ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา

<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
1 มิถุนายน 2554
 

นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11



ยามค่ำ ดวงดาวกระพริบแสงพร่างพรายระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้า เดือนรูปเคียวลอยเด่นอยู่เหนือทิวเขาเบื้องทิศตะวันตก บ้านไม้ชั้นเดียวหลังนั้นอยู่ลึกจากถนนเข้าไปหน่อยหนึ่ง สองข้างทางเป็นดงหญ้าคาใบเรียวแหลมไหวระริกไปกับการโลมไล้ของสายลมค่ำ แสงไฟรถมอเตอร์ไซค์อีแก่ของผมส่องสว่างไปข้างหน้า มองเห็นเส้นทางแคบๆ สีขาวทอดตัวอยู่ระหว่างกอหญ้าคาสองข้างทางไปยังบ้านหลังนั้นถนัดชัดเจน

เสียงท่อไอเสียมอเตอร์ไซค์ครางหึ่ง ๆ ไปตลอด มือที่จับแฮนด์สองข้างสั่นสะเทือนไปตามแรงกระเด้งกระดอนของสปริงโช้ค ทว่าผมกลับรู้สึกว่า หัวใจของผมที่เต้นรัวอยู่ในอกสั่นสะเทือนยิ่งกว่า

"นุ้ยเป็นอะไรไป? แหม-ดูซิหน้าตื่นมาเชียว!" สาวบัวพูดขึ้นหลังเปิดประตูบ้านให้ผมเดินเข้าไปข้างใน

ภายในบ้านของสาวบัวสว่างรำไรกับแสงตะเกียงน้ำมันก๊าด ซึ่งหล่อนจุดตั้งไว้บนเตียงไม้ปูเสื่อตรงหน้าห้องนอนของหล่อน ผมเดินไปนั่งลงบนขอบเตียงหลังนั้น สาวบัวซึ่งเดินตามมาข้างหลังชะโงกหน้าไปมองเจ้าตัวน้อยลูกสาวของหล่อนซึ่งนอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องนอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะเธออ่อนเพลียกับการเดินทาง

"ผมจะมาบอกบัวว่า พรุ่งนี้ผมจะพาสาวเล็กกับสาวหมาไปตะกั่วป่าด้วยกันกับเรา"

"ต้องการมาบอกแค่นี้เองหรือ?" หม้ายสาวผุดเสียงขึ้นมาอย่างน้อยใจ ใบหน้าที่อาบแสงตะเกียงน้ำมันก๊าดดูหม่นเศร้า

"โธ่ --ผมอุตส่าห์เข็นรถเครื่องไปแอบจอดไว้หลังบ้านแล้วนะ-ไม่เห็นหรือ?" ผมย้อน

"ก็ใครจะไปรู้ล่ะ เห็นพอมาถึงก็พูดเหมือนกับว่ามีธุระเพียงแค่นั้น" หม้ายสาวค้อนหน้าคว่ำ นี่ถ้าหล่อนรู้ว่าขณะนี้จิตใจของผมกำลังระส่ำระสายอยู่กับเรื่องของเรา หล่อนจะเสียใจสักขนาดไหนหนอ...

ที่บอกลุงทองว่าจะพูดกับแม่ก็เห็นท่าจะเหลว ความรักแม่กลายเป็นม่านกั้นขวางเสียแล้ว

สาวบัวคงเห็นผมนั่งเงียบไปนานจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความห่วงใย

"เดินท่องภูเขากันมาทั้งวัน ท่าทางคงจะยังไม่ทันหายเหนื่อยละซี-นุ้ย? นอนพักเสียที่นี่ก่อนดีไหม ตื่นแล้วค่อยกลับบ้าน ตอนนี้ยังหัวค่ำอยู่เลย หลับให้สบายซักงีบก็คงไม่ดึกหรอก... หรือยังไง? "

ผมสอดสายตาจ้องลึกลงไปในดวงตาของหล่อน พบความว้าเหว่เปลี่ยวเศร้าผุดพรายอยู่ในดวงตาคู่นั้น กระทั่งรู้สึกรันทดจนแทบก้มกราบไหว้ขอขมาลงบนตักหล่อน

เพราะความคึกคะนองและย่ามใจอย่างโง่บัดซบแท้ ๆ ที่บังอาจสร้างความริยำประทับรอยราคีให้หญิงหม้ายผู้น่าสงสารผู้นี้ต้องรับทุกข์อย่างแน่นอน ถ้าหากเรื่องของเรารู้ไปถึงแม่และท่านเกิดไม่เห็นชอบขึ้นมา

ไอ้ไข่นุ้ยลูกผู้ชายชื่อไอ้แผนผู้ซึ่งเคยมีแต่ความรื่นเริงในหัวใจ กำลังจะอกแตกตาย!

