เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
 
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
27 มีนาคม 2557

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 1






หนังสือนิยายอิงธรรมะเรื่อง "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" เล่มนี้ เขียนโดย ดร สุทัสสา อ่อนค้อม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์ จรัญ ฐิตธมํโม หรือพระราชสุทธิญาณมงคล เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปีพ.ศ. 2535 และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง จนต้องมีการพิมพ์ต่อมาเรื่อยๆอีกหลายครั้ง จุดมุ่งหมายของหนังสือก็คือมุ่งเผยแพร่ความรู้เรื่องธรรมะที่แท้จริง ทำให้มนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์โลกเข้าใจถึงกรรมและการแก้ไขหรือบรรเทากรรมได้ด้วยตัวเอง โดยปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัด ตามหลักปฏิบัติของท่านพระอาจารย์จรัญฯ มีผู้คนมากมายจนนับไม่ถ้วน เกิดความศรัทธาเลื่อมใสและหลั่งไหลมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จนทำให้วัดมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสารทิศ

ข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่เลื่อมใสศรัทธาในวัตรปฏิบัติและพระธรรมคำสอนของท่านพระอาจารย์จรัญฯ มาตลอด รวมทั้งเคยได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันมาแล้ว รู้สึกปิติซาบซึ้งจนเกิดความคิดที่จะนำเนื้อเรื่องในหนังสือเล่มนี้ของ ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม มาเผยแพร่ให้ผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน มีโอกาสได้อ่านกันโดยถ้วนหน้า

หนังสือเรื่อง "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" แม้จะเป็นนิยายอิงธรรมะ ซึ่งบางท่านอาจจะไม่อยากอ่านเพราะคิดว่าคงเหมือนหนังสือธรรมะส่วนใหญ่ทั่วไป ที่อ่านแล้วง่วง เหมาะกับผู้สูงอายุที่เข้าวัดเข้าวาแล้วเท่านั้น แต่ถ้าท่านมีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่องนี้เพียงสองสามบท ท่านก็จะอยากอ่านจนจบ เพราะแม้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ แต่วิธีเขียน สำนวนและกลวิธีในการผูกเรื่องและเดินเรื่องน่าสนใจมาก จนสามารถดึงดูดผู้อ่านได้จนถึงบทสุดท้าย โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย ท่านจะสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเองถึงอรรถรสของงธรรมะที่บริสุทธิ์ และเนื้อเรื่องที่สนุกสนานน่าติดตาม ขอบอกว่าข้าพเจ้าอ่านหนังสือเรื่อง "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" สองเล่มค่อนข้างใหญ่ จบภายในหนึ่งวัน

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านนิยายอิงธรรมะเรื่อง "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ของ ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม ที่สามารถนำเสนอหลักธรรมะในเชิงนิยายได้อย่างน่าอ่านเป็นอย่างยิ่ง


เวียงแว่นฟ้า

หมายเหตุ:

่ท่านพระครูเจริญ เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วง เป็นพระในจินตนาการในธรรมนิยาย เรื่องสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม โดยมีเค้าชีวประวัติของหลวงพ่อจรัญอยู่ด้วยเป็นส่วนใหญ่


สัตวโลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 1


กิจวัตรประจำวันของท่านพระครู คือตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่แล้วปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนถึงหกโมงเช้า จากนั้นจึงจะออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ให้ชาวบ้านได้มีโอกาสสร้างคุณงามความดีด้วยการบริจาคทาน เพื่อขจัดความตระหนี่เหนียวแน่นออกไปจากจิตใจ

ท่านพระครูถือว่าการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เป็นข้อวัตรปฏิบัติที่สำคัญเป็นอันดับแรก ที่พระและเณรทุกรูปในวัดป่ามะม่วงจะต้องปฏิบัติทุกวัน เพื่อขัดเกลากิเลสเครื่องเศร้าหมองในหัวใจให้ลดน้อยลง และต้องนำไปสั่งสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติตาม เป็นอันได้ประโยชน์ทั้งสองส่วน คือประโยชน์ตัวเองและประโยชน์ท่าน

ในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาส ท่านพระครูย้ำเตือนพระลูกวัดอยู่เสมอว่า 'หน้าที่ของบรรพชิตที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้มีสามข้อคือ ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรมและสั่งสอนธรรม ผู้ใดเกียจคร้านละเลยค่อหน้าที่ถือว่าบวชเสียข้าวสุก และได้ชื่อว่ายังชีพอยู่ได้ด้วยการเบียดเบียนชาวบ้าน พวกญาติโยมเขาไม่เลื่อมไสศรัทธาพระประเภทนี้'

'ถ้าอย่างนั้นพวกพระที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์ใบ้หวย รับปลุกเสกลงเลขยันต์ ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของพระ ใช่ไหมครับ หลวงพ่อ' พระบวชใหม่รูปหนึ่งถามขึ้น

‘ฉันไม่อยากเรียกคนประเภทนั้นว่าพระ เรียกว่าพวกอาศัยผ้าเหลืองหากินดูจะเหมาะกว่า คนสมัยนี้มักหากินกันแปลกๆ ไม่ยักกลัวบาปกลัวกรรม”

“เขาคงไม่เชื่อว่าบาปกรรมมีจริงกระมังครับ”

“แต่บางคนทั้งๆที่เชื่อก็ยังทำ ฉันไม่อยากจะพูด พระบางองค์เป็นถึงท่านเจ้าคุณ แต่เบื้องหลัง...อย่าให้พูดดีกว่า ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้ มันกระทบกระเทือนสถาบันสงฆ์ เพราะพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยังมีอีกมาก” ท่านพระครูพูดอย่างปลงตก

