คู่มือหยุดทุกข์ พระยุทธนา เตชปัญโญ สนพ.อมรินทร์(พิมพ์ครั้งที่ ๘/ก.พ. ๒๕๕๓) ๒๒๒ หน้า ราคา ๑๗๕ บาท
โปรยปก :
หนังสือที่จะทำให้คุณเห็นความทุกข์เป็นแค่เรื่องจิ๊บๆ
...........
เวลาเรามีความทุกข์ใจ มีปัญหาชีวิต เหมือนกับแบกภูเขาไว้ หนักเหลือเกิน ทำไมเราไม่หาทางวางมันลงเสียก่อนเล่า แล้วออกมายืนมองดูมัน
เราควรพิจารณาว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ดีกว่าแบกมันไว้แล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ หนัก เมื่อยล้าเปล่าๆ
หากเราวางภูเขาลง แล้วเดินเหยียบย่ำขึ้นไป นอกจากจะสบายกว่าแล้ว ยังทำให้มีโอกาสเดินไปถึงจุดหมายสูงสุดบนยอดได้อีกด้วย
วันนี้วันพระ ขออนุญาตหยิบหนังสือธรรมะดี ๆ อ่านง่าย ๆ เล่มนี้ มาบอกเล่ากล่าวขานชวนอ่านชวนศึกษากันค่ะ
หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น ๓ ภาคใหญ่ ๆ
ภาค ๑ ว่าด้วย "ความจริงของชีวิต" มีบทย่อย ๆ ดังนี้
- โลกคืออะไร - ธุรกิจล้มมีหนี้สินแก้ไขได้ - มีปัญญาเพื่อดับทุกข์ - เข้าใจธรรมชาติเข้าใจชีวิต - ปฏิบัติธรรมทุกเวลา
ภาค ๒ "มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร"
- มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร - ไม่เอาอะไร - จุดมุ่งหมายที่ถูกต้องในการทำบุญ
ภาค ๓ "สิ่งที่ดีที่สุด"
- ความสงบเย็นคือสุขที่ต้องการ - จิตอิสระที่สุด - งานที่เราต้องเรียนรู้ - รู้จักหยุดอย่าเชื่อความคิด - หาใจให้เจอดีกว่าหาวัตถุ - ความว่างมีคุณค่ามากที่สุด - บ้าน....ที่ปลอดภัย
เป็นหนังสือธรรมะที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย ตัดตรงสู่ใจ... นุ่ม ๆ เบา ๆ ทว่าลึกซึ้งกินใจ
ในแตละบทย่อยยังแยกออกเป็นบทความสั้น ๆ ประมาณตอนละ ๑-๒ หน้า เวลาอ่านไม่ต้องใช้ที่คั่นเลยค่ะ เพราะเมื่อหยิบขึ้นมา พลิกเจอหน้าไหนก็อ่านได้หน้านั้นเลย...
สำหรับหนังสือธรรมะแล้ว ไม่มีเรื่องต้องวิพากษ์วิจารณ์อันใด เพียงแต่ขออนุญาตเลือกคัดตัดตอนมาบอกต่อก็แล้วกันค่ะ
จิตใจของเราเปรียบเสมือนลิง ที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง ชอบคิดฟุ้งซ่านทำให้เป็นสุข เป็นทุกข์ คิดหาเรื่องใส่ตัวแบบเรื่องไม่เป็นเรื่อง คิดเรื่อยเปื่อย น้อยอกน้อยใจ นี้คือธรรมชาติจิต ชอบคิดไปในอดีต อนาคต จึงนำมาซึ่งความทุกข์ วุ่นวาย เพราะจิตไม่หยุดนิ่ง ไม่สงบขาดการฝึกฝนควบคุม
ขอเพียงให้ท่านตั้งสติระลึกรู้อยู่กับปัจจุบัน สลัดขจัดความคิดที่ไร้สาระ ไม่มีแก่นสาร ไม่เป็นประโยชน์ออกไปจากจิต ด้วยการตั้งสติให้มั่นคงจิตใจจะไม่เหนื่อยล้า มีพลังผลักดันความคิดฟุ้งซ่านออกไป
การคิดมากมายหลายเรื่องไม่ได้ทำให้ความคิดนั้นบรรลุผลสำเร็จ มีแต่จะทำให้สับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก สติ สมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จิตจะต้องมีอยู่ทุกเวลานาที อย่าเผลอ จงมีสติรู้เท่าทันกับปัญหาเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยจิตที่ตั้งมั่น มั่นคง ไม่หวั่นไหว แล้วคิดด้วยความสงบ ไม่วุ่นวาย คิดแบบเบาสบาย ก็จะสามารถแก้ไขบรรลุความสำเร็จได้ไม่ยาก
(ทุกปัญหาแก้ได้ด้วยปัญญา หน้า ๒๑)
การฝึกจิตปฏิบัติธรรม นอกจากมีสติแล้วเราจะต้องมีสัมปชัญญะด้วย คือการมีความรู้สึกตัวทั่วถึงว่าในขณะนั้นๆกำลังทำอะไร พูดหรือคิดอะไร เป็นการรู้เท่าทันการณ์ แล้วพิจารณาว่าจะเอาไว้หรือสลัดออกไปจากจิต
