ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา
Group ตัวอย่าง
<<
พฤศจิกายน 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
30 พฤศจิกายน 2555
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๘
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๖
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๕
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๔
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๓
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 28
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 27
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 26
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 25
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 24
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 23
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 22
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 18
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 17
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 15
เรื่องสั้น/ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
นิยาย อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 14
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 13
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 12
เรื่องสั้นตกรอบครับ
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 10
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 9
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 5
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 4
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 1
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
เรื่องสั้น-ดักไซแห้ง
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
เคยมีคนพูดว่า...
"จริงๆแล้วเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เหมือนจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ ที่รวมยังไงก็ไม่ครบทุกชิ้นทุกภาพ ใครถือภาพส่วนไหนไว้ ก็จะเห็นแต่ภาพนั้น ส่วนภาพที่เว้าแหว่งหายไป ก็ได้แต่คาดเดา ไม่มีวันที่ใคร จะตอบความจริงของเหตุการณ์วันนั้นได้อย่างแท้จริง"
10.30 น. ของวันนั้น ผมนั่งรถตุ๊กตุ๊กของพี่เสริมไปวงเวียนใหญ่ บอกข่าวร้ายกับเตี่ย เฮียเส้ง และเจ๊หงส์ แล้วก็ขอลางาน ไม่บอกว่าจะหยุดกี่วัน แต่ก่อนออกจากร้าน เฮียเส้งเอาเงินยัดกระเป๋าให้พันหนึ่ง จะไม่รับก็เกรงใจพี่เสริม เพราะเพิ่งรู้จักกันอย่างทุลักทุเลเมื่อคืนนี้เอง แต่แกก็แอ่นอกช่วยแบกทุกข์ของผมอย่างผู้ใจบุญ ตามประสาคนบ้านนอกที่ขนครอบครัวมาปักหลักทำกินในเมืองกรุงออกมาให้เห็น ช่วยผมออกตามหาสาวบัวด้วยกันทั้งคืนไม่ได้หลับนอน รุ่งเช้าผมจะให้แกไปส่งที่บ้านสนธิ ก็ไม่ยอม บอกว่าไหน ๆ ก็ค้นหากันทั้งคืนแล้ว กลางวันจะตะลุยค้นหากันอีกสักวันจะเป็นไรไป เรื่องค่าเช่าตุ๊กตุ๊กไม่ต้องพูดถึง แกจัดการของแกได้ แต่ถ้าวันนี้ยังไม่ได้เบาะแส ก็คงต้องยอม เพราะตามโรงพยาบาลกระทั่งคลินิกต่าง ๆ เราลุยถามไปทั่วมารอบหนึ่งแล้ว ตั้งแต่เช้า หมดค่าน้ำมันรถที่แกออกไปเยอะ ที่เหลือต่อจากนี้ก็หาเบาะแสกันโรงพักต่าง ๆ หรือไม่ก็สถานที่กักขัง ซึ่งไม่รู้เขาจะให้เราสอบถามรายชื่อผู้ต้องขังได้หรือเปล่า แต่เราก็ตั้งเป้าหมายที่จะไปค้นหา
