All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่20


บทที่20

ร่างเล็กนั่งเอนไปมา พิงคนโน้นทีคนนี้ที ยามที่ยื่นหน้าไปร่วมวงสนทนาที่ฟังไปงงๆบ้างรุ้เรื่องบ้าง มือเล็กยกแก้วที่มีน้ำสีสวยอยู่เต็ม เธอกระดกทีเดียวหมดเกลี้ยง เป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้วนิศากรไม่ได้นับ แต่คำนวณคร่าวๆจากจำนวนที่วางบนโต๊ะแล้ว นับได้ครบสิบนิ้วพอดี ยังไม่รวมที่บริกรหนุ่มน้อยมาเก็บไปก่อนหน้านี้

แพรพรรณลุกพรวดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เดินโงนเงนออกจากโต๊ะไปท่ามกลางความงงงันของทุกคน

“แพร จะไปไหน” นิศากรถามเป็นคนแรกและตามมาดึงเพื่อนไว้ก่อน แพรพรรณหันมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ปลดมือเพื่อนสาวออกจากตัว ตอบเสียงอ้อแอ้ก่อนเดินต่อไป

“ไปห้องน้ำ ห้องน้ำอยู่ไหนเนี่ย หือ อยู่ไหน ว้าย!” เสียงเล็กร้องอุทาน ขาเรียวสะดุดเข้ากับพื้นต่างระดับ ล้มโครมลงไปนั่งแปะอยู่กับพื้นแทบเท้าใครคนหนึ่งเข้า

“แพร!” นิศากรตาโต ถลันเข้าหาร่างเล็กที่ทรุดอยู่บนพื้น กุมหัวเข่าป้อยๆ ”เป็นไงบ้าง เจ็บล่ะสิ”

“ฮือ หนูนิ เจ็บหัวเข่าจังเลย มืดแบบนี้ใครจะมองเห็นทางกันเล่า เปิดไฟสิ เปิดไฟ” แพรพรรณโวย โทษเอากับความมืดที่ทำให้เธอต้องสะดุดหน้าคะมำแบบนี้ นิศากรส่ายหน้า ฉุดมือเพื่อนสาวให้ลุกขึ้นโดยมีพลเมืองดีอีกคนช่วยเข้าประคอง

“ขอบคุณค่ะ” นิศากรกล่าว เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างกับเขา อีกฝ่ายดูเหมือนอึ้งไปเมื่อสบสายตาเข้ากับตากลมโตของหญิงสาว

“ไม่ ไม่ ไม่เป็นไรครับ”

“ขอบคุณค่า คุณคนใจดี” แพรพรรณแสดงความขอบคุณแบบมึนๆ ขยับเข้าไปจ้องหน้าเขาใกล้ๆ เพ่งสายตาในความสลัวลาง เอียงคอบอกบางอย่างต่อชายหนุ่มผู้นั้นยิ้มๆ ซึ่งก็มีผลทำให้เขายกมือเสยผมยาวปรกหน้าผากตามสมัยเขินๆ

คิ้วเข้มพาดเฉียงกับดวงตาสองชั้นวิบวับล้อแสงไฟแบบหนุ่มเจ้าชู้ ริมฝีปากบางและจมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าเรียวคล้ายผู้หญิง ที่ใบหูข้างหนึ่งใส่ต่างหูสีเงินเป็นแป้นกลมที่ติ่งหู เลยขึ้นไปตรงกระดูกอ่อนมีห่วงเงินติดอยู่ ดูเท่ห์เก๋แบบหนุ่มเจป็อป สไตล์ญี่ปุ่นโดยแท้ด้วยเครื่องแต่งกาย

“หล่อใช้ได้เลยนะเนี่ย”

“แพร! ขอโทษนะคะ พอดีเพื่อนเมานิดหน่อยน่ะค่ะ ขอตัวนะคะ” นิศากรดึงตัวแพรพรรณออกมาจะกลับไปที่โต๊ะ แต่เพื่อนสาวร้องโวยวายอีกรอบจะไปห้องน้ำ

“ไม่เอา ไปห้องน้ำ หนูนิช่วยพาไปหน่อยสิ” สองสาวจึงต้องย้อนกลับมาทางเดิม ผ่านหน้าชายหนุ่มไปอีกครั้ง เขามองตามไปไม่ละสายตา มองค้างจนเพื่อนที่รออยู่ที่โต๊ะต้องเข้ามาสะกิดให้รู้สึกตัว

