอเกือบทั้งหมด คนไม่ได้ตั้งตัวเซไปด้านหลัง ไม่ต่างกันกับคนที่เกิดสะดุดขาตัวเองที่วิ่งวนไปมา ชักมึนจนต้องไขว่คว้าหาหลักเกาะให้ตัวเอง นั่นคือนิศากรที่ยืนตัวลีบกั้นกลางอยู่นั่นเอง แต่ดูเหมือนหลักที่แพรพรรณเลือกเกาะ จะไม่แข็งแรงสักเท่าไหร่

“ว้าย!!!” สองเสียงหวีดร้องประสานกัน ไม่เบานัก เรียกสายตาจากหลายคนที่ผ่านมาสนใจได้ทีเดียว

ล้มแล้ว เจ็บแน่ๆ ต้อง เจ็บแน่ๆเลย นิศากรหลับตาปี๋ แต่เมื่อรอคอยความรู้สึกที่คิดว่าจะต้องได้ประสบแน่ๆ กลับไม่รู้สึกเป็นอย่างที่คิด

หือ?ไม่เจ็บแฮะ

อ้อมแขนของอีกคนที่ยืนเย้าแหย่อยู่แต่แรก เอื้อมมาคว้าสองสาวไว้ได้ทันท่วงที ก่อนจะร่วงแปะไปที่พื้นสะอาดเงาวับด้วยฝีมือแม่บ้านที่ขยันขันแข็งทำความสะอาดอย่างไม่บกพร่อง

“โอย...หนัก” เสียงโอดนุ่มทุ้มบนหัว ทำให้นิศากรลืมตากลมใสขึ้น

ตัวเธอยังปลอดภัยดีอยู่ พร้อมกับความรู้สึกถึงไออุ่นที่แผ่นหลัง หากภาพที่จิตนาการได้ในความคิดเผยขึ้น ตัวเธอยังคงติดอยู่ตรงกลางระหว่างสองพี่น้อง หากระยะที่ห่างกันเมื่อครู่กลับลดลงเป็นแนบชิดสนิทไปกับอกกว้าง เนื่องเพราะแพรพรรณที่เกาะหนึบที่เอวราวกับตุ๊กแกไม่คลายพาไป

ภูดิสรับตัวนิศากรไว้พร้อมกับเกี่ยวเอวเธอไว้เช่นเดียวกับน้องสาว และคว้าต้นแขนน้องสาวซึ่งเซหลุนๆจะหลุดไปด้านข้างไว้มั่น สรุปว่าทุกคนปลอดภัย ตัวเขาชักทานน้ำหนักสองสาวไม่ค่อยไหว ถ้ามาทีละคนสบาย แต่เล่นแพ็คคู่ก็ดูจะลำบากอยู่

“เฮ้อ!หวิดไป” แพรพรรณผ่อนลมหายใจโล่งอกพร้อมกับหลายคนที่ลุ้นอยู่รอบด้าน ที่หลุดจากวิกฤตก้นจ้ำเบ้าไปได้

“มัวแต่โล่งอยู่ได้ พี่จะหนักจะแย่แล้วนะ เดี๋ยวก็ปล่อยซะหรอก”

ใช่ เร็วๆเข้าสิยัยแพร เราจะแย่อยู่แล้วนะ ขืนอยู่นานกว่านี้ ฉันต้องอกระเบิดตายแน่ๆเลยเชียว หรือเธออยากให้ฉันตาย

ช่วยไม่ได้เลยจริงๆ แขนที่รัดเธอไว้กับอกอุ่นที่พิงอยู่จะทำให้นิศากรเห็นภาพฉากโรแมนติกในฝันอีกครั้ง พยายามบังคับการเต้นของหัวใจให้คงที่เข้าไว้ด้วยการสูดหายใจเข้าให้ลึก แต่มันออกจะติดขัดยังไงไม่รู้ ใจอยากดึงตัวเองออกห่าง หากติดที่แม่เพื่อนสาวที่เกาะเกี่ยวราวกับลิงโหนกิ่งไม้ จึงยังไม่สามารถทำได้อย่างใจ