“หลวงพ่อครับ ผมเคยฟังมาว่าท่านเจ้าคุณบางองค์ค้ายาเสพติด จริงหรือเปล่าครับ” ภิกษุหนุ่มถามอีก

“อย่าคิดอะไรมาก ตั้งหน้าตั้งตาเจริญกรรมฐานไปดีกว่า บางครั้งการรู้อะไรมากๆมันก็เป็นภัยแก่ตัวเราเอง คิดเสียว่าชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม บุคคลหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น...ข้อนี้เป็นสัจธรรม”

“ครับ ผมสบายใจมากที่ได้มาบวชอยู่ที่วัดนี้” ผู้บวชใหม่พูดอย่างปลาบปลื้ม

“ที่นี่ไม่รับคนโกนหัวห่มผ้าเหลืองแต่ไม่ทำหน้าที่ของพระ ใครมาอยู่วัดนี้แล้วไม่เอากรรมฐานก็นิมนต์ไปวัดอื่น ฉันต้องการคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ ขึ้นชื่อว่าสงฆ์ต้องเป็นสุปฏิปันโนที่แท้จริง จึงจะได้ชื่อว่าเป็นศากยบุตรอย่างสมบูรณ์แบบ”

ท่านพระครูพูดด้วยเสียงหนักแน่น ชื่อเสียงด้านความเคร่งครัดในการปฏิบัติของวัดนี้ขจรขจายไปทั่วสารทิศ ทั้งบรรพชิตและฆราวาสผู้มุ่งความสงบทางจิต พากันมุ่งหน้ามายังวัดแห่งนี้ ซึ่งตั้งเป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐานและมีชื่อเสียงโด่งดังมานาน

กุฏิกรรมฐานถูกสร้างขึ้นหลังแล้วหลังเล่าจนเต็มบริเวณวัด กระนั้นก็ยังไม่พอแก่ความต้องการของบรรดาผู้แสวงหาโมกขธรรม ผู้ไม่ถือว่าที่พักอาศัยเป็นอุปสรรคต่อการสร้างบุญญาบารมี ด้วยเหตุนี้จีงมักปรากฎเสมอที่พวกเขาพากันไปกางกลดอยู่นอกวัด โดยไม่อาทรต่อความร้อนหนาวของอากาศ ขอเพียงให้จิตสงบเท่านั้น

เช้าวันหนึ่งในต้นเดือนตุลาคม พุทธศักราช 2516 หลังจากที่ท่านพระครูปฏิบัติกรรมฐานเสร็จก็เตรียมตัวออกบิณฑบาตโปราดสัตว์ โดยมีลูกศิษย์หิ้วปิ่นโตเดินตามหลัง เมื่อท่านเดินอุ้มบาตรออกมาถึงหน้าประตูเข้าวัด ก็พบชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งอายุราวๆสามสิบปี สะพายกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมไว้บนบ่าข้างขวา เดินเข้ามานั่งยองๆ ยกมือไหว้แล้วถามด้วยอาการตื่นเต้นว่า

“ท่านพระครูเจริญเจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงใช่หรือเปล่าครับ?” เสียงที่พูดฟังแปร่งหู แสดงว่าไม่ใช่คนถิ่นนี้
“ฉันนี่แหละ เธอคงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม” ท่านถาม
ท่าทางเขาดีใจและประหลาดใจระคนกัน รีบตอบท่านไปว่า “ครับ ผมมาจากกาฬสินธุ์”
“มีธุระอะไรกับฉันหรือ”
“มีครับ สำคัญมาก แต่...ผม...คือ...มันเป็นความลับครับ” เขาตอบอึกๆอักๆ ครั้นจะบอกไปตามตรงว่าไม่อยากให้ลูกศิษย์ของท่านรู้ ก็เกรงว่าเจ้าหมอนั่นจะตั้งตัวเป็นศัตรู

“เอาละฉันเข้าใจ ว่าแต่ธุระของเธอด่วนมากหรือเปล่า รอฉันกลับจากบิณฑบาตก่อนจะได้ไหม” เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงหาทางออกให้
“ได้ครับ ได้ ผมจะรอท่านอยู่ตรงนี้” ชายต่างถิ่นรีบตอบ

ท่านพระครูตั้งสติกำหนด “เห็นหนอ” แล้วเพ่งสายตาไปที่หน้าผากของเขา ก็ได้รู้ว่าบุคคลผู้นี้ไม่ได้มาร้าย จึงชี้มือที่กุฏิของท่าน

“ไปรอที่กุฏิฉันดีกว่า นั่น หลังนั้น”

ชายหนุ่มยกมือไหว้อีกครั้งแล้วจึงเดินไปรอที่กุฏิตามคำสั่งของท่าน เขาดีใจและแปลกใจมากที่เหตุการณ์ช่างตรงกับความฝัน พระรูปนั้นมาปรากฎตัวให้เขาเห็นในฝันติดๆกันถึงสามคืน จนเขาจำท่านติดตา ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