โน่นก็แม่ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาอย่างหาที่เปรียบมิได้

แล้วหญิงหม้ายผู้น่าสงสารคนนี้เล่าจะไล่ต้อนผลักไสออกไปจากใจได้อย่างไร ?

อนิจจา !

ถ้าวันนี้ไอ้ไข่นุ้ยมันเรียนจบและมีงานทำแล้ว มันก็คงจะไม่ใส่ใจใยดีต่อสิ่งใดเลย

"...เมื่อมีงานทำแล้ว... หรือถ้าจะให้ดี บวชให้แม่ได้เห็นชายผ้าเหลืองเสียก่อน... แล้วนุ้ยจะรักชอบผู้หญิงคนใด และเธอคนนั้นจะยากดีมีจนอย่างไร แม่ก็จะรักเธอเหมือนลูกของแม่เช่นกัน"

คำเตือนของแม่อันเปรียบเสมือนพระเครื่องซึ่งแขวนห้อยอยู่ที่คอ ยังคงย้ำก้องอยู่สองข้างหู ทำให้ผมอยากกลั้นใจตายไปเสียจากปัญหาที่ก่อขึ้น

แต่ทว่ามีเรื่องแปลกสำหรับผมอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือ ถ้าหากไม่มีสิ่งใดมาบีบคั้นจิตใจให้ว้าวุ่นจนกระทั่งคิดหาทางออกไม่ได้ ผมก็มักจะไม่ใคร่คิดถึงพ่อ แต่คราใดที่ตีบตันและถึงตาอับเข้าจริง ๆ ใบหน้าที่อาบรอยยิ้มหัวอยู่เป็นนิตย์ของพ่อก็จะผุดพรายขึ้นมาให้ผมได้เห็นทันที

ใช่แล้ว หากมีอะไรที่ทำให้แม่จะต้องพุ่งหอกเข้ามาใส่ผม มีเพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่จะแอ่นกอรับแทนได้ เพียงแต่ผมต้องแย้มพรายให้พ่อรู้ตัวเสียก่อนเท่านั้นเอง!

"พ่อ" ผมร้องออกมาเสียงดัง

สาวบัวพลอยตื่นตกใจไปกับอารมณ์อันแปรปรวนของผม หล่อนนั่งตัวแข็ง จ้องมองมาที่ผมอย่างไม่ยอมกระพริบตา กระทั่งในที่สุดผมก็รวบกายหล่อนมาสวมกอดอย่างสุดแสนดีใจเมื่อหาทางออกเรื่องนี้ได้



รุ่งเช้า สาวเล็กกับสาวหมาน้องสาวของผมดีใจจนเนื้อเต้น เธอทั้งสองลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวตลาดตะกั่วป่ากับผม...

"ไอ้เด็กสองคนนี้ท่าทางเมื่อคืนฝันหวานจนไม่ได้หลับได้นอน" พ่อหยอกล้อลูกสาวตัวเล็ก ๆ ทั้งสองของท่านขณะนั่งขัดตะหมาดล้อมวงกินข้าวมื้อเช้าด้วยกันที่ในครัว "กินให้อิ่มนะ ประเดี๋ยวนั่งรถไปตามทางเกิดหิวข้าวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา อายเขาตาย" พ่อว่า

ถึงกระนั้น ทั้งสองสาวก็ดีใจจนกินข้าวไม่ลง ผมนั่งสังเกต เธอทั้งสองขย้อนกลืนก้อนข้าวจนคอยืด แล้วตามด้วยน้ำเย็นในขัน เป็นการฝืนกินแบบข้าวคำน้ำคำ กระทั่งในที่สุดก็ทิ้งจานข้าวแล้วชวนกันลงไปรอนั่งผมอยู่บนแคร่ใต้ถุนเรือนทั้งสองคน

"นุ้ยจะซื้ออะไรบ้าง?" แม่ถาม

ผมเหลือบมองพ่อ ก็เห็นพ่อนั่งบดเอื้องเคี้ยวข้าวในปากเฉย แต่ผมเชื่อว่าหูของพ่อคงรอฟังเสียงแม่ พร้อมกับรอฟังคำตอบจากผมด้วย

"ยังบอกไม่ถูกครับ" ผมตอบยิ้ม ๆ

แม่มองผมตาเขียว

"เอ็งอย่าเล่นลูกไม้กับแม่"

ผมกลืนน้ำลายลงคอ ใจขาด ๆ หาย ๆ เพราะแม่กำลังจ้องมองผมอยู่

"จริงครับ- - นอกจากเสื้อผ้านักเรียนของสาวหมากับหนังสือของเธอแล้ว ผมยังไม่รู้จะซื้ออะไรให้ตัวเองกับสาวเล็กเหมือนกัน"