“เฮ้ย นนท์ มองอะไรวะ”

“ชื่อน่ารักจัง ยิ้มก็น่ารัก” อานนท์เอามือจับไปที่หัวใจที่เต้นแรงแทบทะลุออกมานอกอก ท่าทางละเมอเพ้อฝัน



รถยนตร์คันหรูแล่นออกมาจากบ้านใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานและเป็นสถานที่เกิดเหตุด้วยความเร็วที่มากกว่าปกติไปตามถนนโล่งว่างพอสมควรและหยุดชะงักกึกจนคนนั่งข้างหัวคะมำเกือบชนเอากับกระจกใสหน้ารถเป็นรอบที่สอง

“เฮ้ย! ไอ้ภูแกจะฆ่าฉันรึไง” ธเนศทวงถามเสียงกระชาก

“ฉันเนี่ยนะจะฆ่าแก” เขาถามกลับ หน้ายังคงติดรอยเคร่งเครียดอยู่ ตั้งแต่ผลุนผลันออกจากบ้านนางร้ายสาวมา

“ก็เออสิวะ”

“ถ้าฉันจะฆ่าแก ฉันไม่เหยียบเบรกหรอก ปล่อยให้มันชนโครมไปแล้ว” ภูดิสแก้ข้อกล่าวหา

“เออ ถูก ขอบใจที่แกยังมีสติดีอยู่ เป็นฉันเจอเข้าแบบนั้น คงได้ฟิวขาดบ้างแหละวะ ทั้งบิดเบือนความจริง สร้างเรื่องหลอกชาวบ้าน คราวนี้หลอกกันระดับประเทศ ไม่ได้หลอกแค่หนูนิคนเดียว ฝีมือก้าวหน้าไวชะมัด” ธเนศร่ายยาววีรกรรมร้ายกาจของรัญชิดา สุดท้ายก็ชมปบบประชด คนฟังกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อารมณ์ผิดหวังและไม่อยากเชื่อปนเปกันไปหมดในตัวเขา

“ฉันไม่อยากเชื่อว่ารันจะทำได้ถึงขนาดนี้ เขาคิดอะไรของเขาอยู่ ฉันไม่เข้าใจเลย”

“รันทำได้ถึงขนาดนี้ แสดงว่ายัยนั่นคงอยากได้แกมากเลยนะ พ่อรูปทอง หน้าหล่อๆแบบคนดีของแกกับความสามารถของแกมันล่อตาล่อใจเกินไปแล้ว รู้ตัวซะบ้าง” ธเนศปรับกระจกมองหลังให้เคลื่อนไปส่องหน้าเพื่อน ชี้ให้ภูดิสดูเงาในกระจก เขาปรับมันกลับไปยังตำแหน่งเดิม ระบายความในใจออกมาให้

“จะมาเกิดอยากได้อะไรเอาตอนนี้”

“ก็เพราะว่ายัยนั่นไม่มีใครแล้วน่ะสิ เลยกลับมาหาของตายอย่างแก” ภูดิสปัดมือที่ชี้หน้าเขาออก “ของตายกำลังจะหลุดมือ คงรู้สึกว่ายอมไม่ได้”

คำพูดของธเนศยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ไปกว่าเดิม ลดตำแหน่งจากเพื่อนที่คอยดูแลกันยามทุกข์ กลายเป็นแค่ของตายสำหรับรัญชิดาไปเท่านั้น จะว่าไปเรื่องราวความสัมพันธ์ของเขากับรัญชิดาก็เข้าข่ายนั้นอยู่ ไม่หรอก ในความรู้สึกของรัญชิดามันตรงเลยเชียวหละ ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอม แม้ว่าตัวเขาจะไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยก็ตาม

“เอาไงต่อละทีนี้”

“ไม่รู้ ไม่อยากคิด ปวดหัว” ภูดิสบอกปัดไปอย่างที่ใจคิด ตอนนี้เขาอยากพักมันไว้ อยากลืมเรื่องราวในวันนี้ให้หมดเสียด้วยซ้ำ ถ้ามันจะเป็นไปได้

“ถ้าเกิดพรุ่งนี้ยัยรันมาขอโทษน้ำตานองหน้า แกจะทำไง”