เขาปลดกระเป๋าจากบ่าออกวางบนพื้นแล้วเดินสำรวจไปรอบๆวัด ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากที่เขาเห็นในฝัน เสียงประหลาดบอกให้เขามา “แก้กรรม” ที่วัดแห่งนี้ บอกชื่อวัด ที่ตั้ง พร้อมทั้งชื่อสมภารเสร็จสรรพ เขาสู้อุตส่าห์เดินทางทั้งคืนมาเพื่อพิสูจน์และได้พบแล้ว เพียงแต่ไม่รู้เท่านั้นว่า “แก้กรรม” เป็นอย่างไร แต่แปลกที่เสียงนั้นช่างไม่เหมือนกับเสียงของท่านพระครูเลยสักนิด มันก้องกังวาลและดูมีอำนาจลึกลับอย่างไรชอบกล จะเป็นเสียงใครกันหนอ คงจะต้องลองถามท่านพระครูดู ท่านคงจะรู้ เขาแน่ใจว่าท่านต้องรู้

เกือบแปดโมงเช้าท่านพระครูและลูกศิษย์จึงกลับมา ท่านวางบาตรไว้บนอาสนะแล้วจึงเข้าไปล้างมือล้างเท้าในห้องน้ำ ลูกศิษย์จัดสำรับไว้พร้อมแล้วจึงถอยออกมานั่งคอยรับใช้อยู่ห่างๆ

ท่านพระครูตั้งสติพิจารณาแล้วจึงลงมือฉันพร้อมทั้งทำกรรมฐาน เริ่มตั้งแต่ “เห็นหนอ..ตัก..ยก..อ้า..ใส่..เคี้ยว..กลืน” ทุกอิริยาบถถูกกำกับด้วย “หนอ” ข้าวแต่ละคำจึงถูกท่านฉันอย่างมีสติ

ฉันเสร็จลูกศิษย์ยกสำรับลงมาวางที่พื้นเพื่อจะกินอาหารที่เหลือ และเก็บไว้กินมื้อกลางวันกับมื้อเย็น ส่วนท่านพระครูท่านฉันมื้อเดียว วันใดงานยุ่งมากก็ไม่ฉัน ไม่จำวัด แต่ท่านก็ไม่มีอาการอ่อนเพลียหรือเมื่อยล้า เพราะอยู่ได้ด้วยอำนาจของสมาธิที่คนธรรมดาๆไม่อาจทำเช่นนั้นได้

“เอ้า กินข้าวกินปลาเสียก่อน มีเรื่องอะไรค่อยว่ากันทีหลัง” ท่านบอกชายแปลกหน้า

ลูกศิษย์วัดตักข้าวใส่จานสองจานแล้วเรียกเขามาร่วมวง ส่วนท่านพระครูลุกออกไปบ้วนน้ำแปรงฟันในห้องน้ำ รับประทานอาหารเสร็จชายหนุ่มช่วยลูกศิษย์วัดล้างจาน เสร็จแล้วจึงเข้าไปหาท่านพระครู เห็นท่านนั่งขัดสมาธิก็นั่งในท่านั้นบ้าง จนลูกศิษย์ต้องมากระซิบให้นั่งพับเพียบ

“เธอชื่ออะไรมาที่นี่ได้ยังไง” ท่านพระครูถาม
“บัวเฮียวครับ ผมเดินมา” ชายหนุ่มผู้มีนามว่าบัวเฮียวตอบ
“เดินมาจากไหน คงไม่ใช่จากกาฬสินธุ์นะ”
“ครับ ผมเดินมาจากกาฬสินธุ์ กว่าจะมาถึงที่นี่ผมเดินมาสิบห้าวันพอดี” เขาตอบ
“ทำไมถึงไม่ขึ้นรถมาล่ะ รถโดยสารมีออกเยอะแยะ”
“ในฝันเขาบอกให้เดินมาครับ”
“อ้อ เชื่อฝัน” ท่านพระครูยิ้มอย่างใจดี บางครั้งตนที่มาหาท่านก็มีเรื่องแปลกๆมาเล่าให้ฟังเสมอ
“เอ.. ชื่อแปลกดีนี่นะ ฟังเหมือนชื่อญวน เป็นญวนหรือเปล่า” ท่านวกกลับมาถามเรื่องชื่อ
“ผม..อ้า..เป็นไทยครับ” นายบัวเฮียวรีบตอบ เขากลัวท่านพระครูจะไม่ยอมให้เขาบวช ถ้ารู้ว่าเป็นญวน
“แล้วเป็นไงมาไงถึงมาถึงนี่”
“เรื่องมันแปลกมากเลยครับ ท่านพระครู”
“เรียกว่าหลวงพ่อเหมือนที่คนอื่นเขาเรียกก็แล้วกัน”
“ครับ หลวงพ่อ ผมจะเล่าให้หลวงพ่อฟังตั้งแต่ต้นเลยนะครับ”

ชายหนุ่มนิ่งอึดใจหนึ่ง เหมือนจะทบทวนความจำ แล้วจึงเริ่มต้นเล่า

“ผมเกิดที่กาฬสินธุ์ พ่อกับแม่ทำงานอยู่ในโรงฆ่าสัตว์ พ่อมีหน้าที่ฆ่าวัวฆ่าควาย วันๆหนึ่งจะฆ่าหลายตัว ส่วนแม่ก็ช่วยแล่เนื้อ หนัง กระดูก ตลอดจนพวกเครื่องในออกจากกัน เพื่อเตรียมส่งขาย ร้านค้าย่อยมารับเอาไปราวๆตีสี่ ผมเกิดและเติบโตมาในโรงฆ่าสัตว์ ได้เห็นพ่อกับแม่ทำงานทุกวัน เถ้าแก่เขาให้พวกเรากินอยู่ในนั้นเสร็จ เมื่อผมโตพ่อก็พาไปเข้าโรงเรียนรัฐบาล พอจบประถมสี่ก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำงาน แรกๆก็ช่วยแม่แล่เนื้อ พออายุสิบสี่สิบห้าก็ช่วยพ่อฆ่าวัวควาย ปีต่อมาพ่อตาย เถ้าแก่เลยให้ผมทำงานแทนพ่อ...”

