เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
31 ตุลาคม 2557

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 25








สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  -  บทที่ 25




คุณนายดวงสุดาคลานตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยเข้ามาหาท่านพระครู ตามด้วยเถ้าแก่เส็งและคุณกิมง้อผู้เป็นบิดาและมารดา คนทั้งสามก้มลงกราบท่านสามครั้งแล้วหันไปกราบพระบัวเฮียว ซึ่งนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นทางเบื้องขวาของท่านอุปัชฌาย์

"ผมเห็นจะต้องกลับกุฏิละครับ เพราะหลวงพ่อมีแขก" พระหนุ่มออกตัว ใจนั้นอยากอยู่ฟังเขาคุยกัน หากก็เกรงจะเสียมารยาท
"อยู่ก่อนก็ได้นี่นา จะรีบไปไหนเล่า" เจ้าของกุฏิพูดอย่างรู้ใจ หันไปถามอาคันตุกะว่า "คงไม่ใช่เรื่องลับใช่ไหม พระบัวเฮียวคงร่วมฟังได้นะ"
"ไม่ลับค่ะหลวงพ่อ หนูอยากให้คนมาฟังเยอะๆด้วยซ้ำ จะได้ช่วยกันเป็นพยาน" คุณนายดวงสุดาตอบ
"งั้นหรือ แล้วจะให้เกณฑ์คนทั้งวัดมาเลยไหม จะเอายังงั้นไหม" ท่านถามยิ้มๆ
"ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะหลวงพ่อ เดี๋ยวหนูก็เขินเลยเล่าไม่ออกกันพอดี"
"เอ้า งั้นก็เล่าได้เลย รู้สึกพระบัวเฮียวจะอยากฟังจนเนื้อเต้นแล้วละมัง" ท่านเย้าลูกศิษย์
"หลวงพ่อนั่นแหละเนื้อเต้น อย่ามาโทษผมหน่อยเลยน่า" ลูกศิษย์แอบเถึยงในใจ
"เตี่ยเล่าดีว่านะ" คนจะเล่าเปลี่ยนใจกระทันหัน

"ลื้อเล่านั่นแหละดีแล้ว ก็ลื้อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ใช่หรือ" เถ้าแก่ให้เหตุผล ตั้งแต่ปฏิบัติกรรมฐานเขาพูดไทยได้ชัดขึ้น เพราะสติบอกว่าเมื่อเป็นคนไทยก็ต้องพูดไทยให้ชัด จะได้ไม่อายคุณกิมง้อ
"นั่นสิ แม่ก็เห็นด้วยกับเตี่ย ลูกเล่านั่นแหละดีแล้ว" ผู้เป็นมารดาเสริม
"แม่ละก็เข้าข้างเตี่ยอยู่เรื่อย" ลูกสาวตัดพ้อ

"เรื่องที่จะเล่าเนี่ยยาวไหม ถ้ายาวอาตมาขอแนะนำว่าน่าจะเริ่มได้แล้ว จะได้ไม่ต้องรอไปฟังต่อพรุ่งนี้ อาตมาเป็นคนใจร้อนนะโยม"  พระบัวเฮียวตัดสินใจอยู่นานว่าจะพูดดีหรือไม่ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพูด

"แหม..หลวงพี่พูดอย่างนี้ ดิฉันก็ต้องเล่าแล้วละค่ะ" คุณนายดวงสุดาเรียกพระบัวเฮียวว่า 'หลวงพี่' อย่างไม่เต็มใจนัก เพราะเห็นว่าท่านอายุอ่อนกว่า ที่ถูกน่าจะเป็น 'หลวงน้อง' มากกว่า หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่เรียกพระที่อายุอ่อนกว่าว่า 'หลวงน้อง'

"คงไม่ต้องออกแขกแบบลิเกนะ"ท่านพะครูเย้าบ้าง
"ไม่ต้องค่ะ เตี่ยเล่าดีกว่าน่า" หล่อนเกี่ยงงอนอีก
"ลื้อนั่นแหละ อย่ามัวทำอิดๆออดๆ น่ารำคาญ เกรงใจหลวงพ่อบ้าง เวลาท่านเป็นเงินเป็นทองนะ" เถ้าแก่เส็งดุลูกสาว

การปฏิบัติกรรมฐานทำให้เกิดปัญญา เมื่อปัญญาเกิดเขาจึงรู้ว่าคนเป็นพ่อไม่ควรกลัวลูก จึงกล้าดุหล่อน แทนที่จะเป็นฝ่ายถูกหล่อนดุเช่นแต่ก่อน เมื่อโดนดุคนเป็นลูกชักกลัว จึงเริ่มต้นเล่า

