Bloggang.com : weblog for you and your gang
'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น'
*
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า
:)
~ เติมความว่างให้จิตบ้าง ~ พระไพศาล วิสาโล
เติมความว่างให้จิตบ้าง
พระไพศาล วิสาโล
ไม่มีวันไหนที่เราจะเว้นว่างจากความคิด ความคิดติดตามเราไปทุกหนทุกแห่ง จึงนับว่าใกล้ชิดสนิทกับเรายิ่งกว่าเงาเสียอีก เพราะแม้แต่ยามค่ำคืนเดือนมืด ความคิดก็มิได้หายไปไหน
ถึงตาจะมองอะไรไม่เห็น หูไม่ได้ยิน จมูกไม่ได้กลิ่น แต่ความคิดก็ยังคอยช่วยเราคาดเดาว่า มีสิงสาราสัตว์หรือภยันตรายอยู่รอบตัวเราหรือไม่
แต่ถ้าจะบอกว่าความคิดเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ของเรา ก็คงไม่ได้
บ่อยครั้งความคิดแทนที่จะคอยติดตามเรา กลับชักลากเราไปไหนต่อไหนตามใจมันจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เราเครียดก็เพราะห้ามความคิดไม่ ได้มิใช่หรือ รู้ทั้งรู้ว่าความโกรธนั้นไม่ดี แต่ใจก็คอยคิดแต่เรื่องที่ทำให้เราโกรธอยู่นั่นแหละ
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ และยิ่งโกรธก็ยิ่งคิด สลัดความคิดไปไม่ได้สักที
ราวกับว่าเจ้าตัวความคิดคอยบัญชาเราให้เวียนกลับไปหาเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่ามันจะพอใจ
แต่มันก็ไม่เคยพอใจสักที ต่อเมื่อเจอฤทธิ์ยานอนหลับนั่นแหละ จึงสงบลงได้
ถ้าชีวิตนี้ เรามีอำนาจที่จะควบคุมอะไรได้สักอย่างหนึ่ง เราคงอยากมีอำนาจควบคุมความคิดกันทั้งนั้น
แต่เป็นเพราะควบคุมความคิดไม่ได้ เราจึงอยู่อย่างสุขๆ ทุกข์ๆ ขึ้นๆ ลงๆ หาความสงบใจไม่ได้
อยู่ว่างเมื่อไร เป็นต้องกระสับกระส่ายเมื่อนั้น
คนสมัยนี้ พอถึงวันเสาร์วันอาทิตย์ต้องหาเรื่องออกไปช็อปปิ้ง เพื่อ "ความสบายใจ"
ด้วยเหตุนี้เอง ศูนย์การค้าจึงกลายเป็นวัดสมัยใหม่ของคนยุคนี้ไปแล้วอย่างเต็มภาคภูมิ
แต่เราจะขลุกอยู่ในศูนย์การค้าได้นานสักเท่าใดกัน พอเบื่อแล้วก็ต้องแล่นไปที่อื่นต่อ
อย่างน้อยไปเที่ยวบ้านเพื่อนก็ยังดี โรงหนังก็ยังได้ แต่แล้วในที่สุดก็ต้องกลับบ้าน
เพื่อจะต้องมาเจอความหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี
เลยต้องเอาเวลาว่างมา"ฆ่า" ด้วยการเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์ หรือไม่ก็หาเรื่องคุยโทรศัพท์กับเพื่อนคนโน้นคนนี้
แต่ทั้งหมดนี้อาจจะเชย หรือดูเป็นเด็กๆไปแล้วก็ได้ สู้ไปเที่ยวเธคเที่ยวผับไม่ได้
แต่ไม่ว่าจะหาเรื่องหลบไปไหนต่อไหน ในที่สุดเราก็ต้องกลับมาอยู่กับตัวเองจนได้
ทีนี้แหละเจ้าตัวความคิดก็จะมาก่อกวนเราอีก พาเราถูลู่ถูกังไปกับอารมณ์ร้อยแปด
เรื่องสุขนั้นน้อย เรื่องทุกข์สิมาก...และแล้วเราก็ต้องหาเรื่องหนีจากตัวเอง