“พ่อเธอเป็นอะไรตาย” ท่านพระครูถาม

นายบัวเฮียวนิ่งไปพักใหญ่ เมื่อถูกถามเรื่องที่ทำให้สะเทือนใจ ในที่สุดจึงตัดสินใจเล่าให้ท่านฟัง

“พ่อผมถูกแม่แทงตายครับ พ่อผมแกชอบกินเหล้า พอเมาแล้วก็หาเรื่องทะเลาะกับแม่ วันที่แกจะตายนั้นแกเมามาก ถึงกับลงไม้ลงมือกับแม่ แม่สู้ไม่ไหวเลยคว้ามีดที่ใช้แทงคอสัตว์แทงพ่อ”

ถึงตอนนี้เขาหยุดเล่า ภาพเหตุการณ์น่าสยองในครั้งนั้นผุดขึ้นในความทรงจำ มันแจ่มแจ้งชัดเจนราวกับเพิ่งเกิด ทั้งๆที่เกิดขึ้นมากว่าสิบปีแล้ว

“แม่เธอก็ต้องติดคุกน่ะสิ”

“ครับ แม่ถูกจับฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลตัดสินจำคุกยี่สิบปี แต่ลดให้ครึ่งหนึ่งฐานสารภาพ พอปี 2506 ก็ได้ลดอีกครั้ง ตอนในหลวงอายุครบสามรอบ”
“เป็นคนไทยต้องพูดราชาศัพท์ได้ เขาเรียกว่าทรงเจริญพระชนมายุครบสามสิบหกพรรษา”
นายบัวเฮียวหน้าซีด รีบแก้ตัวเป็นพัลวัล “ผมจบแค่ปอสี่ พูดไม่เป็นหรอก แต่ผมก็เป็นคนไทย”
“เอาละ เอาละ ไหนเล่าต่อซิ”

“ครับ แม่ติดคุกอยู่ห้าปี พอออกจากคุกก็กลับมาทำงานอยู่ที่เก่า ผมก็อยู่กับแม่มาเรื่อยๆ กระทั่งผมอายุได้ยี่สิบห้าปีก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับผม หลวงพ่ออาจไม่เชื่อก็ได้” เขาหยุดเล่าแล้วมองหน้าท่านเหมือนจะหยั่งท่าที

“เล่าไปเถอะ เชื่อหรือไม่เชื่อแล้วฉันจะบอกทีหลัง” ท่านพระครูกล่าวด้วยเสียงเรียบๆ

ชายหนุ่มจึงเล่าต่อไปว่า “คือเมื่อปีที่แล้วผมฝันประหลาดติดๆกันถึงสามคืน ตอนที่ฝันผมกำลังเคลิ้มๆ จะว่าหลับก็ไม่ใช่ ตื่นอยู่ก็ไม่เชิง ในฝันผมเห็นแสงสว่างวาบขึ้น แล้วเห็นหลวงพ่อ เห็นวัด ภาพที่เห็นในฝันนั้นชัดมาก จากนั้นก็มีเสียงก้องกังวานดังขึ้น ไม่ทราบว่าเป็นเสียงใคร แต่คงไม่ใช่เสียงหลวงพ่อ มันเหมือนลอยมาจากอากาศ เสียงนั้นบอกว่า ‘บัวเฮียว ภาพที่เห็นคือวัดป่ามะม่วง พระรูปนั้นชื่อพระครูเจริญ เป็นเจ้าอาวาส เจ้าจงไปหาท่าน ให้ท่านบวชให้ วัดนี้อยู่ทางทิศตะวันตก ให้เจ้าเดินทางไป สิบห้าวันก็จะถึงวัด เจ้าจะสามารถแก้กรรมได้ที่วัดนี้’ แล้วภาพและเสียงก็หายไป ผมสะดุ้งตื่นก็ได้เวลาทำงานพอดี ตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจ คิดว่ากินมากก็ฝันมาก พอคืนที่สองที่สามก็ฝันแบบเดียวกันนี้อีก เล่าให้แม่ฟัง แกก็บอกให้ลองทำตามความฝันดู ผมจึงไปขอลางาน เถ้าแก่แกไม่ให้ลาเพราะไม่มีคนแทน ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ทำงานต่ออีกปีหนึ่ง แล้วก็ได้โอกาสเมื่อแม่มีผัวใหม่ คือผัวใหม่แม่สมัครมาทำงานแทนผม เถ้าแก่เลยยอมให้ผมลาออกและเดินทางมานี่และครับ”

“แล้วตอนนั้นแม่เธออายุเท่าไหร่”
“สี่สิบกว่าครับ”
“อ้อ สี่สิบกว่ายังแต่งงานใหม่ได้” ท่านพระครูพูดยิ้มๆ
“ครับ เอ้อ..พ่อใหม่ผมอายุแก่กว่าผมสักสองสามปีเห็นจะได้”
“เรียกว่าได้ผัวเด็ก ว่างั้นเถอะ”
“ครับ แต่เขาเป็นคนดี ขยันขันแข็ง ไม่กินเหล้า”

