เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
9 ตุลาคม 2557

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 24







สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  - บทที่ 24




วันพระนี้ก็เช่นเดียวกับวันพระอื่นๆ เมื่อท่านพระครูลงมาจากกุฏิชั้นบน ก็พบผู้คนมากหน้านั่งรออยู่ที่กุฏิชั้นล่าง ทั้งๆที่ตอนนั้นเพิ่งจะตีสี่ หน้าตาของแต่ละคนล้วนบ่งบอกว่ากำลังประสบปัญหาชีวิตอย่างหนัก หวังจะมาพึ่งท่านให้ช่วยขจัดปัดเป่า

นายสมชายซึ่งนอนอยู่กุฏิชั้นล่าง ต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่รับแขกแต่ดึกแต่ดื่น ที่สำคัญคือคอยจดจำว่าใครมาก่อนมาหลังจะได้ไม่มีการลัดคิวกัน แขกบางคนก็นั่งตากน้ำค้างรอคิวตั้งแต่กุฏิยังไม่เปิด ต้องทนยุงทนหนาวเพราะอยากได้เข้าพบท่านก่อน

ข้างฝ่ายนายสมชายก็เป็นคนยุติธรรมไม่มีใครเหมือน เพราะไม่ยอมรับสินบนใดๆ ใครมาก่อนก็จัดให้เข้าพบก่อน ท่านพระครูกำชับว่าให้จัดลำดับอย่างเที่ยงธรรม ไม่ว่าใครจะใหญ่โตมาจากไหน ยากดีมีจนอย่างไรก็ต้องเรียงตามลำดับก่อนหลังทั้งนั้น

ท่านพระครูขอตัวไปลงอุโบสถเพื่อทำสังฆกรรมร่วมกับภิกษุรูปอื่นๆ ซึ่งจะกินเวลาประมาณสองชั่วโมง และช่วงเวลานี้ท่านก็จะนำภิกษุสามเณรปฏิบัติกรรมฐานแล้วแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้เปตชน หรือที่เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า 'พวกผี'

บรรดาผีเหล่านี้ บ้างก็ท่องเที่ยวอยู่แถววัด คอยรับส่วนบุญส่วนกุศลจากผู้ที่อุทิศมาให้ บ้างก็มาจากที่ไกลโดยคำบอกเล่าของบรรดาเพื่อนผีด้วยกัน ท่านพระครูเคยเล่าให้พระบัวเฮียวฟังว่าพวกผีเหล่านี้ก็เหมือนคน เวลาไปรับประทานอาหารตามที่ต่างๆ ร้านไหนอร่อยก็จะบอกต่อๆกันให้ไปลองรับประทานบ้าง ผีก็เช่นกัน เมื่อพวกเขารู้ว่าที่วัดนี้มีคนมาทำบุญ และมีพระปฏิบัติกรรมฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ ก็จะพากันมารอรับพร้อมทั้งบอกต่อไปยังเพื่อนผีญาติผีของตน

การที่ผีพวกนี้ต้องมาเร่ร่อนรอส่วนบุญจากมนุษย์ก็เพราะพวกเขาไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษ ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยทำบุญทำทาน เมื่อตายจึงต้องมาเป็นเปรตคอยรับส่วนบุญจากผู้อื่น วันไหนไม่มีผู้อุทิศมาให้ก็ต้องทุกข์ทรมานเพระความหิวโหย แต่เปรตเหล่านี้ก็ยังดีว่าพวกสัตว์นรก เพราะพวกหลังนี้นอกจากจะอดอยากหิวโหยแล้ว ยังต้องถูกลงโทษทัณฑ์ด้วยวิธีต่างๆ ตามกรรมที่พวกเขาทำมาอีกด้วย

เสร็จจาก 'โปรดผี' ท่านเจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงก็เดินกลับมายังกุฏิเพื่อ 'โปรดคน' ต่อ พระบัวเฮียวเดินตามมาด้วยเพื่อสังเกตการณ์เช่นทุกครั้ง ด้วยเป็นความประสงค์ของท่านพระครู ที่ต้องการให้พระใหม่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง

เมื่อนั่งที่อาสนะประจำของท่านแล้ว นายสมชายจึงบอกให้ชายวัยหกสิบเศษคลานเข้าไปใกล้ๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องพูดข้ามศีรษะคนอื่น บุรุษนั้นคลานเข้าไปในระยะหัตถบาส กราบสามครั้งแล้วนิ่งอยู่

"มีเรื่องอะไรก็ว่าไปเลยโยม" ท่านกล่าวอนุญาต
"ครับหลวงพ่อ ผมมานั่งรอตั้งแต่ตีสอง นั่งอยู่นอกกุฏิ ผมชื่อบุญช่วยครับ" เขารายงานเหมือนจะประกาศว่า 'ไม่ได้แซงคิวใคร'

"งั้นหรือ เอาละ..จะให้อาตมาช่วยอะไรก็ว่ามา"

หากเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ความลับท่านก็จะพูดด้วยเสียงปกติ ถ้าเป็นเรื่องที่เจ้าตัวไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ ท่านก็จะพูดด้วยเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงสองคน

"ก็แม่ผมน่ะสิครับหลวงพ่อ"
"แม่โยมเป็นอะไร"
"เป็นผู้หญิงครับ แล้วก็เป็นเมียพ่อผม" เขาตอบซื่อๆ แต่ทำให้ทุกคนที่นั่งฟังอยู่คิดว่าเขาแกล้งพูดถ่วงเวลาคนอื่น
"อ้อ ที่มาตั้งแต่ตีสองก็เพื่อจะมาบอกแค่นี้เองหรือ"
"มีอีกครับหลวงพ่อ ยังมีอีก" นายบุญช่วยรีบบอกเพราะกลัวถูก 'ตัดคิว'
"คือแม่ผมแกกลัวตายครับหลวงพ่อ"
"อายุเท่าไหร่ล่ะ"
"ผมหรือครับ หกสิบห้าครับ"
"ไม่ใช่ อาตมาหมายถึงแม่ของโยมต่างหากล่ะ"
"แปดสิบห้าครับ หลวงพ่อช่วยแกหน่อยเถิดครับ แกไม่อยากตาย รบเร้าให้ผมมาขอคาถาหลวงพ่อ แกว่าหลวงพ่อมีคาถากันตาย"
"อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง นึกว่ามาเรื่องอะไร ไม่ยากหรอกโยม เรื่องง่ายๆ เดี๋ยวอาตมาจะบอกคาถาให้"

ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นพลอยตื่นเต้นไปด้วย ต่างพยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

"กลับไปบอกแม่โยมนะ คาถากันตายมีอยู่แค่สองข้อคือ หนึ่ง..หายใจเข้าไว้ สอง..กินข้าวเข้าไว้ ทำสองข้อนี้ได้รับรองว่าไม่ตาย ที่เขาตายๆกันเพราะไม่ยอมหายใจ ไม่ยอมกินข้าว"

คำตอบของท่านพระครูทำให้คนอื่นๆพากันหัวเราะ ยกเว้นบุรุษเจ้าของเรื่อง เขารีบกราบท่านพระครูสามครั้งแล้วเอ่ยลา

"ขอบคุณหลวงพ่อมากครับ ผมขอลา"
"จะรีบไปไหนเล่าโยม"
"จะรีบไปบอกแม่ครับ แกคงดีใจที่ได้คาถา"
"เดี๋ยวก่อน อาตมายังไม่ได้บอกเคล็ดลับ ยังมีเคล็ดลับอีก อาตมาจะบอกให้ คือเราต้องไม่กลัวตาย ต้องกล้าเผชิญหน้ากับมัน คนที่กลัวตายอาตมาเห็นตายทุกที"
"ถ้าไม่กลัวก็จะไม่ตายใช่ไหมคะหลวงพ่อ" สตรีผู้หนึ่งเอ่ยถาม

"กลัวหรือไม่กลัวมันก็ต้องตายทุกคนนั่นแหละ แต่เท่าที่อาตมาสังเกตดู คนที่กลัวตามักตายเร็ว คนไม่กลัวจะตายช้า ฉะนั้นจงอย่ากลัวตาย แต่จงมีสติรู้เท่าทันชีวิตว่ามันไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปตามเหตุปัจจัย เมื่อเรามีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา เราก็จะทำดี พูดดี คิดดี ทำได้อย่างนี้เราก็จะไม่กลัวตาย เพราะเรารู้ว่าจะไม่ไปทุคติ คนที่เขากลัวตายก็เพราะกลัวจะไปไม่ดี เช่นไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น โยมพอจะเข้าใจที่อาตมาพูดไหม"