ผมเอาเงินพันบาทที่ได้มาจากเฮียเส้งยัดใส่กระเป๋าพี่เสริมต่อ บอกว่า ผมง่วงเต็มทีแล้ว ของีบหน่อย พี่ช่วยจัดการเป็นธุระให้ผมด้วย แล้วผมก็หลับฟุบกับเบาะรถตุ๊กตุ๊กของพี่เสริม พอตื่นขึ้นมาอีกที ปรากฏว่าถึงห้องพักของผมที่ซอยวัดดงฯ พี่เสริมไปหาคีมตัดเหล็กมาตัดลูกกุญแจ แล้วบอกให้ผมเข้าไปอาบน้ำนอนพักผ่อนเสียก่อน เพราะก่อนหน้านี้แกได้แวะไปตามโรงพักต่าง ๆ มาสองสามแห่ง เขากำลังวุ่นวายกันอยู่ สอบถามอะไรไม่ได้ความทั้งนั้น เดี๋ยวช่วงบ่ายแกค่อยมารับอีกที
เมื่อได้น้ำได้ท่าผมก็รู้สึกสดชื่น แต่พอหันไปเห็นเสื้อผ้าของสาวบัวซึ่งแขวนอยู่ที่ราวตากผ้าหน้าห้องน้ำ น้ำตาของผมก็ไหลรินออกมาก ภาพทารุณกรรมต่อผู้ชุมนุมประท้วงที่ได้พบเห็นเมื่อตอนหัวรุ่งและตอนเช้า ทำให้ผมรู้สึกโศกเศร้าและเคียดแค้นชิงชังอย่างบอกไม่ถูก หลายต่อหลายครั้งที่พี่เสริมต้องรีบลากผมออกมาจากเหตุการณ์ ที่ผมเกือบบ้าคลั่ง เมื่อเห็นเหยื่อเคราะห์ร้ายถูกรุมทุบตีทั้ง ๆ ที่ไม่มีทางต่อสู้
และเมื่อเห็นเหยื่อเคราะห์ร้ายรายไหนเป็นผู้หญิง ผมจะพุ่งปราดไปทันที ปากก็จะตะโกนห้าม แต่ไร้ผล ไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้ามันเป็นสัญชาตญาณแห่งความบ้าคลั่งยิ่งกว่าสัตว์ป่า หรือยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ไม่รู้พวกเขาพกความเคียดแค้นชิงชังติดมาแต่ชาติปางไหน เพราะแม้แต่ร่างมนุษย์ที่ไร้วิญญาณเขาก็ไม่ละเว้น ตอกด้วยลิ่ม ตีด้วยไม้ ทุบด้วยเก้าอี้ เหยีบใบหน้าด้วยฝ่าเท้า บริภาษด่าทอเหมือนไม่ใช่มนุษย์ที่มีเคยมีชีวิตอยู่ร่วมโลกเดียวกัน
บางคนวิ่งเข้าไปกระทืบใบหน้าของผู้ที่นอนหงายหลับตาสิ้นลมหายใจ ทั่วทั้งร่างกายมีแต่รอยแผลเหวอะหวะจากการถูกทารุณกรรม แถมมีล้อรถยนต์สุมไฟทับอยู่เป็นพะเนิน สายตาของผู้คนที่ยืนมุงดูอยู่รอบด้าน ก็ดูเหมือนจะฉายแววแห่งความพึงพอใจอย่างผิดมนุษย์มนา
"คุณ ๆ ถอยออกมา ถอยออกมา"
พี่เสริมจะคอยให้สติผมอยู่เสมอ ตั้งแต่พอแรกเริ่มที่มีเสียงปืนและเสียงระเบิดดังถี่ขึ้น เราสองคนซึ่งรอจังหวะที่จะหาโอกาสแทรกซึมเข้าไปในธรรมศาสตร์อยู่ตลอด ก็จ้องมองหนทางดังว่านั้นอยู่ทุกขณะจิต เพราะก่อนหน้านี้ประตูทางเข้าทุกแห่งปิดตาย ตามรั้วตามช่องต่าง ๆ ที่พอจะลอดเข้าไปได้ ก็มีคนคอยเฝ้าระวังอย่างเต็มที่- -ทั้งสองฝ่าย
แต่ครั้นเมื่อรถเมล์พุ่งชนรั้วจนพัง ฝูงชนก็เฮตามเข้าไป พวกตำรวจถือปืนวิ่งหลังค้อม บ้างก็หมอบคลาน ราวกับว่าภายในกำแพงธรรมศาสตร์มีศัตรูถือปืนจ้องจะเอาชีวิตอยู่ ทั้งที่แต่ละคนซึ่งติดอยู่ในวงล้อมข้างในล้วนมีแค่สองมือเปล่า
เราสองคนได้โอกาสก็วิ่งตามพวกเขาเข้าไปด้วย แต่จุดมุ่งหมายคนละทาง...
พวกเขามุ่งเข้าไปเข่นฆ่า แต่เราเข้าไปค้นหาและช่วยเหลือ หลังจากที่เดินหากันข้างนอกจนทั่วหมดแล้ว และเชื่อว่าคนอย่างสาวบัวคงต้องหาวิธีการที่จะเข้าไปอยู่ในรั้วกำแพงธรรมศาสตร์ได้แล้วจนได้ เพราะหล่อนเข้าใจผิดคิดว่าผมติดอยู่ข้างใน
ที่ผมมั่นใจอย่างนี้ ก็เพราะช่วงดึก ผมเหลือบไปเห็นเพื่อผมคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กรามฯผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ด้านนอกบ่อย ๆ ผมคิดว่าเขาอาจจะออกมาหาข่าว หรือคุ้มกันใครบางคนให้หลบหนี แต่ผมไม่ได้มุ่งไปทักทายเขา เพราะคิดว่าเขาคงไม่ต้องการให้ผมทำอย่างนั้น...
ในเมื่อเพื่อนผมมุดลอดออกมาได้ ไหนเลยก่อนหน้านี้สาวบัวของผมจะหาช่องทางมุดลอดเข้าไปไม่ได้...
ยิ่งคิดผมก็ยิ่งคับแค้นใจ
ตลอดทั้งคืนผมกับพี่เสริมซึ่งเอารถตุ๊กตุ๊กที่ใช้ทำมาหากินของแกจอดทิ้งไว้เสียไกล แล้วออกเดินค้นหากันไปในหมู่ฝูงชนด้านนอก ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย กระทั่งซื้อน้ำเปล่าดื่มกินกันเหมือนเทราด เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ขาหนีบสองข้างของผมถลอกปอกเปิด ปวดแสบปวดร้อนจนมันหายไปเอง แต่เมื่อกลับมาโดนสบู่ที่ผมฟอกถูตอนอาบน้ำชำระร่างกายเมื่อสักครู่ มันก็กลับมาปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาอีกครั้งอย่างทรมาน
อาบน้ำเสร็จผมเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ หยอดเหรียญโทร.ไปหาสนธิที่ธนาคารของมัน ทางปลายสายบอกว่า สนธิออกไปส่งเอกสารตามภาระหน้าที่ ให้ผมสั่งความไว้ได้ไหม
"โอเค ครับ" ผมตอบไปตามสาย "บอกเขาว่า เพื่อนชื่อนุ้ยโทร.มาหานะครับ ขอบคุณครับ"
14.00 น. แดดกรุงเทพฯแผดจ้าจนแสบตา ผนวกกับอากาศที่ร้อนเร่าเหมือนอยู่ในกองเพลิง พี่เสริมขับรถเก๋งสีเทา ภายในติดแอร์เสียเรี่ยม มาจอดรับผมที่หน้าหอพัก
"ยืมรถน้องเขย" พี่เสริมบอกทันทีที่ผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านหน้าคู่กับแก "อ้ายตุ๊กตุ๊กคู่ชีพคันนั้นให้มันหยุดพักสักหน่อย"
"ตกลงวันนี้มายุ่งกับเรื่องของผมจนไม่ได้ทำมาหากิน" ผมพูดออกไปอย่างไม่สบายใจนัก
"เลิกคิดเหลวไหลซะ- -ไอ้น้องชาย" แกพูดโดยไม่หันมามองผม "ไปแจ้งความบัตรหายเสียก่อนดีไหม? จะได้มีหลักฐานว่าไม่ได้เป็นคนญวน"
ผมพลอยหัวเราะตามมุขของพี่เสริมไปด้วย แต่ก็เป็นหัวเราะที่ฝืนเต็มที
"ดีเหมือนกัน-พี่ ผมยิ่งไม่ค่อยสบายใจอยู่ด้วย เกิดฟิวขาดขึ้นมาแล้วจะยุ่ง"
ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง คือ หลังจากพวกตำรวจได้ต้อนนักศึกษาและประชาชนที่ถอดเสื้อผ้านอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นให้ขึ้นรถเมล์ออกจากหน้าธรรมศาสตร์ไปแล้ว พวกเขาแต่ละตัวดุยิ่งกว่าหมาอัลเซเชียน ถามอะไรสักคำก็ทั้งตะคอกและตวาดเหมือนกับเราไม่ใช่คน อีกทั้งพยายามจะจับเรายัดคุกลูกเดียว หาว่าผมโกหก เพราะไม่กล้าไปแจ้งความ ทั้งที่ผมบอกว่ายังไม่มีเวลา เพราะกำลังตามหาบุคคลคนสูญหายกันอยู่
"อย่าลืมไปแจ้งความเสีย" นายดาบแก่ ๆ หนึ่งเดียวที่อุตส่าห์มีน้ำใจร้องสั่งกับผมเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ผมจะให้พี่เสริม พาไปธุระที่วงเวียนใหญ่
ข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่ผมนั่งกางอ่านบนรถเก๋งซึ่งพี่เสริมกำลังขับมุ่งหน้าไปทางถนนพรานนก ทำให้ผมรู้สึกหดหู่ใจอีกครั้ง... เพราะทุกครั้งที่มีเสียง "เฮ... เฮ.. เอามันให้ตาย" ตอนที่รั้วธรรมศาสตร์ถูกรถเมล์พุ่งชนและฝูงชนด้านนอกกรูตามกันเข้าไป ผมเป็นต้องวิ่งเบียดเสียดเข้าไปดู และต้องถอยออกมาด้วยแรงกระชากของพี่เสริม พร้อมกับเสียงร้องเตือนสติที่แกกรอกลงไปในหู ให้ได้ยินเฉพาะผม "ผู้ชายครับคุณ ผู้ชาย... ผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง" ซึ่งผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่า ถ้าภาพของบุคคลที่ถูกกระทำย่ำยีเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานเบื้องหน้านั้นเป็นผู้หญิง และโดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่อสาวบัว พี่เสริมจะกระชากผมไหวไหม แล้วผมจะมีโอกาสมีชีวิตรอกมาจนถึงวันนี้หรือเปล่า?
จึงเป็นอันว่าวันนั้นเราต้องคว้าน้ำเหลวในการค้นหารายชื่อผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มเติม เพราะบางแห่งก็ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่ายังไม่พร้อม รายชื่อยังไม่ได้รับการตรวจสอบยืนยัน รวมทั้งรายชื่อผู้ต้องขังที่โรงเรียนพลตำรวจบางเขนก็เช่นเดียวกัน ราวสิบแปดนาฬิกา หลังจากเราเที่ยวค้นหารายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บตามโรงพยาบาลต่าง ๆ อีกรอบ และพบว่าไม่มีรายชื่อสาวบัว หรือมีภาพถ่ายติดอยู่ ผมก็ให้พี่เสริมขับรถไปส่งผมที่บ้านสนธิในซอยวัดท่าพระ ฃ
เมื่อรถจอดสนิทพี่เสริมก็เอาเงินหนึ่งพันบาทนั้นยัดกลับคืนผมอีก
"บัตรประชาชนคุณหาย ใช้ใบแจ้งความเป็นหลักฐานไม่รู้จะถอนเงินธนาคารได้หรือเปล่า เพื่อความไม่ประมาทผมให้คุณยืมเงินจำนวนนี้ไปก่อน"
พูดจบแกก็ไล่ผมลงจากรถ พร้อมกับหันไปมองหน้าบ้านสนธิ-เพื่อนผม คงเพื่อต้องการจดจำสำหรับวันหน้าวันหลัง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ทำเล่นตัว รีบยกมือไหว้ และพูดว่า
"หลังจากนี้อีกสักอาทิตย์ ถ้าผมไม่อยู่กรุงเทพฯ ผมจะฝากเงินคืนพี่ไว้กับเฮียเส้งที่วงเวียนใหญ่ พี่แวะไปเอาได้เลย"
พี่เสริมยิ้ม ก่อนพยักหน้าและกระพุ่มมือรับไหว้
"โอเค... แล้วพบกันใหม่"
ผมไม่รู้ว่า พี่เสริม เตี่ย เฮียเส้ง เจ๊หงส์ และอาโกเจ้าของร้านชำในซอยวัดดงฯ มิตรใหม่ที่เพิ่งพบในกรุงเทพฯเที่ยวนี้ จะเป็นมนุษย์ประหลาดพันธุ์ไหน รู้แต่เพียงว่าเป็นพันธุ์ที่ค่อนข้างหายาก ถ้าปราศจากบุคคลสามสี่คนนี้ ไม่แน่--อาจบางที่ผมคงกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยาปลิดชีพตนเองไปเสียแล้วก็ได้
วันสุดท้ายก่อนที่ผมจะตัดสินใจเลิกล้มการค้นหาเบาะแสการสูญหายอย่างไร้ร่องรอยของสาวบัว ผมได้มาหยุดยืนเหม่อมองสายน้ำเจ้าพระยาที่ไหลล่องลงมาจากทางเหนืออยู่บนสะพานพระพุทธยอดฟ้าในยามพลบค่ำครู่หนึ่ง คนที่ไม่เคยพานพบกับการสูญเสียเหมือนอย่างผม ไหนเลยจะรู้ซึ้งถึงรสชาติแห่งการสูญเสียนั้น เช่นเดียวกับคนที่ไม่ได้พานพบกับการสูญเสียบุตรหลานและญาติมิตรในวันปิดล้อมสังหารหมู่อย่างไร้มนุษยธรรม เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ไหนเลยจะรู้ว่าการสูญเสียและถูกกระทำย่ำยีราวกับไม่ใช่มนุษย์ด้วยกันในครั้งนั้น มันจะสร้างความเจ็บปวดให้กับจิตใจอย่างโหดร้ายทารุณแค่ไหน
ครั้งหนึ่ง...บนโขดหินริมธารน้ำที่กลางป่าดงเขายา ผมเคยบอกกับสาวบัวว่า ชีวิตและสังขารคนเราก็เหมือนสายน้ำ ไหลไปแล้วไม่ไหลคืน วันเวลาล่วงเลยเหมือนสายน้ำที่ไหลเชี่ยวมาจากเทือกเขาทางเหนือ ไหลล่องลงสู่แม่น้ำและทะเลทางใต้ ชีวิตเราก็มีแต่จะล่วงวัยไปตามนั้น... เฉกเช่นสายน้ำ และผมก็ให้สัตย์สาบานกับหล่อนว่า ถึงอย่างไรผมก็จะอยู่ดูแลช่วยเหลือหล่อนไปจนวันตาย
อนิจจา คำมั่นสัญญา... ต่อแต่นี้ผมจะบอกลุงทองกับป้าพัวและหญิงหมอนว่าอย่างไร ลูกสาว-พี่สาวของพวกเขาทั้งคน ผมกลับมิอาจปกป้องชีวิตของหล่อนไว้ไม่ได้
มันช่างแสนเจ็บปวด!
เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผมย่างเท้าลงบนถนนสายนี้ ผมก็จะพบแต่ความเจ็บปวด
ในอดีตที่ร่ำเรียนอยู่ใน วค. ถ้าผมคิดมุ่งเอาแต่เรียน และใช้ชีวิตแบบคนเห็นแก่ตัวสักนิด ป่านนี้ผมก็มีโอกาสคงได้เป็นครูไปแล้ว
และเย็นวันนั้น ถ้าผมอย่าคิดขุ่นแค้นภิกษุหุ่นเชิด--ชื่อพระถนอม ไหนเลยจะออกไปร่วมกับเขา และป่านนี้หญิงหม้ายผู้ซึ่งผมรักดั่งดวงใจก็คงไม่ต้องมาหายสาบสูญไปจนกระทั่งบัดนี้...
ธูปสามดอก เทียนหนึ่งเล่ม และดอกบานบุรีสามดอกซึ่งเป็นดอกไม้ที่สาวบัวบอกผมว่า บัวชอบ ผมมัดรวบเข้าด้วยกันด้วยสายยาง และยกขึ้นอธิษฐานเหนือศีรษะ ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยให้ร่วงหลุดจากมือพุ่งดิ่งลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อจะบอกให้หล่อนได้รู้ว่า ผมยังไม่ลืม สายน้ำไหลไปแล้วไม่หวนคืน
อีกไม่นานเราคงได้พบกันที่นั่น...
ที่ที่สายน้ำทุกสายไหลบรรจบกัน-นิรันดร์
-สวัสดีครับ-
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2555
10 comments
Last Update : 19 มกราคม 2556 18:05:11 น.
Counter : 1430 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีครับ แควนๆ นิยายอดีตรักเหมืองป่าก็เดินทางมาสู่ตอนอวสานเรียบร้อยแล้วนะครับ
หลังจากนี้ผมก็จะเริ่มลงมือขัดเกลาตั้งแต่บทแรกอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:10:10 น.
More Great Time Comments
-----------------------------------------
อาทิตย์ที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้มาทักทายกันเลย งานยุ่งเสียจนแทบจะไม่มีเวลานอนค่ะ วันนี้เบาขึ้นนิด จึงรีบออกมาเยี่ยมและทักทายเสียก่อน ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้มาตลอดเวลานะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:8:10:36 น.
ครับผม มิตรสหายห่างหายกันไปมากนะครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:23:10:00 น.
------------------------
วันนี้เตรียมตัวไประยอง พาเด็กไปแข่งขันนาฏศิลป์ไทย ฝากบ้านสักวันสองวันนะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 10 ธันวาคม 2555 เวลา:6:40:02 น.
โดย: คงสนุกนะครับ (
หลวงเส
) วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:9:43:47 น.
๐...เสียงพร่ำของค่ำนี้...๐
ผ่านวันคืนเคลื่อนคล้อยสามร้อยหกสิบห้า
ต่างปั้นหน้าฉลองว่าผ่องใส
แสร้งว่าสุขตามสื่อลือกันไป
รู้แก่ใจสังคมยังงมงาย
หันมามองส่วนรวมยังต้วมเตี้ยม
ความโหดเหี้ยมอุจาดไม่ขาดสาย
แย่งกันโกยกันกรอกต่างออกลาย
สิ้นยางอายจริงหนอเที่ยวขอเติม
มิได้หวังคืนข้ามปี...แล้วดีขึ้น
แอบสะอื้นก่อนร้องฉลองเฉลิม
พ้นคืนเคลื่อนเดือนดลให้คนเดิม
อย่าเหิมเกริมเก่งกล้าพากันจน
แม้..ข้ามวันข้ามเดือนจนเลื่อนปี
ใครทำดี.ไม่ดี..ย่อมส่งผล
สิ่งชั่วร้าย..แพ้ภัยในสกล
สุขเวียนวน..ถ้วนทั่ว..ชั่วนิรันดร์
........๑๐๙๑๓......
โดย:
go far far
วันที่: 31 ธันวาคม 2555 เวลา:7:52:43 น.
-------------------------------
อย่าเจ็บ อย่าจน สุขภาพแข็งแรง มีความสุข ไร้ทุกข์ โรคภัย ตลอดปี ๒๕๕๖ นะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 31 ธันวาคม 2555 เวลา:23:20:07 น.
ขอบคุณคร้บ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 10 มกราคม 2556 เวลา:19:30:54 น.
แวะมาทักทายคุณหลวงเสค่ะ
ขอบคุณมากที่แวะไปชมภาพจากงานทานอาหารคริสมาสของครอบครัวในอิตาลี
ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้เข้าบล้อกเท่าไหร่ ตอบคอมเมนต์ช้าหน่อย ไม่ว่ากันนะคะ
ปีใหม่นี้ตั้งใจจะหาเรื่องราวดีๆ ในต่างแดนมาให้อ่านกันอีกแน่นอนค่ะ
โดย:
diamondsky
วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:16:43:50 น.
ผมก็ไม่ค่อยได้แวบมาที่บล็อกบ่อยนัก คิดถึงเพื่อน ๆ ทุกคนครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 19 มกราคม 2556 เวลา:18:00:09 น.
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
หลวงเส
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ดอยสะเก็ด
diamondsky
บ้าได้ถ้วย
ยาชมภู
เกศสุริยง
KeRiDa
วัวป่าหลงเงาจันทรา
nonguide
Webmaster - BlogGang
[Add หลวงเส's blog to your web]
Bloggang.com
หลังจากนี้ผมก็จะเริ่มลงมือขัดเกลาตั้งแต่บทแรกอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