|
ชัมบาลา : หนทางอันศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ เชอเกียม ตรุงปะ / เขียน พจนา จันทรสันติ / แปล สนพ.มูลนิธิ โกมลคีมทอง / พิมพ์ กรกฎาคม ๒๕๔๓
- - ญาณทัศนะจากดินแดนหลังคาโลก - -
เฝ้ามองข่าวการฆ่าฟันเพื่อนร่วมโลกจากดินแดนแห่งนี้ด้วยความเป็นห่วง แต่มิอาจจะทำอะไรได้ นอกจากปฏิบัติตนเองอยู่เงียบ ๆ
หยิบยกหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน เพื่อรำลึกนึกถึงปรีชาญาณและเกียรติภูมิของมนุษย์ ภายใต้แนวคิดของหลักธรรมคำสอนแห่งพระพุทธศาสนา ผ่านญาณทัศนะชัมบาลา อันเป็นหลักการแห่งนักรบที่แท้จริงแล้วมิใช่สิ่งลี้ลับ หรือแปลกใหม่อันใดเลย ...เพียงแต่เมื่อได้อ่านแล้ว หลายบทหลายตอนในหนังสือเล่มนี้ได้ช่วยเสริมสร้างกำลังใจ... ให้แรงบันดาลใจ... อีกเพิ่มพูนความเชื่อมั่น ในหนทางแห่งการแสวงหาเส้นทางเดิน...
ด้วยความหมายแห่งคำว่า "ธรรมะ" สำหรับชาวธิเบตแล้ว...หมายถึง...หนทางแห่งจิตวิญญาณที่จะนำพาสรรพสัตว์ออกจากห้วงทุกข์...
ขอหยิบยกเพียงบางบทบางตอนมาให้อ่านกันค่ะ
จากปกหลัง : '...ญาณทัศนะชัมบาลามิใช่เป็นเพียงปรัชญาล้วน ๆ หากเป็นปฏิบัติการฝึกฝน ขัดเกลาตนเพื่อเป็นนักรบ มันเป็นการเรียนรู้ที่จะปฏิบัติต่อตนเองให้ดีขึ้น เพื่อว่าคุณจะสามารถช่วยสร้างสรรค์สังคมอริยะขึ้น
ในกระบวนการดังกล่าว ความเคารพตนเองเป็นสิ่งสำคัญมาก ทั้งยังมหัศจรรย์และเลอเลิศ คุณอาจไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าราคาแพง แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปรู้สึกว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจผลักดันคุณให้ตกเข้าไปอยู่ในโลกมืดอันบีบคั้น
คุณยังคงเต็มไปด้วยศักดิ์ศรี และความดีงาม คุณอาจสวมใส่เพียงกางเกงยีนส์ และเสื้อเชิร์ตแต่คุณก็ยังคงเป็นผู้มีศักดิ์ศรีผู้สวมใส่เสื้อเชิร์ตและกางเกงยีนส์
จะมีปัญหาเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ คุณไม่ได้เคารพตัวเองอย่างเหมาะสม ทั้งไม่ได้เคารพเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ด้วย...'
ว่าด้วย "หลักการชัมบาลา"
หน้า ๗ - - "...อาณาจักรชัมบาลามิใช่สถานที่ซึ่งดำรงอยู่ภายนอก หากเป็นรากฐานของสภาวะการหยั่งรู้และการประจักษ์แจ้ง อันเป็นศักยภาพที่ดำรงอยู่ภายในตัวมนุษย์ทุกคน ..."
