ทั้งนี้ พบยอดขายรวมของ บจ. เพิ่มขึ้นเกิน 10 ล้านล้านบาทเป็นครั้งแรก และกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนความสามารถในการทำกำไรเปรียบเทียบปี 2555 กับปีก่อนหน้าพบว่า อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 18.59 เป็น ร้อยละ 17.98 ส่วนอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 6.91 เป็น ร้อยละ 7.01 ด้านอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 1.23 เท่า  

บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ( ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ 6 มีนาคม 2556 )

                 มีตัวอย่างของข้อมูลยอดขายปี 2555ของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีทีสำคัญได้แก่ 1.ปตทและบริบํทในเเครือฯ 2.7 ล้านๆบาท 2.ปตท.โกลบอลเคมิคอล 562,811ล้านบาท 3.ไทยออยส์ 447,432 ล้านบาท 4.ไออาร์พีซี 295,787 ล้านบาท 5.ปตท.สผ 218,137 ล้านบาท 6.เอสซีจี เคมิคอล 203,359 ล้านบาท 7.อินโดรามาเวนเจอร์ 215,187 ล้านบาท 8.บางจากปิโตเลี่ยม 165,246 ล้านบาท

                   ปี 2555 คาดว่าเฉพาะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีน่าจะมียอดขายรวม 5 ล้านล้านบาทหรือร้อยละ50 ของมูลค่ายอดขายของบริษัทจดทะเบียนรวม10 ล้านล้านบาท หรือ มีขนาดใหญ่กว่างบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลที่มียอดเพียง 2.5 ล้านล้านบาท  ในขณะทีภาคการเกษตรประเทศไทยมีประชากรอาศัยอยู่ร้อยละ 40 ของประชากรทั้งหมด มีมูลค่าGDP ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาทเท่านั้นเอง...... แสดงให้เห็นชัดถึงภาวะของประเทศไทยทีแบ่งกัน รวยกระจุกและจนกระจาย อันบ่งบอกถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมนั่นเอง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม //www.chemwinfo.com/index.php?mo=3&art=42066428