"เรื่องมันแปลกมากค่ะหลวงพ่อ บอกใครก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเตี่ยกับแม่ถูกโจรยิงด้วยปืนเอ็ม16 แต่ไม่ยักกะเป็นอะไร หนูเห็นกับตาเลยค่ะ" หล่อนเล่าฉอดๆ

"ตอนที่ถูกยิงโยมกำลังทำอะไรอยู่หรือ" ท่านพระครูถามเถ้าแก่เส็งและคุณกิมง้อ

"กำลังนั่งสมาธิครับ ผมกับคุณกิมง้อสัญญากันว่าจะเดินจงกรมหนึ่งชั่วโมง นั่งสมาธิหนึ่งชั่วโมง ตอนโจรยิงมันยังไม่ครบชั่วโมง ผมก็เลยยังไม่ลุกขึ้น แล้วก็ไม่ลืมตาด้วย" เถ้าแก่เส็งเล่า

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนที่แล้ว ทว่าในความรู้สึกของเขามันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

"แล้วรู้ตัวหรือเปล่าว่าโจรมา" ท่านพระครูซัก
"รู้ครับหลวงพ่อ ผมรู้ตัวตลอดเวลา คุณกิมง้อก็รู้"
"แล้วกลัวไหม กลัวตายหรือเปล่า"
"ไม่กลัวค่ะ ตอนอยู่ในสมาธิไม่กลัว แต่ตอนนี้กลัวค่ะ" คุณกิมง้อตอบด้วยท่าทีที่ยังไม่หายหวาดเสียว
"แล้วคุณนายอยู่ที่ไหนล่ะตอนนั้น ตอนที่โจรมาปล้นน่ะ"

"หนูหรือคะ อารามตกใจเลยมุดเข้าไปแอบใต้ตั่ง ไม่ทราบว่าเข้าไปได้อย่างไร ตัวหนูออกใหญ่ ตั่งก็เตี้ยนิดเดียว เวลาปกติอย่าว่าแต่จะเข้าไปได้ทั้งตัวอย่างนั้นเลย แค่ขาข้างเดียวก็ยังเข้าไม่ได้" คุณนายดวงสุดาเล่า

พระบัวเฮียวพิจารณาขาของคุณนายซึ่งมีขนาดไล่เลี่ยกับตอม่อยุ้งแล้วก็เห็นด้วยกับที่หล่อนพูด หากก็อดถามไม่ได้ว่า  "ตั่งที่โยมว่าน่ะสูงขนาดไหน เท่าอาสนะหลวงพ่อหรือเปล่า"

คุณนายมองไปที่อาสนะตรงหน้าแล้วตอบว่า "คงจะพอๆกัน ถ้าสูงกว่าก็คงไม่เกินสองนิ้ว ไม่น่าเชื่อใช่ไหมคะว่าคนเจ้าเนื้ออย่างดิฉันจะเข้าไปซ่อนใต้ตั่งนั่นได้ หลวงพี่เชื่อหรือเปล่า"

"ถ้าจะให้อาตมาเชื่อก็ต้องลองเข้าไปอีกที คุณนายจะยอมลองไหมล่ะ" พระหนุ่มถือโอกาสต่อรอง

"ไม่ต้องหรอกบัวเฮียว ถึงเธอจะไม่เชื่อแต่ฉันก็เชื่อ ฉันเชื่อว่าเป็นไปได้ เธอเคยได้ยินไหมล่ะ ที่เขาว่าคนแบกตุ่มแบกตู้เย็นวิ่งหนีไฟเพราะความตกใจ พอหายตกใจกลับแบกไม่ไหว มันเป็นเรื่องของพลังจิตน่ะ คนมักไม่รู้หรอกว่าจิตนั้นมีพลังมาก เป็นพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัว คนที่ฝึกจิตสม่ำเสมอสามารถเอาพลังจิตออกมาใช้ได้ แต่คนที่ไม่เคยฝึกก็ใช้ไม่เป็น คือในยามปกติใช้ไม่เป็น เว้นแต่ยามตกใจอาจเอามาใช้ได้บ้าง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ เป็นการใช้พลังจิตโดยไม่มีสติควบคุม ก็ได้แค่ประเดี๋ยวประด๋าว พอรู้สึกตัวก็เอามาใช้ไม่ได้เสียแล้ว" ท่านพระครูอธิบาย

"แล้วแบบนี้ดีไหมครับหลวงพ่อ" พระบัวเฮียวถาม
"แบบไหนล่ะ" ท่านพระครูไม่เข้าใจคำถาม
"คือพลังจิตน่ะครับ เป็นของดีหรือไม่ดี"