“ไม่รู้ แกเลิกพูดได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะเตะแกลงไปเดี๋ยวนี้เลย” ธเนศยอมหุบปากแต่โดยดี เพราะสีหน้าสีตาของเพื่อนบอกย้ำชัดเจนว่าจะทำจริงอย่างที่พูด ถ้าเขายังหาเรื่องถามต่อไป



แพรพรรณยืนเกาะประตูรถ ทำหน้าผะอืดผะอมชอบกล นิศากรซึ่งพยายามดันตัวเพื่อนเข้ารถรีบถอยฉากให้เพื่อนสาวทันที แพรพรรณพุ่งตัวไปเกาะพุ่มไม้ อาเจียนออกมาบรรเทาอาการคลื่นไส้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ในเครื่องดื่มสีสวยที่กระดกเข้าไปกว่ายี่สิบแก้ว นิศากรเอาน้ำในรถไปให้เพื่อนสาวบ้วนปาก

“โอย ปวดหัวจังเลยหนูนิ เอ้า ยืนดยกไปโยกมาอีก จะแกล้วเราให้เวียนหัวหนักกว่าเดิมรึไง” แพรพรรณหาเรื่องป้ายสีให้เพื่อน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองนั่นแหละที่โชซเซไปมาจนตัวเองเวียนหัว ไม่ใช่เธอเพี้ยน แกล้งยืนโยกไปมา

“เอ้าลุกขึ้น จะได้กลับบ้าน เมาใหญ่แล้ว”

“อือ เมาแล้ว กลับบ้านนอนดีกว่า” เออ ดี แพรพรรณเป็นมนุษย์คนแรกรึเปล่าเนี่ยที่รับว่าตัวเองเมา แล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนเกาะไหล่นิศากรไปขึ้นรถ ร้องกลับบ้าน จะไปนอน แต่รถที่ยังจอดนิ่งทำให้แพรพรรณท้วงขึ้นมาว่าทำไมไม่ออกรถเสียที

“รอเอากระเป๋าก่อน แป๊บนึง” กระเป๋าสะพายของทั้งสองสาวยังอยุ่ข้างใน ที่สามารถไขรถได้เพราะกุญแจรถและโทรศัพท์มือถือของนิศากรอยู๋ในกระเป๋ากางเกง พอออกจากห้องน้ำทั้งสองคนก็ไม่ได้กลับไปที่โต๊ะอีก การจะพาแพรพรรณที่ทรงตัวไม่ติดพื้นไปบนพื้นต่างระดับที่มองไม่ค่อยเห็นเพราะความสลัวไม่ใช่เรื่องง่าย ประตูทางออกใกล้และเหมาะสมแก่สภาพของเพื่อนสาวแล้วที่ควรจะเดินทางกลับ

“อ้อ กระเป๋า เอากระเป๋าก่อน โอเค เร็วๆนะ”

นิศารกรรับคำ พอดีกับที่สาวเทียมประจำกลุ่มเดินเฉิดฉายออกมาพร้อมแฟนหนุ่มล่ำบึ้กมาส่งกระเป๋าสองใบให้

“ไงยะยัยแพร สลบเหมือดไปเลยเหรอ โชคดีนะเนี่ยที่หล่อนเมาแล้วเป็นเด็กดี ว่าง่าย ถ้าฉันเป็นแม่มันนะ จะจับมอมเหล้าทุกวันเลย ฮ่าๆๆ”

“เห็นด้วยนิดหน่อย” นิศากรออกความเห็นขำๆ พลอยผสมโรงไปด้วยไม่ได้ เพราะออกจะเป็นข้อดีจริงๆ

“ไปได้แล้วย่ะ กลับดึกดื่นกว่านี้ เดี๋ยวคุณหญิงแม่ของเธอสองคนจะเป็นกังวล สั่งเลิกคบฉันเพราะพาลูกเขาไปเสเพล ขับรถดีๆล่ะ แปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงปลอดภัย ประหยัดช่วยชาตินะยะ” สาวเทียมอวยพรตามแบบฉบับ ก่อนส่งท้ายด้วยการขยิบตามแลบลิ้นแผล็บแบบตลกๆบอกว่า ”รีบๆไปซะ ฉันจะได้กลับไปเต้นระบำนัวเนียกับที่รักฉันต่อ”

