'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)

~ กฎทองของความสำเร็จเจ็ดประการ ~ Deepak Chopra





กฎทองของความสำเร็จเจ็ดประการ
(The Seven Spiritual Laws Of Success)

By Deepak Chopra


๑.กฎแห่งพลังแฝง : พลังที่แฝงเร้นก็คือจิตใต้สำนึกที่บริสุทธิ์ ยังไม่ได้ถูกปลอมปนจากปัจจัยภายนอกใด ๆ เป็น true self ไม่มีอีโก้ ไม่มีความปรารถนา ไม่มี greed ไม่มี anger...ฯลฯ การประยุกต์กฎนี้เข้าสู่การปฏิบัติก็สามารถทำได้ดังนี้

๑.๑ พยายามเข้าถึงจิตเดิมแท้แห่งตนโดยการเข้าเงียบ เจริญภาวนา เจริญสมาธิ อย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง ครั้งละประมาณ ๓๐ นาที
๑.๒ พยายามทำตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติ สัมผัสธรรมชาติด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น ฟังเสียงนกร้อง เสียงสายน้ำไหล ดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก สูดดมกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ ฯลฯ
๑.๓ ไม่ตัดสิน ไม่ว่าใคร หรืออะไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เราจะเป็นเพียงผู้ประสบเหตุหรือ ผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ไม่ตัดสินใคร หรืออะไรทั้งสิ้น

๒. กฎแห่งการให้(และรับ): ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้มีการแปรเปลี่ยน หมุนเวียนกันอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรคงที่
การปฏิบัติกฎ ๆ นี้ ทำได้ง่าย ๆ คือ
หากคุณต้องการความรื่นรมย์ ก็จงมอบความรื่นรมย์นั้นแก่ผู้อื่น
หากคุณต้องการความสุข ก็จงมอบความสุขนั้นแก่ผู้อื่น
หากคุณต้องการความรัก ก็จงมอบความรักนั้นแก่ผู้อื่น
ฯลฯ

การประยุกต์กฎแห่งการให้(และรับ)เข้าสู่การปฏิบัติ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ...เมื่อใดก็ตามที่คุณจะต้องติดต่อ สัมพันธ์กับผู้คน จงคิดเสมอว่า...เราจะให้อะไรกับคนผู้นั้นได้บ้าง(ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุเสมอไป) นั่นก็คือ...จง ‘ให้’ ทุกที่ที่ไป และ ‘ให้’ กับทุกคนที่เจอ

๓. กฎแห่งกรรม หรือกฎแห่งเหตุและผล
บุคคลหว่านพืชเช่นใดย่อมได้ผลนั้น (อันนี้ตรงเป๊ะกับคำสอนในพุทธศาสนา...เรามีกรรมเป็นของตัว เราทำดีผลคือดี ทำชั่วผลคือชั่ว...)

๔. กฎแห่งการผ่อนคลาย ด้วยการทำตัวให้สอดคล้องกับธรรมชาติของตัวโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เฉกเช่นต้นหญ้าที่ค่อย ๆ เติบโต งอกงามขึ้นโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม หรือหมู่ปลาที่ว่ายวนไปมาในน้ำอย่างเสรีโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เป็นต้น
อีกนัยหนึ่งก็คือ...ยอมรับสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นไปโดยไม่ต้องพยายามต่อต้านหรือขัดขืน และยึดมั่นในหลักการอันถูกต้องของตัวเองโดยไม่ต้องพยายามที่จะให้ผู้อื่นมาคล้อยตามหรือยอมรับ

๕. กฎแห่งความตั้งใจมั่น (สมาธิ) และความปรารถนาอันแรงกล้า
ปฏิบัติได้โดยการมีใจจดจ่อ เจริญสมาธิอยู่กับปัจจุบันขณะ และสำรวจความมุ่งหวังหรือความปรารถนาของตัวเองให้บ่อย ๆ

๖. กฎแห่งอุเบกขา (การวางเฉยหรือการปล่อยวาง)
การวางเฉยหรือการปล่อยวางไม่ใช่การยอมจำนนต่ออุปสรรค หรือเป็นการละทิ้งความตั้งใจมั่นและความปรารถนา หากแต่เป็นการปล่อยวางต่อผลที่จะได้รับ ไม่ว่าจะดี หรือไม่ดี
การปล่อยวางมีพื้นฐานอยู่ที่ความเชื่อมั่นและศรัทธาในพลังแห่งตัวตนอันแท้จริง ซึ่งตรงกันข้ามกับความยึดมั่นถือมั่น (Attachment) อันมีพื้นฐานอยู่บนความไม่มั่นคง ความลังเลสงสัย ความกลัวต่าง ๆ อันเนื่องมาจากความไม่รู้นั่นเอง

๗. กฎแห่งธรรมะ หรือจุดมุ่งหมายในชีวิต
พึงระลึกอยู่เสมอว่า คนทุกคนมีความสามารถเฉพาะตัว(talent) ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง ให้เราสำรวจ และเรียนรู้ ตระหนักถึงความสามารถของตัวเอง ฝึกฝนและพัฒนา แล้วแสดงออกหรือนำมาใช้เพื่อช่วยตนเองและผู้อื่นให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายของชีวิตได้...เพื่อ...

...”ช่วยตนเองให้ช่วยผู้อื่นได้...ช่วยผู้อื่นให้ช่วยตนเองได้”




เพิ่งอ่านหนังสือเล่มนี้จบไปเพราะถูกเพื่อนบังคับ...บังคับให้อ่านแล้วยังบังคับให้ย่อยให้อีก...ก็เลยได้ออกมาสั้น ๆ อย่างข้างบนนี้

จขบ.ไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือประเภท How To แบบนี้ ไม่ใช่จะทำตัวเป็นน้ำชาล้นถ้วย
หรืออย่างไร... แต่ส่วนตัวแล้ว เท่าที่ได้ศึกษาและผ่านการปฏิบัติมา(บ้าง)คิดว่า...คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งในเรื่องของการแก้ทุกข์ภายในหรือแก้ปัญหาภายนอก...ครอบคลุมอยู่แล้วครบถ้วน อยู่ที่เราจะปฏิบัติหรือไม่อย่างไรเท่านั้น...











 

Create Date : 26 กันยายน 2550    
Last Update : 21 ธันวาคม 2551 9:53:36 น.
Counter : 3403 Pageviews.  

ในความมีอยู่~ อัครมุนี วรรณประไพ

ในความมีอยู่ : บันทึกประสบการณ์ที่ให้ความหมายแก่ชีวิต
โดย อัครมุนี วรรณประไพ



บางส่วนจากคำนำ โดย ศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์

ในโลกปัจจุบัน การหาเหตุผลแก่การมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้ว
ในอดีต เมื่อคนยังอยู่ในชุมชนเล็ก ๆ ซึ่งดำรงอยู่ได้ด้วยการกระจายบทบาทและหน้าที่ไปให้กับทุกคนดูเหมือนชีวิตไม่ใช่เป็นของเจ้าของเพียงคนเดียว แต่ครอบครัว เครือญาติ และชุมชน ต่างมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของอยู่ด้วย การตัดสินใจยุติชีวิตของตนเองจึงไม่ใช่สิทธิ์ของเจ้าของชีวิตแต่ผู้เดียว

ศาสนาซึ่งเกิดในสภาพเช่นนั้นย้ำความสัมพันธ์ของชีวิตกับชีวิตอื่นหรือกับพระเจ้า หรือกับหน้าที่ที่เรียกว่า “ธรรมะ” การหายใจเป็นแต่เครื่องมือสำหรับบรรลุความสัมพันธ์กับสิ่งอื่นดังที่กล่าวนี้เท่านั้น และด้วยเหตุดังนั้น ชีวิตจึงไม่มีใครเป็นเจ้าของมันอย่างแท้จริงเลย
แต่โลกปัจจุบัน ซึ่งแบ่งแยกมนุษย์ออกจากกันอย่างค่อนข้างเด็ดขาด ชูอุดมการณ์ณ์และโลกทัศน์ของลัทธิปัจเจกนิยมเป็นบรรทัดฐาน จึงมอบชีวิตคืนให้กับเจ้าของตัดสินใจเอาเองอย่างโดดเดี่ยว...
......
คุณอัครมุนีไม่ได้อ้างว่าเหตุผลของเธอเป็นสากลที่พึงใช้ได้กับทุกชีวิตแต่เหตุผลที่เลือกจะมีชีวิตอยู่เป็นเหตุผลเฉพาะของเธอเอง ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดสำหรับชีวิตของเธอ ...

หรือนี่คือคำตอบของโลกปัจเจกนิยมของปัจจุบัน...เหตุผลที่ว่าเราควรมีชีวิตอยู่เป็นเหตุผลที่แต่ละคนต้องให้แก่ตัวเอง...

หนังสือที่มีภาษาแสนงดงามเล่มนี้ มีเนื้อหาให้ต้องอ่านมากกว่าที่บรรจุไว้ด้วยตัวอักษร (และ) แต่ละคนคงอ่านออกมาไม่เหมือนกัน

......................................................

“ในความมีอยู่” เป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ง่ายต่อการพกพาและหยิบขึ้นมาอ่านได้เรื่อย ๆ เป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายในระยะประชิดถึงสองครั้งสองหน และหนหนึ่งในนั้นเธอก็เป็นผู้กำหนดมันขึ้นมาเอง...
ในวัยเพียง ๑๙ ปี เธอครุ่นคิด สับสนและขัดแย้งกับการตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ด้วยหัวใจที่แหลกสลาย...

เหลือโอกาสเพียงน้อยนิดให้เธอไขว่คว้า...แล้วเธอก็เลือก....ในความมีอยู่









 

Create Date : 18 กันยายน 2550    
Last Update : 18 ธันวาคม 2550 9:45:11 น.
Counter : 1628 Pageviews.  

เริ่มต้นที่...ความรัก

ความรัก......ของ..กฤษณมูรติ

.....เขากล่าวถึงว่าความรักเป็นสิ่งสำคัญของชีวิต

สำคัญต่อโลก แต่ไม่ค่อยมีโรงเรียนไหนเปิดสอน

เรื่องความรักเลยรักนั้นคือสายตาที่เห็นความจริงของชีวิต

ความรักที่แท้จริงไม่อาจทำให้เกิดขึ้นโดยการเสแสร้ง

การจะรักใครสักคน รักชนิดไม่มีความเกลียดปะปนมีอยู่หรือไม่

การที่คุณสูญเสียความรักไป น้ำตาคุณหลั่งเพื่ออะไร

เพื่อตนเองหรือไม่

ความรักไม่มีอดีต ไม่มีอนาคตจริงหรือไม่

ความรักเป็นสิ่งสดใสใช่หรือไม่

ความรักคือการครอบครองหรือไม่

ความรักต้องมีกามารมณ์หรือการแต่งงานหรือไม่


ความรักเป็นสิ่งดี
ที่เรามีให้แก่ใคร
มอบรักมีแต่ให้
ไม่จำเป็นต้องครอบครอง

หากรักคือสัญญา
ต้องมาหามาจับจอง
ปองไว้เป็นเจ้าของ
แล้วลองรักทำไมกัน













 

Create Date : 16 กันยายน 2550    
Last Update : 31 ธันวาคม 2550 14:41:18 น.
Counter : 1161 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.