การดำเนินชีวิตต้องประพฤติธรรมไปด้วย เพื่อเวลาที่เราฟังอะไรจะได้ยิน ดูอะไรจะได้เห็น ไม่ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปโดยขาดสติสัมปชัญญะ เมื่อเราปฏิบัติอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ย่อมแลเห็นความงดงาม
ความอัศจรรย์ใจซึ่งปรากฎอยู่ต่อหน้าเรา เหมือนยืนอยู่บนภูเขา ย่อมมองเห็นได้กว้างไกลและชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นน้ำค้างที่จับเกาะตามใบไม้ หญ้า ดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นหรือลับจาก ขอบฟ้า ระลอกน้ำที่ถูกกระแสลมพัดพริ้วไหว เราจะเห็นความแตกต่างระหว่างจิตที่นำความสับสนเป็นทุกข์มาให้ และจิตที่นำความสงบสุขไร้ทุกข์มาให้ แล้วเราจะได้เลือกทางดำเนินชีวิตได้ถูก ว่าจะเอาอย่างไร จะไปทางไหนดี ต้องดู รู้ เห็น มันด้วยปัญญา
จงอยู่กับธรรมชาติบ่อยๆ แล้วท่านจะเกิดปํญญา รู้จัก เข้าใจชีวิตมากขึ้น จนมีแนวทางดับทุกข์ทางใจได้ เมื่อมีปัญหาชีวิต จงน้อมจิตเข้าสู่ความสงบ แล้วพิจารณาปัญหาด้วยปัญญาแก้ไขให้ดี ถูกต้องที่สุด โดยที่ไม่หนี ไม่สู้ ไม่อยู่ ไม่ไป ไม่ปรุงแต่ง ทำจิตให้ว่างเปล่าปล่อยวางทุกสิ่ง สิ่งสูงสุดและความสำเร็จจะเกิดขึ้นในใจของท่าน
("เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจชีวิต" หน้า ๕๖)
โลกนี้คือละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง เขาไม่ให้เราแสดงนานหรอกนะเดี๋ยวก็ต้องเลิกเล่นกันแล้ว อย่าได้ไปยึดติดผูกพัน อาลัยอาวรณ์กับบทบาทการแสดงในชีวิตนี้เลย ถ้าเราตกงาน กิจการล้มหมดตัว ก็ไม่จำเป็นต้องไปกลุ้มใจ เครียด เป็นทุกข์กับมัน ให้คิดเสียว่าเราโชคดีแล้วที่ได้พักผ่อนร่างกายและจิตใจ ไม่ต้องไปแบกภาระให้มันหนักใจ เราจะได้มีโอกาส มีเวลาเรียนรู้ศึกษาปฎิบัติชีวิตและธรรมะ จะได้พบสิ่งที่ดีที่สุดที่เราควรจะได้รับ จะได้พบหนทางออกจากปัญหามีธรรมะเป็นที่พึ่ง จึงหมดทุกข์
("ชีวิตนี้คือละคร" หน้า ๘๕)
ความทุกข์เหมือนกับหัวงูเห่า ความสุขเหมือนกับจับหางงูเห่า ความรักเปรียบเหมือนกำลังจับหางงูเห่า ไม่นานงูเห่าก้อจะแว้งกัด ทำให้ได้รับทุกข์ทรมาน หมายถึง จะเกิดความวิตกกังวล โกรธ คับแค้นใจ อิจฉาริษยา อาฆาต พยาบาท ผิดหวัง พลัดพราก สูญเสีย
ความรัก ที่เห็นแก่ตัว ต่างคนต่างต้องการความสุขจากอีกฝ่ายหนึ่ง เส้นทางของความรักเกิดจากกามารมณ์ กามตัณหา ต่างคนต่างพอใจในเนื้อหนังมังสา (รูป) + ทรัพย์สมบัติ ต่างคน ต่างมีความหวังจะได้รับความสุขจากเขา แต่เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขอย่างที่คาดหวังไว้ ต่างคนต่างเรียกร้องความสุขจากอีกฝ่าย แต่ได้รับความสุขไม่เพียงพอกับความต้องการ บางทีก็ไม่มีความสุขเลย มีแต่ทุกข์ ในที่สุดจึงแตกร้าว กลายเป็นอดีตไป
ชีวิตจริงเป็นของขม เปรี้ยว เผ็ดร้อน จืด เน่าเหม็น ไม่มีรัก ไม่แต่งงาน เป็นลาภอันประเสริฐ รักแท้ก็ไม่เอา เอาแต่รักที่บริสุทธิ์ ต่างคนต่างเข้าใจกัน รักด้วยความจริงใจ มีสุขด้วยการให้ สิ่งใดไม่ถูกใจก็ให้อภัยกัน ต่างคนต่างคิดแต่จะให้ ไม่เรียกร้องความสุขจากเขาจึงไม่มีการผิดหวัง มีแต่ให้ ๆ ๆ ไม่ใช่มีแต่เอา ๆ ๆ
("ธาตุแท้ของความรัก" หน้า ๒๑๗)
สรุปว่า หนังสือธรรมะเล่มนี้ตอกย้ำกับเราว่า... ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่งดงามทั้งในเบื้องต้น ในท่ามกลาง และในบั้นปลายจริง ๆ
และหากผู้ใดได้ศึกษาและปฏิบัติตามอย่างจริงจังและจริงใจแล้ว ก็จะสามารถ"หยุดทุกข์"ในใจตนได้อย่างสิ้นเชิง
สาธุ!
|