หลบจากความคิด ไปขลุกอยู่กับอะไรก็ได้ที่ทำให้เราลืมตัวเอง หรือสะกดความฟุ้งซ่านให้สงบลง
ความคิดนั้นเราปรุงมันขึ้นมาเอง แต่แล้วเราก็กลับพาตัวเข้าไปอยู่ในอำนาจของมัน
ทั้งๆ ที่อาจจะรู้อยู่แก่ใจว่า ความคิดทำให้เราทุกข์ได้ไม่น้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องคอยพึ่งมัน
จะขึ้นรถลงเรือ จะกินจะนอน ก็ต้องอาศัยความคิดมาช่วยกำกับ
เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหูแล้ว ก็ยังไม่แน่ใจ ต้องเอาความคิดมาสำรวจตรวจสอบอีก
เราอยู่กับความคิดจนกระทั่งไม่แน่ใจว่า เมื่อใดที่จิตว่างจากความคิดแล้ว
เราจะอยู่อย่างไร คงจะรู้สึกเวิ้งว้างล่องลอย ไร้ที่ยึดเกาะปานนั้นเลยทีเดียว
ความคิดนั้นมีคุณอย่างไร? เห็นได้ไม่ยาก แต่ขณะเดียวกันมันก็มีโทษด้วย
และโทษของความคิดเกิดขึ้นได้ สาเหตุสำคัญก็เพราะเราคิดมากเกินไป
การคิดในทุกเรื่องนั้นยังพอทำเนา (แม้ว่าในความเป็นจริง มีเรื่องที่เราไม่ค่อยได้คิดเท่าไร)
แต่การคิดในแทบทุกที่ทุกเวลานี้สิเป็นตัวปัญหา
เรามักไม่ตระหนักว่าการคิดเรื่อยเปื่อยเป็นการสร้างอำนาจให้แก่ความคิดในทางที่ผิด
ยิ่งปล่อยใจไปตามความคิดมากเท่าไร ความคิดก็ยิ่งเติบใหญ่มีพลังมากเท่านั้น
จนในที่สุดเราคุมมันไม่อยู่ เปรียบดังกองไฟที่เราปล่อยให้ลามไปเรื่อยๆ
ทีแรกอาจเป็นเพียงแค่สะเก็ดไฟ แต่ถ้าได้เชื้อไม่หยุด ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะกลายเป็นกองเพลิงท่วมหัวเกินกว่าจะดับได้
วันแล้ววันเล่าที่เราเติมเชื้อเติมฟืน ให้แก่ความคิดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยการคิดอย่างเรื่อยเปื่อย
แต่ที่หนักกว่านั้นก็คือการหลงเข้าใจไปว่า ยิ่งคิดยิ่งดี อยู่ว่างเมื่อไรจะต้องหาเรื่องคิด เพราะถือว่าเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ยุคนี้เป็นยุคที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุดไม่ว่าอะไรก็ตาม จะปล่อยไว้ "เปล่าๆ" ไม่ได้ ถือว่าไร้ประโยชน์
เพราะฉะนั้นถ้ามีป่า ก็ต้องตัดเอาไม้มาขาย หรือไม่ก็ถางเตียนเพื่อ"พัฒนา"ที่ดิน
ในทำนองเดียวกัน สมองหรือจิตใจจะปล่อยไว้เปล่าๆ หาได้ไม่
ระหว่างที่อาบน้ำ ถูฟัน กินข้าว นั่งรถ ฯลฯ จะต้องคิดเรื่องงานเรื่องการ วางแผนสารพัดไปด้วย ถึงจะเรียกว่าเป็นการใช้เวลาให้เป็น "ประโยชน์"
หรือที่สมัยใหม่เรียกว่า "การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด"
แต่หารู้ไม่ว่านี่เป็นการสร้างนิสัยที่บั่นทอนตนเอง เครื่องยนต์ยิ่งเร่งเท่าไร นอกจากจะเสื่อมเร็วแล้ว ยังหยุดยากอีกด้วย
เป็นเพราะเหตุนี้มิใช่หรือคนจำนวนไม่น้อยจึงต้องพึ่งยานอนหลับ เพราะหยุดความคิดไม่ได้
จิตที่มีประสิทธิภาพมิได้หมายถึงจิตที่อัดแน่นไป ด้วยความคิดหรือมีเรื่องครุ่นคิดเต็มไปหมด