นายบัวเฮียวพูดราวกับว่าความดีของพ่อเลี้ยงจะทำให้ความผิดของแม่ลดน้อยลง เพราะการแต่งงานกับเด็กคราวลูกคราวหลาน ถือเป็นเรื่องผิดในสายตาของคนทั่วไป ถึงจะมีบางคนว่าไม่ผิด แต่อย่างน้อยมันก็ผิดปกติ

ท่านพระครูเชื่อเรื่องที่ชายหนุ่มเล่ามาทั้งหมด แต่เพื่อความแน่ใจจำเป็นต้องมีการตรวจสอบ ท่านจึงตั้งสติ กำหนด “เห็นหนอ” อีกครั้ง แล้วก็ได้รู้ว่าที่เขาเล่ามาเป็นความจริงเกือบทั้งหมด ยกเว้นเรื่องเดียวคือเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นญวน ไม่ใช่คนไทย ท่านเข้าใจถึงสาเหตุที่เขาต้องพูดปด และคนที่พูดปดได้คือคนที่จิตยังหยาบ ต่อเมื่อปฏิบัติกรรมฐานจนจิตละเอียดประณีตขึ้นก็จะเกิด “หิริโอตตัปปะ” คือความละอายต่อบาป เมื่อนั้นเขาก็จะเลิกทำชั่ว พูดชั่วและคิดชั่ว

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงนั้นถึงบอกให้ผมมาแก้กรรมที่วัดนี้ ผมมีกรรมอะไรที่ต้องแก้ ในเมื่อผมไม่เคยทำเวรทำกรรมกับใคร”

หนุ่มวัยเกือบสามสิบเอ่ยขึ้น เขายังไม่รู้จักเรื่องบาปบุญคุณโทษ การเติบโตมาในโรงฆ่าสัตว์ ได้เห็น ได้ทำปาณาติบาตจนชิน ทำให้จิตใจของเขาหยาบกระด้างเกินกว่าคนปกติ

“ลองนึกดูให้ดีดีซิ ถ้าเหตุมันไม่มีแล้วผลมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร” ท่านพระครูลองทดสอบคุณสมบัติทางใจของเขา

นายบัวเฮียวนั่งนึกอยู่นานหลายนาที แต่ก็นึกไม่ออก จึงปฏิเสธด้วยเสียงหนักแน่น
“ไม่เคยจริงๆครับ ตั้งแต่จำความได้ผมไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยลักขโมย ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน”
“ไม่จริงมั้ง” ท่านพระครูขัดขึ้น
“จริงครับ หลวงพ่อ ผมสาบานได้”

“อย่าเลย ฉันไม่ชอบการสบถสาบาน เอาเถอะ ถ้ายังนึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร แต่เธอไม่สงสัยบ้างเลยหรือว่า ในเมื่อเธอไม่เคยทำบาปแล้วทำไมถึงเกิดนิมิตว่าจะต้องมาแก้กรรมที่นี่ สิ่งที่เธอเล่ามานั้นไม่ใช่ความฝันแน่นอน เขาเรียกว่านิมิต คนที่จะเห็นนิมิตเช่นนี้ได้จะต้องเป็นคนโชคดี เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่เกิดกับใครง่ายๆ เหมือนคนที่ตายไปตกนรกแล้วกลับฟื้นมาเล่าให้คนอื่นฟังได้นั้นเป็นคนโชคดีมาก”

“ทำไมหลวงพ่อถึงคิดว่าคนที่ตายไปตกนรกเป็นคนโชคดีเล่าครับ” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย

“ไม่เรียกว่าโชคดีแล้วจะเรียกว่าอะไร ก็คนประเภทนี้มีสักกี่คนกันเล่าที่โชคดีเพราะเขาได้กลับมาแก้ตัวอีกครั้ง ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว พวกคนที่ว่าไม่เชื่อนรก พอฟื้นขึ้นมาก็เห็นรีบทำบุญสร้างความดีกันทุกคน เพราะได้ไปเห็นของจริงมาแล้ว พอเขาทำดี ตายลงก็ไม่ต้องไปตกอยู่ในอบายภูมิ” ท่านพระครูอธิบาย

“อบายภูมิแปลว่านรกหรือครับ” คนฟังเริ่มสนใจ ด้วยไอละอองของ ‘บุญเก่า’ ยังคงมีเชื้อหลงเหลืออยู่บ้าง
“อบายภูมิหมายถึงภูมิที่ไม่เจริญ ได้แก่นรก เปรต อสูรกายและเดรัจฉาน คนที่ทำชั่วเมื่อตายไปจะไปเกิดในอบายภูมินี้”
“ทำอะไรครับ จึงจะเรียกว่าความชั่ว” เขาถามอีก

“ก็ละเมิดศีลห้านี่แหละ รู้จักศีลไหมล่ะ พ่อแม่เคยพาไปทำบุญที่วัดมั่งหรือเปล่า” ท่านพระครูถาม ทั้งที่รู้คำตอบดี 'เห็นหนอ' ทำให้ท่านรู้กฎแห่งกรรมของบุรุษผู้นี้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“ไม่เคยครับ พ่อกับแม่ไม่เคยเข้าวัดไปทำบุญ แต่ถ้าเข้าไปดูหนังดูลิเกที่วัดละก็บ่อย” เขาตอบอย่างพาซื่อ
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่รู้น่ะสิว่าการกระทำที่ละเมิดศีลห้ามีอะไรบ้าง อยากรู้ไหมล่ะ”
“อยากครับ หลวงพ่อช่วยบอกผมหน่อยสิครับ”