ผมร่ายยาวเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกพรั่นพรึงกับเรื่องที่คิดจะซื้อแหวนให้หญิงคนรักกับน้องสาวของหล่อน ก็พอดีได้ยินเสียงตัวช่วยของผมเอ่ยขึ้นว่า

"ตังค์ของมัน - มันหาของมันเอง จะซื้ออะไรก็ช่างมันซี้ แหม-เธอก้อ" พ่อตำหนิแม่อย่างนิ่มนวล

"วันนี้วันเสาร์ " แม่ยกข้ออ้างขึ้นมาทันที "จะมีธนาคารไหนเปิดทำการให้เราถอนเงินนอกจากออมสิน ซึ่งเราไม่มีสมุดฝาก แล้วที่เธอล่ะ มีเงินกะเขาบ้างหรือเปล่า?"

"งูเห่ายังมีเบี้ย" พ่อว่า-เบี้ย ก็หมายถึงเงิน "คนอย่างฉันเรอะจะไม่มี... เอ็งจะเอาเท่าไหร่-ไข่นุ้ย"

"ผมคิดว่า...น่าจะซักสามพันละครับ"

"เฮ้ย!" พ่อร้องดังลั่น "พ่อจะเอามาจากไหน นึกว่าสามสี่ร้อย"

แม่หันกลับไปมองพ่ออีกครั้ง พร้อมหัวเราะออกมาจนเกือบสำลักข้าว

"ก้อไหนโม้นักว่ามีเบี้ย. . . หึ หึ" แม่แขวะพ่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

"ถ้าแน่จริงเธอก็อย่าล้วงกระเป๋าของฉันให้มันบ่อยนักซี" พ่อแปะบาก "ฉันจะได้มีสมุดเงินฝากให้เธอดูมั่งปะไร..."

พ่อกับแม่ยังคงเกทับกันไปมากระทั่งอิ่มข้าวอิ่มน้ำด้วยกันหมดทุกคน แม่ก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนของท่าน และกลับมาพร้อมกับเงินสดในมือสามพันบาทตามที่ผมต้องการ

"เงินทองของยาก อย่าใช้จ่ายเกินตัว"

ผมยกมือไหว้รับคำพร่ำสอนใส่ไว้ในใจ และรับเงินจำนวนนั้นยัดใส่กระเป๋าสตางค์


ตามที่ได้นัดแนะกับสาวบัวไว้เสร็จสรรพตั้งแต่เมื่อคืน... สาวบัวก็โบกรถสองแถวขึ้นมาจากปากทางหน้าบ้านหล่อน เสร็จแล้วบอกโชว์เฟอร์รถสองแถวคันนั้นจอดรับผมกับน้องสาวสองคนที่นั่งรออยู่ที่ริมถนนหน้าบ้านผมด้วย และเมื่อเราสามคนพี่น้องขึ้นไปนั่งบนรถกันเสร็จ รถโดยสารคันนั้นก็เคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ มุ่งสู่ตลาดตะกั่วป่า ไปตามเส้นทางที่ผมกับสาวบัวและเจ้าตัวน้อยนั่งกันมาจากปากทางเหมืองเมื่อวานนั่นเอง

ขณะนั้นภายในรถมีผู้โดยสารเจ็ดแปดคน รวมทั้งเจ้าตัวน้อย ลูกสาวของสาวบัวด้วย โดยเฉพาะเจ้าตัวน้อยเมื่อเธอเห็นหน้าผมก็แสดงอาการดีอกดีใจเป็นการใหญ่

สาวบัวอุ้มเธอนั่งอยู่ตรงข้ามกับผม

"น้า นุ้ย น้า นุ้ย"

เธอกวักมือเรียกจนผมต้องเอื้อมมือไปรับมาอุ้ม และหอมแก้มอันน่ารักของเธอเสียทีหนึ่ง

"มาให้น้าอุ้มมั่ง"

สาวเล็กที่นั่งติดกับผมยื่นมือมาขออุ้ม แต่ผมบอกเธอว่า เธออุ้มน้องไม่ไหวหรอก เพราะน้องตัวโตจ้ำม่ำออกอย่างนี้ ประเดี๋ยวน้องดิ้นหลุดมือพลัดตกลงไปเจ็บตัวเปล่า ๆ

สาวหมานั่งถัดไปจากสาวเล็ก เธอหันมาส่งยิ้มให้กับเจ้าตัวน้อยพร้อมเอามือมาจับแก้มบีบเบา ๆ จนเจ้าตัวน้อยจั๊กจี้ หัวเราะคิกคักออกมา

เมื่อรถโดยสารคันนั้นแล่นเลยมาครึ่งค่อนทาง ก็มีผู้โดยสารที่ยืนคอยโบกอยู่ระหว่างทางเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแน่น และตอนนั้นเจ้าตัวน้อยก็ร้องกลับไปอยู่กับแม่ของเธอแล้ว ทว่าตักผมแทนที่จะว่าง กลับมีสาวเล็กซึ่งเกิดการเมารถก้มลงซบหน้าฟุบอยู่บนนั้นอย่างหมดเรี่ยวแรงเข้ามาแทน