"เข้าใจครับ" นายบุญช่วยตอบ
"เข้าใจว่ายังไง ไหนลองบอกมาซิว่าจะไปบอกแม่ว่ายังไง"

ท่านถือโอกาสซักถาม เพราะมีอยู่หลายคนที่เป็นประเภท 'ฟังไม่ได้ศัพท์จับเอาไปกระเดียด' ท่านพูดอย่างหนึ่ง เขาเอาไปพูดอีกอย่างแล้วอ้างว่าท่านพูด ทำให้เข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนกันไปยกใหญ่ เหตุนี้ท่านจึงต้องตรวจสอบเพื่อความถูกต้องชัดเจน

"เข้าใจว่าให้หายใจเข้าไว้กับกินข้าวเข้าไว้แล้วจะไม่ตาย ส่วนเคล็ดลับคือต้องไม่กลัวตาย ถ้ากลัวแล้วจะตาย ถ้าไม่กลัวก็ไม่ตาย หลวงพ่อให้ผมไปบอกแม่ยังงี้ครับ"

บุรุษสูงวัยตอบตามสติปัญญาของตน 'เครื่องรับ' ในตัวเขารับได้เพียงแค่นี้
"อ้อ..อาตมาพุดยังงั้นหรือ โยมแน่ใจนะ"
"แน่ใจครับ"
"งั้นให้พระบัวเฮียวเป็นพยานก็แล้วกัน พระบัวเฮียว อาตมาพูดอย่างที่โยมคนนี้บอกหรือเปล่า"
"ไม่ใช่ครับ หลวงพ่อพูดว่าอย่างนี้"

พระบัวเฮียวอธิบายจนนายบุญช่วยเข้าใจถูกต้อง ท่านพระครูจึงอนุญาตให้เขาลากลับไป ต่อจากนั้นก็เป็นคิวของสตรีวัยห้าสิบ

"หลวงพ่อจ๊ะ ฉันอยากตาย" เป็นประโยคแรกที่นางเอื้อนเอ่ย
"อยากตายหรือ งั้นก็ตามโยมผู้ชายคนนั้นไปซิ"
"ตามไปทำไมจ๊ะหลวงตา" นางถามอย่างงงๆ
"อ้าว ก็จะได้ไปหาแม่เขาสิ ไปแลกกันซะ จะได้หมดเรื่อง เมื่อแม่เขาไม่อยากตายแต่โยมอยากตาย ก็ควรจะแลกกันเสีย จะได้สมใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายไงล่ะ"
"แหม..หลวงพ่อ ถ้ามันยังงั้นได้ก็ดีนะสิ"
"ก็ทำไมจะไม่ดีเล่า อาตมาถึงได้แนะนำไง อาตมาไม่เคยแนะนำสิ่งไม่ดี" ท่านใช้มุขตลกเพื่อให้บรรดาผู้แบกทุกข์ทั้งหลายได้ผ่อนคลาย

"แต่ฉันอยากตายโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนกับใคร" หญิงนั้นยืนกราน
"อยากตายแน่หรือ" คราวนี้ท่านถามจริงจัง
""จ๊ะ" นางตอบเสียงอ่อย
"งั้นก็เชิญตายได้ตามสบาย วัดนี้มีพร้อมทั้งเมรุเผาศพ ทั้งพระสวดมาติกา ถ่านไม่มีก็ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวให้สมชายไปสั่งที่ตลาดก็ได้ ว่าแต่โยมจะเอาโลงแบบไหน ไม้ฉำฉาหรือไม้จำปา"

เห็นท่านพระครูเอาจริง นางก็ใจฝ่อ อยากจะเปลี่ยนใจแต่ก็อายคนอื่น จึงฝืนใจตอบไปว่า "แล้วแต่หลวงพ่อจะเมตตาเถิดจ้ะ ไม้อะไรก็ได้"
"แล้วแต่อาตมาไม่ได้ ก็อาตมาไม่ได้เป็นคนตายนี่"
"งั้นโลงจำปาก็ได้จ้ะ" สตรีวัยกลางคนเสียงแผ่วลงไปทุกที เหงื่อแตกซิกเพราะกลัวตาย
"เอาละ..สมชายมานี่ซิ ช่วยไปนิมนต์พระให้สักสิบรูปสำหรับสวดมาติกา แล้วไปสั่งถ่านที่ตลาดให้ห้ากระสอบ" ท่านหันไปมองหญิงคนนั้นแล้วพูดว่า "ผอมๆอย่างโยม ห้ากระสอบก็หมดไม่มีเหลือ"

