เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
มีนาคม 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
7 มีนาคม 2558

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 30




นายสมชายพาท่านพระครูกลับถึงวัดป่ามะม่วงเมื่อเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาเศษ ที่กุฎิของท่าน พระบัวเฮียวกำลังสอนวิธีเดินจงกรมและนั่งสมาธิให้กับคหบดีและครอบครัวตามที่ท่านมอบหมาย


เมื่อท่านเดินเข้ามา ภิกษุหนึ่งรูปและฆราวาสห้าคนก็ทำความเคารพด้วยการกราบสามครั้ง

"เจริญพร มาถึงนานแล้วหรือ" ท่านถามคหบดี
"ถึงสักบ่ายสามโมงเห็นจะได้ ก็ไปเสียเวลากับการหาซื้อชุดขาวน่ะครับหลวงพ่อ"

คหบดีตอบ เขาอยู่ในชุดเสื้อคอกลมสีขาว กางเกงขาก๊วยสีเดียวกัน ภรรยาและลูกชายอีกสามคนก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวดูสะอาดหมดจด

"หลวงพ่อมาเหนื่อยๆ นิมนต์พักสรงน้ำก่อนไม่ดีกว่าหรือคะ"

นางกิมเอ็งพูดขึ้น เมื่อเห็นท่านเดินมานั่งบนอาสนะ วันนี้หน้าตาเนื้อตัวของหล่อนปราศจากทั้งเครื่องสำอางและเครื่องประดับ จึงดูผิดไปจากวันก่อนราวคนละคน

"นิมนต์หลวงพ่อสรงน้ำก่อนดีกว่าตรับ" สามีของนางกิมเอ็งเห็นด้วย
"ไม่เป็นไรหรอกโยม เรื่องนั้นไม่สลักสำคัญหรอก อาตมาสรงน้ำตอนตีสองทุกวัน"
"แล้วไม่หนาวแย่หรือครับ หลวงตามีที่ทำน้ำอุ่นหรือเปล่า" ลูกชายคนเล็กของคหบดีถาม
"ไม่มีหรอกหนู หนาวก็ต้องทนเอา"

"แล้วหลวงตาหิวไหมครับ หลวงตาไม่ฉันข้าวเย็นไม่หิวแย่หรือครับ" เด็กหนุ่มถามอีก เพราะตัวเขาเริ่มจะหิวแล้ว เพราะใกล้เวลาอาหารเย็น
"ไม่หิวหรอกหนู หลวงตาชินแล้ว ถามยังงี้แปลว่าหนูหิวแล้วใช่ไหม" ท่านถามอย่างรู้ใจ
"ใช่ครับ"
"หิวก็ต้องอดทนนะหนูนะ อดทนมากๆแล้วมันก็จะชินไปเอง"

พี่ชายอีกสองคนที่นั่งฟังรู้สึกผิดหวัง คิดว่าท่านจะอนุญาตให้รับประทานอาหารมื้อเย็นได้

"หลวงตาครับ ขอทานวันนี้วันเดียวไม่ได้หรือครับ แล้วพรุ่งนี้พวกผมค่อยฝึกอดกัน" คนตัวโตที่สุดต่อรอง
"ก็ฝึกเสียวันนี้ไม่ดีหรือ ถ้าเรามัวผลัดเป็นพรุ่งนี้ มันก็พรุ่งนี้อยู่เรื่อย การทำความดีไม่ต้องผลัดวันประกันพรุ่ง นะหนูนะ"
"หลวงตาครับ ทำไมการทำความดีต้องอดข้าวด้วยล่ะครับ" อีกคนถามบ้าง
"เดี๋ยวก่อน หลวงตายังไม่รู้เลยว่าพวกหนูชื่ออะไรกันบ้าง ไหนบอกมาซิ หลวงตาจะได้เรียกถูก เอาชื่อเล่นก็ได้"

"คนนี้ชื่อต้อมค่ะ เป็นคนที่สาม คนที่สองชื่อต่อ คนเล็กชื่อติ๋ง ส่วนคนโตที่อยู่อเมริกาชื่อต้นค่ะ"

นางกิมเอ็งตอบแทนลูกๆ เมื่อพูดถึงลูกคนโตนางก็อดร้องไห้ไม่ได้ เด็กหนุ่มสามคนคิดว่ามารดาร้องไห้เพราะคิดถึงพี่ชายคนโต ซึ่งเป็นพี่ชายของพวกเขา

"ทำใจดีๆน่ากิมเอ็ง"

คหบดีปลอบใจภรรยา ตัวเขาเองพอจะทำใจได้บ้างแล้วเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกชายติดยาเสพย์ติด เขาไม่ต้องการให้ลูกชายอีกสามคนดำเนินรอยตามพี่ชาย จึงสู้อุตส่าห์พามาเข้ากรรมฐาน ทั้งๆที่โรงเรียนยังไม่ได้ปิดภาค ลูกๆก็เชื่อฟังกันดี