ตรงกันข้ามจิตที่ทรงประสิทธิภาพคือจิตที่รู้จักว่างจากความคิดด้วย การใช้จิตแต่เพียงด้านเดียว คือด้านที่เอาแต่คิดกลับจะเป็นการบั่นทอนคุณภาพจิตเสียด้วยซ้ำ
เรามักเห็นประโยชน์แต่ความมี ความเต็ม ดังนั้นเราจึงมักหาเรื่องคิดเพื่อจิตจะได้เต็ม ไม่โหรงเหรง
แต่ประโยชน์ของความว่าง เรากลับมองไม่เห็น ทั้งๆ ที่ความว่างสำคัญพอๆ กับความเต็ม
ลองนึกถึงบ้านที่มีข้าวของอัดแน่นเต็มไปหมด จะน่าอยู่หรือไม่ เก้าอี้จะมีประโยชน์ต่อเมื่อมันว่าง
เช่นเดียวกับหน้าต่าง ล้อรถ แม้แต่เสียงดนตรี ถ้าตัวโน้ตเรียงติดต่อกันเป็นพืด ไม่เว้นจังหวะหรือช่องว่างเลย จะไพเราะอะไร
เราควรรู้จักทำจิตให้ว่างจากความคิดบ้าง ความสงบใจเป็นประโยชน์ข้อหนึ่งที่แลเห็นได้ไม่ยาก แต่ความสงบใจกินได้เมื่อไหร่?
ในยุคบริโภคนิยม คำถามแบนี้เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพราะเรื่องกินมีความสำคัญสำหรับคนสมัยนี้ยิ่งกว่าอะไรอื่น จนกระทั่งอุดมคติก็โยนทิ้งไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้เราจึงเชิดชูความคิดกัน เพราะอย่างน้อยก็ใช้ทำมาหากินได้
แต่เรามักจะไม่ตระหนักว่า จิตที่ไม่รู้จักว่างจากความคิดเลยนั้นมีขีดจำกัดมากในการคิดและแก้ปัญหา
ความคิดจะมีประสิทิภาพได้ต่อเมื่อจิตรู้จักว่างจากความคิดด้วย ทั้งนี้เพราะการว่างจากความคิดเป็นสิ่งสำคัญที่จะมาช่วยเสริมความคิดให้มีพลัง
ถ้าเราเอาแต่คิด จิตก็เหนื่อย แต่เมื่อหยุดคิดเสียบ้าง จิตก็ได้พักและพร้อมที่จะคิดได้อย่างเต็มที่
การคิดยืดยาวเป็นสายไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ในทางตรงข้ามบ่อยครั้งเราจะพบว่าเมื่อหยุดคิดไปสักระยะหนึ่ง
พอจิตผ่อนคลายความคิดดีๆ ก็จะผุดขึ้นมาเองดังฟองอากาศ โดยที่เราไม่ต้องเสียแรงไปคิดให้เหนื่อยยาก
อาร์คีมีดิสค้นพบกฏแห่งความหนาแน่นของวัตถุอย่างไม่นึกฝันก็ตอนกำลังหย่อนตัวลงอ่างอาบน้ำ
เช่นเดียวกับที่นิวตันเกิดปัญญาสว่างวาบในเรื่องแรงโน้มถ่วงขณะนั่งเอกเขนกใต้ต้นแอปเปิ้ล
ท่านพุทธทาสเอง ก็เกิดความรู้ความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ระหว่างที่จิตมีสมาธิกับการเดินบิณฑบาต
คุณสมบัติของจิตในการรู้เองโดยไม่ต้องคิด
หรือเกิดความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่โดยไม่ตั้งใจ เรียกว่าญาณทัศน์ หรือ intuition
เราอาจไม่ใช่คนพิเศษที่ทรงความสามารถดังบุคคลที่เอ่ยนามมานี้ แต่ในชีวิตประจำวันของเรา
หากสังเกต ก็อาจพบว่าได้เคยประสบกับภาวะดังกล่าวมาแล้วไม่มากก็น้อย
การทำจิตให้ว่างจากความคิด ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมความคิดของเราให้สามารถคิดได้ดีขึ้นเท่านั้น
หากยังสามารถนำเราให้เข้าถึงสัจธรรมได้อีกด้วย
พรมแดนของความคิดนั้นกว้างใหญ่ไพศาลสุดจักรวาล แต่ก็ยังมีขอบเขตจำกัด