"มันก็ตอบยากนะ จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนดาบสองคม ถ้าใช้ดีก็ดีไป ถ้าใช้ไม่ดีก็ให้โทษได้เหมือนกัน" ท่านรู้ว่าคนฟังยังไม่ค่อยเข้าใจจึงอธิบายต่ออีกว่า "ตัวอย่างเช่นคนที่นำพลังจิตไปใช้เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติเพื่อเข้าจุดหมาย คือมรรค ผล นิพพาน ก็ถือว่าเป็นสิ่งดี แต่ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิด เช่นอยากอวดอุตริมนุสธรรม ก็ถือเป็นสิ่งไม่ดีเพราะเป็นไปเพื่อสร้างกิเลส ไม่ใช่เพื่อละกิเลส"

"สรุปก็คือที่หนูเข้าไปซ่อนอยู่ใต้ตั่งก็เพราะอำนาจของพลังจิตใช่ไหมคะหลวงพ่อ" คุณนายดวงสุดาถาม
"ถูกแล้วคุณนาย แม้คุณนายจะไม่เคยฝึกจิตแต่ก็สามารถใช้พลังจิตได้ เป็นการใช้แบบไม่รู้ตัว ควบคุมไม่ได้ ถ้าอยากใช้แบบคุมได้ก็ต้องมาฝึกจิตให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่างที่โยมเตี่ยกับโยมแม่ของคุณนายฝึกอยู่นี่แหละ"
"ถ้างั้นที่โจรมันใช้เอ็ม.16 ยิงผมแต่ยิงไม่ออกก็เป็นเพราะอำนาจของพลังจิตใช่ไหมครับหลวงพ่อ" เถ้าแก่เส็งถาม การปฏิบัติกรรมฐานทุกวันทำให้เขาเข้าใจธรรมะแจ่มแจ้งขึ้น

"จะพูดยังงั้นก็ถูกเหมือนกัน แต่อาตมาคิดว่าการที่ปืนยิงไม่ออกนั้นเพราะอานิสงส์ของการมีสัจจะของโยมทั้งสองประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคืออำนาจของสมาธิหรือพลังจิตนั่นเอง ไหนคุณนายลองเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบซิ อาตมาจะอัดเทปไว้ เผื่อจะไปเปิดให้คนอื่นฟัง"

ท่านหันไปเรียกนายสมชายให้ไปเอาเครื่องบันทึกเทปและม้วนเทปมาให้ พร้อมแล้วคุณนายดวงสุดาจึงเริ่มต้นเล่า

"วันนั้นหนูนั่งแท็กซี่ไปหาเตี่ยกับแม่ที่บ้าน ขึ้นไปชั้นบนเห็นกำลังนั่งสมาธิกันอยู่ หนูเลยเดินไปที่โต๊ะอาหาร หยิบน่องไก่ทอดมากิน พอดีได้ยินเสียงเอะอะอยู่ข้างล่างจึงชะโงกลงไปดูตรงบันได ก็เห็นคนร้ายสี่หรือห้าคนกำลังช่วยกันจับคนใช้สองคนมัดมือมัดเท้า หนูตกใจวิ่งมาหาเตี่ยกับแม่ บอกโจรปล้น โจรปล้น เขาก็ไม่ยอมลืมตา เสียงพวกมันเดินขึ้นมา หนูเลยวิ่งไปที่ห้องน้ำตั้งใจจะเข้าไปซ่อนตัว เสร็จแล้วก็เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน คลานลุกลี้ลุกลนเข้าไปใต้ตั่งแทนทั้งๆที่มีน่องไก่อยู่ในปาก ต้องถือว่าโชคดีเชียวค่ะ เพราะมันทำให้หนูร้องไม่ออก ขืนไม่มีน่องไก่คงร้องให้คนช่วย แล้วก็คงถูกโจรยิงตายไปแล้ว...

พอมันขึ้นมาถึงก็เดินไปที่เตี่ยก่อน เขย่าตัวเตี่ยแล้วบอกว่า ' ตาแป๊ะตื่นๆ นี่คือการปล้น ' เตี่ยก็ไม่ยอมลืมตา มันก็หันไปเขย่าแม่บ้าง มันบอกว่า 'ซิ้ม ตื่นๆๆ นี่อั๊วมาปล้นนะ' แต่แม่ก็นั่งเฉยอีกคน เสียงพวกมันบอกยิงเลยเฮีย ยิงเลยเฮีย หนูแทบจะเป็นลม ครั้นจะร้องบอกเตี่ยกับแม่ก็ร้องไม่ออก เพราะน่องไก่คาปากอยู่ มันเอาปืนจ่อที่ศีรษะเตี่ยแล้วลั่นไก เสียงดังแชะๆๆ แต่ไม่มีกระสุนพุ่งออกมา มันก็หันไปยิงแม่บ้าง ก็เป็นแบบเดียวกันอีก....