"หลวงตายังไม่ได้ตอบผมเลยครับ ว่าทำไมการทำความดีต้องอดข้าวด้วย" เด็กหนุ่มที่ชื่อต้อมถามอีก
"เดี๋ยว หนูตอบหลวงตามาก่อนซิ ว่าคำสอนหลักของพระพุทธศาสนานั้นมีกี่ประการ มีอะไรบ้าง"
"ไม่ทราบครับ พวกผมเรียนโรงเรียนคริสต์มาตลอด จึงไม่รู้เรื่องศาสนาพุทธเลย"
"แล้วสวดมนต์เป็นไหม สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณน่ะเคยสวดไหม" ท่านถามคนชื่อต่อ
"ไม่เคยสวดเลยครับ เพราะไม่เคยสวดก็เลยสวดไม่เป็นครับ ครูสอนแต่สวดสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า"
"พ่อแม่ล่ะ เขาไม่เคยสอนให้สวดมนต์บ้างหรือ"
เด็กหนุ่มมองหน้าพ่อแม่อย่างเกรงใจก่อนตอบว่า "ไม่เคยครับ"

"เอาละ ไม่เป็นไร งั้นโยมช่วยตอบแทนลูกหน่อยก็แล้วกัน ไหนบอกอาตมาหน่อยซิ ว่าคำสอนหลักของพระพุทธศาสนามีอะไรบ้าง" ท่านถามคหบดี

"ไม่ทราบครับ" สามีนางกิมเอ็งตอบโดยไม่ลังเล
"โยมนับถือศาสนาอะไร" ท่านถามต่อ
"ศาสนาพุทธครับ"
"แล้วรู้อะไรเกี่ยวกับศาสนาพุทธบ้าง ลองบอกมาสักสองสามข้อก็ได้"
"ไม่รู้เลยครับ" คหบดีสารภาพ

"นี่แหละจุดอ่อนของชาวพุทธเราอยู่ตรงนี้แหละ คือสักแต่ว่าเป็นชาวพุทธ แต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศาสนาที่ตัวเองนับถือเลย แม้แต่สวดมนต์ก็ยังสวดไม่เป็น อาตมาไม่โทษลูกๆของโยมหรอกนะที่สวดมนต์ไม่เป็น ก็โยมไม่เคยสอนพวกเขาเลยนี่"

"งั้นก็คงไม่ใช่ความผิดของผมเหมือนกันครับ เพราะเตี่ยกับแม่ผมก็ไม่เคยสอนผมเหมือนกัน" คหบดีโยนความผิดไปให้บิดามารดา ซึ่งตอนนี้กำลังนอนอยู่ในฮวงซุ้ย

"แหม ถ้าเตี่ยกับแม่ของโยมนั่งฟังอยู่ตรงนี้ ก็คงพูดแบบเดียวกับโยม จริงไหม" ท่านย้อนอย่างสุภาพ
"จริงครับ" คหบดียอมรับ
"งั้นก็เอาละ พูดไปก็ไม่มีทางยุติได้ เราอย่ามัวไปโยนความผิดให้คนอื่น ต้องยอมรับว่าความผิดมันอยู่ที่เรานี่แหละ ฉะนั้นต้องแก้ไขที่ตัวเรา ไม่ใช่ไปแก้ที่คนอื่น โยมเห็นด้วยไหม" ท่านถามนางกิมเอ็ง
"เห็นด้วยค่ะ"
"แล้วโยมล่ะ" ท่านถามคหบดี "เห็นด้วยหรือเปล่า"
"เห็นด้วยครับ"

"ต้องเห็นด้วยสิ นึกว่าถ้าไม่เห็นด้วย จะได้ให้ไปเอาอาม้าอากงจากฮวงซุ้ยมาฝึกกันใหม่ เอามาฝึกสวดมนต์ นะหนูนะ"