ไม่ว่าเราจะครุ่นคิดเพียงใด ก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะอันลุ่มลึกในทางจิตวิญญาณได้
ความสุขล้ำในภาวะสมาธิเป็นอย่างไร ความคิดไม่อาจช่วยให้เราเข้าใจได้
แม้แต่สัจธรรมหรือความจริง ความคิดก็พาเราเข้าถึง ได้เพียงระดับสามัญที่เรียกว่าสมมติสัจจะเท่านั้น
แต่จิตที่ว่างจากความคิดสามารถพาเราไปได้ไม่มีขอบเขต และนำเราให้เข้าถึงทั้งความสุขและความจริงขั้นสูงสุดอันได้แก่วิมุติและปรมัตถสัจจะ
เราอาจเป็นคนมักน้อย ไม่นึกหวังว่าชีวิตจะไปได้ไกลถึงขั้นนั้น
แต่อย่างน้อยเราก็คงต้องการบางสิ่งบางอย่างที่จะมารั้งมาคานความคิดบ้าง
มิให้ความคิดแล่นไปไกลสุดโต่งหรือกลายเป็นเจ้าตัวร้ายที่คุมไม่อยู่
ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะมาถ่วงความคิดได้เท่ากับการว่างจากความคิด
ยามใดที่เราหยุดคิด ความคิดก็ไม่มีเชื้อฟืนที่จะหล่อเลี้ยง มันจึงอ่อนแรงไปโดยปริยาย และอาจดับมอดในที่สุด
กาลเวลาสามารถดับความโกรธความร้อนรนได้ก็เพราะเหตุนี้
แต่บ่อยครั้งเราก็รอไม่ได้ว่าเมื่อไรความคิดจะจางคลายไปเอง
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องฝึกจิตให้รู้จักว่างจากความคิดบ้าง
ว่ากันที่จริงแล้ว ความคิดนั้น การจะเข้าไปหยุดมันเป็นเรื่องยาก
เราอาจจะกดมันไว้ แต่มันก็จะพลุ่งพล่านอยู่ลึกๆ และไม่ช้าไม่นานก็จะระเบิดออกมา
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราทำได้ก็คือ น้อมจิตมาอยู่กับความรู้สึก ความรู้สึกนั้นมิได้หมายความเพียงแค่ความรู้ร้อนรู้หนาว สุขๆ ทุกข์ๆ
หากกินความรวมถึงการสัมผัสรับรู้ด้วยใจ โดยไม่ต้องอาศัยความคิด
การเอาจิตแนบกับเสียงเพลงอันไพเราะ ซึมซับรับรู้ความงามของธรรมชาติและภาพศิลป์ เป็นวิธีการช่วยจิตให้ว่างจากความคิดอย่างง่ายๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
น่าเสียดายที่ ชีวิตประจำวันไม่เอื้อให้เรามีเวลาอยู่กับเสียงเพลงและทิวทัศน์ได้นานนัก
แต่ถึงอย่างไรเราก็มีเวลาหายใจมิใช่หรือ การน้อมจิตให้แนบกับลมหายใจเข้าออกทุกขณะเป็นวิธีฝึกจิตให้ว่างจากความคิดที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
ถ้ารู้สึกว่าลมหายใจเป็นสิ่งละเอียดอ่อนเกินไปจนยากที่จิตจะอิงแอบได้อย่างต่อเนื่อง ก็อย่าเพิ่งท้อใจ
เพราะเรายังมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่พึ่งของจิตได้ นั่นก็คือความรู้สึกตัว หรือที่พระเรียกว่าความรู้ตัวทั่วพร้อม
ความรู้ตัวทั่วพร้อมช่วยให้เรามีเวลามากมายที่จะว่างจากความคิด
เพียงแต่น้อมใจให้อยู่กับการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นกิจวัตรประจำวันหรือการงาน
เมื่อใจแนบอยู่กับสิ่งนั้น ความรู้ตัวทั่วพร้อมก็เกิดขึ้นทันที
ในยามนี้ ความรู้สึกตัวจะชัดเจน ไม่คลุมเครือเลือนรางดังแต่ก่อน
เพราะความฟุ้งซ่านไม่อาจหันเหจิตใจออกจากอิริยาบถหรือการกระทำนั้นๆ ได้อย่างเคย
น้ำเสียนั้น เราไม่จำต้องวิดให้เหนื่อยดอก เพียงแต่ปล่อยน้ำดีให้เข้ามาเท่านั้น น้ำเสียก็ถูกไล่ไปเอง
ฉันใดก็ฉันนั้น ความรู้สึกตัวจะช่วยกันความคิดให้ออกไปจากจิต เพื่อจิตจะได้พักและสัมผัสกับมิติใหม่ๆ บ้าง
ไม่ว่าจะอาบน้ำ ถูฟัน กินข้าว ล้างจาน ล้วนเป็นเวลาอันสำคัญยิ่งสำหรับการฝึกจิตให้ว่างจากความคิด
ทุกวันนี้เราคิดมากเกินไปแล้ว ต่อแต่นี้ไปขอให้ใจได้สัมผัสกับความว่างบ้าง
อย่างน้อยว่างจากความคิดสักครั้งคราวก็ยังดี
ขอบคุณที่มา :
//www.visalo.org
ค่ะ
ขอบคุณผู้สร้างสรรค์ภาพประกอบสวย ๆ จากฟอร์เวิดเมล์ค่ะ
Create Date : 21 สิงหาคม 2552
Last Update : 21 สิงหาคม 2552 16:02:14 น.
7 comments
Counter : 1841 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีทุกท่านค่ะ
ห่างเหินจากการดูแลจิตใจไปนานพอดู เพราะมัวแต่หลงระเริงไปกับการ"ดูใจ"ผู้อื่นเสียมาก
บทความนี้จขบ.อ่านแล้วรู้สึกชะงัก...
แล้วหันกลับมาดูตัวเองค่ะ จึงคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้างไม่มากก็น้อย จึงขออนุญาตก๊อปมาไว้ตรงนี้
ขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้เป็นเจ้าของบทความและผู้จัดทำเว็บไซต์ที่ทำลิงก์ไวข้างบนค่ะ
โดย:
แม่ไก่
วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:16:12:01 น.
อนุโมทนาสาธุด้วยคะแม่ไก่
การให้ธรรมย่อมชนะทั้งปวง
แม่ไก่ นำธรรมมาเผยแพร่
นับเป็นกุศลอย่างหนึ่งเจ้าคะ
หนูยอฯขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเจ้าคะ
โดย:
บุปผาลีลาวดี
วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:22:10:36 น.
สวัสดียามเช้าครับปี้แม่ไก่
ซอบคำว่า "ว่างจากความคิด" ครับ
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:7:34:45 น.
อนุโมทนาด้วยค่ะ
บล็อกนี้มีประโยชน์มากมายจริงๆ
โดย: ละอองลม IP: 125.24.45.201 วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:8:44:00 น.
สวัสดียามเช้าครับปี้แม่ไก่
ตะวาผมไปเดินบีทูเอส
หันหนังสือเล่มใหม่ของพระไพศาลกำลังวางแผงครับ
แต่ยังบ่าได้ซื้อมาอ่านครับ อิอิอิ
หนังสือรออ่านของผมนั๊กขนาดเลยครับ 5555
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:7:48:44 น.
สวัสดียามบ่ายครับปี้แม่ไก่
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:13:29:48 น.
ขอขอบคุณสำหรับบทความดีๆ....แบบนี้แหละที่เรียกว่าเจ๋งเป้ง
โดย: สุดหล่อขั้นเทพ IP: 210.246.159.240 วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:9:15:10 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [
?