ในที่สุดพวกมันเลยช่วยกันเก็บข้าวของ มีทีวี วิทยุสเตอริโอและพวกเครื่องลายคราม เอาลงไปข้างล่าง คงจะเอาไปใส่รถ หนูจับตาดูพวกมันอยู่ เก็บของเสร็จพวกมันก็พากันลงไป หนูหายตกใจก็เอามือดึงน่องไก่ออกจากปาก แต่คลานออกมาจากใต้ตั่งไม่ได้ ก็นอนอึดอัดอยู่ยังงั้นสักยี่สิบนาทีเห็นจะได้ แล้วก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมา พอเห็นเป็นตำรวจหนูเลยตะโกนว่า 'ช่วยด้วยๆๆๆ' เขาก็พยายามมองหาที่มาของเสียง หนูบอกอยู่ใต้ตั่ง ตำรวจสองคนก็มาช่วยยกตั่งแต่ยกไม่ขึ้น ต้องใช้ถึงสี่คน หนูถึงออกมาได้ ผู้ร้ายห้าคนถูกใส่กุญแจมือเรียบร้อย" คนเล่าหยุดหายใจแรงๆ สองสามครั้ง ราวกับว่าตอนเล่านั้นลืมหายใจ

ท่านพระครูถามบิดาของหล่อนว่า "ตอนตำรวจมาโยมรู้หรือเปล่า"

"รู้ครับหลวงพ่อ ผมรู้อยู่ตลอดเวลา ตำรวจมาเขย่าตัวผม บอกเถ้าแก่ตื่นเถอะ คุณถูกปล้นรู้ไหม ผมตอบว่ารู้ เขาก็ว่า รู้แล้วก็ลืมตาเสียที ผมบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ยังลืมไม่ได้ จากนั้นผมก็ไม่พูดอะไรอีก"

"ค่ะ ตลกน่าดูเลย พอเตี่ยนั่งนิ่ง ทั้งตำรวจผู้ร้ายก็เลยต้องนั่งรอ ครู่ใหญ่ๆเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังก้องขึ้น เตี่ยกับแม่ก็ขยับตัวเปลี่ยนท่าจากนั่งสมาธิมาเป็นนั่งพับเพียบ ประนมมือกล่าวคำแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล"

"แล้วคุณนายแผ่เมตตาเป็นหรือเปล่า อุทิศส่วนกุศลเป็นไหม" ท่านพระครูถือโอกาสทดสอบความรู้คุณนายดวงสุดา

"เป็นค่ะ หนูสวดมนต์ทุกคืน สวดเสร็จก็แผ่เมตตาแล้วอุทิศส่วนกุศล หลวงพ่อจะฟังไหมคะ หนูจะว่าให้ฟัง"
"ดีเหมือนกัน ว่าเป็นบาลีนะ ไม่ต้องแปล เพราะถ้าได้บาลีก็แปลได้ จริงไหม"
"จริงค่ะ แต่หนูว่าจริงครึ่งเดียว เพราะบางคนว่าบาลีได้แต่แปลไม่ได้ เช่นหนูเป็นต้น"

"สำหรับผมว่าจริงไม่ถึงครึ่งครับหลวงพ่อ" พระบัวเฮียวเอ่ยบ้าง "เพราะคนส่วนใหญ่เขามักจะสวดบาลีเป็นแต่แปลไม่เป็น ไม่รู้ว่าที่สวดนั้นมีความหมายว่าอย่างไร แม้แต่พระก็เป็นยังงั้นเหมือนกัน เช่นพระบัวเฮียวเป็นต้น" พระหนุ่มหารู้ไม่ว่าได้แบไต๋ให้พระอุปัชฌาย์รู้เข้าแล้ว

"โบราณว่า 'พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง' บัวเฮียวเอ๋ย ถ้าเธอไม่พูดฉันคงยังไม่รู้ว่าเธอน่ะ 'อ่อนซ้อม' เอามากๆ เห็นจะต้องให้พระมหาบุญช่วยกวดขันเธอให้หนักกว่านี้ วันข้างหน้าไปเป็นครูบาอาจารย์เขาจะได้ไม่เสียชื่อ"