หน้า ๘ - -"คำสอนของชัมบาลาตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า มีปรีชาญาณอันเป็นรากฐานของมนุษย์อยู่ ซึ่งอาจช่วยคลี่คลายปัญหาทั้งหลายของโลกได้ ปรีชาญาณประการนี้มิได้เป็นสมบัติเฉพาะของวัฒนธรรมใดหรือลิทธิศาสนาใด ทั้งมิได้มาจากตะวันตกหรือตะวันออก ทว่ามันสืบสายวัฒนธรรมของนักรบอันเก่าแก่ ซึ่งดำรงอยู่ในกระแสวัฒนธรรมต่างๆ ตลอดช่วงกาลที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ "
- ว่าด้วยการปฏิบัติ -
หน้า ๒๕ , ๒๘
"ผ่านการปฏิบัติโดยการนั่งนิ่งๆ และเฝ้าติดตามลมหายใจขณะผ่อนออก และจางหายไป คุณก็ได้เชื่อมโยงเข้ากับหัวใจของตน โดยเพียงแต่ปล่อย ให้เป็นไปดังที่ตนเองเป็นอยู่ คุณก็สามารถสร้างความรู้สึกเกื้อการุณย์ อย่างแท้จริงขึ้นต่อตัวเองได้" ' ก้าวแรกแห่งการประจักษ์แจ้งในความดีงามพื้นฐาน ก็คือการแลเห็นคุณค่าในสิ่งที่เรามีอยู่... ที่จริงมิใช่หมายถึงการครอบครอง หากเป็นการหยั่งเห็นถึงคุณค่าของมัน'
- ว่าด้วยความกลัวและความหวาดหวั่น -
หน้า ๓๑
"การยอมรับถึงความกลัวใช่ว่าจะทำให้รู้สึกหดหู่หรือท้อแท้ เพราะด้วยเหตุที่เรามีความกลัวเช่นนี้อยู่เราจึงยังมีศักยภาพที่จะเข้าถึงความไม่หวาดหวั่นอยู่ด้วยในตัว ความไม่หวาดหวั่นที่แท้จริงนั้นมิใช่การลดทอนความกลัวลง แต่เป็นการขึ้นอยู่เหนือความกลัวนั้น"
"หนทางของคนขลาด คือ การสานทอรังขึ้นมาห่อหุ้มตัวเองไว้ ภายในรังนั่นเอง ที่เราพยายามสืบต่อนิสัยใจคอเฉพาะตัวไว้ เมื่อเราสร้างรูปแบบพื้นฐาน ของนิสัยและความคิดขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดเวลา เมื่อนั้นเราก็ไม่มีทางผ่าน พ้นออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ออกมาสู่โลกภายนอกอันสดชื่นได้เลย "
- ว่าด้วยโลกและธรรมชาติ -
หน้า ๑๒๗
"เมื่อมนุษย์ได้สูญเสียสายสัมพันธ์ที่มีต่อธรรมชาติต่อฟากฟ้าและแผ่นดิน เมื่อนั้นเขาก็ไม่รู้วิธีในการบำรุงรักษาสิ่งแวดล้อม หรือในการจัดการกับโลกของตน ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกัน มนุษย์ได้ทำลายระบบนิเวศน์ลงและในขณะเดียวกันก็ได้ทำลายกันและกันลงด้วยจากมุมมองนี้เองการเยียวยาบำบัดสายสัมพันธ์ส่วนตัวอันเชื่อมโยงอยู่กับโลกแห่งปรากฏการณ์"
หน้า ๑๔๔ "......การใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องกับระบบธรรมชาติมิใช่เป็นการดำเนินตามกฎเกณฑ์อันตายตัว หรือประกอบภารกิจประจำวันตามแบบแผนความประพฤติหรือบทบัญญัติอันแห้งแล้ง โลกนี้มีระเบียบแบบแผน มีพลังอำนาจและความรุ่มรวยล้ำลึกซึ่งอาจสอนคุณให้รู้จักดำเนินชีวิตอย่างมีศิลปะ อย่างเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาต่อผู้อื่นและรู้จักทนุถนอมตัวเอง...
การค้นพบถึงระบบธรรมชาติจักต้องปรากฎขึ้นเป็นประสบการณ์ส่วนตัว อำนาจวิเศษนั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องสัมผัสด้วยตัวเอง เมื่อนั้น คุณจะไม่มีวันถูกล่อลวงให้ทิ้งหมวกไว้บนพื้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คุณจะไม่มีวันถูกล่อลวงให้หลอกลวงเพื่อนบ้านหรือมิตรสหาย
คุณจะมีแรงบันดาลใจ ในการที่จะรับใช้โลกของคุณ และหยิบยื่นตัวเองให้อย่างสิ้นเชิง"
| |
บล็อกนี้เลยอยากนำเสนอวิธีช่วยเหลือโลกอีกวิธีหนึ่งค่ะ นั่นคือการอยู่กับโลกอย่างกลมกลืนและสอดคล้อง(กับธรรมชาติ)