คนแบกทุกข์มีท่าลังเล"ฉันกลัวร้อน เอาถ่านมาเผาฉันๆก็แย่น่ะสิ"
"อ้าว..ก็เมื่อโยมตายก็ต้องเผา จะปล่อยให้เหม็นคลุ้งอยู่ในวัดได้ยังไง"
"งั้นฉันไม่ตายก็ได้" นางถือโอกาสเปลี่ยนใจ
"เอาให้แน่ๆ จะตายหรือไม่ตาย อาตมาจะได้จัดการให้ตามความประสงค์ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอาตมาก็ทำอะไรไม่ถูกสิ"

หญิงนั้นนึกว่าถูกดุจึงร้องไห้โฮออกมา รำพึงรำพันว่า "ฉันกลุ้มใจจ้ะหลวงพ่อ ฉันอยากตายแต่ก็กลัวตาย ฮือๆๆๆๆ"

ทุกคนในที่นั่นพากันสมเพช เรื่องของคนอื่นช่างดูน่าสมเพช หลงลืมไปว่าบางทีเรื่องของตัวเองนั้นน่าสมเพชมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

"ตั้งสติให้ดีๆนะโยม หยุดร้องเสียแล้วเล่าไปว่าโยมกลุ้มใจเรื่องอะไร ถ้าเอาแต่ร้องไห้อาตมาจะรู้ไ้ด้ยังไง"

นั่นแหละนางจึงหยุดร้องไห้ ใช้มือปาดน้ำตาจนแห้ง จากนั้นจึงเริ่มต้นเล่าถึงเหตุแห่งความทุกข์ จับใจความได้ว่าสามีลักลอบได้เสียกับคนใช้ในบ้าน เมื่อนางไล่คนใช้ออก สามีก็ไปเช่าแฟลตอยู่กับคนใช้ ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง

"หลวงพ่อคะ ทำไมพวกผู้ชายถึงชอบยุ่งกับคนใช้คะ"

สตรีวัยประมาณสามสิบถามขึ้นบ้าง เพราะประสบปัญหาอย่างเดียวกัน ท่านพระครูเห็น 'เข้าเค้า' จึงใช้ 'เห็นหนอ' สำรวจดูผู้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าท่าน มีใครบ้างที่มาด้วยปัญหาอย่างเดียวกัน จะได้ตอบให้เสร็จๆไปเป็นชุดๆ เพื่อประหยัดเวลา แล้ว 'เห็นหนอ' ก็รายงานว่ามีหกรายที่ประสบปัญหาสามีมีเมียน้อย และสี่ในหกรายมีเมียน้อยเป็นคนใช้ ส่วนปัญหาเรื่องเมียมีชู้มีอยู่สองราย ทั้งแปดรายนี้สามารถใช้วิธีเดียวกันได้ในการแก้ปัญหา

"หลวงพ่อยังไม่ตอบหนูเลยว่าทำไมผู้ชายถึงชอบยุ่งกับคนใช้" สตรีวัยสามสิบทวงคำตอบ
"เอ..อาตมาก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะอาตมายังไม่เคยยุ่งกับพวกคนใช้"

คำพูดของท่านเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น รวมทั้งคนถามด้วย

"แต่หลวงพ่อน่าจะตอบได้ เพราะหลวงพ่อก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน" คนถามไม่ยอมแพ้

"หนูตอบเองค่ะ" หนึ่งในสี่ของผู้ที่สามีมีเมียน้อยเป็นคนรับใช้ ขันอาสาตอบด้วยด้วยสุ้มเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้นเคือง "เพราะคนพวกนี้รสนิยมต่ำ ชอบของต่ำ ขอบกินของเน่าเหม็น จิตใจสกปรกต่ำทราม"