แพรพรรณรีบหยัดตัวยืนเมื่อสำนึกได้ ก่อนพี่ชายจะปล่อยร่วงลงไปจริงๆ อย่างที่ขู่ไว้ พร้อมยิ้มแหยที่เพิ่งทำตัวซุ่มซ่ามไปเมื่อครู่

“ภู!!!” เสียงแว้ดดังแหวกอากาศมาจากผู้มาใหม่ แพรพรรณสะดุ้งโหยง ชะงักค้างมือที่จะฉุดเพื่อนให้ทรงตัวตาม ไม่ต่างกับภูดิสที่ยังคงโอบประคองนิศากรอยู่เช่นกัน

-------------โปรดติดตามตอนต่อไป----------------


คุยกันนิดหน่อยกัยฟ้าริน
มาส่งแล้วค่ะ บทที่5 ไปรับจ๊อบมา เหนื่อยจริงๆ เพิ่งเคยตะเวนกลางกรุงก็สองวันที่ผ่านมาเนี่ยแหละค่ะ วันหนึ่งได้เดินหน้าห้างตั้ง3ห้าง โอ๊ย แดดร้อนมั่กๆ ต้องยืนถือป้ายกลางแดด แจกใบปลิว เสียเงินซื้อเป๊ปซี่เพิ่มน้ำตาลชดเชยเหงื่อไปหลายลิตรเลย และแอบเเว๊บเดินเข้าๆออกๆ ตรงประตูขอแอร์หลายรอบเหมือนกัน555 ไม่งั้นมีหวังเลือดกำเดากระฉูดแน่ๆเลยแล้วก็โชคดี๊ดี ไมเกรนไม่มาเล่นงาน แต่ก็นะ ประสบการณ์ชีวิต

nekojung - พี่ภูกับหนูนิมาแล้วจ้า หายคิดถึงไปได้บ้างมั้ยคะ ส่วนยัยรัญชิดา (เขียนเองหมั่นไส้เอง )พอถูกทิ้งแล้วค่อยมาสนใจพี่ภู อย่างนี้มันต้อง.... อะไรดีคะnekojung

ชาจัง - มาแล้วนะคะ งานเสร็จก็รีบมาส่งเลยค่ะ ตอนแจกใบปลิวก็คิดๆๆว่าอยากอัพนิยายจังเลย


Create Date : 27 พฤษภาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:31:08 น.
Counter : 269 Pageviews.

5 comments

  
โดย: natee IP: 209.6.167.75 วันที่: 27 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:55:08 น.
  
สวัสดีค่ะ
มาอ่านนะคะ
สนุกมากค่ะ
โดย: อัปสร IP: 210.203.160.226 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:33:05 น.
  
สนุกมากๆ ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาอัพเร็วๆนะคะ จะรออ่าน
โดย: boombim IP: 58.181.232.4 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:19:24:14 น.
  
ข่าวดี ถึงเพื่อนๆที่ต้องการลดน้ำหนักนะ ตอนนี้เราเข้าโปรแกรมกับศูนย์สุขภาพที่นึงอยู่ ไม่อันตราย ปลอดภัย และที่สำคัญเราสามารถจัดงบประมาณได้เองด้วย ถ้าใครสนใจที่จะลดน้ำ หนัก ติดต่อ ขอรับคำปรึกษาได้ที่เบอร์นี้นะ 0830604304 เราเข้าโปรแกรมมาแค่เดือนเดียวลดไป 5กิโลแล้ว เลยอยากบอกต่อ
โดย: nick IP: 202.28.179.12 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:14:24:12 น.
  
ข่าวดี ถึงเพื่อนๆที่ต้องการลดน้ำหนักนะ ตอนนี้เราเข้าโปรแกรมกับศูนย์สุขภาพที่นึงอยู่ ไม่อันตราย ปลอดภัย และที่สำคัญเราสามารถจัดงบประมาณได้เองด้วย ถ้าใครสนใจที่จะลดน้ำ หนัก ติดต่อ ขอรับคำปรึกษาได้ที่เบอร์นี้นะ 0830604304 เราเข้าโปรแกรมมาแค่เดือนเดียวลดไป 5กิโลแล้ว เลยอยากบอกต่อ
โดย: nick IP: 202.28.179.12 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:14:26:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik