ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา
Group ตัวอย่าง
<<
มิถุนายน 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
3 มิถุนายน 2554
เรื่องสั้นตกรอบครับ
จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๘
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๖
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๕
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๔
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๓
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 28
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 27
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 26
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 25
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 24
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 23
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 22
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 18
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 17
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 15
เรื่องสั้น/ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
นิยาย อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 14
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 13
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 12
เรื่องสั้นตกรอบครับ
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 10
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 9
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 5
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 4
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 1
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
เรื่องสั้น-ดักไซแห้ง
เรื่องสั้นตกรอบครับ
เป็นผลงานที่เขียนส่งไปร่วมประกวดเรื่องสั้นรางวัลสุภาว์ เทวกุล ปี 2552 แต่ไม่เข้ารอบ เลยนำมาโพสต์เก็บไว้ที่เว็บศาลานกน้อย ตอนนี้กำลังตกที่นั่งเขียนอะไรไม่ออกจึงไปงัดออกมาเกลาเสียหน่อยหนึ่ง ก่อนจะโพสต์ลงมาอวดโฉมที่นี่
ดีร้ายประการใดขอเชิญชิมไปบ่นไปได้เลยครับ
***************************
เรื่องสั้น
ชื่อ ก่อนแสงอรุณฉาย
โดย ชายเสรี
แม้จะมีบ้านพักอยู่ในที่ทำงานอยู่แล้วหลังหนึ่ง แต่ทว่าคืนไหนไม่ติดเวรตรวจไข้บนตึกผู้ป่วย แพทย์หญิงสิริมาก็มักจะกลับมานอนพักค้างคืนกับแม่และน้องสาวของหล่อนที่บ้านหลังนี้เสมอ บ้านซึ่งเป็นตึกสองชั้นเก่า ๆ อยู่ติดชายคาตลาดสด อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของตลาด ตลอดจนกระทั่งเสียงอึกทึกครึกโครม ซึ่งเป็นบรรยากาศที่หล่อนเคยสัมผัสมาแต่ไหนแต่ไร จนแทบจะกล่าวได้ว่า ชีวิตเลือดเนื้อของหล่อนส่วนหนึ่งถูกหล่อหลอมให้เข้มแข็งขึ้นมาได้ก็เพราะได้ซึมซับวิถีผู้คนไปจากที่นี่นั่นเอง
คืนนี้ไม่ติดเวร หล่อนจึงกลับมาค้างคืนที่บ้านหลังนี้กับแม่และน้องสาวของหล่อนอีกครั้ง ในขณะที่น้องชายอายุไล่เลี่ยกับหล่อนอีกคน ซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาวิชากฎหมายระดับปริญญาตรีอยู่ที่มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ต้องรอถึงตอนปิดภาคเรียน จึงจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันสี่คนแม่ลูกสักครั้ง
เสียงตะโกนหยอกล้อด้วยถ้อยคำหยาบโลนอันเป็นสิ่งปรกติระหว่างพ่อค้าแม้ค้าในตลาดที่กำลังจัดร้านจัดแผงของตน และบ้างก็กำลังขนของลงจากกระบะรถบรรทุก รถเข็น รวมไปถึงสามล้อพ่วงข้าง, ทั้งรถผัก รถปลา ตลอดจนรถส่งเนื้อชำแหละจากโรงฆ่าสัตว์ ดังเจี๊ยวจ๊าวเล็ดลอดเข้ามาในห้องนอนของหล่อนตั้งแต่หลังเที่ยงคืน ปลุกให้หล่อนรู้สึกและสัมผัสกับมันตลอด กระทั่งตีสี่กว่า ๆ หล่อนก็ลืมตาตื่นชนิดที่ไม่อาจฝืนหลับต่อไปได้ ป่านนี้แม่และน้องสาวของหล่อนซึ่งนอนกันคนละห้องคงจะออกไปขายผักอยู่ในตลาดกันแล้ว
แพทย์หญิงสิริมาลุกจากเตียงนอนด้วยความกระฉับกระเฉง อันเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ หล่อนเปิดประตูห้องนอนก้าวลงบันไดตรงมาชั้นล่าง จะไปเข้าห้องน้ำ... หากแต่ความรู้สึกเสมือนว่าตนยังเป็นเด็กแล่นปราดลงสู่ฝ่าเท้า ทำให้อดที่จะเดินไปชะเง้อมองบรรยากาศอันอึกทึกครึกโครมภายในตลาดสดที่หล่อนคุ้นเคยตรงช่องประตูเหล็กหน้าบ้านเสียก่อนมิได้
แต่ก่อนบ้านหลังนี้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวและข้าวต้มโจ๊กของเตี่ย หัวรุ่งตีสี่ตีห้าเด็กหญิงร่างบอบางในชุดนอนสีสดสวยจะลุกขึ้นมาติดไฟเตาถ่านต้มข้าวต้ม และต้มน้ำซุป-น้ำร้อนสำหรับลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวให้เตี่ย พร้อมทั้งจัดโต๊ะ เก้าอี้ และวางพวงพริกน้ำส้มไปตามโต๊ะต่าง ๆ ภายในร้านให้เข้าที่เข้าทาง เพราะลูกค้าของเตี่ยส่วนใหญ่เป็นพวกพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ที่มักจะมาสั่งโจ๊กหรือไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวรองท้องกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง ส่วนน้องชายและน้องสาวจะออกไปช่วยตัดแต่งผักจัดวางไว้บนแผงให้แม่ ที่แผงขายผักในตลาด
แม่เป็น ลูกคนไทย ไม่ถนัดเรื่องขายอาหารเหมือนเตี่ย "หุ่นไม่ให้" แม่พูดแล้วหัวเราะ เตี่ยค้อนปะหลับปะเหลือก แต่ไม่ว่าอะไร นอกจากยื่นใบแดง ๆ สามสี่ใบให้แม่ เตี่ยบอกลูก ๆ ว่าแม่เป็นคนรู้จักคิด แม้ไม่รู้ว่าการหมุนเงินคืออะไร แต่แม่ก็รู้ว่า จะต้องใช้จ่ายอย่างไรจึงจะไม่เดือดร้อนภายหลัง ผิดกับเพื่อนแม่ค้าหลายรายที่รู้จักแต่ผันเงินท่าเดียว ไม่ช้าก็ตกเป็นหนี้พวกนายทุนเงินกู้ร้อยละยี่ร้อยละสิบจนวุ่นไปหมด
แพทย์หญิงรู้สึกใจหายเมื่อคิดถึงเพื่อน ๆ ลูกแม่ค้าในตลาดเดียวกัน ซึ่งครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงิน บวกกับพวกเขาที่มักทำตัวเหลวไหลเป็นทุนเดินอยู่แล้ว เมื่อการเงินทางบ้านฝืดเคือง พ่อแม่ส่งให้ไม่พอใช้ก็มักจะหันไปหาทางออกกันอย่างผิด ๆ โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิงบางคนที่ชอบเที่ยวเตร่และคบผู้ชายไม่ซ้ำหน้า บางคนชอบดื่มเหล้าเมายาตามผับตามบาร์และสถานบันเทิงต่าง ๆ เป็นว่าเล่น ครั้นถึงคราวตกอับและขัดสนเข้าจริง ๆ ก็มักจะลงเอยด้วยการขายบริการทางเพศ ทำให้หล่อนรู้สึกหดหู่และอดที่จะนึกเสียดายอนาคตของเพื่อน ๆ เหล่านั้นไม่ได้ แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ในเมื่อพวกเขาเลือกทางเดินของเขาเอง
ครั้นหันกลับมามองชีวิตของตนซึ่งโชคดีที่เกิดเป็นลูกของแม่ผู้ไม่ยอมก้มหน้าให้กับความเหนื่อยยาก แม้บ้างครั้งอดที่จะผวากับเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปแล้วไม่ได้ เพราะชีวิตในรั้วการศึกษาของหล่อนในระยะหลัง ๆ ก็ใช่ว่าจะราบรื่นนัก หลังจากโดยสารประจำทางคันนั้นพลิกคว่ำลงไปในคูลึกริมทางเป็นเหตุผู้โดยสารเสียชีวิตหมดทั้งคัน รวมทั้งเตี่ยของหล่อนก็ต้องพลอยจบชีวิตทิ้งครอบครัวและลูกเมียไปกับเขาด้วย หล่อนจึงเหลือแม่เป็นที่พึ่งเพียงผู้เดียว...
แม่ต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูลูก ๆ ซึ่งอยู่ในวัยกำลังกินกำลังเรียนไปตามลำพัง ยอดเงินที่ได้มาจากการเสียชีวิตของเตี่ยก็ใช่ว่าจะมากมายอะไรนัก ถ้าหากจะนำมาเทียบกับรายได้ที่เตี่ยหาได้ในแต่ละวันสมัยที่เตี่ยยังมีชีวิต อีกทั้งไม่นับความอบอุ่นภายในครอบครัวซึ่งหาค่าไม่ได้ ก็ต้องสูญสลายไปด้วย หล่อนสงสารแม่จนคิดจะออกจากโรงเรียนมาช่วยแม่ทำงานเก็บเงินส่งเสียให้น้อง ๆ เล่าเรียนแทนหล่อนอยู่หลายครั้ง แต่แม่ไม่ยอม
"เอ็งก้าวไปกว่าครึ่งทางแล้ว ขืนล้มเลิกกลางคันก็เสียดายแย่ เชื่อแม่เถอะ- ลูกของแม่สามคน แม่จะต้องหาทางส่งเสียให้เล่าเรียนจนสำเร็จให้จงได้ เอ็งไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้พวกเอ็งตั้งใจเรียนก็แล้วกัน"
นั่นคือถ้อยคำที่แม่คอยย้ำเพื่อเป็นกำลังใจให้หล่อนและพวกน้อง ๆ ได้สำนึกอยู่เสมอ จนทำให้หล่อนมีความมุ่งมั่น และตั้งใจเล่าเรียนโดยไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคใด ๆ
๒.
"สิริมา งานวิจัยชุดนี้ของพวกเธอยังบกพร่องอยู่นะ"
ท่านอาจารย์แพทย์หญิงประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ยื่นแฟ้มงานวิจัยที่หล่อนและเพื่อนนักเรียนแพทย์ในกลุ่มจัดทำและส่งให้ท่านตรวจสอบกลับมาให้หล่อน เพื่อนำกลับไปแก้ไขในบางส่วน
และนั่นคือกระบวนการแก้ไขครั้งสุดท้ายสำหรับงานวิจัยภาควิชาที่หล่อนเลือกเรียนชุดนั้น, เสร็จจากนั้นก็เร่งทำวิทยานิพนธ์... จนในที่สุดภาคการศึกษาสุดท้ายก็สิ้นสุดลง หล่อนผ่านการศึกษาค้นคว้าและผ่านเกณฑ์ทดสอบหมดสิ้นทุกกระบวนวิชา จนกระทั่งจบหลักสูตรการศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ สาขากุมารเวช ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งตามความมุ่งหวัง
๓.
"ตื่นมาทำไม !?"
นางทำเสียงดุเมื่อหันไปเห็นบุตรสาวคนโตในชุดกางกางขาสั้นสีขาว เสื้อยืดคอปกสีฟ้า มีตรากระทรวงสาธารณสุขติดอยู่ที่หน้าอกเสื้อด้านซ้าย เดินอ้อมแผงขายผักของนางมาหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ กับบุตรสาวคนเล็กที่ตื่นมาขายผักที่แผงนี้พร้อมกับนางเมื่อตอนตีสี่ ในขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังรวบต้นผักยกใส่ตาชั่งเพื่อคิดเงินให้ลูกค้า ปากของนางก็บ่นพึมพำ
"ประเดี๋ยวไปทำงานก็ง่วงแย่" นางว่า
"จะตีห้าแล้วนะแม่!"
สิมาสบตากับน้องสาวแล้วหันไปพูดกับมารดาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ลูกค้าขาประจำที่หล่อนคุ้นหน้าคุ้นตายืนรอรับถุงผักจากแม่หันมามองหล่อนด้วยสายตาชื่นชม
ถึงแม้จะไม่ได้มาช่วยแม่ขายผักที่แผงนี้เสียนาน แต่หล่อนก็ยังจดจำใบหน้าของลูกค้าผู้มีพระคุณเหล่านี้ได้ดี บางคนเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่งอยู่ในตัวเมือง บางคนขายของชำอยู่ในหมู่บ้าน พวกเขามาซื้อผักจากแม่ของหล่อนในราคาขายส่งแล้วนำไปวางขายบนแผงที่บ้านของเขาอีกทอดหนึ่ง แพทย์หญิงสิริมาสนิทสนมและคุ้นเคยกับพวกลูกค้าของแม่แทบทุกคน หล่อนจึงหันไปยิ้มและทักทายอย่างคนกันเอง
"ที่บ้านขายดีไหมจ๊ะ-น้า?"
"ก็พออยู่ได้ค่ะ-หมอ" น้ำเสียงที่ตอบออกมา ฟังดูประหม่าจนสิมานึกขันอยู่ในใจ เดี๋ยวนี้หลาย ๆ คนมักจะพูดกับหล่อนไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่นัก แม้แต่พวกพ่อค้าแม่ค้าในตลาดที่คุ้นเคยซึ่งมักใช้คำพูดคำจาแบบถึงลูกถึงคนก็เช่นกัน ไม่มีใครเรียกหล่อนว่า "อีมา" หรือ "อีสิมา" เหมือนก่อนอีกแล้ว ถ้าไม่เรียก "หมอ" ก็จะเรียก "สิมา" เฉย ๆ อี ไอ้ ที่เรียกติดปากอย่างเก่าหายไปหมด
แม้ส่วนหนึ่งหล่อนจะภูมิใจกับสิ่งนี้ แต่ในอีกส่วนหนึ่งแพทย์หญิงลูกสาวแม่ค้าขายผักผู้นี้ก็อดรู้สึกว้าเหว่มิได้
สมัยก่อน...หัวรุ่งตีสี่ตีห้า, ก่อนแสงอรุณจะฉายฉาบท้องฟ้าเบื้องทิศตะวันออก พวกเด็ก ๆ ลูกแม่ค้าในตลาดอย่างหล่อน ทั้งเด็กผู้หญิงผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันซึ่งมีอยู่นับสิบคนจะต้องลุกขึ้นมาช่วยงานพ่อแม่ด้วยกันทั้งนั้น พ่อแม่ขายผัก ลูก ๆ ก็ต้องช่วยตัดแต่งต้นผักตั้งเรียงไว้บนแผงให้สวยงามเป็นระเบียบน่าเลือกซื้อ เด็กคนไหนพ่อแม่ขายของชำก็ต้องช่วยหยิบจับและจัดใส่ภาชนะยกขึ้นตาชั่ง จากนั้นก็ช่วยกันขนไปใส่กระบะรถให้ลูกค้าซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถ พวกที่พ่อแม่ขายน้ำกะทิก็ต้องช่วยปอกมะพร้าว พร้อมกับขนเปลือกขนกะลาใส่เข่งไปทิ้งถังขยะ... ทุกคนต้องทำงานกันอย่างรีบเร่งก่อนแสงเงินแสงทองจะฉาบฉายท้องฟ้าเบื้องทิศตะวันออก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาซื้อของในตอนหัวรุ่งนั้น จะนำไปขายต่อที่บ้านหรือที่ร้านค้าของเขาตอนเช้ามืด พวกเด็ก ๆ จึงต้องทำงานกันตัวเป็นเกลียวไม่ต่างจากผู้ใหญ่แต่อย่างใด
เด็กบางคนอดทนและขยันขันแข็ง แม้เหน็ดเหนื่อยก็ไม่ปริปาก เพราะสำนึกในหน้าที่ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากครูบาอาจารย์ที่โรงเรียน รวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องการฝึกนิสัยให้ลูกหลานของตัวให้รู้จักทำกิน โตขึ้นจะได้เอาตัวรอด ไม่ต้องเป็นภาระสังคม หากแต่เด็กบางคนก็เกียจคร้านจนผู้ใหญ่ต้องเคี่ยวเข็ญและบังคับเฆี่ยนตีอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งในจำนวนนั้น ก็มีเด็กชายหน้าตี๋อยู่คนหนึ่งที่แพทย์หญิงสิริมายังคงจดจำเขาไม่ลืม
๔.
"มา"
หญิงสาวสะดุ้งและหันไปตามเสียงเรียก!
บานกระจกประตูรถเก๋งสีแดงเพลิงซีกฝั่งคนขับ ซึ่งปุ่มปิด-เปิดอัตโนมัติได้กว้านกระจกลดลงกว่าครึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายของชายหนุ่มผู้ที่เรียกชื่อหล่อนซึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์คันนั้นเต็มตา
ใครกันนะ!?
หญิงสาวในชุดนักเรียนแพทย์งุนงง
เหนือหางคิ้วอันดกดำข้างซ้ายของชายหนุ่มผู้นั้น มีรอยแผลเป็นลากยาวขึ้นไปเกือบนิ้ว! และเมื่อเขาเปิดปากยิ้มเพราะคิดว่าหล่อนคงจำเขาไม่ได้...ภาพความหลังสมัยวัยเยาว์ก็ฉายวาบเข้าสู่ความทรงจำของหญิงสาวทันที...
"ปล่อยเราเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นเราจะตะโกนเรียกอาป๊าให้มาจัดการกับนาย"
เด็กหญิงร่างบอบบางแต่ทว่าเต็มไปด้วยพละกำลังส่งเสียงขู่ พร้อมทั้งใช้สองมือยันหน้าอกฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเด็กชายหน้าตี๋วัยเดียวกันให้ถอยห่าง
"จ้างให้ !"