หญิงสาวมองค้อนอย่างหมั่นไส้ ผลุบเข้ารถไป โบกมือลาก่อนก่อนรถไปโดยที่ไม่รู้ว่ามีรถอีกคันขับตามออกไปด้วย



ภูดิสและธเนศเข้านั่งบนโซฟายาวกลางห้องรับแขก แม่บ้านนำน้ำเย็นๆมาเสริฟ ภูดิสรับมาดื่มอย่างกระหาย น้ำเย็นชื่นใจช่วยให้ผ่อนคลายได้บ้างเล็กน้อย ส่วนหนุ่มผิวน้ำผึ้งหันรีหันขวาง สอดส่องไปบริเวณ ภูดิสเห็นเข้าก็ถามอย่างแปลกใจ

“หาอะไร”

“ยัยเปี๊ยกไปไหน”

“เข้านอนไปแล้วละมั้ง ดึกแล้ว” ภูดิสยกนาฬิกาข้อมือมองดูเป็นเวลากว่าห้าทุ่มแล้ว น้องสาวเขาห่วงสวย มักจะเข้านอนเร็ว กลัวหน้าจะเหี่ยวก่อนวัย

“เป็นไปไม่ได้ สั่งไว้นักหนาว่าจะรอให้มารายงานตัว ไม่มีทางชิ่งไปนอนได้หรอก” ธเนศวิเคราะห์ แพรพรรณไม่มีทางหลุดสถานการณ์ไปได้ ยิ่งเป็นเรื่องรัญชิดาด้วยแล้ว เธอยอมสละเวลานอน ยอมหน้าเด้งน้อยลงในวันรุ่งขึ้นเพื่อจะได้รู้เรื่องก่อนใคร แล้วคุณลักษิกาในชุดคลุมก็เข้ามาเฉลย เมื่อถูกถามถึงลูกสาวคนเล็ก

“อ๋อ ออกไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆยังไม่กลับเลย”

“หา! เที่ยวผับ” ภูดิสร้อง

“จ้ะ บอกจะไปหาหนุ่มๆกลับบ้านมาสักคนสองคน” คุณลักษิกาบอกเสียงเจือหัวเราะ

“หาหนุ่มๆเหรอครับ! ” คราวนี้เป็นธเนศร้องบ้าง สองหนุ่มหน้าเครียด น้องสาวเขาออกไปเที่ยวผับแล้วยังบอกว่าจะเก็บหนุ่มมาบ้านอีก น่าตีเสียจริงๆ

“ใส่ชุดไหนไปครับ” คนเป็นพี่ซักถึงการแต่งตัวทันที

“อ่อ ชุดกระโปรงน่ะ สีขาวๆที่เป็นสายเดี่ยว สวยเชียวแม่ชอบ”

“สายเดี่ยว! ใส่สายเดี่ยวไปเที่ยวผับเนี่ยนะ” ธเนศร้องโวย ยัยเปี๊ยกแต่งตัววอบๆแวมๆไปเที่ยวที่แบบนั้นได้ไง มีแต่พวกเสือสิงทั้งนั้น

“แม่ปล่อยให้ใส่ได้ไง โป๊จะตาย” ภูดิสหน้าเครียดทันที ถึงแพรพรรณจะไม่ได้สวยเซ็กซี่ แต่ก็โตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ผิวพรรณก็บำรุงจนสวยปลั่ง เปิดโชว์แบบนั้นก็เรียกสายตาคนได้ไม่น้อย คนสมัยนี้ก็ยิ่งไว้ใจไม่ค่อยได้อยู่ด้วย

“แหม...ไปกันตั้งหลายคนแน่ะ ไม่เป็นไรหรอก”

“ไปกับใครบ้างครับ” ภูดิสถามต่อทันควัน

“ก็กลุ่มเดิมนั่นแหละ หนูนิก็อยู่ด้วย ไม่ปล่อยให้เถลไถลนานหรอกน่าภู” คุณลักษิกาอ้างชื่อนิศากร ดูจะเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือสุดในกลุ่ม แต่ไม่รู้ว่ายิ่งกลับทำให้ลูกชายกระวนกระวายเข้าไปใหญ่

“หนูนิด้วยเหรอครับ แล้วคุณป้าปล่อยให้ไปได้ไง มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น” ภูดิสคว้าโทรศัพท์ออกมากดเบอร์น้องสาวทันที เสียงต่อสายดังอยู่นานก็ไม่มีคนรับ

“ยัยแพรไม่รับสาย ไม่ได้ยินรึไงกัน” เขาต่อสายอีกครั้ง



อีกฟากหนึ่งที่ควานหามือถือของตัววุ่นวาย หาไม่เจอจนต้องเทกระเป๋าออกมา เสียงโทรศัพท์ก็ตัดไปเสียแล้ว นิศากรเลือกใช้เส้นทางลัดเพื่อย่นระยะเวลาในการเดินทาง ลืมคิดไปถึงภัยร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ในถนนสายเปลี่ยวเส้นนั้น ปกติมีรถราวิ่งกันขวักไขว่ในเวลากลางวัน แต่ขณะนี้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปหลายชั่วโมงแล้ว ข้างทางซึ่งห้องแถวสองชั้นปิดตายเป็นทิวแถว ดูร้างผู้คนมานานจนสภาพซอมซ่อ ไร้ผู้ร่วมทางเมื่อหญิงสาวพารถเก๋งของตนแล่นลึกเข้าไปทุกที

“ใครโทรมาเหรอแพร” นิศากรถามเพื่อนสาว อีกฝ่ายยกโทรศัพท์ขึ้นมาส่องชื่อดู แต่อ่านไม่ออกเสียงแล้ว เพราะตาลายเห็นตัวอักษรซ้อนกันเต็มไปหมด

“ไม่รู้ อ่านไม่ออก”

“อ้าว ไหนเอามาดูสิ” นิศากรคว้ามาพอดีกับที่มันส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ชื่อภูดิสเด่นหรา นิศากรต้องเป็นคนรับแทนเพราะเจ้าของหลับตาพริ้มไปแล้ว

“ค่ะพี่ภู”

“หนูนิเหรอ อยู่ไหนกันครับเนี่ย แล้วยัยแพรไปไหนไม่รับโทรศัพท์” เสียงชายหนุ่มส่งมาตามสายดูเป็นกังวล

“อยู่บนรถค่ะ กำลังพาแพรกลับไปส่งบ้าน เมาหลับไปแล้ว”

“เมา?”

“ค่ะ ว้าย!...” เสียงหญิงสาวร้องอุทานพร้อมเสียงเบรกรถดังสนั่น หญิงสาวทิ้งเครื่องมือสื่อสารไปคว้าพวงมาลัยรถแทน หักหลบรถที่ปาดหน้าไปแบบหวุดหวิด รถของหญิงสาวเกือบขึ้นไปเสยฟุตบาททางเดินเสียแล้ว

“อะไรกันเนี่ย ขับรถภาษาอะไร” หญิงสาวต่อว่าอยู่บนรถ เสียงร้องเรียกดังลอดโทรศัพท์ที่นอนแอ้งแม้งบนตัก เธอหยิบขึ้นมาแนบหูต่อ ปลายสายเรียกเธอไม่หยุดน้ำเสียงตื่นตระหนก

“ค่ะพี่ภู”

“หนูนิเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”

“รถมาปาดหน้าน่ะค่ะ ดีที่เบรกทัน ไม่งั้นชนเละเลย”

“เจ็บตรงไหนรึเปล่า”

“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรเลย เดี๋ยวนะคะพี่ภู สงสัยจะมาขอโทษแล้ว”

คนขับรถคันที่ปาดหน้าหญิงสาวเมื่อครู่ก้าวลงจากรถ ท่าทางเมาๆมาเคาะกระจก นิศากรโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นไร ชายคนนั้นพยักหน้าแต่ก็ยังไม่หลีกทางไป เกาะรถเธอไว้ พยายามจะเปิดประตูรถแต่เธอล็อกไว้ทั้งสี่ด้าน ชายอีกสามลงจากรถมาสมทบกับอีกคน ท่าทางเมาไม่แพ้กัน ล้อมรถเธอเอาไว้ทั้งสี่ด้าน ชายคนเดิมยังคงเคาะและพยายามจะเปิดประตูเธออยู่

“หลีกไปสิ หลีกไป ทำอะไรกันน่ะ”

นิศากรโบกมือไล่ กลัวจนมือสั่นบีบแตรไล่เสียงดัง แต่ถนนที่เธออยู่ตอนนี้รอบข้างบ้านเรือนปิดสนิทดูคล้ายจะร้างตลอดทั้งแนวถนน แพรพรรณกระพริบตาเปิดขึ้นมองรอบตัว ถามเสียงยานอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

“ใครทำอะไร เคาะทำไมเนี่ย ดึกดื่นแล้วคนอื่นเขาจะนอนกัน ไม่มีมารยาทเลย” บ่นเสร็จเรียบร้อยเปลือกตาของเพื่อนสาวก็ปิดลง ไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีก นิศากรกำพวงมาลัยแน่นเข้า ใช้สมองเร็วรี่

ปี้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

หญิงสาวกดแตรเสียงดังยาวนาน จนพวกที่รุมล้อมรถเธออยู่ต้องยกมือปิดหูกันเป็นแถว ทั้งตกใจเสียงแตรและต้องตระหนกเป็นรอบสองเมื่อเธอเร่งเครื่องอย่างแรง ชายสี่คนสะดุ้งเฮือกกระโดดหลบโดยสัญชาตญาณ รู้ตัวกลัวตายเหมือนกันแม้ว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์จะทำให้สมองสั่งงานช้าไปบ้าง หญิงสาวใช้จังหวะนั้นเร่งเครื่องกระชากรถถอยหลังไป ติดชายร่างผอมด้านหลังยืนขวางอยู่

“เฮ้ย! อะไรวะ” ชายคนนั้นร้องโวยวาย เมื่อเธอเบรกกึกในระยะห่างจากตัวเขาไม่ถึงเมตรหลังจากถอยหลบออกมาเมื่อครู่ เธอทำใจเด็ดเร่งเสียงเครื่องดังลั่นอีกครั้งหวังขู่ให้กลัว นึกขอบคุณโชคชะตาที่แผนนี้ใช้ได้ผล ขอบคุณฟ้าที่ทำให้ชายคนนั้นใจเสาะ ไม่กล้าพอจะยืนเสี่ยงท้าตายอยู่เช่นเดิม มันวิ่งขึ้นไปหลบบนฟุตบาทเปิดทางให้เธอถอยออกและเร่งเครื่องออกไปบนถนนนั้นอีกครั้ง

นิศากรมองกระจกส่องหลัง เห็นรถคันเดิมยังตามมาไม่ห่าง มันเบนซ้ายทีขวาที พยายามขึ้นมาตีคู่กับรถของหญิงสาว มันเปิดกระจกมากำอะไรสักอย่างในมือ ปามาใส่หน้ารถเธอ

“ว้าย” หญิงสาวร้องอุทาน รถเป๋ออกจากเส้นทางไปเล็กน้อย เธอรีบบังคับให้กลับเข้าเส้นทางเดิม เสียววูบไปทั้งหัวใจก่อนเรียกสติให้กลับมาโดยไว ขาเรียวบนรองเท้าส้นสูงเหยียบคันเร่งเพิ่งความเร็ว รถพุ่งทยานไปข้างหน้าราวกับจรวดเพื่อออกไปสู่ถนนใหญ่ซึ่งแสงไฟสาดส่องให้เห็นลิบๆตรงหน้าฟ หัวใจเต้นระทึกกลัวว่าผู้ประสงค์ร้ายที่ตามหลังมาจะเร่งเครื่องตามมาจนขนานคู่กันได้อีกครั้ง ฝ่ายนั้นอาจปาดหน้าเธอได้อีก คงไม่แคล้วเกิดอุบัติเหตุ หากเป็นอย่างนั้นเธอจะทำอย่างไร ไม่อยากจะคิดต่อให้ใจระทึกมากไปกว่านี้

นิ้วมือที่กำรอบพวงมาลัยรถมั่นเกร็งจนข้อขาว สายตาเพ่งไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ไม่ใส่ใจแม้เสียงโทรศัพท์ข้างตัวจะร้องระงมไม่หยุด ด้วยเกรงว่าหากวอกแวกแม้เพียงนิดในความเร็วร้อยหกสิบจวนร้อยแปดสิบอยู่รอมร่อ เส้นชะตาชีวิตทั้งของเธอและแพรพรรณอาจหากสะนั้นกระทันหัน เธอยังไม่อยากเพิ่มงานให้ท่านยมบาล ไม่อยากถูกผ่าพิสูจน์ ไม่อยากเป็นเหยื่ออุบัติเหตุรายวันที่ขึ้นตามหน้าหนังสือพิมพ์ พาดหัวข่าวอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ไม่เอานะ!!! หรือหากไม่ถึงตาย เธอก็อาจพิการ อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งต้องได้รับบาดเจ็บแน่ๆ เธอไม่ชอบนอนนิ่งๆนานๆ การทำให้บิดามารดาทุกข์ใจ เป็นบาปหนานัก เธอจะไม่ทำ ไม่ๆๆๆๆ แล้วนี่ยังมีชีวิตของแพรพรรณที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ด้วย ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย คำพูดนี้ดังก้องในหัวไปมา

รถยนตร์ของหญิงสาวเข้าใกล้ปากทางมากขึ้นทุกที นิศากรเริ่มผ่อนคันเร่ง เปิดโอกาสให้รถคันหลังสามารถขึ้นมาตีเสมอได้ตั้งใจเบียดรถเธอเข้ามาเรื่อยๆจนเกือบปีนขึ้นไปข้างทาง ขณะนั้น แสงไฟหน้ารถก็สาดเข้ามา

โครม!!!


-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*
ค้างไว้ซะงั้น 55555 สะใจ

Smillzz - ตอบว่าเด็กสามคนนี้มาจากไหน ก็ขอยกจากเนื้อเรื่องมาเลยละกันนะคะ อาจจะอ่านตกไปบ้าง

....“นางปีศาจ เอ๊ย! เป้าหมายหลักเกาะแขนใครหว่า อ๋า...อาภูนั่นเอง” แม่หนูเนะโกะเพ่งมองแล้วร้องอย่างจำได้ ว่าเขาเป็นเพื่อนของบิดาของทั้งสามที่พกเอาลูกๆมาร่วมงานทุกปี....

ก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ หนึ่งในเพื่อนของพี่ภูนั้นเอง

g - ตาสว่าง สงสัยที่บ้านของนางร้ายจะใช้ซิลวาเนียร์ พอสว่างก็ไม่มีอะไรน่ากลัว555

une playful pizzicato - แพ้อ่ะๆๆๆๆ ทำไงดี แง้ ไม่ย้อมไม่ยอม(ดิ้นไปดิ้นมา)

ยูกิ - สวัสดีจ๊ะ สมาชิกใหม่หรือเก่าที่เพิ่งเผยตัว มาลงให้ต่อแล้วน้า




Create Date : 07 กันยายน 2550
Last Update : 7 กันยายน 2550 19:29:32 น.
Counter : 356 Pageviews.

5 comments
  
โอย ลุ้นๆ
มาไวๆ มาไวๆ
ไม่งั้นจะไม่รักแย้ว
โดย: une playful pizzicato วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:22:08:59 น.
  
ใครเห็นด้วยกับฟิวยกมือขึ้น ว่าพี่ฟ้าอ่ะใจร้ายยย ทำกันได้ลงคอ
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.36.14 วันที่: 8 กันยายน 2550 เวลา:20:49:40 น.
  
สนุกมากๆ ลุ้นมากๆเลย
ตอนต่อไปรียมาไวๆนะคะ
โดย: popo IP: 61.7.224.30 วันที่: 10 กันยายน 2550 เวลา:15:51:29 น.
  
รีบมาไวไวด้วยคนนะคะ
5555555+

เกลียดคำว่า โครมจริงๆนะเนี่ย
โดย: Smillzz IP: 202.28.12.49 วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:22:46:46 น.
  
ลืมบอกไปค่ะ ว่า
ดีใจจริงๆค่ะ มีคู่เเข่งพระเอกซะที

ไม่รุ้เปนอะไรเวลาดูหนังหรืออ่านนิยาย
จะหลงรักพระรองทุกที เพราะว่าเเสนดีเหลือเกิน
5555555+
ไมรุ้ว่าคราวนี้คุณฟ้ารินจะให้คูณอานนท์เปนอย่างไรหนอ
เเต่เเค่นี้ ก็หลงรัก นนท์ละนะ
5555555+เริ่มเพ้อ
โดย: Smillzz IP: 202.28.12.49 วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:22:52:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik