All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่21




บทที่ 21

นิศากรตะลึงตัวแข็งอยู่หลังพวงมาลัย ตากลมเบิกกว้าง แสงไฟที่สาดส่องจ้ามาจากรถอีกคันที่สวนทางเข้ามา หญิงสาวเบรกตัวโก่ง ตกตะลึงกับภาพและแสงจัดจ้าที่เพิ่งผ่านตา เสียงโลหะหนากระทบกันอย่างแรงดังก้อง แพรพรรณกระเด้งกระดอนไม่ติดเบาะ โชคดีที่คาดเข็ดขัดนิรภัย มันจึงช่วยดึงรั้งร่างเล็กให้ไม่เคลื่อนไปกระทบคอนโซลหน้ารถได้ แรงกระชากนั้นจะทำให้เธอตื่นจากการหลับไหลหรือไม่ นิศากรไม่รู้ เพราะหลังจากนั้นสติของเธอดำดิ่งลงสู้ห้วงนิทราอันมืดมน

ช่วงหนึ่งที่เธอรู้สึกตัว ตากระพริบปรือเปิดขึ้นเล็กน้อยแล้วหลับลงอีก หูแว่วเสียงไซเรนดังก้องและเสียงอะไรอีกสารพัดอย่างหญิงสาวไม่อาจจำแนกได้ แต่หนึ่งในนั้น คือเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เครื่องจิ๋วของเธอเอง นิศากรจำได้ อยากเอื้อมมือไปควานหาแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะท่อนแขนมันหนักอึ้งเกินไป เสียงนั้นยังร้องระงมอีกชั่วครู่แล้วหายไป จากนั้นเธอรู้สึกโหวงเหวงดังตัวลอยอยู่ในอากาศ แล้วสติก็ดำดิ่งลงสู่ความดำมืดอีกครั้ง



ฝีเท้ายาวๆก้าวเร็วถี่รัวไปตลอดทางที่ซึ่งมีผู้คนมากมาย สถานที่สีขาว รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เดินกันขวักไขว่ก็ล้วนแต่งด้วยสีขาว

โรงพยาบาล

สองหนุ่มเดินเร็วเกือบเป็นวิ่ง มองหาส่วนที่หญิงสาวทั้งสองควรจะอยู่ หางตาของทั้งสองแวบเห็นหญิงคนหนึ่งบนรถเข็นนอนที่ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว เธอคนนั้นมีเลือดเต็มกายทั้งหน้าตาและแขนขา ดูน่ากลัวเสียดความรู้สึกยิ่งนัก เดาเอาว่าคงไม่พ้นอุบัติเหตุที่ทุกวันนี้เกิดขึ้นแทบทุกนาที หากคำนวณดูแล้ววันๆนึงจะมีคนไข้ประเภทนี้ซักกี่ราย เหยื่ออุบัติเหตุกี่สิบคนต่อวัน เพราะความประมาท ขาดสติแท้ๆ จึงได้เกิดเหตุน่าเศร้าสลดแบบนี้

ภูดิสและธเนศสบตากัน ภาวนาอย่าให้สองสาวที่เป็นคนไข้ของโรงพยาบาลแห่งนี้ต้องมีสภาพเช่นนั้นเลย แรงชนิดหนึ่งบีบหัวใจอย่างแรง ความห่วงกังวลเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ภาพเมื่อครู่ชวนให้คิดไปในทางร้าย เสียงไซเรนที่เร่งเร้าจากรถฉุกเฉินทึคงจะแล่นอย่างแรงเข้ามาส่งผู้ป่วยให้ถึงมือหมอให้ได้เร็วที่สุด เพื่อต่อชีวิตให้ผู้บาดเจ็บเร็วที่สุด ดุจท่อนฟืนที่เติมเข้าไปภายในหัวใจที่ระอุดุจเตาไฟด้วยความเป็นห่วง

สองหนุ่มสลัดภาพอันน่ากลัวใดๆก็ตามในความคิดออก ตรงไปเคาน์เตอร์สอบถาม แจ้งชื่อสองสาว รอคอยอย่างการค้นหาอย่างใจจดใจจ่อ ร้องขอคุณพระคุณเจ้าให้เจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่าสองสาวไม่ได้อยู่ในอาการสาหัสจนต้องให้เขาทั้งสองตามไปห้องฉุกเฉินดังที่ใครคนหนึ่งที่รับโทรศัทพ์ของนิศากรบอกเขาให้วางใจได้ระดับหนึ่ง

‘คุณผู้หญิงไม่ได้สติ เราจำเป็นต้องพาไปโรงพยาบาลก่อน ยังไงคุณตามไปที่นั่นเลยก็แล้วกันครับ แต่ดูเบื้องต้นแล้วไม่น่าห่วงอะไร มีเพียงบาดแผลฟกช้ำเล็กน้อยครับ’

แม้ประโยคสุดท้ายจะทำให้ใจมา แต่คำว่า ไม่ได้สติ ยังมีผลให้กังวลไม่คลาย ยังไงก็ต้องได้รับการตรวจและยืนยันจากแพทย์ว่าปลอดภัยเสียก่อน

“ว่ายังไงครับ” เสียงห้าวเร่งเร้า เวลาชั่วนาทีเหมือนนานจนไม่อาจรอ ธเนศเป็นฝ่ายแย่งถามเสียก่อน ยัยเปี๊ยกจะเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า อย่าเป็นอะไรเลยนะ ขอร้อง ขออย่าให้เป็นอะไรเลย สาธุ เขาอธิษฐานในใจ ตลอดเส้นทางที่มา

ภูดิสก็ไม่ต่างกัน ตลอดทางที่ขับรถ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ไม่ให้เหยียบคันเร่งจนสุดอย่างที่ใจอยากให้เป็น เพราะการจราจรแถบนั้นไม่เอื้ออำนวย ซ้ำเขายังไม่อยากให้มีอะไรก็ตามที่อาจบั่นทอนเวลาที่จะมาถึงที่นี่ให้เร็วที่สุด ความห่วงกังวลมีเป็นสองเท่าของคนนั่งข้าง แต่ก็มีสติเป็นสองเท่าของเพื่อนเช่นกัน

ธเนศหูอื้อตั้งแต่ได้ยินคำว่า อุบัติเหตุ ภูดิสเข้าใจได้ดี เพื่อนเขาหน้าซีด ตกประหม่าจนไม่อาจทำอะไร เหตุการณ์ร้ายๆในอดีตคงตีย้อนเข้ามาเป็นระลอก คุณลักษิกาเช่นกัน ถึงกับเข่าอ่อนด้วยความตกใจ ลูกสาวของตนและเพื่อนตกอยู่ในอันตราย แม้ได้รับคำปลอบใจก็ยังคงห่วง ธเนศตามติดมาขึ้นรถ สองมือกำแน่นเข้าหากันตลอดเวลา



เมื่อได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ ธเนศวิ่งไปก่อนคนเป็นพี่ชายเสียอีก ห้องผู้ป่วยห้องใหญ่ สองหนุ่มสอดส่ายหาร่างสองสาวในห้วงคำนึง

“นั่นไง อยู่นั่น” ธเนศเสียงสั่นขณะร้องบอกเพื่อน ภูดิสเร่งฝีเท้าเข้าไปทันที แต่คนร้องบอกกลับไม่ขยับเขยื้อน มองตามหลังเพื่อนไปด้วยใจระทึก ภูดิสไม่ทันมอง เขาตรงเข้าสำรวจร่างน้องสาวและนิศากรซึ่งนอนอยู่เตียงข้างกันทันที