]
**หลังไมค์เจ้า**
Cute Clock Click!
เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย
รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล
Latest Blogs
~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~
~เพชรรากษส/อลินา ~
~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~
~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~
~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~
~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~
~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~
~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~
~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~
สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒
Group Blog
ชวนศึกษา(ธรรมะ)
ชวนปฏิบัติ(ธรรม)
เปิดบ้านแม่ไก่-ทักทายกันหน่อย
หนังสือเก่า...อยากเล่าต่อ
นิย๊าย ~ นิยาย
นิย๊าย-นิยาย(๒)
นิยายฝาหรั่ง & หนังสือแปล
นิยายสายจีน
วรรณกรรมเยาวชน
สาระ(ค)ดี-ดี (Non-fiction)
อ่านตามเกม
ชวนดู(K)ซีรี่ยส์
ฅนเมือง อู้กำเมือง
เรื่องเล่าจากหลังดอย
ปกิณกะ ซะป๊ะ ~ ซะเป้ส
บทกวีที่ผูกพัน
เดินทางไกลกับ"ไซอิ๋ว"
บ่นบ้า' ตามอารมณ์ '
สารบัญหนังสือในบล็อก
All Blogs
~สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๘ เพื่อนบล็อกด้วยข้อคิด-ธรรมะจากพระอริยสงฆ์... "จิตใสใจสุข" โดย พระไพศาล วิสาโล~
~อย่าร้องไห้เมื่ออาทิตย์ลับฟ้า : ข้อคิด-ธรรมะโดย พระไพศาล วิสาโล~
~ บทสนทนาว่าด้วยเรื่อง "ความตาย" กับท่าน'เขมานันทะ' ~
~ 'มิตรในเรือนใจ' โดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ 'มิตรที่ถูกเมิน' บทความธรรมะ โดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ 'ชีวิตกับความรัก' ข้อคิด - ธรรมะโดย "เขมานันทะ" ~
~' สามมิติของชีวิต' บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ 'มีและเป็นอย่างไรถึงจะไม่ทุกข์ ' บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ 'รักแท้ :การฝึกปฏิบัติเพื่อหัวใจที่เบิกบาน'โดย ติช นัท ฮันห์ ~
~ 'เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก' : บทวิเคราะห์"เด็กเก็บว่าว"โดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ บูมเมอแรงแห่งชีวิต : บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ ธรรมะเพื่อสุขภาวะบนวิถีความพอเพียง บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ 'มหัศจรรย์แห่งลมหายใจ' ข้อคิด - ธรรมะโดย พระติช นัท ฮันห์ ~
~ 'พุทธศาสนากับสถาบันสงฆ์ไทย' บทความโดยพระไพศาล วิสาโล ~
~ " The World We Have/เราคือโลก โลกคือเรา" โดย Thich Nhat Hanh (ติช นัท ฮันห์)~
~'เปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นพลัง' บทความโดย พระไพศาล วิสาโล~
~สุขมีที่กลางใจ & จิตแจ่มใส ดอกไม้บาน โดย พระไพศาล วิสาโล~
~ "ถอยหลังจึงก้าวหน้าได้" บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ วันนี้เมื่อ ๒,๖๐๐ ปีผ่าน...Old Path White Cloud ..โดย ติช นัท ฮันห์ ~
~ 'แก้ทุกข์ที่ใจ' บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ เรียนรู้อยู่กับ'ทุกข์' บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~'พลังแห่งสติ' vs. 'พลังแห่งความซึมเศร้า' บทความธรรมะโดย "ติช นัท ฮันห์"~
