|
อย่าร้องไห้เมื่ออาทิตย์ลับฟ้า บทความโดย พระไพศาล วิสาโล
แทนที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เสียไป เพียงแค่หันมาชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัว ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ใช่หรือไม่ว่าผู้คนจำนวนมาก ทั้ง ๆ ที่มีอะไรต่ออะไรมากมาย แต่ก็ยังเป็นทุกข์ ก่นด่าชะตากรรม เพราะมัวแต่นึกถึงสิ่งที่หลุดลอยไป
ใจที่เอาแต่เศร้าซึมเสียใจทำให้เขามองข้ามสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ต่อหน้าไปอย่างน่าเสียดาย กลายเป็นว่าแทนที่จะเสียหนึ่ง ก็เสียสองหรือสามซ้ำเข้าไปอีก
มีคนหนึ่งกล่าวไว้น่าฟังมากว่า อย่าร้องไห้เมื่อดวงอาทิตย์ลับฟ้า เพราะน้ำตาจะทำให้เธอมองไม่เห็นดวงดาว
อะไรที่เสียไปแล้วป่วยการที่จะอาลัยอาวรณ์ หันมาใส่ใจกับสิ่งดี ๆ มีคุณค่า ตรงนี้และเดี๋ยวนี้ไม่ดีกว่าหรือ
หากปรารถนาความสุข ก็ต้องหันมาดูใจของตัวเองบ่อยๆด้วย
...อย่าให้ความคิดชักนำจิตใจเรา จนจมอยู่กับกองทุกข์
อย่าปล่อยให้อารมณ์อกุศลประทุษร้ายจิตใจ หรือผลักดันให้เรามีพฤติกรรมน่าระอา จนไม่มีใครอยากอยู่ใกล้
ทุกวันนี้เราส่องกระจกดูตัวเองวันละนับสิบครั้ง หากเราหันมาตั้งสติดูใจตัวเอง วันละหลายๆ ครั้ง เช่นนั้นบ้าง จิตใจก็จะผ่องใส ไม่น้อยไปกว่าใบหน้า และจะกลายเป็นคนน่ารัก ที่ใครๆก็มีความสุขเมือได้อยู่ใกล้
คนเรานั้นจะมีปัญญาต่อเมื่อจิตใจแจ่มใส สามารถคิดหาเหตุผลดี ๆ ได้ แต่เมื่อใดที่จิตใจนั้นถูกอารมณ์ฝ่ายลบ เช่น ความโกรธ ความเศร้า ความหดหู่ครอบงำ ก็จะตกอยู่ในภาวะ มืดแปดด้าน คือคิดอะไรไม่ออก
ใช่แต่เท่านั้น บ่อยครั้งยังไม่สามารถรับฟังคำแนะนำที่มีเหตุผลจากใคร ๆ ได้เลย เปรียบเสมือนแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำขุ่น เติมน้ำใสเข้าไปก็ล้นออกมาหมด
ดังนั้นคิดเก่งหรือรู้มากอย่างเดียวย่อมไม่พอ แต่จะต้องรู้จักเท่าทันอารมณ์ของตัวด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะถูกอารมณ์เหล่านั้นครอบงำจนคิดไม่ออก หรือเอาความรู้ที่มีอยู่มาใช้แก้ปัญหาของตัวเองไม่ได้ เข้าทำนอง ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
*บทความคัดจาก //www.visalo.org
**ภาพประกอบจาก walcoo.net
| |
ช่วงนี้บังเอิญได้ใกล้ชิดกับความตายของคนใกล้ตัวบ่อย ๆ ได้อาศัยธรรมะจากพระอริยสงฆ์ช่วยเกื้อกูลจิตใจไม่ให้ซัดส่ายหรือหวั่นไหวต่อความเป็นอนิจจังของชีวิต
ขอหยิบยกข้อคิดธรรมะมาอัพบล็อก
เป็นการแบ่งปันแด่ท่านที่สนใจ
ทั้งยังเป็นการเตือนตนเองไปพร้อมกันค่ะ