“งั้นก็ตั้งใจฟังให้ดีนะ การกระทำที่ละเมิดศีลห้าก็ได้แก่การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การลักขโมย การเป็นชู้กับลูกเมียคนอื่น การพูดปด และการดื่มสุราเมรัย” ท่านพระครูอธิบาย เพราะถือว่าการสั่งสอนธรรมเป็นหน้าที่ของพระโดยตรง

ได้ฟังถ้อยคำของท่านเจ้าอาวาส นายบัวเฮียวรู้สึกสะท้านสะเทือนในหัวอก เขาละเมิดศีลไปสองข้อแล้วคือพูดปดกับฆ่าสัตว์ ส่วนอีกสามข้อยังไม่เคยทำ โดยเฉพาะข้อสุดท้ายนั้นเขาจะไม่ละเมิดโดยเด็ดขาด ก็ไม่ใช่เพราะดื่มสุราเมรัยหรอกหรือ พ่อของเขาจึงต้องจบชีวิตลงอย่างอเนจอนาถ

“หลวงพ่อครับ ฆ่าสัตว์ก็บาปด้วยหรือครับ” เขากังขา
“แน่นอน”

“ถ้าอย่างนั้นผมคงบาปมากเลย เพราะฆ่าวัวฆ่าควายทุกวัน ยกเว้นวันพระเพราะทางการเขาห้าม ผมคิดว่าฆ่าคนถึงจะบาป”

ชายหนุ่มเพิ่งจะเข้าใจ สิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดูได้หล่อหลอมเขาให้เป็นผู้มีจิตใจหยาบกระด้าง แต่โดยเนื้อแท้แล้วเขาเป็นคนจิตใจดี มีเมตตากรุณา และด้วยเหตุนี้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจึงบังเกิดขึ้น เมื่อกุศลผลบุญแต่ปางก่อนดลใจให้มาพบกัลยาณมิตร

“ถ้าเช่นนั้นเธอคงรู้แล้วสินะว่าทำไมถึงต้องแก้กรรม”
“ครับ”
นายบัวเฮียวก้มหน้านิ่งด้วยความละอายใจที่โกหกท่านเรื่องเชื้อชาติของตน
ในที่สุดก็ตัดสินใจถามว่า “คนที่ไม่ใช่คนไทยจะบวชที่วัดนี้ได้ไหมครับ”
“ทำไมจะไม่ได้เล่า ที่นี่ไม่จำกัดเชื้อชาติ ถ้ามีจิตศรัทธามาขอบวชและมีคุณสมบัติครบก็บวชได้ทั้งนั้น” ท่านพระครูตอบ
“แล้วคุณสมบัติที่ว่า มีอะไรบ้างครับ”
“อันดับแรกก็ต้องเป็นคนมีอาการครบสามสิบสอง ไม่พิกลพิการ หรือไม่บ้า ใบ้ บอด หนวก แล้วก็ต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ ถ้ามีเมียก็ต้องขออนุญาตเมียก่อน”
“ถ้าเมียไม่มีและพ่อตาย จะบวชได้ไหมครับ”
“ก็แม่อนุญาตหรือเปล่าเล่า”
“อนุญาตครับ”
“งั้นก็บวชได้ไม่มีปัญหา ถามทำไมหรือ” ท่านแกล้งถามไปอย่างนั้นเอง ความจริงท่านรู้วาระจิตของชายที่นั่งตรงหน้าหมดสิ้นแล้ว
“หลวงพ่อครับ ผมต้องขอโทษที่โกหกหลวงพ่อ”
ถ้าได้รับการศึกษามากกว่านี้ นายบัวเฮียวคงจะพูดว่า ‘พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ กระผมต้องกราบขออภัยที่มิได้พูดความจริงกับหลวงพ่อ...’
“ขอโทษเรื่องอะไรหรือ”
“เรื่องที่ผมโกหกว่าเป็นคนไทยน่ะครับ จริงๆแล้วผมไม่ใช่คนไทย พ่อแม่ผมเป็นคนญวน แต่ผมเกิดในเมืองไทยจึงได้สัญชาติไทย แต่เชื้อชาติญวน”

“แล้วทำไมต้องพูดปด” แม้ท่านพระครูจะล่วงรู้เหตุผลกลในของเขาเป็นอย่างดี แต่ท่านก็ต้องถามเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า เขาได้ขอขมาในความผิดนั้นแล้ว

“ก็ถ้าพูดความจริงผมก็กลัวว่าหลวงพ่อจะไม่ยอมรับบวชให้ผมครับ”
“อ้าว แล้วกัน นี่ฉันไปรับปากรับคำว่าจะบวชให้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่”

ท่านตั้งใจจะล้อเล่น แต่นายบัวเฮียวเข้าใจว่าท่านพูดจริง ใจที่กำลังฟูฟองนั้นกลับฟุบแฟบลงทันใด




ถ้าผู้อ่านท่านใดประสงค์จะโหวตให้นิยายเรื่องนี้ กรุณาโหวตในหมวด ฺBook Blog นะคะ ขอบคุณค่ะ




Create Date : 27 มีนาคม 2557
Last Update : 22 เมษายน 2557 14:54:39 น. 31 comments
Counter : 7218 Pageviews.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ขอบคุณขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 27 มีนาคม 2557 เวลา:10:22:17 น.  

 



กะเด๋ว มาใหม่..

งานยังไม่เสร็จจริงๆค่ะ..


นะ นะ...





โดย: foreverlovemom วันที่: 27 มีนาคม 2557 เวลา:12:02:22 น.  

 



อ่ะ ไหนๆ...

ก้อเข้ามาเยี่ยมเราถึงบ้านละ..

ขออนุญาติ Add เป็นเพื่อน นะคะ..



ขอบคุณค่ะ...



..



อ้อ... ขอบคุณ โหวต ด้วยนะคะ...




(ซาบซึ้ง มั่ก มั่ก)...


โดย: foreverlovemom วันที่: 27 มีนาคม 2557 เวลา:14:21:33 น.  

 




อ้อ...

อันนี้ เนาะ...




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
newyorknurse Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น






โดย: foreverlovemom วันที่: 27 มีนาคม 2557 เวลา:14:22:54 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
แวะมาทักทายค่ะ


โดย: คนนี้ชอบเปลียนชื่อบ่อยหุหุ (Opey ) วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:5:35:38 น.  

 




สาบานได้ค่ะ ว่าชอบ แตะ ฟองน้ำ คีบ..








โดย: foreverlovemom วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:9:53:46 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า ขอบคุณมากๆนะคะที่ไปโหวตให้กำลังใจงานเขียนค่ะ ตามมาอ่านนิยายธรรมมะเรื่องสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ ดีใจมากเลยค่ะที่ได้อ่านนิยายอิงถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ เคยไปบวชที่วัดสิงห์บุรี 2 ครั้งแล้วค่ะ ครั้งที่ 3 ไปที่สาขาเชียงราย เดี๋ยวนี้อยากไปกราบพระอาจารย์หลวงพ่ออีกแต่ยังไม่มีโอกาสเลยค่ะ

อ่านนิยายแล้วชอบมากเลยค่ะโหวตและไลท์ให้นะคะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

มีความสุขวันศุกร์ค่ะ ขออนุญาตแอดเลยนะคะ หวังว่าคงได้มาติดตามงานกันอีกนะคะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:13:38:25 น.  

 
สวัสดียามดึกค่า
ขอบคุณที่แวะเข้าไปฟังเพลงเป็นเพื่อนกันนะค่า

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อุ้มสี Travel Blog ดู Blog
Opey Art Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Science Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พริ้วไหวไปตามลม วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:21:11:50 น.  

 
สุขสันต์วันหยุดค่ะ


โดย: คนนี้ชอบเปลียนชื่อบ่อยหุหุ (Opey ) วันที่: 29 มีนาคม 2557 เวลา:9:13:52 น.  

 



แวะ มาสวัสดี ยามเช้า ค่ะ..







โดย: foreverlovemom วันที่: 29 มีนาคม 2557 เวลา:10:49:55 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปทักทายและโหวตให้
ขอแอดเป็นเพื่อนด้วยนะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
foreverlovemom Diarist ดู Blog
find me pr Music Blog ดู Blog
คนบ้า(น)ป่า Home & Garden Blog ดู Blog
Opey Art Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: pantawan วันที่: 29 มีนาคม 2557 เวลา:17:57:30 น.  

 
โห ใจแป้วไปซะแล้ว
อ้อ แต่ท่านล้อเล่น คงได้บวชเนาะ อิอิ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ALDI Food Blog ดู Blog
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
คนบ้า(น)ป่า Home & Garden Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: schnuggy วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:1:03:49 น.  

 



สวัสดี ตอนเช้ามืด... ตึ๊ดตื๋อ ค่ะ..








โดย: foreverlovemom วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:3:46:23 น.  

 
ด้วยความยินดีเลยค่า ขอบคุณนะคะ

ทักทายวันหยุดพักผ่อนค่า มีความสุขกับช่วงเวลาดีดีน๊า


โดย: พริ้วไหวไปตามลม วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:8:52:06 น.  

 




อิ อิ.. นอนค่ะ..

นอนหัวค่ำ ตื่นตี 2 กว่า..

ข่มตายังไง ก็ไม่หลับแล้ว..

เลยขึ้นมา จู้ ฮุก กรู...

ฮะ ฮะ...


..


อ้อ... ไม่ลืม.. ไม่ลืม..

ขอบคุณสำหรับ Precious Vote ค่ะ..





โดย: foreverlovemom วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:10:22:09 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
haiku Art Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

สวัสดีค่า
โหวตก่อนเลยค่ะ อิอิ


โดย: Close To Heaven วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:20:12:28 น.  

 
ขออภัยค่ะ
สงสัยตอนแรก copy ไม่ติดค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
haiku Art Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: Close To Heaven วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:21:08:06 น.  

 
ขอบคุณครับที่แวะไปทักทาย+คำชม+โหวต
ผมเคยไปอบรมการปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน เนื่องจากหน่วยงานส่งไปครับ
หนังสือเรื่อง "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ผมติดตามอ่านจากนิตยสารฉบับหนึ่งจนจบครับ
โหวตให้ครับ เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:21:28:17 น.  

 



More Just Cartoons Comments

---------------------------
แวะมาทักทาย สบายดีนะคะ ช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าวมากๆ แต่ใจร่มๆกันนะคะ อิอิอิขอบคุณที่แวะไปทักทายกันค่ะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:22:37:35 น.  

 
แวะมาเยี่ยมตอนดึกค่ะ


โดย: Opey วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:2:48:49 น.  

 




ตื่นละ..

ไม่หลับละ..

มานนน... มะ ง่วง ละ...


ไป ละ..


ค่ะ..