~ "ผ่านพ้นความเจ็บปวด" บทความโดยพระไพศาล วิสาโล ~
~ 'สุขเพราะละ' บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ เตรียมใจรับมือความทุกข์ บทความโดย...พระไพศาล วิสาโล~
~ คู่มือหยุดทุกข์ : โดย พระยุทธนา เตชปัญโญ ~
~ 'อัตตาสลาย จึงคลายทุกข์' บทความโดยพระไพศาล วิสาโล ~
~ ความงามแห่งรุ่งอรุณ บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ คืนดีรับปีใหม่ : บทความโดยพระไพศาล วิสาโล ~
~ 'ไม่หอบสังขารหนีความตาย' บทความโดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ 'ยิ่งหลงยิ่งกลัว' บทความโดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ ทำสมาธิอย่างไร ให้สุขแท้ : บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~' เว้นวรรค รักษาใจ' : บทความโดย พระไพศาล วิสาโล ~
~ ทำชีวิตให้ช้าลง : บทความโดยพระไพศาล วิสาโล ~
~ ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต ตอน 'อยู่ดีไปดี' โดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
"ในสุข มีทุกข์ ในทุกข์ มีสุข" บทความโดย พระไพศาล วิสาโล
~ ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต ตอน 'คนตายเตือนคนเป็น' โดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต ตอน 'สายธารการเกิดดับ' โดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต ตอน 'วิชายืดชีวิตทรมาน' โดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต ตอน 'นักโทษประหาร' โดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ "ข้างหน้าเป็นความหวัง ข้างหลังเป็นบทเรียน" บทความโดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต ตอน 'มันก็เท่านั้นเอง' โดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต ตอน 'ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง' โดย...ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต ตอน ดูดวงจันทร์ โดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ ศาสตร์และศิลป์ของการสิ้นชีวิต ตอน ละครชีวิต โดย...ศ.นพ.ธีระ ทองสง ~
~ ชาล้นถ้วย : ปรัชญาเซนอันลุ่มลึกแต่เรียบง่าย โดย ว.วชิรเมธี ~
~ หนึ่งคนตาย ล้านคนตื่น : หลักคิดก่อนวิกฤตมาใกล้ โดย พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี
"ขอโทษ"...คำขอที่ยิ่งใหญ่ (บทความโดย พระไพศาล วิสาโล)
~ การเมืองร้อนรุ่ม แต่ใจสงบเย็น (สุขใจในนาคร) ~ พระไพศาล วิสาโล
~ ธรรมะคลายใจ ~ โดย ว.วชิรเมธี
~ สู่เส้นทางรัก โดย "แพทย์เชิงดอย" ~
~ เป็นสุขในทุกความเปลี่ยนแปลง ~พระไพศาล วิสาโล
ระลึกถึงความตายสบายนัก : การเจริญมรณสติในชีวิตประจำวัน โดย พระไพศาล วิสาโล
~ เติมความว่างให้จิตบ้าง ~ พระไพศาล วิสาโล
ขจัดสารพิษในจิตใจ บทความโดย...พระไพศาล วิสาโล
ย่างก้าวบนดอกบัว : Walking on Lotus Flowers
งานบำรุงใจ : บทความชวน(สังคม)คิด โดย พระไพศาล วิสาโล
วิปัสสนาแห่งเซ็น (แปลและเรียบเรียงโดย ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์ )
บทเพลงแห่งเซ็น ~ บทเพลงแห่งวิปัสสนา
อุปมาแห่งชีวิต โดย : 'เขมานันทะ'
ความเอย...ความรัก
รักที่แท้ (Learning True Love)
ฝึกใจให้รู้จักคอย... เครียดคลายได้ถ้าใจคอยเป็น โดย "รินใจ"
พรแห่งชีวิต : ความสุขของมนุษย์ที่แท้
ปฏาจารา...น้ำตาที่มากกว่าห้วงมหาสมุทร
ธรรมที่นำความฉิบหายมาสู่บุคคล
สุข - ทุกข์ในมือเรา ~ พระไพศาล วิสาโล
ดอกไม้หายไปไหนหมด ?(หนังสือ "มรรคาแห่งชีวิต")
๑๓ กันยายน...เทียนธรรมรำลึก...หลวงพ่อเทียนที่ข้าพเจ้ารู้จัก โดย 'เขมานันทะ'
~ ช่วงชีวิตช่วงภาวนา ~ " เขมานันทะ"
ลักษณะพระแท้ - พระปลอม
รู้สึกนึกคิด ~ ศ.ดร. ระวี ภาวิไล
ดั่งสายน้ำไหล ~ เขมานันทะ
แด่เธอ...ผู้รู้สึกตัว ~ หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
เธอคือโลก ( You Are The World) : กฤษณมูรติ
เพลงปราโมทย์ของเซ็น : ปกิณกธรรมและธรรมอุปรากร ~ "เขมานันทะ"
~ แห่งการงานอันเบิกบาน ~ ตาร์ถัง ตุลกู / แปลโดย โสรีช์ โพธิแก้ว
ชัมบาลา : หนทางอันศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ- - ญาณทัศนะจากดินแดนหลังคาโลก - -
~ ทางทรายใกล้ทะเลสาบ : อัตชีวประวัติช่วงแสวงหามายาชีวิตของ 'เขมานันทะ' ~
~ ดวงตาแห่งชีวิต ~ เขมานันทะ
~ คำขอที่ยิ่งใหญ่ ~ พระไพศาล วิสาโล & "อาทิตย์ยามเช้า"
~ หอมเอย...หอมกลิ่นกล้วยไม้ ~
~ ศานติในเรือนใจ ~ ติช นัท ฮันห์
~ เยื่อใยแห่งความพลัดพราก~ : บันทึกในค่ำคืนสงบ ของฤดูใบไม้ผลิ โดย "แพทย์เชิงดอย"
ชีวิตกับความรัก ~ เขมานันทะ
Cultivating the Mind of Love / ปลูกรัก ~ ติช นัท ฮันห์
คืนสู่สามัญ ~ พระไพศาล วิสาโล
คือเมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่ : พุทธประวัติในทัศนะใหม่
จากดักแด้สู่ผีเสื้อ ~ เขมานันทะ
ชีวิตคุณมีอยู่เพียงขณะเดียว ~ เขมานันทะ
ในความมีอยู่~ อัครมุนี วรรณประไพ
เริ่มต้นที่...ความรัก
Friends' blogs
เมณี
บังอร-บังเอิญ
โมกสีเงิน
ป้ามด
แม่เฮือน
ปลิวตามลม
นวลกนก
January Friend
ดอกเสี้ยวขาว
อั๊งอังอา
กวินทรากร
Zhivago
BoOKend
ทิวาจรดราตรี
นัทธ์
nikanda
โสดในซอย
นายแจม
narumol_tama
Chulapinan
แพนด้ามหาภัย
beer87
yjam
วินนี่ย์หมีพูห์
เจ๋วะรัฐถะ
ammataya
ลูกปัดแก้ว
กะว่าก๋า
นิงัย
ร่มไม้เย็น
แก้วกังไส
พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง
ศรีสุรางค์
แพรจารุ
last_tibetstone
malarn cha
หอมกร
JewNid
กิ่งไม้ไทย
หวานเย็นผสมโซดา
komyooth
PTNCenter
rngja
dream-devil
เหมือนพระจันทร์
kangsadal
PhueJa
ปลายทางของสายรุ้ง
ปลาทองแก้มยุ้ย
Pribtaa
วิรตี
Friday Story
อุ้มสม
~:พุดน้ำบุศย์:~
สามปอยหลวง
ดอยสะเก็ด
lovereason
คนสวยที่ไม่เคยสวย
PZOBRIAN
ออโอ
เรียวรุ้ง
Webmaster - BlogGang
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
olddreamz
เมืองแจ๋ม
เปิดโลกลำปาง
ฅนเมือง
โลกล้านนา
ธรรมะดอทคอม
Yahoo !
Google
คนเมืองฟังกำเมือง
คำไท - คำถิ่น
คลังภาพ
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ห่างเหินจากการดูแลจิตใจไปนานพอดู เพราะมัวแต่หลงระเริงไปกับการ"ดูใจ"ผู้อื่นเสียมาก
บทความนี้จขบ.อ่านแล้วรู้สึกชะงัก...
แล้วหันกลับมาดูตัวเองค่ะ จึงคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้างไม่มากก็น้อย จึงขออนุญาตก๊อปมาไว้ตรงนี้
ขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้เป็นเจ้าของบทความและผู้จัดทำเว็บไซต์ที่ทำลิงก์ไวข้างบนค่ะ