ท่านหันไปถามเถ้าแก่เส็งว่า "โยมเห็นด้วยกับอาตมาไหมว่าคนรู้จริงนั้นหายาก ส่วนคนรู้มากหาง่าย สมัยนี้คนรู้มากมีแยะ แต่ที่รู้จริงไม่ค่อยมี เห็นด้วยไหม"

"เห็นด้วยครับ นอกจากนี้ยังมีอีกประเภทนึงที่ยิ่งรู้มากก็ยิ่งเอาเปรียบคนอื่นมาก สังคมก็เลยยุ่งเหยิงมาก เพราะคนเอารัดเอาเปรียบกันมาก"

"จริงสินะ คนก็เลยพากันเป็นโรคประสาทมาก พวกจิตแพทย์ก็เลยมีงานทำมาก" ท่านพระครูเสริม

พระบัวเฮียวกำลังวิงเวียนกับคำว่า 'มาก' รู้สึกค่อยยังชั่วหน่อยเมื่อคุณนายดวงสุดาพูดโดยไม่มี 'มาก'

"หนูว่าจิตแพทย์เองก็เป็นโรคประสาทนะคะหลวงพ่อ หนูเห็นมาหลายคนแล้ว ท่าทางไม่ค่อยจะปกติสักเท่าไหร่"
"คงเป็นเพราะต้องคลุกคลีกับคนไข้มากเลยติด เป็นยังงั้นไหมคะหลวงพ่อ" คุณกิมง้อถาม
"ก็เป็นไปได้นะโยม อาตมาสังเกตว่ายิ่งโลกเจริญขึ้นมากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งเป็นโรคประสาทมากขึ้นเท่านั้น"
"คนเป็นโรคประสาทนี่ต้องให้มาเข้ากรรมฐานใช่ไหมคะหลวงพ่อ"

"ไม่ได้ ไม่ได้ เพราะคนที่เป็นน้อยก็จะเป็นมาก ส่วนที่เป็นมากก็จะเป็นบ้าชนิดกู่ไม่กลับเลย คนเป็นโรคประสาทเขาห้ามเข้ากรรมฐานอย่างเด็ดขาด อันนี้มีพุทธพจน์รับรองไว้ชัดเจน ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะอยู่ในพระคัมภีร์เล่มที่สิบสี่ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับเหล่าสาวกว่า...ภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวอานาปานุสติแก่คนที่มีสติเลอะเลือนไร้สัมปชัญญะ...

เคยมีตัวอย่างนะโยม ที่วัดนี้นี่แหละ ดูเหมือนอาตมาจะเคยเล่าให้พระบัวเฮียวฟังแล้ว เรื่องที่อาจารย์มหาวิทยาลัยแกเป็นโรคประสาท พวกญาติๆพามาเข้ากรรมฐานที่นี่ ปฏิบัติสองวันแรกยังไม่มีอาการ พอวันที่สามลุกขึ้นรำป้อเลย เขาไปตามอาตมามาดู รำสวยเสียด้วยสิ ใครห้ามก็ไม่หยุด ฉะนั้นโยมจำไว้เลย คนเป็นโรคประสาทอย่าพามาเข้ากรรมฐาน ต้องพาไปรักษาให้หายก่อน หายแล้วก็ต้องรอดูอีกสองหรือสามปี หายใหม่ๆอย่าเพิ่งพามา เพราะอาจกำเริบอีกได้ เคยมีตัวอย่างหลายรายแล้ว"

"หลวงพ่อครับ หลวงพ่อจะขัดข้องไหมครับ ถ้าผมจะกราบเรียนว่าผมอยากฟังเรื่องปล้นต่อ กำลังสนุกเลยครับ" พระบัวเฮียวถามอย่างเกรงใจที่สุด

"ฉันน่ะไม่ขัดข้องหรอก แต่คนเล่าเขาจะเล่าต่อหรือเปล่า ข้อนี้ฉันไม่รู้"
"ต่อสิคะ ต้องเล่าต่อ เอ..เมื่อกี้ถึงไหนแล้วคะแม่" คุณนายหันไปถามมารดา

"ตอนเตี่ยกับแม่กล่าวคำอุทิศส่วนกุศลและแผ่เมตตาจ้ะ แล้วหลวงพ่อให้หนูว่าให้ท่านฟัง" คุณกิมง้อทวนความจำให้บุตรสาว

"งั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาหนูว่าให้ฟังย่อๆนะคะ คำแผ่เมตตาแบบสั้นๆมีว่า..สัพเพ สัตตา อเวรา อัพพยาปัชฌา อนีฆา สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ คำอุทิศส่วนกุศลขึ้นต้นว่า อิทังเม มาตาปิตุนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร"

"
แล้วถ้าแผ่เมตตาให้ตัวเองขึ้นต้นว่าอย่างไร" ท่านพระครูถาม
"อะหัง สุขิโต โหมิ ค่ะ" หล่อนตอบฉะฉาน
"เก่งๆ อาตมาเชื่อแล้ว เอาละ ทีนี้ก็เล่าเรื่องปล้นต่อได้แล้ว"

"ค่ะ พอเตี่ยกับแม่เสร็จธุระ ตำรวจก็สอบปากคำ สอบหนูด้วย หนูก็เล่าไปตามที่เห็น ตำรจเขาบอกว่าเห็นรถกะบะสวนทางมา นึกเอะใจ จึงถามว่าจะเอาของไปไหน คนร้ายมีพิรุธหลายอย่าง แล้วก็ตอบคำถามไม่ตรงกัน ในที่สุดก็สารภาพว่าปล้นเขามา เขาก็พามาที่บ้านเกิดเหตุ"

"ตอนนั้นเวลาสักเท่าไหร่ กลางวันหรือกลางคืน"
"เย็นๆครับ" เถ้าแก่ตอบ "ทุกวันตั้งแต่สี่โมงถึงหกโมงเย็น ผมกับคุณกิมง้อจะปฏิบัติกรรมฐานกัน เดินนั่งอย่างละชั่วโมง"

"ดีจริง อาตมาขออนุโมทนา เห็นไหม อำนาจของบุญบารมีทำให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี ถึงคราวเสียของก็ไม่ต้องเสีย มีนะ มีตัวอย่างแบบเดียวกันนี้ สองผัวเมียเป็นชาวบ้านบางระจัน มาเข้ากรรมฐานที่นี่ กลับไปก็ปฏิบัติทุกคืน คืนหนึ่งกำลังเดินจงกรมกันอยู่ ขโมยมันมาลักควาย ต้อนไปจนหมดคอก ให้พรรคพวกมันคุมไป เหลือคนนึงไว้ดูต้นทาง เจ้าหมอนั่นก็บังเอิญมองขึ้นไปบนเรือน เห็นคนเดินไปเดินมาอยู่สองคน ปากก็ว่า 'ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ' เดินกันมืดๆอย่างนั้นแหละ เจ้าขโมยมันก็ขำ นึกว่าเจ้าของบ้านนอนละเมอ ไม่รู้ว่าทำอีท่าไหน ถอยหลังไปเหยียบสุนัขที่กำลังหลับอยู่ สุนัขก็ตื่นแล้วเห่าเสียงดังลั่น ชาวบ้านแถวนั้นก็เลยลุกมาดู จับขโมยได้แล้วก็เลยพากันจุดคบไฟไปตามควายมาเข้าคอกไว้อย่างเดิม

ผู้ใหญ่บ้านก็คุมตัวขโมยไว้ จับได้คนเดียวคือคนที่ดูต้นทาง นอกนั้นวิ่งหนีไปหมด ก็พากันมานั่งรอจนสองผัวเมียนั่งสมาธิเสร็จ จึงเล่าเรื่องให้ฟัง เขาก็บอกว่าเขารู้ตั้งแต่ตอนที่ขโมยมันต้อนควายออกไปแล้ว แต่เขารักษาสัจจะ บอกว่าจะนั่งให้ได้อย่างละชั่วโมงก็ต้องได้ ควายมันจะหายก็ช่าง"

ท่านเล่าเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงให้คนทั้งสามฟัง พระบัวเฮียวฟังเป็นรอบที่สอง เพราะตอนที่สองผัวเมียมาเล่าให้หลวงพ่อฟัง พระบัวเฮียวก็นั่งอยู่ด้วย

"แต่กรณีของโยมจับโจรได้หมดใช่ไหม" พระบัวเฮียวถาม
"หมดครับ ผู้ร้ายกับตำรวจมีจำนานเท่ากัน ห้าต่อห้า เป็นตำรวจสายตรวจ กำลังขับรถจะเข้ามาดูความสงบเรียบร้อยในซอยนั้นพอดี นับว่าผมโชคดีมาก"
"ผู้ร้ายติดคุกกี่ปีล่ะ" พระบัวเฮียวถามอีก

"ไม่ถูกครับ ถูกขังไว้เกือบสามเดือน ผมไม่ยอมไปให้การ อ้างว่าจำหน้าผู้ร้ายไม่ได้ ความจริงผมจำได้ แต่ผมจำเป็นต้องพูดปดเพื่อจะได้ไม่ก่อเวร คือเจ้าคนที่มาปล้นนั่นเป็นลูกหนี้ผมเอง มายืมเงินผมไปหลายหมื่นแล้วไม่ใช้ ผมก็ขู่ว่าจะดำเนินคดี เขาคงแค้นเลยพาพวกมาปล้นผม เขาใช้เอ็ม 16 ยิงผม ก็คงอยากจะให้ตายเพื่อล้างหนี้ เป็นบุญของผมที่มาเข้ากรรมฐานเสียก่อน ไม่งั้นก็คงสิ้นชื่อไปแล้ว ผมก็ใช้สติพิจารณาว่าถ้าผมเอาเขาเข้าคุก วันหนึ่งเขาก็ต้องออกมาแก้แค้นผม ก็จะเป็นการก่อเวรกันไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อระงับเวรเสียข้างหนึ่ง ผมจึงจำใจต้องโกหกว่าจำหน้าไม่ได้....

ตำรวจขังพวกเขาไว้ไม่ถึงสามเดือนก็ปล่อย ช่วงนั้นผมกับคุณกิมง้อก็แผ่เมตตาอโหสิกรรมให้เขาทุกวัน หลวงพ่อเชื่อไหมครับ อานุภาพของเมตตานี่อัศจรรย์มาก เมื่อวานนี้เองเขาพากันมาหาผมที่บ้าน เอาธูปแพเทียนแพใส่พานมาขอขมาผม บอกว่าขอโทษและขอบคุณที่ผมไม่เอาเรื่อง เขารู้ว่าผมจำเขาได้ ขอขมาเสร็จก็บอกว่าจะผ่อนใช้หนี้คืน จะไม่โกงแม้แต่สตางค์แดงเดียว...

ผมตื้นตันจนน้ำตาไหล คุณกิมง้อก็ร้องไห้ ผมอโหสิให้เขาและบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สิน มีก็เอามาใช้ ไม่มีผมก็ยกให้ ขออย่างเดียวให้เขาหากินโดยสุจริต ผมอยากมาหาหลวงพ่อมาก จึงให้ลูกสาวพามาเพื่อกราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ให้วิชาที่วิเศษแก่ผม"

เขาก้มลงกราบท่านพระครูสามครั้ง ด้วยความซาบซึ้งและตื้นตันใจจนน้ำตาไหลเป็นทางตามร่องแก้ม คุณกิมง้อทำตามสามีแต่ไม่ได้ร้องไห้






ผู้ประพันธ์  :  ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม
หมวดหนังสือ










 

Create Date : 31 ตุลาคม 2557
33 comments
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2557 0:41:40 น.
Counter : 1565 Pageviews.

 

โหวตก่อนครับ เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: เศษเสี้ยว 31 ตุลาคม 2557 23:58:50 น.  

 

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) 1 พฤศจิกายน 2557 5:15:51 น.  

 

เรื่องของพลังจิคเนี่ยเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติจริงๆค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ALDI Food Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: ที่เห็นและเป็นมา 1 พฤศจิกายน 2557 17:07:12 น.  

 

มาจองที่ส่งกำลังใจก่อนครับ แล้วจะกลับ
มาอ่าน

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ALDI Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


 

โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) 1 พฤศจิกายน 2557 18:32:37 น.  

 

งวดนี้รู้สึกจะหายไปนานกว่าทุกครั้งนะคะ ป้าแวะมาดูบ่อยๆค่ะ



เติมกำลังใจเช่นเคยค่ะ


เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: ร่มไม้เย็น 1 พฤศจิกายน 2557 19:46:15 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
แวะมาส่งกำลังใจให้กันนะคะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


 

โดย: หอมกร 1 พฤศจิกายน 2557 23:13:15 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

-----------------------

อานุภาพของการปฏิบัติกรรมฐาน

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 1 พฤศจิกายน 2557 23:16:31 น.  

 

แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า หลับฝันดีนะค่ะ

 

โดย: KeRiDa 2 พฤศจิกายน 2557 0:16:40 น.  

 

มาอ่านต่อครับ
ประโยชน์ของการการปฏิบัติกรรมฐาน
มีผลน่าอัศจรรย์
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: moresaw 2 พฤศจิกายน 2557 7:05:12 น.  

 

มาทักทายพร้อมส่งกำลังใจให้ค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Tui Laksi Photo Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: เนินน้ำ 2 พฤศจิกายน 2557 13:32:35 น.  

 

ชอบการใช้คำพูดของหลวงพ่อครับ
เรื่องยากๆก็ดูง่ายไปเสียทั้งหมด

เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog

 

โดย: Insignia_Museum 2 พฤศจิกายน 2557 21:27:47 น.  

