|
รู้สึกนึกคิด โดย : ระวี ภาวิไล สนพ.ผีเสื้อ จัดพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๓
เพื่อรู้จักตัวตนและสิ่งซึ่งซ่อนอยู่ภายใน
จากสำนักพิมพ์ :
ถ้าเราสามารถทำใจให้สงบ ผ่องใส แน่วแน่ ไม่กระสับกระส่าย กังวล ไม่ฟุ้งซ่านไปตามสิ่งเย้ายวนต่างๆ แล้วเอาใจที่สงบนั้นเพ่งพินิจปรากฎการณ์ชีวิตแต่ละขณะ ด้วยความอดทนพากเพียรเพียงพอ ในไม่ช้าเราจะเริ่มรู้จัก สิ่งที่เรียกว่า ตัวเรา ในแง่มุมใหม่ที่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อน
โปรยปกหลัง :
องค์ประกอบสำคัญของชีวิต คือความรู้สึกนึกคิด หากผู้ใดประสงค์จะเรียนรู้ว่าชีวิตเป็นอย่างไร ก็พึงฝึกสติ ตามเพ่งพินิจความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ในสถานการณ์ต่าง ๆ ของชีวิตประจำวัน - - ทำตนเป็นผู้ดู ไม่เป็นผู้แสดง ไม่เป็นผู้กำกับเวที ปล่อยให้ความคิดแสดงบทบาท จะร้ายหรือดีงามก็เฉยไว้ จะฟุ้งซ่านหรือสงบก็ดูไป เฝ้าดูให้รู้จักว่า ความรู้สึกนึกคิดแผลงฤทธิ์ได้เพียงไร ว่างเมื่อใด ทำให้บ่อย ทำเสมอ เพื่อคุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่าจิต หรือความรู้สึกนึกคิดนี้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิต...
เป็นการเรียนรู้จักตนเอง เมื่อคุ้นเคยแล้วไม่ต้องเที่ยวหาตำราดู...ว่าจิตคืออะไร?
บางบทบางตอน
"เพื่อสันติภาพ"
ทุกผู้คนย่อมปรารถนาความสุข และชิงชังหลีกหนีความทุกข์ เพียงแต่ยั้งคิด โดยไม่ต้องใช้สติปัญญาสูงส่ง บุคคลก็ควรจะรู้ได้ว่าคนอื่นก็เป็นเช่นตน คือ รักสุข เกลียดทุกข์ เรารักตัวเอง คนอื่นเขาก็รักตนเอง
เมื่อเราน้อมใจดิ่งให้รู้เช่นนั้น ย่อมสามารถเผื่อแผ่ความรักให้ผู้อื่นได้ อุปสรรคก็คือ เราไม่เพียงรักตัวเอง ยังเห็นแก่ตัวเองมากจนเกินไปด้วย จนไม่เห็นแก่ผู้อื่นเพียงพอที่จะรักเขาได้อย่างที่รักตนเองนั้น
อาจมีข้อโต้แย้งว่า เมื่อรักตนแล้ว จะไม่ให้เห็นแก่ตัวนั้นเป็นไปไม่ได้ ผิดธรรมชาติ และเป็นการเสแสร้ง คำตอบก็คือ ความรักตน เห็นแก่ตน ไม่ใช่สิ่งเสียหาย ถ้าหากว่าไม่ขัดขวางการรักผู้อื่น เห็นแก่ผู้อื่นด้วยตามสมควร การที่ทำไม่ได้ก็เพราะใจหรือความคิดคับแคบ ไม่ทันได้มองให้กว้างออกไปว่าตนไม่ได้เกิดมาเองตามลำพัง ทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน
เมื่อเพิ่งเกิดมาเป็นเด็กอ่อนนอนเบาะนั้น ถ้าไม่ได้รับความรักความกรุณาเกื้อกูลจากพ่อแม่เป็นต้นแล้ว ก็ไม่มีชีวิตรอดมาได้ ในการเติบโตขึ้นมาก็ต้องอาศัยผู้อื่นอีกมากมาย ถ้าเขาต่างก็รักตน เห็นแก่ตัวเท่านั้น เราจะเจริญวัย มีความสุขตามสมควรได้อย่างไร
ดังนั้นคำสอนที่ให้รักผุ้อื่น เห็นแก่ความสุขของผู้อื่น จึงมิใช่การตั้งอุดมคติสูงส่งจนเกินไปแต่ประการใด เพียงแต่เป็นการชี้แนะให้ประพฤติสมควรแก่การเป็นมนุษย์ผู้รู้จักใช้สติปัญญา ครุ่นคำนึงตามเหตุผลสามัญเท่านั้น
นอกจากบทความให้ข้อคิดดังที่ยกมาพอสังเขปข้างต้นแล้ว ในหนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหาสาระในแง่ศาสนาและปรัชญา อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควรอีกมากมาย... อันเป็นสาระธรรมที่กลั่นมาจาก"ความรู้สึกนึกคิด" ของ"ผู้ใหญ่" ท่านหนึ่งของสังคมไทยที่น่ายกย่อง เชิดชูให้เป็น "ปราชญ์เมธี"
หนังสือธรรมะดี ๆ อีกหนึ่งเล่มที่อยากบอกเล่าค่ะ
|
บอกว่าให้อ่านหนังสือธรรมอย่างน้อยปีละหนึ่งเรื่อง
อย่างนั้นเล่มนี้ก็น่าสนใจนะคะพี่แม่ไก่