เด็กชายยังฝืนกอดรัด แสยะยิ้มจนปลายเขี้ยวแหลมเก๋ด้านบนสองข้างโผล่แย้มออกมาอย่างน่ากลัว
เด็กหญิงใจสั่นระทึกเมื่อเห็นเขาจ้องตาเธอพร้อมกับโน้มใบหน้าก้มต่ำลงมา... ทำให้เธอต้องปิดตาลงด้วยความตกใจกลัว เรี่ยวแรงหดหายจนมิอาจดิ้นรนขัดขืน
แต่ทว่าก่อนที่ปลายจมูกอันโด่งงอนของเด็กชายจะเฉียดกรายลงบนผิวแก้มอันแดงเรื่อด้วยความโกรธและอับอายของเธอนั้น เขาก็ต้องสะดุ้งและแผดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระและกระโจนหนีไปอย่างรวดเร็ว เพราะด้ามไม้กวาดกวาดพื้นน้อง ๆ ท่อนแขนที่หวดลงบนน่องของเขาโดยไม่ทันรู้ตัวเมื่อหนแรก กำลังถูกเงื้อง่าขึ้นจนสุดแขนของอาป๊าของเขาอีกครั้ง พร้อมกับสายตาอันแข็งกร้าวของแกก็จ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อในขณะเดียวกัน
"นายหายหน้าไปอยู่ที่ไหนเป็นสิบ ๆ ปี โรงเรียนปิดภาคเรียนเรากลับบ้านก็ไม่เคยเจอหน้านายเลยสักครั้ง?"
"ก้อตะลอน ๆ ไปทั่วแหละ"
"รวยแล้วนี่ -- เดี๋ยวนี้... ขับรถเก๋งราคาเป็นล้าน?"
"ก้องั้น - แล้วเธอล่ะ ได้ข่าวว่าจบเทอมนี้ไม่ใช่หรือ?"
หญิงสาวพยักหน้า
"ถ้าไม่แอ็คซิเดนท์เสียก่อน ..."
"เธอโชคดี..." ชายหนุ่มพูดเสียงเครืออยู่ในลำคอ ขณะที่สองมือจับพวงมาลัยรถและทอดสายตามองไปข้างหน้า บนถนนรถราค่อนข้างบางตา สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม่ร่มรื่น บางแห่งเป็นทุ่งโล่งมองออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาพาหล่อนนั่งรถชมวิวไปช้า ๆ และในที่สุดชายหนุ่มก็ลดความเร็ว กระทั่งรถเก๋งสีแดงเพลิงคันนั้นแทบจะหยุดอยู่กับที่
"สิมา เดี๋ยวนี้เธอไม่กลัวเราเหมือนก่อนแล้วหรือ?"
"ทำไมเราจะต้องกลัวนาย?" หญิงสาวย้อนถาม
"จริงซินะ" เขาหัวเราะ "ก็รอยแผลเป็นที่หางคิ้วข้างซ้ายของเรานี่ไง เรายังจำไม่ลืม"
"นั่นเป็นเพราะนายหาเรื่องเอง" สิมาอายหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนนั้น ตอนที่เด็กชายโซ้ยตี๋แอบย่องมากอดหล่อนข้างหลัง ขณะหล่อนกำลังยืนล้างจานอยู่หลังบ้าน ด้วยความตกใจหล่อนจึงกระทุ้งข้อศอกข้างหนึ่งเข้าที่สีข้างของเขา แล้วหันไปหวดซ้ำด้วยชามก๋วยเตี๋ยวที่ถืออยู่ในมือ โดนเข้าที่หางคิ้วข้างซ้ายของเขาเต็มแรง... กระทั่งฝากรอยแผลเป็นมาจนบัดนี้
"นายมาทำอะไรที่นี่?" หญิงสาวถามเขา
"มาหาเธอ" ชายหนุ่มตอบ "รู้ไหม กว่าจะสืบรู้และได้พบเธอวันนี้ เราได้แวะเวียนมาเฝ้ารออยู่ตั้งหลายวัน"
"ก้อนายไม่รู้เบอร์มือถือของเรา?"
"ทำไมจะไม่รู้..." ชายหนุ่มว่า "แต่เราเกรงเธอจะไม่ยอมออกมาพบนะสิ"
ชายหนุ่มเล่าให้ฟังว่า เขาได้พบกับน้องชายของหล่อนที่หน้ามหาวิทยาลัยแห่งนั้นโดยบังเอิญ พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ชี้แจงให้น้องชายของหล่อนรับรู้ถึงจุดประสงค์ของเขาจนเข้าใจ เขาจึงได้ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของหล่อนมา
"นายจะคิดอย่างไร ถ้าชวนเราขึ้นรถแล้วถูกเราปฏิเสธ?" หญิงสาวนักเรียนแพทย์ถามเพื่อนชาย
"เราทำใจไว้แล้ว" เขาตอบ "เพราะเราตั้งใจจะมาขอขมา ที่เคยล่วงเกินและกระทำสิ่งที่ไม่ดีเอาไว้กับเธอเมื่อครั้งกระโน้นหลายสิ่งหลายอย่าง"
"เราลืมมันหมดแล้ว"
"แต่เราไม่ลืม" ชายหนุ่มพูดเสียงเศร้า ก่อนหักพวงมาลัยนำเก๋งสปอรต์สวยหรูจอดชิดขอบทางด้านซ้ายมือ "ทุก ๆสิ่งสำหรับความเหลวไหลของเรา รวมทั้งการถูกตอบโต้จากเธอในสมัยเด็ก ๆ ยังตราตรึงอยู่ในใจของเราเสมอ แต่เราโชคร้ายที่ผ่านเบ้าหลอมมาผิดกับเธอ ตั้งแต่เราจำความได้ อาป๊ากับเราไม่เคยพูดจากันด้วยเหตุผลเลยสักครั้ง แม้กระทั่งกับอาแน อาป๊าก็ไม่เคยพูดดีด้วย มีแต่กระโชกโฮกฮากเอาแต่ใจตนเอง จนบางครั้งเราถึงกับแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเพราะสงสารอาแนที่โดนอาป้าตะคอกข่มขูจนหงอ"
"แต่อาป๊าของนายก็เป็นคนดีนะ"
"ก็เพราะเราเพิ่งสำนึกนะซี...! เราจึงเสียใจกับการกระทำของตนมาตลอด การที่เราเพียรมารอพบเธอก็เพื่อไถ่โทษ เผื่อวันหน้าเกิดเราเป็นอะไรไปเธอจะได้เต็มใจอโหสิกรรมให้เรา"
แม้ถ้อยคำของชายหนุ่มที่พูดออกมาจะเป็นเสมือนลางบอกเหตุ หากแต่หญิงสาวก็มิได้เฉลียวใจ จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ หล่อนก็ต้องตกตะลึง หัวใจหล่นวูบ... แทบไม่เชื่อสายตาต่อข่าวที่ปรากฏในจอทีวีที่โรงอาหาร ซึ่งหล่อนกำลังนั่งทานไปพร้อม ๆ กับชมรายการต่าง ๆ ในจอนั้นไปด้วย
หญิงสาวนักเรียนแพทย์รวบช้อน เพ่งมองภาพคนร้ายที่นอนจมกองเลือดอยู่ในจอสี่เหลี่ยมอย่างผู้ที่หัวใจแหลกสลาย แม้ภาพนั้นจะถูกพรางด้วยเทคนิคการนำเสนอเพื่อไม่ให้อุจจาดสายตา หากแต่คำบรรยายของผู้ประกาศข่าว ก็บอกชัดถ้อยชัดคำว่าคนร้ายเป็นใคร หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธและปลอบโยนตนเองว่า ไม่ใช่...
ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ขณะล่อซื้อ คนร้ายใช้อาวุธต่อสู้ จึงถูกตอบโต้จนเสียชีวิตดังกล่าว
โอ... ไม่... ไม่ใช่เขาหรอก!
หยาดน้ำตาของหญิงสาวเอ่อท้นขอบตา เมื่อนึกถึงคำพูดที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างสร้อยเศร้า...ในวันนั้น
"...เธอกำลังก้าวไปบนเส้นทางที่สวยงามในยามรุ่งอรุณ ส่วนเรายังคงดั้นด้นอยู่กลางป่าทึบที่มืดมิดราวกับพลัดหลงเข้าไปในถ้ำ หรือพลัดตกหุบเหวที่ลึกแสนลึก ชาตินี้คงไม่มีวันได้ยลแสงอรุณฉายเหมือนเธอ เพราะภายในป่าแห่งนั้นเมื่อพลัดหลงเข้าไปแล้วก็ยากที่จะเสาะหาทางออกได้... แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็ขอให้เธอรับรู้ว่า ทั้งอดีตและปัจจุบันเราไม่เคยลืมเธอเลย --สิมา"
๕.
เช้าวันนี้ ถ้าหากมีใครสังเกตก็จะเห็นว่า ก่อนก้าวออกจากห้องพักแพทย์เวรบนตึกอำนวยการเพื่อไปตรวจรักษาผู้ป่วยวัยอ่อนตามหน้าที่แพทย์เวรประจำวันของหล่อน แพทย์หญิงสิริมาได้ยืนหันหน้าไปทางโต๊ะหมู่บูชาที่มีพระพุทธรูปปางขัดสมาธิเหลืองอร่ามวางชิดผนังด้านขวามือ พร้อมกับประนมมือจรดหน้าผากที่ค่อย ๆ โน้มต่ำลงมา และน้อมจิตอธิษฐานรำลึก... เนิ่นนานกว่าทุก ๆ วัน
...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ขอให้รู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยลืมเธอเลยนะ- -สิมา
เราก็คิดถึงนายตลอดเวลาเช่นกัน
-จบ-
Create Date : 03 มิถุนายน 2554
Last Update : 3 มิถุนายน 2554 23:06:13 น.
8 comments
Counter : 960 Pageviews.
Share
Tweet
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ฝนตกตลอดคืนหลับสบายกันดีไหมเอ่ย
ระวังเรื่องของสุขภาพและอาหารการกินด้วยน๊า รักและห่วงใยเสมอค่ะ
โดย:
KeRiDa
วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:5:47:24 น.
สวัสดียามเช้าค่ะ มีความสุขกับการทำงานในวันนี้นะค่ะ
โดย:
KeRiDa
วันที่: 7 มิถุนายน 2554 เวลา:7:59:21 น.
สวัสดีค่ะคุณหลวงเส ช่วงนี้ครูเกศแว๊ปไปแว๊ปมาอยู่เรื่อยๆเนื่องมาจากงานค่ะ ต้องซ้อมการแสดงเด็กค่ะ
วันที่๑๓ ที่โรงเรียนมีประเมินภายนอก จัดการแสดงเชิงประจักษ์ ๒ชุด
วันที่๑๔ นำเด็กไปแสดงแถลงข่าวที่ อ.แกลง จ.ระยอง
วันที่๒๔-๒๕-๒๖ แสดงแสง สี เสียง ที่อนุสาวรีย์สุนทรภู่ จ.ระยอง
ลืมไปวันที่๑๐-๑๑อาจจะต้องขึ้นเชียงใหม่ เพื่อซื้อผ้าถุงฟ้อนพื้นเมือง
เลยอยากจะบอกเพื่อนๆว่าช่วงนี้แว็ปไปมาหรือเยี่ยมเยียนเพื่อนๆไม่ทั่วถึงอย่าว่ากันนะคะ ขอให้คุณหลวงเส มีความสุขมากๆค่ะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 8 มิถุนายน 2554 เวลา:11:30:10 น.
อรุณสวัสดิ์เช้าวันเสาร์ค่ะ เมื่อวันพฤหัสไปนอนรับคีโมมา
เพลียนิดหน่อย วันนี้พอมีแรงลุกขึ้นมาทักทายกันได้ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยและกำลังใจที่ส่งมาให้ต้อยนะค่ะ
ขอบคุณจริง ๆ ที่ไม่ทิ้งกัน มีความสุข สนุกสนานกับวันเสาร์นี้นะค่ะ
นั่งนับเงินเพลินไหมค่ะ คุณเส ขอให้รวย ๆๆ น๊า
โดย:
KeRiDa
วันที่: 11 มิถุนายน 2554 เวลา:8:43:27 น.
สวัสดีค่ะ หลวงฯ
ดีใจจังเลยที่เห็นหลวงมีบล็อกของตัวเองในบล็อกแก็งค์ค่ะ วันหน้าจะได้เข้ามาทักทายได้ตลอดค่ะ ขอบคุณมาก ๆ ที่แวะไปเยียมกันนะคะ ยีนส์กับแฟนสบายดีค่ะ ตอนนี้ไม่มีตัวเล็กหรอกค่ะ
เมื่อคืนก็ถามแฟนว่าจะมีไหม แฟนบอกว่า ไม่อยากมี เขาตามใจยีนส์ทุกอย่าง ยีนส์เองไม่รู้เป็นไร รักเด็กนะคะ ชอบทำงานกับเด็ก แต่ให้มีลูกของตัวเอง ยังไม่อยากมีค่ะ เพราะยังรักชีวิตแบบนี้อยู่ค่ะ แฟนบอกยีนส์ว่า ถ้ามีลูก จะไม่มีเวลาทำสิ่งที่ตัวเองรักแบบนี้ แฟนก็คงไม่ได้เขียนงานที่เขารัก ยีนส์เองก็ไม่ได้ทำแบบนี้ เพราะถ้าเรามีลูก เรื่องลูกจึงต้องมาก่อน ยีนส์โชคดีที่แฟนไม่ใช่ผู้ชายที่ต้องมีลูกสืบสกุล แฟนชอบชีวิตสบาย ๆ มีแค่ยีนส์และแฟนอยู่เคียงข้างกัน ไปไหนก็ไป อยากทานอะไร ทำอะไรก็ไม่ต้องห่วง ยีนส์เองเคยคิด ๆ ว่าเหงาไม่มีลูก แต่ตอนนี้เริ่มเฉย ๆ แล้วค่ะ เวลาเห็นคนอื่นมีลูกก็ชื่นชม ปลื้มใจแทนเขา แต่ให้คิดมีเอง แอบไม่อยากมีเสียอย่างนั้น 555
งานเขียนเรื่องนี้ยีนส์ดึงฉากทุกตอนมาจากนิยายเรื่อง "ชีวิตรันทดแต่งดงาม" ค่ะ เพียงแต่เล่าเน้นชีวิตยีนส์และเพื่อนเท่านั้น เล่าถึงนิสัยที่แท้จริงและมุมมองการดำเนินชีีวิตที่ผ่านมา บางทีก็ยอมรับว่า ตัวเองแกล้งทำอะไรที่ไม่ค่อยน่ารักเลย แต่ก็ยังภูมิใจที่ยังไม่เคยพลาดท่าตกที่นั่งดั่งเช่น "เรยา" แต่ก็อดสงสารเพื่อนไม่ได้ ที่ไม่สามารถก้าวออกมาจากตรงนั้นได้ ยีนส์ก็เสียใจนะที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย อย่างที่เขาบอกว่า คนเราบังคับใจกันไม่ได้ คนเราห้ามอะไรใครเขาไม่ได้ ยิ่งไม่ใช่ญาติในสายเลือด ยีนส์ก็ไม่กล้าไปยุ่งนัก ตัวยีนส์เองเลิกคบเพื่อน แต่ก็เสียใจไม่หาย หัวใจที่รักและผูกพันกับเพื่อนมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม ได้แต่ภาวนาให้เขาโชคดีค่ะ
ตอนนี้ยีนส์ก็เขียนนิยายแนวต่างประเทศอยู่ค่ะ เป็นนิยายเยาวชนค่ะ กำลังหัดทำค่ะ ไม่รู้จะทำได้ดีแค่ไหน ไว้ว่าง ๆ จะเล่าให้หลวงฟังนะคะ ยีนส์ขอเป็นกำลังใจให้หลวงเสมอนะคะ นิยายเรื่องนี้ติดไว้ก่อนนะคะ วันจันทร์จะตามมาเก็บค่ะ วันนี้ต้องทำงาน วันอาทิตย์คุมงานบัญชีคนเดียวทั้งวัน คงจะกลับดึกหน่อย
หลวงฯ เทคแคร์ค่ะ ขอให้หลวงฯ และครอบครัวมีความสุขมาก ๆ ค่ะ
โดย:
roslita
วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:1:09:16 น.
^
^
มีสิ่งใดก็เป็นทุกข์กับสิ่งนั้น ไม่มีก็ดีไปอย่าง แต่อาจหมายถึงต้องเตรียมใจไว้ขับเคี่ยวกับความเหงาในบั้นปลาย ถ้าผ่านจุดนั้นไปได้ก็ โอเค ครับ จะเป็นกุศลยิ่ง
โดย:
หลวงเส
วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:6:38:59 น.
สวัสดีค่ะ คุณหลวงเส
ครั้งก่อนเข้ามาไม่ได้เพราะเห็นว่าบล๊อกหมดอายุอะไรนี่ล่ะค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปทักทายนะคะ
โดย:
sierra whiskey charlie
วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:15:00:49 น.
อ่านจบแล้วค่ะ การเล่าเรื่องดีมาก ๆ เห็นได้ชัดว่าหลวงเป็นคนที่อ่านเยอะ เพราะสำนวนการเรียบเรียงเรื่องดีมาก ๆ แต่พออ่านเจอตอนหักมุม แอบเศร้านิด ๆ เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
โดย:
roslita
วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:12:54:14 น.
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
หลวงเส
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ดอยสะเก็ด
diamondsky
บ้าได้ถ้วย
ยาชมภู
เกศสุริยง
KeRiDa
วัวป่าหลงเงาจันทรา
nonguide
Webmaster - BlogGang
[Add หลวงเส's blog to your web]
Bloggang.com
ระวังเรื่องของสุขภาพและอาหารการกินด้วยน๊า รักและห่วงใยเสมอค่ะ