โดย: foreverlovemom วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:3:39:20 น.  

 
ขอบคุณค่ะสำหรับคะแนนโหวต ...
มาครั้งนี้ตั้งใจอ่านมากๆ อ่านทุกตัวอักษร วัดอัมพวัน ครอบครัวของสาวชอบไปปฏิบัติธรรม
ได้ข้อคิดดีๆค่ะ พอดีว่ากำลังอ่านหนังเรียนเรื่องกิเลสอยู่พอดี เรื่องคนละเรื่องแต่เป็นธรรมะเหมือนกัน
วิบากกรรมอะไรจะพาไปให้มีอาชีพฆ่าสัตว์ วัวควายเป็นสัตว์ใหญ่ด้วย น่ากลัวจัง...


โดย: Opey วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:9:07:55 น.  

 



เม้นท์แล้ว ว่าจะทำงานต่อค่ะ..

แต่...

สังขารตะโกน บอก ให้ ไปนอน ซ้าาาา...

เลย คร่อก..

ป๊อกไปตอน ตี 4 ฝ่าๆค่ะ..


ตื่นตอน 7 โมง ..


..


ขอบคุณที่เป็นเพื่อนนะคะ...

ไป ทำงาน ละ...






โดย: foreverlovemom วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:9:42:26 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
แวะมาส่งกำลังใจให้กันนะคะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: หอมกร วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:19:17:44 น.  

 
แวะมาเยี่ยมพร้อมส่งกำลังใจนะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: jamaica วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:20:11:27 น.  

 
สวัสดีครับ
ยินดีครับที่แวะมาทักทายกัน และส่งกำลังใจมาให้
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ผมคิดว่าน่าจะผ่านตามาบ้างแล้ว
ขอบคุณครับที่นำมาลงให้อ่าน จะค่อยๆอ่านไปที่ละบททีละตอนครับ
เวียงแว่นฟ้า Book Blog


โดย: Insignia_Museum วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:20:53:35 น.  

 
สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยมนะคะ


โดย: pantawan วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:23:24:04 น.  

 
คงเป็นบุญเก่ามาเตื่อน และ วิบากกรรม กำลังจะหมด ตั้งใจเดินมาแต่ไกลใช้เวลาถึง 15 วัน แสดงว่าแนวแน่มากๆ อนุโมทนบุญ กับผู้นำเรื่องนี้มาเรียบเรียงด้วยขอรับ โลกในยุคปัจจุบัน มองข้ามเรื่องความดี ไม่กลัวบาปกรรม เชื่อมั่นแต่เรื่องเทคโนโลยีซะเป็นส่วนใหญ่ การทำความดีเลยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นกันที่ตรงไหน เรื่องง่ายๆแค่ศิล5 ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง พ่อแม่ควรพาลูกเข้าวัดแต่เด็กๆและทำตัวเป็นตัวอย่าง ลูกจะได้เอาแบบและทำตาม จะเจอบ่อยและเห็นบ่อยว่า พ่อแม่จะดุด่าลูกๆ"กูบอกให้ ม-รึ-ง ทำดีๆ" ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนท่องคาถา แต่พอถามว่าอ้ายที่บอกว่าทำดีนั้นนะะมันมีอะไรบ้าง? ลูกถามกลับแบบนี้พ่อแม่เป็นบ้าตอบไม่ออก....น่าขันขอรับแต่คงขำไม่ออก.. ควรจะตอบไปว่าความดี ก็คือศิล 5 ข้อ เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพราะทุกชีวิตต่างก็รักชีวิตของตัวเอง ไม่ขโมยลักทรัพย์หรือหยิบเอาข้าวของของผู้อื่นฯลฯ ศิล5ข้อคือความดีเบื้องต้นที่มนุษย์ทุกคนควรยึดมั่น... อ่ากะมาคุยด้วยสั้นๆร่ายซะยาวเลยขอรับ.. สำหรับคืนนี้ฝันดีขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:23:51:39 น.  

 
ยินดีมากๆค่ะขอบคุณที่ไปเยี่ยมและแอดนะคะ
เดี๋ยว มาใหม่จ้า


โดย: anigia วันที่: 1 เมษายน 2557 เวลา:5:32:59 น.  

 




อยู่บ้าน 24 ชั่วโมงค่ะ..

แต่ วันนี้ จะไม่อยู่ละ..


ไป... ด๊อก แด๊ก... ค่ะ..





โดย: foreverlovemom วันที่: 1 เมษายน 2557 เวลา:7:36:55 น.  

 


นิยายธรรมะ ชุดนี้ มีหลายเล่ม ผมอ่านซ้ำไม่ต่ำ
กว่า 7 ครั้ง ติดใจและเห็นว่า เป็นไปได้มาก

เรื่องกรรม เลยเข้าเรียนสมาธิ หลายที่ครับ และ
ไปจบที่ วัดธรรมมงคลซอย 101

เคยเขียนเรื่องนี้สัก 15 ตอนได้มังครับ เพื่อน ๆ ได้
อ่านเรื่องข้างบน ลองติดตามดูนะครับ น่าสนใจ
มาก...

กะจะเม้นท์ ในกล่อง แต่หาที่ ส่งข้อความไม่พบ เลยแปะไว้ตรงนี้ครับ

ไวน์กับสายน้ำ, 31 มีนาคม 2557 เวลา 12:46 น.



โดย: เวียงแว่นฟ้า IP: 1.10.199.23 วันที่: 1 เมษายน 2557 เวลา:9:08:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]