หล่อนหันไปทางพวกผู้ใหญ่แล้วล้อมรั้วป้องกันตัวเองด้วยการกล่าวว่า "ขอโทษบรรดาสุภาพบุรุษที่นั่งอยู่ที่นี่ด้วยนะคะ ถ้าท่านไม่ได้เอาคนใช้ทำเมียก็อย่าร้อนตัว"

มนุษย์ผู้ชายเลยต้องพากันนั่งนิ่ง ทั้งๆที่ใจอยากจะฉีกเนื้อผู้หญิงปากกล้าคนนั้น

"หลวงพ่อคะ สามีหนูชอบดูรูปโป๊" สาววัยยี่สิบเศษถือโอกาสลัดคิว ก็ทีคนอื่นๆยังทำได้เลย "เขาสะสมรูปโป๊ไว้ในลิ้นชักหัวเตียง เป็นรูปอุจาดลามกทั้งนั้น ดูไม่ได้เลยค่ะ"

"แล้วหนูไปดูทำไมจ๊ะ" ท่านถามยิ้มๆ
"ก็มันเห็นน่ะค่ะ" หล่อนแก้ตัว
"เขาวางเอาไว้ให้หนูเห็นงั้นหรือ ไม่ใช่เขาอุตส่าห์ซ่อนไว้แล้วหนูไปค้นจนเจอนะ"

คนถามยิ้มแหยๆ เพราะเป็นความจริงดังที่ท่านพระครูว่า

"แบบนี้เป็นโรคจิตหรือเปล่าคะ อายุก็มากแล้วยังจะสัปดน ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นอ่านหนังสือธรรมะ สะสมหนังสือธรรมะไว้เต็มตู้ แต่หลังฉากแอบอ่านหนังสือโป๊ สะสมรูปโป๊ แถมยังเอาไว้หัวนอนอีกด้วย แบบนี้ต้องเป็นโรคจิตใช่ไหมคะ"

"หลวงพ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าหนูน่ะหึงแม้กระทั่งรูปโป๊"

เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก แต่หญิงสาวกลับทำหน้าบูดบึ้ง หล่อนต้องการมาเอาคำตอบเรื่องนี้ แต่หลวงพ่อกลับเห็นเป็นเรื่องตลก หญิงสาวแน่ใจว่าสามีต้องเป็นโรคกามวิปริตหรือไม่ก็จิตวิปลาส จะอะไรก็แล้วแต่ หล่อนได้เก็บรูปและหนังสือลามกพวกนั้นเผาเป็นจุณไปหมดแล้ว ไม่ต้องการเก็บไว้ให้เป็นอัปมงคลแก่บ้านเรือน

"เอาละ ฟังทางนี้ วิธีแก้ปัญหาสามีหรือภรรยานอกใจนั้นไม่ยากอะไรเลย ประเดี๋ยวอาตมาจะบอกวิธีให้ แต่ต้องทำให้ได้นะ ถ้าทำไม่ได้ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ต้องมีความอดทน มีความเพียรไม่ท้อถอย เคยมีคุณหญิงคนหนึ่งมาขอให้อาตมาช่วยแบบเดียวกันนี้ อาตมาก็แนะแนวทางให้ เขาก็ไม่ยอมทำตาม เลยไม่สำเร็จ"

"แล้วคนที่ทำตามจะสำเร็จทุกคนไหมคะ"

"สำเร็จแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ อาตมาวิจัยมาแล้ว น่าเสียดายที่คุณหญิงเขาไม่เชื่อ อุตส่าห์ดั้นด้นมาหา พอบอกให้กลับไม่ทำตาม สามีเขาเป็นรัฐมนตรีแต่ไปหลงรักคนใช้ถึงกับปลูกบ้านให้อยู่ คุณหญิงก็เอาแต่ด่า สามีเลยไปอยู่กับคนใช้เสียเลย เวลาใครจะมาติดต่อราชการเขาก็ไปหาที่บ้านคนใช้ คุณหญิงยิ่งโกรธใหญ่ นี่มานั่งด่าตรงนี้" ท่านชี้ไปตรงที่สตรีวัยห้าสิบนั่งอยู่

"ด่าใครคะ"
"ด่ารัฐมนตรีกับคนใช้"
"แล้วคนถูกด่าเขาได้ยินไหมคะ"
"จะได้ยินอะไร  โน่น..เขาอยู่กรุงเทพฯ โน่น คนที่ได้ยินคืออาตมา เขาด่าฉอดๆ ใครไม่รู้ก็คงนึกว่าด่าอาตมา" แล้วท่านก็หัวเราะหึหึ
"งั้นหลวงพ่อบอกวิธีแก้ปัญหาเถิดค่ะ หนูจะได้นำไปปฏิบัติ" สตรีวัยสามสิบเร่งเร้า

"วิธีง่ายๆคืออย่าไปโกรธ ห้ามโกรธ ห้ามผูกพยาบาท แต่ให้แผ่เมตตาให้เขาทั้งสองคน ขอให้เขาครองรักครองสุขกันอย่างราบรื่น อย่าได้ไปด่าไปแช่งเป็นอันขาด"

"โอ๊ย..หนูทำไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าแช่งละก็พอทำได้" คนอายุสามสิบท้วง

"แช่งไม่ได้ แช่งยิ่งไม่สำเร็จ ถ้าเราอยากให้เขากลับมาหาเรา อยากให้เลิกกับทางโน้น เราต้องทำให้ได้ มันอาจจะฝืนใจตอนแรกๆ แต่พอทำไปๆก็ชิน เมื่อชินแล้วก็ไม่ต้องฝืนใจ คนเขาสำเร็จกันเป็นสิบๆรายแล้ว นี่อาตมาบันทึกไว้หมด"

"แล้วคนที่ไม่สำเร็จมีไหมคะ"
"ก็อย่างที่บอก ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่สำเร็จ อย่างเช่นคุณหญิงเป็นต้น ถ้าทำได้รับรองสำเร็จทุกราย"
"ค่ะ ถ้างั้นเชิญหลวงพ่อพูดต่อเถิดค่ะ"

"ก่อนแผ่เมตตาก็ต้องสวดมนต์ไหว้พระเสียก่อน ให้สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหาการ์อย่างละจบ หลังจากนั้นจึงสวดพุทธคุณอย่างเดียว สวดเท่าอายุบวกหนึ่ง เช่นโยมอายุสามสิบก็สวดสามสิบเอ็ดรอบ"

"งั้นฉันก็ต้องสวดถึงห้าสิบเอ็ดรอบสิจ๊ะ" สตรีวัยห้าสิบพูดขึ้นบ้าง
"ก็ไม่ยากอะไรนี่โยม ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง"

"แล้วนานไหมคะกว่าจะได้ผล" คนอายุสามสิบถามอีก

"เท่าที่อาตมาบันทึกไว้ อย่างเร็วก็หนึ่งเดือน อย่างช้าก็สามเดือน ขึ้นอยู่กับว่าใครมีสมาธิมากน้อยกว่ากัน อย่างคนหนึ่ง เขามาเล่าให้อาตมาฟังว่าแรกๆเขาแผ่เมตตาไม่ได้เลย มันแผ่ไม่ออก พอนึกว่าเขาทำให้ตัวเจ็บช้ำ แทนที่จะบอกให้เขาเป็นสุขๆเถิด กลับแช่งให้เขาประสบความพินาศฉิบหาย แต่หลังๆเขาก็ทำได้ รายนี้สามเดือนถึงสำเร็จ"

เมื่อท่านบอกวิธีแก้ปัญหาจบลงปรากฏว่ามีผู้กราบแล้วคลานออกไปแปดราย เป็นหญิงหกและชายสอง

"หลวงพ่อครับ แม่อีหนูหนีไปอีกแล้วครับ" เจ้าทุกข์รายที่สามเข้าร้องเรียน เขาเป็นชายวัยกลางคน หน้าตาซูบซีดหมองคล้ำ

พระบัวเฮียวซึ่งสังเกตุการณ์อยู่รู้สึกสงสารท่านพระครู ที่ต้องรับฟังเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้คนทุกชั้นวรรณะ และปัญหาของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปชนิดที่เรียกได้ว่าสารพันปัญหา หากท่านก็ไม่ได้แสดงความท้อแท้เบื่อหน่าย คงให้ความเมตตาช่วยเหลือและรับฟังปัญหาของพวกเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งๆที่บางปัญหาดูไร้สาระในสายตาของพระบัวเฮียว

"หนีอีกแล้วเหรอ โยมไปทำอะไรเขาล่ะ" ท่านแกล้งถาม 'เห็นหนอ' รายงานท่านว่าชายผู้นี้เมาเหล้าแล้วอาละวาด เตะเมียจนตกบ้าน

"ก็ลงไม้ลงมือไปนิดหน่อยเองครับ" เขาตอบไม่ตรงนัก ครั้นจะโกหกก็ไม่กล้า เพราะรู้ว่ท่านตรวจสอบได้ เห็นเขาว่ากันว่าท่าน 'ตาทิพย์'

"อ้อ ขนาดเตะตกบ้านยังว่านิดหน่อยอีกหรือ ถ้ามีคนมาเตะโยมตกบ้าน โยมยังจะว่านิดหน่อยอีกไหม"
"ผมผิดไปแล้วครับหลวงพ่อ" เขาก้มหน้าสารภาพ
"โยมพูดแบบนี้มาหลายกี่ครั้งแล้ว ก่อนทำทำไมไม่คิด วันก่อนก็เอาส้อมขว้างใส่หน้าเขาใช่ไหมล่ะ"

ชายคนนั้นนั่งก้มหน้านิ่ง ไม่ยอมตอบ ท่านพระครูจึงถือโอกาสสั่งสอน

"ถ้าวันนั้นเขาหลบไม่ทัน รับรองตาบอด อยากมีเมียตาบอดใช่ไหม"
"ไม่อยากครับ"
"ไม่อยากก็อย่าทำอีก"
"แล้วเมื่อไหร่เขาจะกลับเล่าครับหลวงพ่อ"

เขาอยากรู้คำตอบ เพราะเชื่อว่าท่านมีวาจาศักดิ์สิทธิ ถ้าท่านบอกสามวันก็สามวัน เจ็ดวันก็เจ็ดวัน ไม่เคยผิดพลาดสักครั้ง

"เขาไม่กลับแล้ว ถ้าโยมไม่เลิกเหล้าเขาไม่กลับแน่ แต่ถ้าเลิกเหล้าได้ อีกเดือนนึงเขาจะกลับ"
"ตั้งเดือนเชียวหรือครับ"
"ใช่ แต่หมายความว่าโยมต้องเลิกเหล้าได้นะ ก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะเลือกเหล้าหรือเมีย"

ชายผู้นั้นทำท่าลังเล ใจหนึ่งอยากเลิกเหล้า อีกใจก็อยากเลือกเมียเพราะขี้เกียจเลึ้ยงลูกคนเดียว มีลูกตั้งห้าคน ยังเล็กๆทั้งนั้น คนหัวปีเพิ่งจะแปดขวบ คนเล็กยังไม่เต็มขวบดี ถ้าเมียไม่กลับเขาคงต้องตายเป็นแน่

ในที่สุดเขาก็บอกท่านพระครูว่า "หลวงพ่อครับ ผมจะเลิกหล้า ผมเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ไหว"
"ดีแล้ว แต่ต้องมีสัจจะนา เสียสัจจะเมื่อไหร่โยมต้องตาย มีตัวอย่างมากมาย โยมเคยได้ยินบ้างไหม"
"เคยครับ ทิดจาบเพื่อนบ้านผมก็ตายมาแล้ว หลวงพ่อจำได้ไหมครับ"
"จำได้สิ ก็คนนี้แหละที่มาบอกว่าจะเลิกเหล้า เลิกไปได้ปีเดียวก็กลับมากินอีก กินวันนั้นก็ตายวันนั้น เรื่องสัจจะนี่สำคัญมาก จำไว้นะ"
"ครับหลวงพ่อ ผมจะจำไปจนตายเลย ผมกราบลาละครับ"






ผู้ประพันธ์  :  ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม
หมวดวรรณกรรม

















Create Date : 09 ตุลาคม 2557
Last Update : 9 ตุลาคม 2557 19:19:22 น. 29 comments
Counter : 1439 Pageviews.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
..................

จงอย่ากลัวตาย แต่จงมีสติรู้เท่าทันชีวิตว่ามันไม่เที่ยง
มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปตามเหตุปัจจัย

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:20:36:00 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา Photo Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

------------------------------

แวะมาปิดโหวตของวันนี้ก่อนค่ะ
แล้วจะตามมาอ่านอีกทีนะคะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:23:58:08 น.  

 
จะเลิกเหล้าได้จริงหรือไม่

เมียจะกลับมาจริงหรือไม่

ล้วนรอการพิสูจน์......


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:11:53:54 น.  

 
สวัสดีค่ะ
แวะมาส่งกำลังใจค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้า(น)ป่า Home & Garden Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: pantawan วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:0:17:45 น.  

 
สวัสดีค่ะ
มาส่งกำลังใจให้เช่นเคยค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:4:56:21 น.  

 
คาถากันตายแบบนี้แน่มาก
เอาไปบอกคนท้อแท้มั่งถ้าจะดีค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Music Blog ดู Blog
Tui Laksi Photo Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:16:50:32 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:22:51:06 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ญามี่ Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
เตยจ๋า Dharma Blog ดู Blog
ALDI Food Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 12 ตุลาคม 2557 เวลา:3:20:38 น.  

 
มาอ่านต่อค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 12 ตุลาคม 2557 เวลา:17:11:35 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog

newyorknurse


โดย: newyorknurse วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:7:27:50 น.  

 

โหวดสาขา book ค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาปอมซ่า Music Blog ดู Blog
AppleWi Beauty Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Home & Garden Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
newyorknurse


โดย: newyorknurse วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:7:29:54 น.  

 
มาส่งกำลังใจไว้ก่อน แล้วค่อยมาตามอ่านครับ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ALDI Food Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Home & Garden Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:10:27:12 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
มีสาระดีค่ะ ขอบคุณที่นำมาฝากกันนะคะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: หอมกร วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:10:50:50 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะคุณแว่นเวียงฟ้า
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ญามี่ About Weblog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน วันที่: 15 ตุลาคม 2557 เวลา:14:51:23 น.  

 


โดย: สมาชิกหมายเลข 1770075 วันที่: 16 ตุลาคม 2557 เวลา:16:58:33 น.  

 
อ่านธรรมะวันนี้ ได้คาถาดีหลายอย่างครับ
โหวต เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 16 ตุลาคม 2557 เวลา:20:16:04 น.  

 
สุขสันต์วันศุกร์ค่ะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:11:01:26 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

วันนี้มาส่งกำลังใจให้ค่ะ


โดย: AppleWi วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:15:28:27 น.  

 
คาถากันตายมีอยู่แค่สองข้อน่าสนใจ
ต้องเอาไปบอกคุณยาย
เห็นแกตั้งเป้าว่าจะตายร้อยปีครับผม
เวียงแว่นฟ้า Book Blog


โดย: moresaw วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:22:38:51 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า
มาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ
ไว้ดึกๆมาใหม่

ขอบคุณที่แวะไปฟังเพลงนะคะ



โดย: mambymam วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:22:54:08 น.  

 
มาอีกรอบค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


ราตรีสวัสดิ์นะคะ



โดย: mambymam วันที่: 18 ตุลาคม 2557 เวลา:0:06:48 น.  

 

มาส่งกำลังใจพร้อมโหวตค่ะ

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 18 ตุลาคม 2557 เวลา:9:45:39 น.  

 
ชอบคำแนะนำการแก้ปัญหาของหลวงพ่อครับ

เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog


โดย: Insignia_Museum วันที่: 18 ตุลาคม 2557 เวลา:15:53:05 น.  

 

แวะมาอ่านต่อค่ะ
ไว้กลับมาอีกนะคะ

newyorknurse


โดย: newyorknurse วันที่: 19 ตุลาคม 2557 เวลา:4:47:54 น.  

 
สวัสดีค่ะ
แวะมาทักทายจ้า..


โดย: เนินน้ำ วันที่: 19 ตุลาคม 2557 เวลา:8:50:01 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจไปให้คุณเวียงแว่นฟ้าครับ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: **mp5** วันที่: 19 ตุลาคม 2557 เวลา:11:55:22 น.  

 
ขอบคุณกำลังใจ
โคต้าหมวดธรรมะใช้ไปแล้ว
ขอโทษที วันหลังมาใหม่


โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 20 ตุลาคม 2557 เวลา:14:17:41 น.  

 
ขอบคุณโหวตค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:21:09:42 น.  

 





โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 31 ตุลาคม 2557 เวลา:16:53:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]