"บ่าว- -น้องจะอ๊วก" เธอพูดพร้อมกับยันกายลุกขึ้นนั่ง ค้อมตัวไปข้างหน้า แล้วอ้าปากคายของเก่าออกมาคาวคลุ้ง และทั้งหมดก็พุ่งลงไปกองอยู่กลางพื้นกระดานห้องโดยสาร เฉียดเฉี่ยวหัวรองเท้าผ้าใบสีขาวของผมไปนิดเดียว

ผู้โดยสารบนรถหันมองเธอเป็นตาเดียวกัน บางคนก็ส่งสายตามองเศษอาหารที่น้องสาวคนเล็กของผมสำรอกออกมากองไว้ด้วยความสะอิดสะเอียด บางคนก็มองผิวเผินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และใครคนหนึ่งร้องบอกผมว่า หาเศษกระดาษหรืออะไรก็ได้ซับมันทิ้งเสีย เพราะประเดี๋ยวกลิ่นคาวที่โชยขึ้นมาจะทำให้ผู้อื่นต้องพลอยเมารถตามไปด้วย

เมื่อได้ยินอย่างนั้นสาวบัวก็รีบยื่นเจ้าตัวน้อยมาทางผม

"นุ้ย- -อุ้มลูกสาวซิ บัวจะซับซากอาเจียนของน้องเล็ก"

ผู้โดยสารบนรถมองผมกับสาวบัวด้วยสีหน้าแปลก ๆ หลังจากผมรับเจ้าตัวน้อยมาอุ้ม และสาวบัวล้วงกระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ออกมาจากย่ามใบเล็ก ๆ ของหล่อน จัดการกวาดซับและเช็ดถูเศษอาหารที่ถูกขับออกมาจากกระเพาะน้องสาวคนเล็กของผมจนสะอาดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวร่องรอยบนพื้นกระดานนั้นเลย

"บัวก็กลัวอีสาวจะเมารถเหมือนกัน จึงเตรียมกระดาษมา"

หม้ายสาวพูดจบก็ส่งยิ้มให้ผม

เป็นรอยยิ้มที่ผมยังคงจารึกไว้ในความทรงจำไม่ลืมเลือน... เพราะมันช่างเป็นยิ้มที่แสนหวาน- และหวานเสียจนไอ้หนุ่มคนนี้ต้องหลั่งน้ำตาให้ทุกคราวที่คิดถึง...


********************************





Create Date : 01 มิถุนายน 2554
Last Update : 1 มิถุนายน 2554 21:21:03 น. 5 comments
Counter : 1589 Pageviews.  
 
 
 
 
ครอบครัวนี้น่ารักจัง ^ ^
 
 

โดย: โดดเดี่ยวใต้แสงจันทร์ วันที่: 1 มิถุนายน 2554 เวลา:7:20:43 น.  

 
 
 




อรุณสวัสดิ์เช้าวันพฤหัสค่ะ อากาศร้อนมาก ๆ ต้องระวังเรื่องอาหารการกินด้วยนะค่ะ ด้วยรักและเป็นห่วงเสมอมา
 
 

โดย: KeRiDa วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:8:40:47 น.  

 
 
 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
ไม่เป็นไรค่ะไว้ว่างๆค่อยคุยก้ได้ ฝนตกหนักระวังเป็นหวัดนะคะคุณหลวงเส
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:13:03:12 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะคุณหลวงเส ตามมาอ่านนิยายสนุกๆ ต่อ
ชอบชื่อตัวละครแต่ละตัว ปักษ์ใต้บ้านเราจริงๆ

รีซ๊อตโต้ คือข้าวต้มแบบแห้งๆ นี่เองค่ะ
อร่อยใช้ได้ ทานตอนอากาศหนาว อุ่นท้องดีมาก

เอาดอกเดซี่สวยๆ มาฝาก(จากทริปเที่ยวดอยครั้งล่าสุด)
ปล. บล็อกใหม่มาแล้ว ชวนไปปลูกผักด้วยกันค่ะ



 
 

โดย: diamondsky วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:15:15:48 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะคุณหลวงเส

เพลงที่บล๊อกเป็นเพลงเก่าของวงเดอะคาเพนเตอร์ค่ะ
ฟังเหมือนไหร่ก็เพราะนะคะ
หลายๆ เพลงของวงนี้เป็นอมตะไปแล้วค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปอ่านและทักทายนะคะ ^^

 
 

โดย: sierra whiskey charlie วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:17:57:28 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

หลวงเส
 
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add หลวงเส's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com