นักวิทยาศาสตร์ได้เริ่มดูที่ผลสำรวจชีวิตของผู้สละเวลาไปเป็นจิตอาสาซึ่งมีอยู่ราว 31% ของประชากรอเมริกัน พบว่าการทำงานเป็นจิตอาสานั้นช่วยเสริมสร้างความเติมเต็มให้กับชีวิตแถมยังทำให้อายุยืน อีกทั้งยังทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉงและแข็งแรงขึ้นด้วย นอกจากนี้ผลวิจัยอีกหลายชิ้นยังระบุว่า การมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น 1) ทำให้ไม่ค่อยเหงา 2) มีภูมิคุ้ม กันดีขึ้น 3) สุขภาพโดยทั่วไปดีขึ้น 4) อาการเจ็บปวดต่าง ๆ ตามร่างกายลดลง 5) ภาวะหดหู่ซึมเศร้าลดลง
มีงานวิจัยหนึ่งถึงกับสรุปว่า การเป็นจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่นนั้นสามารถปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ดีกว่าการทานยาแอสไพรินถึง 2 เท่าทีเดียว นอกจากการสละเวลาและแรงกายแรงใจเพื่อผู้อื่นอย่างการไปเป็นจิตอาสาแล้ว นักวิทยาศาสตร์ทำการทดลองด้วยว่า ถ้าเป็นการสละสิ่งของที่จับต้องได้อย่างเงินทองล่ะจะเป็นอย่างไร หลังจากปล่อยให้ไปใช้เงินแล้วก็วัดระดับความสุขใหม่ค่ะ พบว่า คนที่เป็น ผู้ให้ นั้นมีความสุขกว่าคนที่ใช้เงินเพื่อตนเอง มีอีกหลายสิบประเทศได้นำการทดลองนี้ไปทำบ้าง ล้วนได้ผลเหมือนกัน ( ดร ณัชร สยามวาลา Nash Siamwalla, PhD )