 

แวะมาส่งกำลังใจค่ะ
หายเงียบไปหลายวัน คงหนีไปเที่ยวมา

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
คิโนะคุนิยะ Education Blog ดู Blog
กาบริเอล Pet Blog ดู Blog
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา Travel Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: pantawan 2 พฤศจิกายน 2557 22:05:06 น.  

 

สาธุ

 

โดย: Nina shayatip IP: 49.230.181.117 3 พฤศจิกายน 2557 1:14:03 น.  

 

มาลงชื่อก่อนค่ะ
พรุ่งนี้มาอ่านค่า

 

โดย: lovereason 3 พฤศจิกายน 2557 1:43:59 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

newyorknurse

 

โดย: newyorknurse 3 พฤศจิกายน 2557 6:06:28 น.  

 

สวัสดียามสายค่ะคุณแว่นเวียงฟ้า
แวะมาเยี่ยมเติมกำลังใจนะคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ญามี่ Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน 3 พฤศจิกายน 2557 9:57:58 น.  

 

บุญบารมีจากการปฏิบัติได้ถึงเพืยงนี้ สาธุค่ะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 3 พฤศจิกายน 2557 21:02:37 น.  

 

สวัสดียามค่ำคืนครับ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: **mp5** 3 พฤศจิกายน 2557 21:53:32 น.  

 

สวัสดีตอนดึกครับ

อ.เต๊ะ ชอบอ่านเรื่องธรรมะ แนวนี้มากครับ

อ่านสนุก เข้าใจง่าย เนื้อเรื่องก็บ้านๆ พบได้ในชีวิตประจำวันของเรา

การนั่งสมาธิ หรือ ปฏิบัติกรรมฐาน น่าจะหลักการเดียวกับการ ฝึกกำลังภายใน ของเส้าหลินเลยนะครับ

แต่กว่าจะฝึกถึงขั้นนั้น คงต้องใช้ความเพียร พยายามเป็นอย่างสูงเลยนะครับ

ขอบคุณสำหรับโหวต และแวะไปทักทายกันนะครับ

ปล.ปกติ อ.เต๊ะ พูดจาก้ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง อยู่แล้ว
วันนี้ต้องตั้งสติเต็มที่ เพราะ
นานๆจะเม้นท์เป้นการเป็นงานกะเค้าซะที
นี่ก้เกือบไม่รอดนะครับ คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองจริงๆเล้ย 555



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: multiple 3 พฤศจิกายน 2557 22:28:55 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
blueberryblossom Photo Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 4 พฤศจิกายน 2557 5:29:37 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า มาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ
ไว้มาอีกรอบนะคะ
ขอบคุณที่แวะไปชมดอกไม้ด้วยกันค่ะ

 

โดย: mambymam 4 พฤศจิกายน 2557 23:16:56 น.  

 

มาอีกรอบค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: mambymam 5 พฤศจิกายน 2557 0:05:46 น.  

 


สวัสดียามเช้าค่ะ

ทักทายและโหวตให้เรื่องราวดีๆค่ะ

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: พรไม้หอม 5 พฤศจิกายน 2557 6:37:12 น.  

 

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ


รอบทต่อไปอยู่นะคะ

 

โดย: ร่มไม้เย็น 5 พฤศจิกายน 2557 19:02:00 น.  

 


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

สวัสดียามดึกค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ไปให้กำลังใจค่ะ

ตามมาดหวตให้เลยค่่ะ อ่านเพลินเลยค่ะ

หลับฝันดีนะคะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

โดย: กิ่งฟ้า 6 พฤศจิกายน 2557 1:17:54 น.  

 



สุขสันต์วันลอยกระทงครับ

 

โดย: moresaw 6 พฤศจิกายน 2557 14:50:36 น.  

 

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ส่งกำลังใจยามดึกค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า
ขอบคุณสำหรับกำลังใจเช่นกันนะคะ
นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 6 พฤศจิกายน 2557 23:51:19 น.  

 

 

โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) 7 พฤศจิกายน 2557 10:30:51 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: ชมพร 7 พฤศจิกายน 2557 16:03:54 น.  

 

สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยม
ช่วงนี้หายไปนานนะคะ
สบายดีหรือป่าวคะ

 

โดย: pantawan 14 พฤศจิกายน 2557 22:09:50 น.  

 

สวัสดียามเช้า
ขอบคุณกำลังใจด้วยครับ

 

โดย: moresaw 17 พฤศจิกายน 2557 9:55:37 น.  

 

มานั่งอ่านได้แล้ว แต่บ้านนี้เงียบจัง
หายไปไหนเอ่ย

 

โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) 18 พฤศจิกายน 2557 8:50:13 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณแว่นเวียงฟ้า
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: jamaica 18 พฤศจิกายน 2557 9:00:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]