ท่านหันไปพยักพเยิดกับลูกๆของนางกิมเอ็ง ซึ่งพากันหัวเราะคิกคัก

"เอาละ ทีนี้ก็มาพูดเรื่องสวดมนต์กันต่อ โยมจงจำไว้ว่า พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก ถ้าพ่อแม่ไม่เคยสวดมนต์ ลูกเขาก็จะสวดไม่เป็น แล้วเดี๋ยวนี้ตามโรงเรียนเขาก็ไม่ค่อยจะสอนให้นักเรียนสวดมนต์ ไปสอนอะไรก็ไม่รู้ นี่อาตมาหมายถึงโรงเรียนของชาวพุทธนะ อย่างหนูสามคนนี่สวดมนต์ไมเป็น แต่กลับสวดสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเป็น เพราะครูเขาสอน อันนี้จะโทษเด็กไม่ได้ ต้องโทษผู้ใหญ่ที่ไม่ปลูกฝังในสิ่งที่ถูกต้องดีงามให้เด็ก ผู้ใหญ่สมัยนี้เป็นแบบนี้กันมาก เอาละ ก็คงพอจะเข้าใจกันบ้างแล้ว ต่อไปนี้เราจะแก้ไขกันเสียใหม่นะ เราจะต้องสวดมนต์ให้เป้น มาอยู่วัดนี้ต้องสวดมนต์ทุกวัน วันละสองครั้ง เรียกว่าทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็น ทีนี้เราก็จะมาพูดกันถึงหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา"

ท่านหันไปพูดกับพระบัวเฮียวว่า "อาจารย์บัวเฮียวนั่งฟังมานานแล้ว ไหนลองบอกลูกศิษย์หน่อยซิ ว่าหลักคำสอนสำคัญของศาสนาพุทธมีอะไรบ้าง"

พระหนุ่มดีใจที่จะได้มีโอกาสพูดกับเขาบ้าง ฟังอย่างเดียวมันแสนจะอึดอัด ท่านวาง 'มาด' ให้ลูกศิษย์เลื่อมใสด้วยการกล่าวนำเป็นภาษาบาลี แล้วจึงแปลเป็นภาษาไทยว่า

"สพํพปาปสํส อกรณ์
 กุสอสํสูปสมํปหา
 สจิตุตาปะริโยหปนํ
 เอตํ พุททธนสาสนํ

 การไม่ทำความชั่วทั้งปวง
 การทำความดีให้เพียบพร้อม
 การทำจิตของตนให้สะอาดบริสุทธิ์
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย"

"ถูกแล้ว พูดสั้นๆก็คือ ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใส ทีนี้หลวงตาก็จะตอบคำถามที่หนูถามว่า ทำไมการทำความดีต้องอดข้าวเย็นด้วย อย่างนั้นใช่ไหม" ท่านถามหนุ่มต้อม

"ใช่ครับ"

"ถ้าอย่างนั้นหนูบอกหลวงตามาก่อนสิ ว่าคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนามีอะไรบ้าง ที่อาจารย์บัวเฮียวพูดไปเมื่อตะกี้นี้น่ะ"

ได้ยินท่านอ้างถึง พระบัวเฮียวก็ใจพองคับอก

"ผมจำไม่ได้เลยครับหลวงตา แล้วยังมีภาษาบาลีอีกด้วย ผมฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ แต่ที่หลวงตาพูดนั้นผมเข้าใจและจำได้ด้วยครับ"

คำตอบของลูกษิษย์ทำให้หัวใจที่กำลัง 'พองหนอ' ของพระบัวเฮียว กลายกลับเป็น 'ยุบหนอ' โดยทันใด

ท่านพระครูรู้ถึงหัวใจของพระหนุ่ม จึงพูดเป็นเชิงเตือนว่า "ยังใช้ไม่ได้นะ ใจที่ฟูๆ แฟบๆ ไปตามอิฏฐารมณ์ อนิฎฐารมณ์นั้น ยังใช้ไม่ได้ ต้องพยายามฝึกจิตไม่ให้หวั่นไหวในโลกธรรม ต้องฝึกอีกมาก"

แล้วท่านก็หันไปพูดกับนายต้อมว่า "อาจารย์ของหนูสอบตกเสียแล้ว ถูกหนูประเมินผลเข้าหน่อย ใจแฟบไปเลย"

"ประเมินผลยังไงครับ" เด็กหนุ่มงง
"ก็ที่หนูเข้าใจที่หลวงตาพูด แต่ไม่เข้าใจที่อาจารย์บัวเฮียวพูด ทั้งที่พูดเรื่องเดียวกัน ก็แปลว่าอาจารย์บัวเียวไม่มีประสิทธิภาพในการสอน เข้าใจหรือยังล่ะ"

"คงไม่ใช่ยังงั้นมังครับหลวงตา ผมคงไม่มีประสิทธิภาพในการรับมากกว่า อาจารย์สอนดีแต่ลูกศิษย์ไม่เก่งพอที่จะรับได้" เขาแก้ตัวแทน

พระบัวเฮียวรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นคนฉลาด อย่างน้อยก็ฉลาดกว่าท่าน

แล้วคน 'ฉลาด' ก็พูดอีกว่า ปแต่ตอนที่อาจารย์บัวเฮียวสอนเดินจงกรมและนั่งสมาธิ ท่านก็สอนดีมากนะครับ พวกเราเข้าใจกันทุกคน"

ฟังแล้วพระบัวเฮียวก็อยากจะ 'ใจฟู' หากก็เกรงพระอุปัชฒาย์จะว่าขาน ก็เลยแค่กำหนด 'เฉยหนอ' ทั้งที่รู้สึกว่ามันทำยากนักหนา

"เอาละ งั้นหนูลองบอกหลวงตามาซิ ว่าที่หนูเข้าใจและจำได้นั้นมีอะไรบ้าง"
"ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใสครับ"

"ถูกแล้ว ดีมาก จำเก่งมาก เอาละ ทีนี้หลวงตาจะอธิบายต่อ จะเห็นว่าหลักสามข้อที่ว่ามานั้นมันเกี่ยวโยงกัน คือเราจะทำดีได้ก็ต้องละชั่วให้ได้เสียก่อน การละชั่วนั้นจัดอยู่ในขั้นศีล ส่วนการทำดีก็คือการทำสมาธิ เมื่อทำสมาธิ จิตก็จะผ่องใสเกิดปัญญาขึ้น เราจึงพูดได้อีกอย่างว่า คำสอนหลักของศาสนาพุทธก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งสามอย่างนี้เกี่ยวข้องกัน คือต้องมาเป็นอันดับแรก เมื่อพูดถึงศีล ก็มีทั้งศีลห้าและศีลแปด อันนี้พูดเฉพาะฆราวาส ไม่รวมไปถึงศีลของของสามเณร หรือของภิกษุและภิกษุณี"

"ศีลห้าที่ผมเคยเรียนในหนังสือใช่ไหมครับหลวงตา" หนุ่มติ๋งถาม เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเรียน
"ในหนังสือเขาว่าอย่างไรล่ะ" ท่าย้อนถาม
"เขาก็ว่าศีลมีห้าข้อ ข้อหนึ่งห้ามฆ่าสัตว์ครับ"
"แล้วข้อสองล่ะ"
"ลืมแล้วครับ ผมเคยท่องได้หมดตอนใกล้สอบ แต่ตอนนี้จำได้แค่ข้อเดียวครับ" หนุ่มน้อยตอบตามตรง
"อ้อ อย่างนี้นี่เอง หลวงตานึกว่าศีลเขามีไว้ให้คนประพฤติปฏิบัติเสียอีก ที่แท้ก็มีไว้ท่องตอนใกล้สอบ ยังงั้นใช่ไหม"

แม้จะอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ในที่นั้น แต่หนุ่มน้อยก็รู้ว่าท่านพูดประชด จึงยกเหตุผลมาแก้ว่า  "เพื่อนๆผมเขาก็ทำอย่างนี้ครับ คือท่องได้ตอนก่อนสอบ พอสอบเสร็จก็ลืมหมด บางคนลืมตั้งแต่ยังไม่ทันได้สอบเสียด้วยซ้ำ เลยพากันตกเป็นแถวๆ พวกเราเกลียดวิชาศีลธรรมมากที่สุดเลยครับ"

เด็กหนุ่มพูดจากความรู้สึก เป็นความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ ที่เห็นศาสนาเป็นเรื่องโบราณคร่ำครึ งี่เง่า งมงาย

"อ้อ อย่างนี้กระมังที่กระทรวงศีกษาธิการเขาถึงจะให้เลิกสอนวิชาศีลธรรม เขาคงเห็นนักเรียนไม่ชอบนั่นเอง" ท่านประชดอีก

แม้ว่าจะรู้ว่าท่านประชด หากหนุ่มติํงก็แสร้งเออออห่อหมกด้วยว่า "ดีครับ เลิกๆไปเสียก็ดี ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย"

"ก็ถ้าไม่มีประโยชน์แล้วหนูมาวัดทำไมล่ะ มาวัดนี้ทำไม"
"ป๋าบังคับให้มาครับ"
"อ้อ มาเพราะถูกบังคับหรอกหรือ"
"ติ๋งจะพูดอะไรก็ระวังปากไว้บ้าง ปากไม่ดีจะทำให้จมูกพลอยเจ็บไปด้วยนะ" คหบดีเตือนบุตรชายคนเล็ก
"ก็จริงๆนี่ครับป๋า พวกผมไม่อยากมาสักคน ไม่รู้ว่าจะมาทำไม"

คหบดีถลึงตาใส่ลูกชาย เด็กหนุ่มจึงสงบปากคำลง

ท่านพระครูรู้สึกสงสารคนเป็นพ่อ จึงพูดขึ้นว่า "เอาละหนู อย่าเพิ่งไปว่าป๋าเขา เอาไว้เจ็ดวันผ่านไปก่อนแล้วค่อยต่อว่า ไหนๆก็ถูกบังคับให้มาแล้ว ก็ให้หนูตั้งอกตั้งใจปฏิบัติให้ครบเจ็ดวัน ลองดูนะหนูนะ"

"ครับ" เขารับคำ เพราะยังติดใจเรื่องวิชาศีลธรรมอยู่
"หลวงตาครับ ผมว่าโรงเรียนน่าจะเลิกสอนวิชาศีลธรรมกันได้แล้ว ผมว่ามันไม่มีประโยชน์เลยจนนิดเดียว"
"ยังงั้นหรือ หนูคิดยังงั้นหรือ แล้ววิชาอะไรล่ะที่หนูว่ามีประโยชน์น่ะ"
"วิทยาศาสตร์ครับหลวงพ่อ เดี๋ยวนี้เรามีเทคโนโลยี่ใหม่ๆ อันเป็นผลมาจากความเจริญทางวิทยาศาสตร์"

"แต่ศีลธรรมสอนให้มนุษย์เป็นมนุษย์ ส่วนวิทยาศาสตร์สอนให้มนุษย์เป็นหุ่นยนต์ หนูคอยดูไปก็แล้วกัน ในอนาคตคนเราจะมีลักษณะเป็นหุ่นยนต์มากขึ้น เพราะเขาสูญเสียความเป็นมนุษย์ลงไปทุกที"

พระบัวเฮียวฟังแล้วรู้สึกปวดหัว ทนต่อไปไม่ไหวแล้วจึงพูดขัดขึ้นว่า
"หลวงพ่อครับ ผมปวดศีรษะจังครับ หลวงพ่อพูดเรื่องหนักๆทั้งนั้น"

"ปวดหัวก็กลับไปนอนซะ" ท่านพูดด้วยสีหน้าและเสียงที่ปกติ
"ไม่นอนครับหลวงพ่อ ผมไม่ง่วง ขืนนอนเดี๋ยวก็เข้าตำรา"
"ตำราอะไร"
"ตำราสมภารยุคใหม่สิครับ เช้าเอน เพลนอน เย็นพักผ่อน ค่ำจำวัด"
"ดึกซัดมาม่า" เด็กหนุ่มที่ชื่อติ๋งต่อให้ ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างพากันหัวเราะ ทำให้บรรยากาศที่กำลังเคร่งเครียดผ่อนคลายลง

"เอาละ ถ้าอย่างนั้นใครก็ได้ ช่วยบอกอาตมาหน่อยสิว่าศีลห้ามีอะไรบ้าง"

พ่อแม่ลูกมองตากันปริบๆ เพราะไม่มีใครจำได้ครบทั้งห้าข้อเลยสักคน ท่านพระครูจึงหันไป 'เล่นงาน' พระบัวเฮียว

"อาจารย์บัวเฮียวสอนยังไง ลูกศิษย์ถึงยังไม่รู้จักศีลห้า ตอนขึ้นกรรมฐานไม่ได้ให้ศีลหรอกหรือ"
"ให้แล้วครับ" พระบัวเฮียวตอบ ท่านเพิ่งให้ศีลแปดไปหยกๆ

"อาจารย์บัวเฮียวท่านให้เป็นภาษาบาลีครับหลวงตา พวกผมเลยจำไม่ได้" หนุ่มต่อแก้ตัวแทนคนในครอบครัว
"งั้นก็บอกมาเป็นภาษาไทยก็ได้ เอาศีลห้าก่อน"
"ลืมหมดแล้วครับหลวงตา ก็น้องติ๋งเพิ่งเรียนยังลืม ผมเรียนมาตั้งนานแล้ว ขืนจำได้ก็มหัศจรรย์สิครับ" หนุ่มต่อตอบ

"เอาละ เพื่อไม่ให้เสียเวลา หลวงตาจะไม่พูดนอกเรื่องให้มันเยิ่นเย้อยืดยาด ก็จะได้อธิบายให้ฟังว่าศีลห้าข้อนั้นมีอะไรบ้าง"

แล้วท่านก็อธิบายศีลห้าแต่ละข้อจนคนทั้งห้าเข้าใจเป็นอันดี ต่อจากนั้นก็อธิบายศีลแปดหรืออุโบสถศีล พร้อมทั้งสรุปให้เสร็จสรรพดังนี้

"จะเห็นได้ว่าศีลสามข้อหลังที่เพิ่มขึ้นมานั้นมันไปสนับสนุนข้อที่สาม การที่ต้องเว้นการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ก็เพื่อไม่ให้จิตไปหมกมุ่นกับกามคุณ 5 อย่าลืมว่าอาหารเช้านั้นเข้าไปบำรุงร่างกาย อาหารกลางวันบำรุงการงาน ส่วนอาหารเย็นมันไปบำรุงกามคุณ 5 เมื่อเรามาฝึกสมาธิเราจึงต้องงดอาหารมื้อเย็น เพราะมันจะทำให้เกิดความกำหนัดยินดีในรูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัส พอจะเข้าใจหรือยังล่ะ"

"เข้าใจครับ" คหบดีตอบ
"แล้วพวกหนูล่ะ เข้าใจที่หลวงตาพูดหรือเปล่า" ท่านถามสามหนุ่มน้อย
"เข้าใจเหมือนกันครับ แต่ยังไม่แจ่มแจ้ง" หนุ่มต้อมตอบ
"เอาละ ยังไม่แจ่มแจ้งก็ไม่เป็นไร ปฏิบัติมากๆแล้วจะเข้าใจไปเอง ขอให้มีความเพียรก็แล้วกัน เอาละ แยกย้ายกันไปปฏิบัติที่กุฎิของตัวได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยมาให้อาตมาสอบอารมณ์"

ยังไม่ทันที่คนทั้งห้าจะลุกออกมา บุรุษสองคนก็ช่วยกันหามเสาสี่เหลี่ยมยาวประมาณสองวาเข้ามาในกุฎิ สตรีวัยประมาณห้าสิบถือไม้กวาดทางมะพร้าวมัดหนึ่งตามหลังเข้ามาด้วย

"นี่จะหามเสามาให้อาตมาปลุกเสกหรือไง" ท่านทักเมื่อบุรุษทั้งสองวางเสาลงตรงหน้าท่านแล้วหยุดหายใจแรงๆ

"เรื่องมันแปลกค่ะหลวงพ่อ" สตรีวัยห้าสิบวางไม้กวาดลง กราบสามครั้งพลางเอื้อนเอ่ย ได้ยินว่าเรื่องแปลก คหบดีและบุตรภรรยาจึงยังไม่ยอมลุกออกไป

"แปลกยังไงหรือโยม แหม..วัดนี้มีเรื่องแปลกๆอยู่เรื่อยเลย ไม่รู้ว่าวัดอื่นเขาเป็นอย่างนี้บ้างหรือเปล่า หรือพระบัวเฮียวว่ายังไง" ท่านหันไปถามพระบัวเฮียว

"ก็ไม่ทราบจะว่ายังไงครับหลวงพ่อ เพราะผมก็ยังไม่เคยอยู่วัดอื่น แต่ถึงยังงั้นผมก็ว่าวัดนี้แปลกกว่าวัดอื่นครับ" พระหนุ่มตอบเหมือนไม่ต้องการให้ผู้ฟังคิดน้อยๆ

ท่านพระครูไม่อยากจะคิดมาก จึงถามสตรีผู้นั้นว่า "แปลกยังไงหรือโยม เล่าให้อาตมาฟังหน่อยเป็นไร"
"ไม่แปลกยังไงครับหลวงพ่อ อยู่ดีๆเสาก็พูดได้" คนแบกเสาพูดขึ้นเมื่อหายเหนื่อยแล้ว
"เขาพูดว่ายังไงบ้างล่ะ" ท่านถามอย่างไม่รู้สึกแปลกใจ
"เขาบอกอยากมาอยู่วัดป่ามะม่วง ช่วยพาไปหน่อย จะไปช่วยกวาดวัด ให้ซื้อไม้กวาดไปด้วย เป็นเสียงผู้หญิงครับ"
"แล้วมีใครได้ยินบ้าง"
"ฉันก็ได้ยินค่ะ พูดแบบนี้สามคืนติดต่อกัน" สตรีผู้นั้นยืนยัน
"ผมก็เลยจำใจยกมาทั้งต้นเลย ต้องซื้อเสาต้นใหม่มาแทน" บุรุษวัยห้าสิบเศษเล่า เขาเป็นสามีของสตรีที่มาด้วยกัน

ท่านพระครูกำหนด 'เห็นหนอ' ก็พบสตรีร่างผอมบางในชุดสีดำ นั่งหมอบอยู่ตรงหน้าท่าน

"ดิฉันจะมาช่วยหลวงพ่อกวาดลานวัดค่ะ"

หล่อนรายงาน เฉพาะเจาะจงให้ท่านได้ยินเพียงผู้เดียว แต่ท่านก็รู้มากไปกว่านั้นว่าหล่อนอยากมาอยู่กับ 'บุรุษผู้มากับก้อนหิน' ด้วยเคยผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อน ก็เขานั่นแหละที่ไปชวนหล่อนมาอยู่วัดเพื่อสร้างบารมี

"ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยยกไปไว้ใต้ต้นปีบหลังกุฎิอาตมาก็แล้วกัน"

ท่านสั่งบุรุษทั้งสอง เพราะไม่ต้องการให้สตรีเพศเข้ามาอยู่ในกุฎิ แม้หล่อนจะเป็นเพียงวิญญาณก็ตาม เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงท่านเคร่งครัดในพระวินัยยิ่งนัก






ผู้แต่ง  :  ดร.สุทิสสา อ่อนค้อม
หมวดหนังสือ








555




Create Date : 07 มีนาคม 2558
Last Update : 7 มีนาคม 2558 9:26:47 น. 39 comments
Counter : 1010 Pageviews.  

 
สุขสันต์วันเสาร์ครับ


โดย: **mp5** วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:9:28:14 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
แฟนพันธุแท้มารายงานตัวค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: หอมกร วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:9:38:29 น.  

 
สวัสดีครับ
เวียงแว่นฟ้า Book Blog


โดย: moresaw วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:11:50:47 น.  

 
แวะมาลงชื่อค่ะ ... ไว้ตื่นแล้วจะมาอ่านต่อ .. กำลังสนุกเมื่อวานหนอนออกมาไต่วันนี้จะเจออะไรเนอะ?


โดย: โอพีย์ (Opey ) วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:12:10:42 น.  

 
วิ่งไปโหวตให้ทั่วก่อนครับ
แล้วค่อยกลับมาอ่าน

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
โสมรัศมี Art Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: nulaw.m (คนบ้านป่า ) วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:19:41:08 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ใช่แล้วล่ะขอรับ...ชาวพุทธ เป็นกันแต่ในทะเบียนบ้านว่าตัวเองคือพุทธ แต่หลักคำสอน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแน้มีอะไรบ้างไม่มีคนทราบ ตลกที่ขำไม่อกจริงๆขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:22:33:08 น.  

 
ส่งกำลังใจค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
....................

นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:23:38:36 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หอมกร Movie Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
.............................
ใช่แล้วค่ะศิลธรรม พุทธศาสนา สอนให้มนุษย์เป็นคน ส่วนวิทยาศาสตร์สอนให้มนุษย์เป็นหุ่นยนต์


โดย: โอพีย์ (Opey ) วันที่: 8 มีนาคม 2558 เวลา:1:12:02 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
:) 555 เด็กๆหิว แกล้งจะหลอกหลวงตา อิอิ .. ใช่แล้วล่ะครับ หากจะทำความดี ควรทำแต่เด๋วนี้ วันนี้ บัดนี้


โดย: winter puzzle & prince william&kate!! (เตยจ๋า ) วันที่: 8 มีนาคม 2558 เวลา:9:08:03 น.  

 
โห.....เอ็นทรี่นี้รอซะเงกเลย


โหวตเช่นเคยค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 8 มีนาคม 2558 เวลา:10:51:48 น.  

 
ตอนนี้ ห่างจากตอนที่แล้ว เป็นเดือนเลยมังคะ

ฟังแล้วน่าคิดนะคะ วิทยาศาสตร์สอนให้มนุษย์เป็นหุ่นยนต์



บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Movie Blog ดู Blog
ฟ้าใสวันใหม่ Home & Garden Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 8 มีนาคม 2558 เวลา:20:38:22 น.  

 
วิชา ศีลธรรม เรียนไว้ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง
ยุคนี้ วิทยาศาสตร์ทำให้มนุษย์นั่งก้มหน้า(หน้าจอ)
โหวต เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 8 มีนาคม 2558 เวลา:22:23:59 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ขอบคุณที่แวะชม


โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 9 มีนาคม 2558 เวลา:14:03:29 น.  

 
อ่านไปได้แง่คิดดี ๆ เยอะเหมือนกันนะคะ อย่างหนึ่งเลย คือพอเรามีปัญหา หรือครอบครัวมีปัญหา ก็หันเข้าหาศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจกัน ... ขอบคุณสำหรับงานเขียนดี ๆ ค่ะ :)

ไว้จะแวะมาอีกครั้งนะคะ ขอบคุณมาก ๆ ที่แวะไปที่บล็อกค่ะ


โดย: Tristy วันที่: 9 มีนาคม 2558 เวลา:20:26:52 น.  

 
มาส่งกำลังใจและส่งเข้านอนค่ะ
ราตรีสวัสดิ์นะคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 10 มีนาคม 2558 เวลา:0:03:41 น.  

 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: Tristy วันที่: 10 มีนาคม 2558 เวลา:1:06:48 น.  

 
ขอบคุณหนังสือดีๆที่นำมาให้ชมค่ะ
ส่งกำลังใจค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
พรหมญาณี Dharma Blog ดู Blog
Ariawah Auddy Photo Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Home & Garden Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: pantawan วันที่: 10 มีนาคม 2558 เวลา:12:52:06 น.  

 


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: **mp5** วันที่: 10 มีนาคม 2558 เวลา:18:36:23 น.  

 

Like ให้เลยค่ะคุณ
อุ้มแวะมาอ่าน...ขอบคุณที่นำมาฝากค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 12 มีนาคม 2558 เวลา:8:54:09 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ขอบคุณที่แวะชมต้นไม้ด้วยกันนะคะ



โดย: mambymam วันที่: 14 มีนาคม 2558 เวลา:10:08:55 น.  

 

มาโหวตให้สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 14 มีนาคม 2558 เวลา:18:52:39 น.  

 
ขอบคุณโหวตค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 14 มีนาคม 2558 เวลา:21:19:31 น.  

 
รออ่านบทใหม่ครับ


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 14 มีนาคม 2558 เวลา:22:21:49 น.  

 
สุขสันต์วันหยุดครับ


โดย: การเดินของใจ (เตยจ๋า ) วันที่: 15 มีนาคม 2558 เวลา:9:32:16 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: newyorknurse วันที่: 16 มีนาคม 2558 เวลา:5:15:43 น.  

 
สมัยก่อนก็ไม่ค่อยชอบ หน้าที่พลเมือง- ศีลธรรมเหมือนกันค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 16 มีนาคม 2558 เวลา:16:01:56 น.  

 
เห็นบรรยากาศ เข้าใจความรู้สึกของคนห่างวัดได้ดี กุศโลบายในการสอนของหลวงพ่อนับว่ายอดเยี่ยมมากครับ

เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog


โดย: Insignia_Museum วันที่: 16 มีนาคม 2558 เวลา:20:59:14 น.  

 
แก่นคำสอนของศาสนาพุทธ ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์ ไม่ได้ยินมานานแล้วนะครับเนี่ย
ศาสนาพุทธที่เรียนในการศึกษาภาคบังคับนี่เน้นท่องเอาคะแนนจริงๆครับ น่าจะเปลี่ยนวิธีสอนกันหน่อยเนาะ เข่นแทนที่จะมีสอบก็ใช้ชั่วโมงนี้ไปสนทนากับพระแทน


โดย: ชีริว วันที่: 16 มีนาคม 2558 เวลา:23:29:38 น.  

 
สาธุค่ะ อ่านแล้วได้เข้าใจหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาไปด้วย
นี่ล๊ะ... ตัวอย่างการสอนให้ชาวพุทธเข้าใจในหลักธรรมของพุทธศานา
ขอบคุณค่ะ ...จบแบบอยากให้ติดตามตอนต่อไป !

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้านป่า Pet Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog

- ปล. ขอขอบคุณสำหรับโหวตให้เราด้วยค่ะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 17 มีนาคม 2558 เวลา:6:39:25 น.  

 
สวัสดีค่ะ

มาอ่านสาระดี ๆ พร้อมทั้งไลค์และโหวตให้เป็นกำลังใจกันและกันนะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Pet Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: พรหมญาณี วันที่: 17 มีนาคม 2558 เวลา:10:34:22 น.  

 
สวัสดีค่ะติดตามอ่านและส่งกำลังใจให้งานดีมีคุณภาพค่ะ ^^

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้านป่า Pet Blog ดู Blog
mambymam Food Blog ดู Blog
anigia Parenting Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: mastana วันที่: 17 มีนาคม 2558 เวลา:12:33:09 น.  

 
แวะมาทักทายยามเย็นค๊าบบบ...


โดย: Ariawah Auddy วันที่: 18 มีนาคม 2558 เวลา:17:50:29 น.  

 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: Ariawah Auddy วันที่: 19 มีนาคม 2558 เวลา:9:32:49 น.  

 
แวะมาอ่านอีก
ขอบคุณกำลังใจค่ะ


โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 19 มีนาคม 2558 เวลา:23:13:54 น.  

 
ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ
แต่ก่อนเคยเห็นพิมพ์เป็นเล่ม เดี่๋ยวนี้
ไปถามร้านนายอินทร์ บอกไม่มีแล้วค่ะ



โดย: หอมกร วันที่: 20 มีนาคม 2558 เวลา:10:19:09 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 20 มีนาคม 2558 เวลา:17:39:22 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า
ขอบคุณที่แวะชมดอกไม้ด้วยกันนะคะ



โดย: mambymam วันที่: 20 มีนาคม 2558 เวลา:20:09:40 น.  

 
ขอบคุณคุณแว่นฟ้าสำหรับโหวตค่ะ ... มีความสุขมาก ๆ กับวันหยุดนี้นะคะ


โดย: Tristy วันที่: 21 มีนาคม 2558 เวลา:1:14:54 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ....

ขอบคุณครับสำหรับคะแนนโหวต


โดย: Prince winter puzzle !! (เตยจ๋า ) วันที่: 21 มีนาคม 2558 เวลา:4:29:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]