ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๒๓๕-พระพุทธเจ้าปรินิพพาน เมื่อวาน



ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ เป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง เป็นผู้เห็นภัยในไตรโลก ผู้ยังนำสัตว์ทั้งหลายออกจากวัฏฏะสงสาร ผู้เป็นที่เคารพรักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้เสด็จไปแล้วด้วยดี ผู้เป็นที่พึ่งแด่คนยาก

นานมาแล้วหนอ จักนานมาแล้ว ที่ข้าพเจ้าไม่อาจทำความเคารพต่อหน้าพระพักต์ ด้วยเหตุของกาลเวลานั้น หาได้เท่ากันในไตรโลกไม่ สัตว์หนอที่เกิดในภพอื่น ช่างน่าประหลาดที่เวลานั้นหลอกหลอน ให้เหล่าสัตว์ยึดติดกับความคาดหวังในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต แม้แต่ตัวข้าพเจ้าเอง ก็เป็นผู้หลับใหลอยู่นานแสนนาน

เมื่อครั้นพระศาสดาผู้เป็นที่พึ่งของโลกกำเนิดขึ้นนั้น ข้าพเจ้าเองก็ยังพึงปรารถนาติดข้องอยู่กับภพที่สามอยู่ ยังติดกับทิฏฐิอันเป็นไปในการสร้างทุกข์ มีกิเลสอันบดบังสายตา มองไม่เห็นคุณอันดีงามของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ประมาทอยู่กับกาลเวลา และเสพข้องติดกับดักของรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อยู่อย่างนั้น



แม้กาลเวลานั้นจะผ่านล่วงมานานแล้ว ตั่งแต่สมัยแห่งการดับขันธ์ปรินิพพานของพระองค์ ทุกวันนี้ข้าพเจ้าเองกลับยังรู้สึกสำนีกถึงคุณของพระองค์อยู่เสมอ ประหนึ่งว่าพระพุทธเจ้าพึงเสด็จปรินิพพานไปเมื่อวานที่ผ่านมานี้เอง

เหตุนั้นเพราะความจริงนั่นเอง ความจริงแท้ที่พระองค์ตรัสสอนมาทั้งชีวิตของพระองค์ บัดนี้กลับกลายเป็นความจริง ที่ทนต่อการพิสูจน์อยู่จนกระทั่งปัจจุบัน และจะยังทนทานต่อกาลพิสูจน์ต่อไปในอนาคต เฉกเช่นคำกล่าวที่ว่า

"สิ่งใดเป็นความจริง สิ่งนั้นย่อมทนต่อการพิสูจน์และตรวจสอบ ทุกกาลทุกสมัย"

หากคำสอนของพระองค์เป็นคำสอนที่หลอกลวง หลอกโลก คำสอนนั้นก็พึงอันตรธานสูญหายไปนานแล้ว และไม่อาจตกทอดมาสู่ลูกหลานหลายสิบชั่วคนได้

แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เหตุเพราะคำสอนของพระองค์เป็นคำสอนที่จริงแท้

หากแต่เราเองต่างหากที่หันหลังให้กับการพิสูจน์ ความลังเลสัยจึงบังเกิดขึ้นตามมา แต่กระนั้นเอง คนเหล่านั้นก็ยังไม่อาจจะหันหลัง คัดค้านคำสอนของพระพุทธองค์เสียร้อยเปอร์เซ็นต์ ในจิตใจลึก ๆ ก็ยังคงมีศรัทธาในของคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่อาจจะแยกแยะยืนยันบอกได้ว่าสิ่งไหนคือทุกข์ เหตุของทุกข์ ความดับทุกข์ และหนทางอันเป็นไปในทางดับทุกข์ได้

มีคนมากมายไม่เชื่อว่าผี วิญญาณ มีจริง แต่หากลองให้อยู่คนเดียวในที่มืด เปล่าเปลี่ยว วังเวง เขาเองก็มีความกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่เชื่ออยู่ในใจลึก ๆ นั่นเอง

ถ้าเชื่อว่าไม่มีผี ไม่มีเทวดา ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ แล้วเหตุใด มนุษย์เราจึงมีความกลัวต่อสิ่งเหล่านั้นได้ (หนอ)...


ขอขอบคุณรูปภาพงาม ๆ จาก //buddha-thushaveiheard.com และ //gotoknow.org มากมายครับ


Create Date : 04 พฤษภาคม 2553
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 7:57:58 น. 15 comments
Counter : 1834 Pageviews.

 
เมื่อตอนที่ผมไปเยือนปรินิพพานสถาน
ผมรู้สึกไปเองว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ทรงนิพพานเลย

ท่านแค่หายไปเฉยๆ
และได้ทิ้งคำสอนเอาไว้ให้เราเจริญรอยตาม




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:8:23:53 น.  

 
พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงนิพพาน

นิพพาน ปรินิพพาน ไม่ได้แปลว่าตาย

นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกข์ เป็น
โลกุตตรธรรม และเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา;


โดย: นะยะ IP: 202.151.7.30 วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:16:35 น.  

 
สาธุ
สาธุ


โดย: nordcapp (nordcapp ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:38:23 น.  

 
อ่านแล้ว ก็โยงเข้ากับบล้อกของพี่ก๋า
ในประโยคที่บอกว่า “ชีวิตคือการทวงถามศรัทธาที่เริ่มจะจางหาย”

อ่านแล้วทำให้เราคิดได้ทันทีว่าทุกวันนี้
ตัวเองศรัทธาลดลงไปมาก ทั้งศรัทธาในธรรมะทั้งที่เคยตั้งใจ
ต้องการที่จะเข้าใจ เพื่อนำไปสู่การปล่อยวางในความคิด
แต่ด้วยความหลงในความสนุก หลงในความยึดติด
ก็ทำให้ละเลยไปเยอะ ทั้งในด้ายการภาวนา การรู้เท่าทันสภาวะอารมณ์
ความทำความเข้าใจในเหตุ ยอมรับในผล และเลิกกังวลในอนาคต

ส่วนเรื่องความเชื่อในความกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น
อันนี้ละไว้ในความเชื่อแต่ละบุคคล
ไม่ว่าจะเชื่อว่า มี หรือไม่มี กับสิ่งที่มองไม่เห็น
ถ้าผู้ที่เชื่อและไม่เชื่อยังยึดมั่นในการรักษา ศีล 5
นั่นก็เป็นฐานในการใช้ชีวิตที่ดีและสังคมก็จะน่าอยู่
และพระพุทธศาสนาก็จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ด้วยตัวของบุคคลเองได้ไม่ยาก

คิดแบบนี้นะ


ส่วนเรื่อง BG ในบล้อกพี่ ส่วนที่เป็นคอมเม้นท์
ทำไม่เป็น มือใหม่ ทำได้แค่นั้นอ่ะ
อ่านยากเหรอ...บางอย่างถ้าต้องการก็ต้องพยายามหน่อยนะน้อง
อิอิอิ


โดย: ขมเตย วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:13:38 น.  

 
กุดมอร์นิ่ง ทักทายตอนสายๆ จ้า :)^^


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:46:16 น.  

 
พระผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ผู้ช่วยให้สัตว์โลกได้หลุดจากห้วงทุกข์ในวัฏสงสาร
คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นของที่เราควรยึดถือเป็นที่พึ่ง และปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อสงสัยเลยค่ะ

สวัสดีวันอังคารค่ะ ตอนนี้ที่บ้านฝนกำลังตก อากาศกำลังดี อิอิ อาจทำให้ง่วงนอนได้

ปอมีกาแฟมาฝากแก้ง่วงค่ะ

ขอให้มีความสุขมากๆ ตลอดทั้งวันนะคะ งุงิ ^ ^



โดย: Butterflyblog วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:14:06:18 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: amvarin วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:04:33 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:25:04 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:17:00 น.  

 

สวัสดีวันพฤหัสสดใสครับ


ขอให้มีความสุขสดชื่นนะครับ


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:50:48 น.  

 


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:14:27:37 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:27:23 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:45:33 น.  

 
วันวิสาขบูชาและอัฐมีบูชา
ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชน
กราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธนิมิตเมตตา ปางปฐมเทศนา
สาธยายพระไตรปิฎกเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
วัดใหม่ยายแป้น เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคมุถึง เสาร์ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓
เวลา ๐๘.๐๐ น.พร้อมกันที่วิหารพระไตรปิฎก
เวลา๐๘.๓๐ น.อัญเชิญพระไตรปิฎกทักษิณาวัตรที่พระอุโบสถ
เวลา ๐๙.๐๙ น.ประธานจุด เทียน-ธูป
เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล
พระครูปลัดรัตนวัฒน์( เจ้าอาวาส) ให้ศีล
จุดเทียนบูชาพระไตรปิฎก
เริ่มสาธยายพระไตรปิฎก
รวม ๑๕ วัน ๑๔ คืน
วันเสาร์ที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ วันอัฐมีบูชา
เวลา ๑๙.๐๐ น.หยุดการสาธยายพระไตรปิฎก เจริญสมาธิและถวายเป็นพระราชกุศล เวียนเทียนชมพระไตรปิฎก สมัยรัชกาลที่ ๕ พม่า , ศรีลังกา , ล้านนา , รัฐฉาน , เขมร , จีนและคัมภีร์โบราณชมภาพปรินิพพานเท่าของจริง
รถเมล์สาย ปอพ.๑๐,๕๖,๕๗,๗๙,๑๕๗,๑๗๕,๔๐,๕๔๒.๘๐,๕๐๙,๒๘,๑๗๑ ลงที่สี่แยกบางขุนนนท์ (รถเมล์สาย ๕๗,๗๙ ผ่านหน้าวัด )
ติดต่อสอบถามได้ที่ พระมหาณรงค์ศักดิ์ ฐิติญาโณ ผศ.ดร.D.Litt(ไม่รับเงินบริจาค)www.narongsak.org
โทร. ๐๒-๔๓๕-๗๕๕๕ ๐๘๙-๙๖๓-๔๕๐๕ โทรสาร. ๐๒-๔๓๔-๑๒๓๘
การสาธยายพระไตรปิฎกจึงเสมือนได้เข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า “ ธรรมและวินัยที่ตถาคตตรัสไว้ดีแล้วธรรมเหล่านั้นจะเป็นศาสดาของพวกเธอ”



อานิสงส์การสาธยายพระไตรปิฎก
๑.พระไตรปิฎกเป็นตาวิเศษอันยิ่งบุคคลใดสาธยายพระไตรปิฎกแล้ว สามารถที่จะรู้ได้ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ทำให้เป็นสัมมาทิฎฐิ นำไปสู่ความสำเร็จและเข้าถึงความเป็นอริยบุคคล คือตั้งแต่โสดาบัน สกทาคามี อนาคามีและอรหันต์เข้าสู่นิพพาน
๒.พระไตรปิฎกเป็นหูที่วิเศษอันยิ่งฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สอนให้บุคคลนั้นดำรงชีวิตด้วยความถูกต้อง ที่เป็นสัมมาทิฎฐิ อย่างน้อยไม่ทำบาปทำแต่กุศล ได้ฟังแต่สิ่งที่เป็นมงคล การพูดก็ดี สุขภาพจิตก็ดี มีจิตใจที่ผ่องใส เมื่อจิตใจผ่องใสความคิดก็ดีความจำก็ดีขึ้นมีสติไม่ทำให้เกิดอกุศลหน้าตาผ่องใสเป็นต้น(พระไตรปิฎกเล่มที่๔)
๓.พระไตรปิฎกเป็นจมูกที่วิเศษอันยิ่ง กลิ่นหอมที่ว่าหอมแม้จะลอยตามลมไปได้ ๑,๐๐๐ โยชน์ แต่ไม่สามารถที่จะทวนลมได้ แต่กลิ่นของความดี กุศลนั้นสามารถจะทวนลมและกระจายออกไปได้ทุกทิศ จะเป็นมีจมูกที่ได้กลิ่นของกุศลที่กระจอนไปทุกทิศ และไม่หลงติดอยู่กับกลิ่นหอมอย่างอื่น(พระไตรปิฎกเล่ม๙และ๑๖)
๔.พระไตรปิฎกเป็นลิ้นที่วิเศษอันยิ่ง ลิ้นคนเราแม้จะจำรสต่าง ๆ ได้ ไม่ช้าก็ลืมมีความสุขชั่วคราวทำให้คนขาดสติ แต่ลิ้นที่ลิ้มรสของพระธรรมนั้น ไม่มีความอิ่มในรสของพระธรรม เมื่อคนเราได้รับลิ้มรสของพระธรรมแล้ว จะทำให้ร่างกายผ่องใสทั้งภายในและภายนอกและจะช่วยรักษาโรคได้ทุกชนิด(พระไตรปิฎกเล่ม๙และ๑๖)
๕.พระไตรปิฎกเป็นกายที่วิเศษอันยิ่ง เมื่อบุคคลได้สาธยายแล้วทำให้มีสภาพที่ผ่องใสทั้งภายในและภายนอก มีกายที่เบาไม่เชื่องช้าเลือดลมในตัวเราที่เรียกว่าธาตุ๔นั้นก็สมบูรณ์ทำให้มีอายุยิ่งยืนนานสามารถหายจากโรคที่เกิดแต่กรรมได้
๖.พระไตรปิฎก เป็นใจที่วิเศษอันยิ่ง ใจดี ใจผ่องใส ใจเป็นหัวหน้า เมื่อใจเบิกบาน จิตใจเป็นกุศลก็สามารถเข้าถึงความเป็น โสดาบันสกทาคามีอนาคามีและพระอรหันต์ในที่สุด(พระไตรปิฎกเล่ม๙และ๑๖)
๗.พระไตรปิฎกเป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษอันยิ่ง สามารถที่จะสอนให้เรารู้ว่าอะไรเป็นกุศลอะไรเป็นอกุศล เมื่อรู้อย่างนี้แล้วสอนให้เรานำเอาหลักธรรมไปประพฤติปฏิบัติอันเป็นทางที่มีความสำเร็จในชีวิตนำทางไปเพื่อเข้าถึงพระนิพพาน(พระไตรปิฎกเล่ม ๙)
๘.พระไตรปิฎก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษอันยิ่ง พ่อแม่ไม่ได้หวังค่าตอบแทนจากลูกฉันใด พระไตรปิฎกเป็นผู้ที่สอนให้เรารู้ทุกอย่างที่เรายังไม่เคยรู้ นำทางให้เราเข้าถึงความเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ แล้วแต่ทางดำเนินชีวิตอันทำให้ถึงจุดหมายปลายทางคือพระนิพพาน(พระไตรปิฎกเล่ม๑๒และ๑๔)
๙.พระไตรปิฎกเป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษอันยิ่ง เมื่อบุคคลได้สาธยายก็จะมีแต่มิตรนำทางไปสู่ที่ดีนำชีวิตไปสู่ความสุขทั้งตัวเอง ครอบครัวและสังคมที่ดีนำทางไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองทั้งในทุกสถานในกาลทุกเมื่อ(พระไตรปิฎกเล่มที่๓๖)
๑๐.สมัยพระพุทธเจ้าชื่อว่ากัสสปะ พระสงฆ์สาธยายอภิธรรมในถ้ำ ค้างคาว ๕๐๐ ตัวได้ฟังเมื่อถึงคราวตายแล้วไปจุติที่ชั้นดาวดึงส์ชาติสุดท้ายมาเกิดเป็นลูกศิษย์พระสารีบุตรและเป็นอรหันต์เป็นที่สุด
๑๑.การสาธยายพระไตรปิฎกที่ว่า “กรรมเก่าไม่มีใครลบล้างได้ กรรมปัจจุบันจะช่วยได้ จงจำไว้ กรรมที่ทำด้วยเจตนาไม่ว่าดีหรือชั่ว ย่อมมีผลต่อผู้กระทำทั้งสิ้น ไม่มีพรหมเทพองค์ใดจะช่วยลบล้างกรรมนั้นได้ เธอจงช่วยตนเอง ด้วยการสวดมนต์ ภาวนาแผ่เมตตาผลแห่งบุญอันเป็นกรรมปัจจุบันจะช่วยเธอได้”ตอนหนึ่งที่กล่าวกับนางโรหิณี
๑๒.การสาธยายหรือการสวดมนต์ ย่อมจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตของตนและประโยชน์แก่จิตอื่น และสามารถที่จะทำให้ผู้ที่สวดมนต์สาธยายมีความสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้
บุญกุศลที่ยิ่งใหญ่อันพึงจะเกิดขึ้นในครั้งนี้
ขอน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯผู้เป็นพ่อของแผ่นดินที่ให้อาศัยแก่เราและวงศ์ตระกูลได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขและเจริญก้าวหน้าตลอดมาขอธรรมของพระศาสดาเป็นประดุจดังธรรมโอสถทิพย์ที่จะช่วยคลายทุกข์ให้ประชาชนคนไทยได้รู้รักสามัคคีเฉกเช่นพี่น้องร่วมอุทรอันไม่พึงทำร้ายซึ่งกันและกันด้วยกาย วาจา ใจ ขอให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายเป็นผู้มั่นคงและถึงพร้อมด้วยความดี เพื่อแผ่นดินไทยอยู่อย่างผาสุกตลอดกาลและนาน


โดย: พระมหาณรงค์ศักดิ์ ฐิติญาโณ IP: 58.9.153.104 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:15:44 น.  

 


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:56:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.