“ญาติหรือคะ” พยาบาลร่างอวบ ถามชายหนุ่ม

“ครับ อาการเป็นยังไงบ้างครับ มีอะไรร้ายแรงรึเปล่า”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ฟกช้ำเล็กน้อย”

“คงยังไม่สร่าง อีกเดี๋ยวก็หายค่ะ ญาติไม่ต้องกังวลนะคะ” พยาบาลร่างอวบยิ้มขำๆพลางชี้ไปที่แพรพรรณ ซึ่งขณะนี้ตาปรือเปิดนิดๆ ส่ายหน้าไปมา

ภูดิสเลิกคิ้วน้อยๆก่อนทำความเข้าใจถึงต้นสายปลายเหตุอาการน้องสาวแล้วส่ายหน้า ผ่อนลมหายใจหนักหน่วง ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงน้องสาวมองอย่างหมั่นเขี้ยว สร่างเมื่อไหร่จะขอไม้เรียวที่แม่เก็บไว้มาตีสักป๊าบ

หมดห่วงไปคนนึงแล้วแต่อีกคนที่ทอดร่างบนเตียงสีขาวอีกเตียงนี่สิ เขาแน่ใจว่าเจ้าหล่อนไม่ได้มีอาการมึนเมาเช่นน้องสาวของเขาแม้แต่น้อย เพราะก่อนที่เขาจะไม่สามารถติดต่อเธอได้ นิศากรยังคงพูดคุยผ่านโทรศัพท์ได้อย่างดี

“แล้วทำไมถึงได้นอนอย่างนี้ล่ะครับ” เขาถามด้วยความกังวลสงสัย หากเป็นแค่นั้น เหตุใดจึงไม่ได้สติ

“คนจะตกใจจนสลบไปน่ะค่ะ คุณหมอบอกว่าอีกไม่นานก็ฟื้นค่ะ”

ภูดิสพยักหน้าเข้าใจ อีกไม่นานก็ฟื้น ต้องรอให้เธอฟื้น ระหว่างนี้ภูดิสจึงสำรวจตามเนื้อตัวของนิศากร ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเช่นเดียวกับน้องสาวเขา แต่แล้วคิ้วขมวดมุ่นเมื่อเห็นพลาสเตอร์ปิดแผลอันเล็กบนหน้าผากหญิงสาว

“นี่...”

“แค่แผลเล็กๆน่ะค่ะ เลือดออกนิดหน่อย ไม่กี่วันก็หาย” พยาบาลร่างอวบรอตอบคำถามอยู่แล้วแทรกขึ้น มองหน้าชายหนุ่มที่ยังคงยุ่งด้วยความกังวล

นิ้วยาวเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากหญิงสาวออก แตะเบาๆใกล้กับพลาสเตอร์นั้น ปราถนาในใจอยากให้ตัวเองมีมนตร์วิเศษ ช่วยปัดเป่าความเจ็บปวดได้ เพื่อลบรอยแผลนี้ให้หายไปก่อนความเจ็บปวดจะมาเยือนยามที่นิศากรฟื้นคืนสติขึ้นมา

ฝีเท้าก้าวเข้ามาเบาๆ ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมามอง หนุ่มผิวน้ำผึ้งหน้าซีดเซียว จ้องมองสองร่างบนเตียงสลับกันไปมา อดีตทำให้ใจเขาหวาดหวั่น กลัวแสนกลัว ภาพหญิงสาวที่นอนนิ่งทั้งสอง ช่างเหมือนกับภาพของมารดาเขายิ่งนัก มารดาที่ลาจากไปเกือบจะพร้อมกับทุกคนในครอบครัว หลังอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่พรากเอาน้อง พ่อ แม่ และพี่ชายของธเนศไปอย่างไม่มีวันกลับ

“ไม่เป็นไรใช่ไหม ภู ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหม” เสียงห้าวสั่นระริก สองมือกำแน่น กลัวคำตอบ แม้จะเห็นแล้วว่าสองสาวไม่ได้เจ็บหนักตรงไหน แต่ก็กลัว

“ใจเย็นๆธเนศ ไม่มีใครเป็นอะไร” ภูดิสปลอบโยน เขารู้ดีถึงสาเหตุอาการของเพื่อน วางมือบนไหล่หนาบีบกระชับให้ความมั่นใจแก่เขา

“แน่นะ ไม่เป็นไรแน่นะ” ยังถามย้ำ ไม่อาจแน่ใจได้เต็มร้อย

“แน่สิ”

“แล้วทำไมยังนอนอย่างนี้ล่ะ ไม่เป็นไรต้องลุกขึ้นมาแล้วสิ” ความกลัวแล่นเข้าจับจิด แม่ของเขาก็นอนอย่างนี้ ก่อนจากไป ทิ้งเขาไว้เพียงคนเดียว

“เดี๋ยวก็ฟื้น แกใจเย็นๆ ไม่เป็นอย่างที่แกกลัวหรอก”

“ไม่จริงหรอก เป็น...ไม่อย่างนั้น ยัยเปี๊ยกต้องลุกมาโวยเสียงแปร๋นแล้ว นี่ยังนอนไม่ขยับเลย” ธเนศมองแพรพรรณที่นอนนิ่ง หายใจติดขัด สับสนจนทำอะไรไม่ถูก

“ไม่เป็นไรจริงๆ ยัยแพรเมาหลับไปเท่านั้นเอง พยาบาลบอกเมื่อกี้นี้” ภูดิสชี้แจงอย่างหนักใจ ประสบการณ์ร้ายๆของธเนศ ทำให้เพื่อนเขาหวาดกลัวจะซ้ำรอยเดิม เขารู้ธเนศห่วงใยแพรพรรณดังน้องสาวคนหนึ่งเช่นเดียวกัน

“ไม่เชื่อก็ปลุกมาถามดูสิ แพร แพร ตื่นสิ” ภูดิสท้าแล้วเขย่าตัวน้องสาวเรียกให้ตื่น แพรพรรณปรือตาเปิดนิดๆ ร้องอืออาด้วยน้ำเสียงรำคาญที่ถูกปลุกจากนิทรารมณ์

“ยัยเปี๊ยก...ยัยเปี๊ยก” ธเนศลองเรียกดูบ้าง แพรพรรณยกมือขึ้นปิดหู ไม่อยากให้เสียงเรียกนั้นรบกวนเธออีก แต่ธเนศยังเรียกซ้ำอีกหลายครั้ง จนเจ้าของชื่ออารมณ์เสีย ส่งเสียงแหวออกมาทั้งที่ยังไม่ลืมตา

“ฮื้อ เรียกอยู่ได้น่ารำคาญ” แล้วก็รู้สึกว่าร่างตัวเองลอยหวือไปปะทะอะไรบางอย่างเข้า บางอย่างที่อบอุ่นและมีเสียงดังตึกตักเป็นจังหวะ สองแขนเข็งแรงโอบกระชับร่างเล็กของแพรพรรรณไว้ ดีใจและโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาซึมจากกระบอกตาชายหนุ่ม ยินดีสุดจบรรยาย อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่สามารถพรากใครไปจากเขาได้

“ไม่เป็นไรใช่ไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่ายัยเปี๊ยก บอกสิ” เสียงห้าวดังข้างหู แพรพรรณลืมตาขึ้นอย่างยากเย็น พร้อมอาการปวดหัวจี๊ดจึงส่งเสียงครางอ่อย

“โอ๊ย ปวดหัวจังเลย”

“ฮึ สมน้ำหน้า ริอ่านกินเหล้าดีนัก” ภูดิสว่าเข้าให้ ถ้าอยู่ที่บ้านล่ะก็ เป็นโดนตีแน่ๆ ถึงจะโตเป็นสาวแล้ว พี่ชายอย่างเขาก็ไม่มีความคิดจะปล่อยให้น้องสาวหรือผู้หญิงคนไหนดื่มจนเมามายอย่างนี้

“ใครอ่ะ เสียงคุ้นๆ” เมื่อถูกต่อว่าแกมซ้ำเติมก็ดวยทันที ดันตัวออกห่าง เพ่งมองไปทางต้นเสียง สะอึกดังอึ๊กเมื่อพบหน้าคนคุ้นเคยกันมาแต่ยังแบเบาะยืนกอดอกหน้าดุ ตาเข้ม “พี่ภูน่ะเอง ที่นี่ที่ไหนเหรอ”

“โรงพยาบาล” เสียงทุ้มตอบนิ่งๆ แพรพรรณมองไปรอบด้าน ยกมือเกาหัวงงๆ

“มาทำอะไรที่นี่ล่ะ ใครเป็นอะไรเหรอ” คำถามนั้นทำเอาพี่ชายถอนใจเฮือก อยากซัดซักป๊าบเดี๋ยวนี้ ค่าที่เมาจนไม่รู้ความอะไรเลย เกิดอุบัติเหตุขนาดนั้นยังมาถามหน้าเอ๋อว่ามาทำอะไรที่นี่

“รถปีนขึ้นไปบนฟุตบาทข้างทาง ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก” เขาบอกน้องสาวตามที่ได้ยินมาจากเจ้าหน้าที่คนที่รับโทรศัพท์ของนิศากร

“หา!!!” แพรพรรณตาโตร้องอุทาน “จริงเหรอ แล้วหนูนิล่ะ” ร่างเล็กโดดลงจากเตียงทันควัน ตั้งตัวไม่ได้เพราะยังมึนจากฤทธิ์แอลลกอฮอล์เลยร่วงแปะลงไป

“ยัยเปี๊ยก! เจ็บไหม โธ่เอ๊ย ใครใช้ให้ลุกพรวดพราดอย่างนั้นเล่า” ธเนศถลันเข้าไปดู บ่นน้องสาวเพื่อนหน้ายู่แต่ฟังดูก็รู้ว่าน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย แขนแข็งแรงช่วยประคองให้ร่างเล็กลุกขึ้น

“นายดำ เจ็บจัง อ๋า...เขียวปื๋อเลย” แพรพรรณกุมหัวเข่าป้อยๆเลิกกระโปรงขึ้นมาดูก็พบรอยช้ำเป็นดวงสีเขียว ทำปากเบะร้องลั่น

“จริงด้วย โอ๋ ไม่ร้องนะยัยเปี๊ยก พยาบาลครับทางนี้ครับ ขอยาให้น้องผมหน่อย” ธเนศร้องเรียกหายาให้แพรพรรณทันที ภูดิสส่ายหน้ากุมขมับกับความวุ่นวายของเพื่อนและน้องสาว ถึงจะเข้าใจอารมณ์เพื่อนว่ากำลังสติแตกเล็กน้อย ก็อดเวียนหัวไม่ได้

“โอย...” เสียงครางเบาๆข้างตัวเรียกความสนใจจากภูดิสให้หันกลับไปทันควัน ใบหน้านวลใสส่ายไปมา ลืมตาขึ้นช้าๆแล้วกระพริบปริบๆปรับให้รับแสงสว่างได้ เป็นสัญญาณว่าหญิงสาวได้สติแล้ว รอยยิ้มอ่อนโยนแต้มบนหน้าคมอย่างยินดี

“หนูนิครับ เป็นยังไงบ้าง”

“อืม พี่ภู” ร่างบางยันตัวขึ้นอย่างยากเย็น ภูดิสจึงช่วยประคองจนทรงตัวขึ้นนั่งได้ ตัวเขานั่งบนเตียงเคียงข้างนิศากร คว้ามือเธอไว้เมื่อเธอจะแตะไปทางพลาสเตอร์บนหน้าผากตัวเอง

“อย่าครับ ยิ่งไปโดนจะยิ่งเจ็บนะ หนูนิหัวแตกแต่นิดเดียว ไม่กี่วันก็หายแล้ว” หญิงสาวพยักหน้า มองไปรอบกายงงๆ อาการเดียวกับแพรพรรณเมื่อครู่

“หนูนิอยู่ที่โรงพยาบาลครับ รถปีนขึ้นไปบนฟุตบาท เกิดอะไรขึ้นครับ”

“ใช่ มีผู้ชายสี่คนขับรถตามมา ท่าทางน่ากลัว นิเลยขับรถหนี แล้วก็มีรถสวนทางมา ชนกับรถคันนั้น นิตกใจ รถเลยเสียหลัก แพร แพรล่ะคะพี่ภู แพรเป็นอะไรรึเปล่า” เสียงดังสนั่นลั่นยังติดอยู่ในโสตประสาท รถยนตร์สองคันประสานงากันอย่างแรง ใครจะเป็นอย่างไรบ้างเธอไม่รู้ เพราะความตกใจจึงเบี่ยงรถหลบจนปีนขึ้นไปข้างทาง ท้ายประโยคกังวลถึงเพื่อนสาวที่ร่วมทางมาด้วย

“ไม่เป็นไรหรอก อยู่นั่นแน่ะ” เขาเบี่ยงตัวเปิดทาง ให้เห็นอีกสองคนบนเตียงข้างๆ ธเนศชะโงกหน้าดูการปฏิบัติงานของนางพยาบาลสาว กำลังทายาอย่างเบามือที่สุด แต่ก็ไม่วายทำให้แพรพรรณสะดุ้งเมื่อต้องนวดคลึงตัวยาลงลนรอยฟกช้ำที่ถูกกระแทกซ้ำเข้าไปรอยเดิม ธเนศเลยแย่งหน้าที่นั้นเสียเอง

“หนูนิ เป็นไงบ้าง” แพรพรรณส่งเสียงข้ามมา “อุ๊ย โอ๊ย เบาๆสินายดำ” มือเล็กฟาดลงบนไหล่หนาดังเพี๊ยะ น่าแปลกที่ไม่มีการตอบโต้จากหนุ่มผิวน้ำผึ้งเหมือนปกติ นอกจากเสียงห้าวที่ร้อนรน และพยายามทำตามที่แพรพรรณบอกอย่างตั้งใจมากกว่าเดิม

“ฉันขอโทษนะ โอเค เบาๆ”

นิศากรมองภาพนั้นอย่างประหลาดใจ ส่วนอีกคนก็ส่งเสียงขลุหขลักในลำคอพลางส่ายหน้า ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้จนธเนศสติแตก เขาไม่อยากเชื่อว่าธเนศจะยอมทำอะไรแบบนี้เลยจริงๆ ปกติมีแต่จะเถียงกันจนน่าปวดหัว แสบแก้วหู



ภูดิสทำหน้าที่ขับรถตามเคย แต่คราวนี้มีสมาชิกมาเพิ่มอีกสองคน รถแล่นช้าลงกว่าตอนขามาเกือบครึ่ง แม้ถนนจะโล่งว่างแทบไม่มีเพื่อนร่วมทาง สองสาวผู้ร่วมเดินทางหลับสนิทไปอีกรอบแล้ว ไม่แปลกเพราะขณะนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว และยิ่งเหนื่อยจากเหตุการณ์ร้ายมาด้วยแล้ว ร่างกายคงยิ่งต้องการพักผ่อนมากกว่าเดิม

ที่นั่งตอนหลัง ธเนศจับตัวแพรพรรณที่นอนซุกหัวเข้าหาประตู ตัวงอ ดูท่าจะไม่สบายนักให้เอนมานอนลงบนตักเขา ถอดเสื้อนอกตัวเองห่มให้ร่างเล็ก ลูบผมนิ่มๆเป็นลอนสวยคล้ายกล่อมเด็กตัวเล็กๆ

ขณะที่รถติดไฟแดง ภูดิสคว้าเสื้อแจ๊กเก็ตที่ทิ้งไว้บนรถมาคลุมให้นิศากรที่นิ่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ นิศากรห่อไหล่ด้วยความหนาว เขาจึงลดความเย็นในรถให้อุณหภูมิไม่หนาวเกินไป เอื้อมตัวไปปรับเอนเบาะหญิงสาวเอนลงเล็กน้อยให้เธอนอนสบายขึ้น กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายเธอโชยมาแตะจมูกยามใกล้ชิด ภูดิสแอบสูดหายใจเข้าอย่างอดใจไม่ไหวแล้วรีบถอนตัวจากมา



รถยนตร์คันหรูแล่นเข้ามาในตัวบ้านใหญ่ที่แม้จะเป็นเวลาค่อนดึกแล้ว แต่ไฟยังคงเปิดสว่างไสว เพราะนายหญิงของบ้านยังรอคอยลูกสาวด้วยความห่วงกังวล แม้จะได้รับคำยืนยันจากลูกชายเพื่อนว่าลูกสาวไม่เป็นไรมากแล้วก็ตาม

คุณกังสดาลผุดลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงรถ รีบเร่งออกมารับลูกสาวที่หน้าบ้านพร้อมกับสมาชิกในบ้านอีกหลายคนที่ได้รู้ข่าว ต่างแห่แหนกันมาจดจ่อรอคอยนายเล็กของบ้าน

ภูดิสเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้คุณกังสดาลได้เข้าไปดูลูกสาวที่นอนหลับไหลไม่ยอมตื่น หัวใจคนเป็นแม่แทบขาดและร้อนรุ่มดังไฟสุมเมื่อได้ยินข่าวร้ายของลูกสาวคนเดียว บัดนี้เหมือนมีคนเอาน้ำมาดับไฟนั้นให้มอดลงแล้ว เมื่อเห็นกับตาชัดเจนว่าลูกสาวไม่ได้เจ็บร้ายแรงตรงไหน มีเพียงบาดแผลเล็กน้อยที่หน้าผากเท่านั้น

“หนูนิลูก ถึงบ้านเราแล้วลูก” คุณกังสดาลปลุกลูกสาว แต่ไม่ได้ผล ลูกสาวไม่มีทีท่าจะตื่นจากนิทรารมณ์ เช่นเดียวกับอีกหนึ่งสาวที่เบาะหลัง ยังคงซุกซบกับตักธเนศต่างหมอนนิ่ง ไม่รับรู้อย่างอื่น

“ไม่ต้องปลุกก็ได้ครับ ผมอุ้มไปส่งบนห้องให้ก็ได้”

“ก็ดีจ้ะ ช่วยหน่อยนะภู”

ภูดิสช้อนร่างนิ่มไว้ในอ้อมแขน เดินตามคุณกังสดาลที่นำไปห้องลูกสาว ใบหน้านวลใสพิงซบกับไหล่กว้าง ภูดิสก้มมองแล้วยิ้มน้อยๆอย่างพอใจ อยากให้ทางข้างหน้าทอดยาวออกไปอีกหน่อย แต่ก็ไม่ได้อย่างใจ เมื่อคุณลักษิกาเปิดประตูรออยู่ข้างหน้า เขาก้าวเข้าไปในห้องสีขาว เปิดไฟส่างนวลตา คุณกังสดาลเลิกผ้าห่มขึ้น ให้ภูดิสวางร่างลูกสาวลงบนเตียงนุ่ม แล้วผละจากห้องไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวลูกสาวที่สั่งสาวใช้ไว้ก่อนนำชายหนุ่มขึ้นมา

ภูดิสดึงผ้าห่มคลุมให้หญิงสาวเบามือ เกลี่ยไรผมบางที่ปรกหน้าให้ออกจากแก้มและหน้าผากนวล เห็นพลาสเตอร์เล็กสีขาวแล้วก็ถอนใจอย่างสงสาร ใบหน้าคมก้มลงชิดหน้าผาก พึมพำเบาๆอวยพรให้หญิงสาว

“หายเร็วๆนะครับ เพี้ยง!”

เมื่อมาอยู่ใกล้ใบหน้านวล สายคมก็อดจะจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวไมได้ นิ้วยาวที่เกลี่ยไรผมเลื่อนลงไล้แก้มขาวนวล เหมือนต้องมนตร์ดึงดูดชายหนุ่มให้สูดกลิ่นหอมอ่อนๆที่แก้มใสนั้น เขากดจมูกและปากลงไปแผ่วเบา ไต่แตะเรื่อยมาจนถึงมุมปากสีชมพูอ่อนของคนนอนหลับสนิท สายตาคมมองริมฝีปากอิ่มอย่างเผลอไผล อดไม่ได้ที่จะกดริมฝีปากตัวเองลงเบาๆเช่นเดียวกับที่ทำกับแก้มนวล

ดวงตากลมปรือเปิดเพราะถูกรบกวนที่ผิวนวล รอยเยิ้มหวานในดวงตากลมของคนเพิ่งตื่นดูน่าเย้ายวนเหลือเกิน เป็นผลให้ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงที่เดิมอีกครั้ง หากครั้งนี้สัมผัสแนบแน่นกว่าเดิม

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” เสียงอุทานพร้อมกับของในมือหลุดลงพื้นเสียงดัง ทำให้ภูดิสผละออกมามอง คุณกังสดาลอยู่ที่หน้าประตูห้องท่าทางตะลึงงันพร้อมกับสาวใช้ที่ยกมือขึ้นปิดตา



-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*
เอามาส่งแล้วน้า โอ๊ยงานยุ่งสุดๆ ตอนหน้าเมื่อไหร่ไม่รู้ ต้องลุ้นกันต่อไปจ้า

une playful pizzicato - ไม่รักเหรอคะ ทำไมล่ะคะ รักเหอะนะๆๆๆๆ

kikkak_riwkiw - ใจร้ายตรงไหน ไม่ได้ใจร้ายสักนิดเดียว

popo - มาแว้วๆๆๆ เอามาส่งแล้วนะคะ

Smillzz - จะให้เป็นไงดีน้า ไม่บอก แต่ว่าพี่ภูปวดหมองสุดๆเลยอ่ะค่ะ ใบ้แค่นี้




Create Date : 14 กันยายน 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 17:58:22 น.
Counter : 247 Pageviews.

5 comments
  
โดย: xyz IP: 203.154.145.10 วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:16:52:34 น.
  
แหมๆพี่ภูนี่ร้ายกาจ

แอบลักหลับซะงั้น
โดย: g IP: 222.123.169.39 วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:18:09:37 น.
  
555555+

ชอบคุณธเนศจริงๆนะเนี่ย
เห้ออ..ตกใจหมดเลยนึกว่าจะเป็นอะไรร้ายเเรง
*-*

ดีค่ะคุณฟ้าริน ให้พี่ภูปวดหัวเย้อออออๆ
555555+
เเอบลักหลับ อันนี้ก็ชอบค่ะ ให้พระเอกทรมายเย้อๆเล้ย
โดย: Smillzz IP: 202.28.12.50 วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:1:52:04 น.
  
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะสนุกมากจะรอตอนต่อไปน่ะค่ะ
โดย: ยารีส (data_jung ) วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:14:15:08 น.
  
ตอนนี้พอใจค่ะ พออภัยให้กันได้ อิอิ
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.35.8 วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:8:53:30 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik